พรรคก้าวไกลแถลงย้ำกล้อนผมนักเรียน เป็นการคุกคาม ลิดรอน ละเมิดสิทธิเสรีภาพเด็กบังคับให้เด็กยอมจำนนต่ออำนาจนิยม เปรียบเหมือนอยู่ในกะลา หนุนพ่อแม่-ผู้ปกครองแจ้งความเอาผิด มาตรา 157 เอาผิดทุกช่องทาง ขั้นร้ายแรงไล่ออกจากราชการ ยื่นกมธ.ศึกษา สภาผู้แทนฯ เชิญปลัดศธ.-เลขาฯสพฐ. ชี้แจง

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 9 ก.ค. ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมสมาชิกพรรคก้าวไกล แถลงกรณีระเบียบ ทรงผม และการคุกคามเสรีภาพของนักเรียนว่า ตอนนี้ไม่ใช่แค่เรื่องทรงผม แต่เป็นเรื่องสิทธิเสรีภาพของเด็กที่ถูกกดขี่ ทั้งนี้เหตุการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้นมีมานานแล้ว ไม่ว่าจะเป็น การลิดรอนสิทธิ สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ปกครองและเด็ก พรรคก้าวไกลจึงมองว่า การ

ละเมิดเด็กที่ไม่ควรเกิดขึ้นตอนนี้มี 6 มิติ คือ 1.เด็กที่ค้างค่าเทอม และครูนำมาลงโทษเพื่อให้เกิดความอับอาย ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ครูควรกระทำ ต้องตั้งคำถามว่าจะมีการลงโทษทางวินัยครูอย่างไร

2.วินัยทรงผม ที่ลุกลามกลายเป็นการละเมิดสิทธิเสรีภาพเด็ก “โรงเรียนที่ควรเป็นสังคมจำลองซึ่งเปิดรับความหลากหลาย กลับเป็นสถานที่ที่บังคับให้เด็กยอมจำนน ในอำนาจนิยม ทำตามคำสั่งเหมือนๆ

กัน เหมือนสัตว์เลี้ยง ผู้ใหญ่ที่ทำแบบนี้กล้าเรียกเอาความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรมใหม่ๆ จากเด็กหรือให้เด็กกล้าคิดต่างเพื่อสังคมอีกหรือ ซ้ำการกระทำที่โพสต์ประจานเด็กลงโซเชี่ยลมีเดีย บอกว่าถ้าห่วง

ทรงผมมากก็ให้ออกไป ผมบอกเลยว่าถ้าคุณยังคงเป็นแบบนี้ อยู่ใน กะลาเก่าๆ ก็ควรลาออกจากการเป็นครู”

3.การบังคับให้หมอบกราบ เป็นวัฒนธรรม ไทยที่เราต้องสืบสานกัน แต่ไม่ใช่การใช้อำนาจนิยมให้หมอบกราบเช่นนี้ 4.เรื่องเพศ ที่มีมาตรการเลือกปฏิบัติ อย่างไม่เป็นธรรมจากครูและบุคลากรทางการ








Advertisement

ศึกษา 5.การคุกคาม ล่วงละเมิดเด็กทั้งในและนอกโรงเรียน รวมถึง ในโซเชี่ยลมีเดีย และ 6.การข่มขู่คุกคามเด็ก ในโรงเรียน นอกโรงเรียน และโซเชี่ยลมีเดีย

“ผมยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้ ครูจะกระทำไม่ได้ หากอยากทำก็ให้ลาออกจากการเป็นครู และควรเรียกตัวเองว่าอาชญากร วันนี้พรรคก้าวไกล ได้ยื่นข้อร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการศึกษา สภาผู้แทน

ราษฎร ซึ่งได้บรรจุเป็นวาระแล้ว โดยเชิญปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เข้ามาทำงานและชี้แจงร่วมกัน เพื่อป้องปราม สกัดการลุกลามไม่ให้มีการคุกคามสิทธิเสรีภาพเด็กไปมากกว่านี้ และหาข้อยุติว่าครูที่กระทำการลักษณะนี้จะมีโทษอย่างไร รวมถึง

เอาผิดตามมาตรา 157 และลงโทษขั้นร้ายแรงขั้นไล่ออกจากราชการให้ได้ นอกจากนี้ จะสนับสนุนให้ผู้ปกครองแจ้งความดำเนินคดีครูที่กระทำการดังกล่าว”

ด้านนายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ในฐานะรองประธานกมธ. กิจการเด็กเยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์ และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนฯ เราตระหนักถึงสิทธิในการคุ้มครองเด็กโดยสิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าระบบการดูแลช่วยเหลือของโรงเรียนภายใต้กระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการกล้อนผม

การคุกคาม ทางเพศ การหมอบกราบ การทำร้ายร่างกายกันภายในโรงเรียน ทั้งหมดล้วนเป็นสิ่งที่ลิดรอนเสรีภาพของเด็ก ซึ่งเราไม่ได้หมายถึงเด็กทั้งหมดเป็นผู้ถูกกระทำและครูทั้งหมดเป็นผู้กระทำ แต่เรากำลังพูดถึงผลกระทบของเด็กที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว รู้ดีว่าการทำร้ายเด็กหรือละเมิดเด็ก 1

คนวันนี้ ก็อาจเป็นเหยื่อจากเด็กที่ถูกกระทำความรุนแรงในวันหน้า ซึ่งพรรคก้าวไกลขอยืนยันว่าจะใช้ทุกช่องทางในการร้องเรียน ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางส.ส. กรรมาธิการ และทุกระบบในการช่วยเหลือในประเทศไทย เพื่อคุ้มครองเด็กต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน