สส.จี้สภารับฟังเยาวชน
แฟลชม็อบคึก-จัดทั่วปท.

‘ปลดแอก’ คึกคัก ลามทั่วปท. คิวกิจกรรมยาวเหยียด ‘บิ๊กตู่’ ฮึ่มม็อบก้าวล่วง ประชา ชนไม่ยอม เตือนน.ศ.ระวัง ส่วนข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ให้ไปเสนอในสภา จะตั้งกรรมการอะไรก็ว่ากันไป ‘ปิยบุตร’ ชี้เหตุรัฐบาลไม่แก้ปัญหา คนสุดทนถึงชุมนุม ถ้าไม่ฟังเสียงอนาคตคือฆ่าอนาคตประเทศ ส.ส.จี้สภารับฟังนักศึกษา เตรียมเสนอเป็นญัตติด่วน ลั่นจะไปฟังเสียงทุกกลุ่ม ตร.จ่อออกหมายเรียกผู้ชุมนุม

แฟลชม็อบคึกลามทั่วปท.

วันที่ 21 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า จากกรณีนายภูมิวัฒน์ แดงกสิวิทย์ ตัวแทนแนวร่วมนวชีวิน New Life Network ที่มาทำกิจกรรมอดอาหารประท้วงรัฐบาล เพื่อกดดันให้เร่งแก้ปัญหาปากท้องเมื่อวันที่ 20 ก.ค. โดยคืนที่ผ่านมาได้นอนพักบริเวณถนนพระราม 5 ฟุตปาธฝั่งตรงข้ามศาลกรมหลวงชุมพรฯ ข้างทำเนียบรัฐบาล กระทั่งช่วงเช้าตรู่ของวันนี้ นายภูมิวัฒน์ย้ายจุดนั่งอดอาหารประท้วงรัฐบาลมาอยู่บริเวณถนนลูกหลวง ฝั่งข้างกำแพงกระทรวงศึกษาธิการตามที่ตกลงกับเจ้าหน้าที่

แฟลชม็อบ – กลุ่มนิสิตมศว จัดกิจกรรมแฟลชม็อบ ยืนมองชมสวนใหม่ยาม 2 ทุ่ม บนทางเท้าใกล้กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยร้องตะโกนเรียกร้องให้ยุบสภา 10 ครั้ง ก่อนแยกย้ายกันกลับ เมื่อค่ำวันที่ 21 ก.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้กลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา ประชาชนทั่วไปตามจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ เริ่มนัดชุมนุมในระดับจังหวัดแล้ว ทั้งภายในมหาวิทยาลัย และตามสถานที่สำคัญในตัวจังหวัด โดยเฉพาะในช่วงสัปดาห์นี้ อาทิ วันที่ 22 ก.ค. ที่จ.ชลบุรี มีการเชิญชวนประชาชนชาว จ.ชลบุรี มาแสดงพลังในเวลา 17.00 น. ที่บริเวณแหลมแท่น บางแสน, เวลา 17.00 น. แนวร่วมนิสิต มมสเพื่อประชาธิปไตย จัดกิจกรรมแสดงพลัง ที่ลานแปดเหลี่ยม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, เวลา 17.00 น. มีกิจกรรม “คนแพร่ ไผเหลืออดปะกั๋นปี่น้อง III” ที่สวนสุขภาพ จ.แพร่ และเวลา 17.00 น. มีกิจกรรม “เพชรบูรณ์ ไม่รับใช้เผด็จการ” ที่ว่าการอำเภอหนองไผ่ อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์

คิวกิจกรรม‘ไม่ทน’ยาวเหยียด

วันที่ 23 ก.ค. เวลา 16.00 น. กิจกรรม “อยุธยาจะไม่ทนอีกต่อไป ให้มันจบที่รุ่นเรา” ที่บึงพระราม จ.พระนครศรีอยุธยา, เวลา 17.00 น. มีการจัดกิจกรรม “เฮ้ย! วัยรุ่น ให้มันจบที่รุ่นเรา #รังสิตไม่ทนเผด็จการ” ที่บริเวณลานหลังพระศรีฯ มหาวิทยาลัยรังสิต, ที่ขอนแก่นจัดกิจกรรม อีสานบ่ย่านเด้อ ที่สวนรัชดานุสรณ์ จ.ขอนแก่น เวลา 17.00 น.

วันที่ 24 ก.ค. เวลา 11.40 น. ภาคีนักศึกษาศาลายา นัดรวมตัวไปอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกฯ, มีการจัดกิจกรรม “คนลำพูนก็จะไม่ทนโว้ย” ในเวลา 17.00 น. ที่บริเวณอนุสาวรีย์พระนางจามเทวี กลางเมืองลำพูน, เวลา 17.00 น. ร่วมแสดงพลัง “อุดรธานีสิบ่ทนอีกต่อไป” ที่ทุ่งศรีเมือง ลานน้ำพุ จ.อุดร ธานี, เวลา 18.00 น. ขอเชิญชาวพัทลุงมา แสดงพลังกัน ที่บริเวณหน้าพระพุทธนิรโรฯ

วันที่ 29 ก.ค. เวลา 17.00 น. แนวร่วมนิสิตมหาวิทยาลัยราชภัฏนครสวรรค์ เพื่อประชาธิป ไตย และ New life Network-แนวร่วมนวชีวิน -NN จัดกิจกรรม “ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว นคร สวรรค์จะไม่ทน” ที่บริเวณหน้าประตู 13 อุทยานสวรรค์, เวลา 17.00 น. กิจกรรม “โคราชจะไม่ทน” ที่ลานย่าโม จ.นครราชสีมา

วันที่ 1 ส.ค. เวลา 16.00 น. มีกิจกรรม “ราชบุรี ไม่ได้มีดีแค่ปาก ส.ส.” สถานที่ อยู่ระหว่างติดต่อ และวันที่ 2 ส.ค. เวลา 17.00 น. สหภาพร้อยเอ็ดปลดแอก มีการจัดกิจกรรม “ร้อยเอ็ดเราไม่เอาเผด็จการ” #ให้มันจบที่รุ่นเรา โดยนัดหมายหน้าบึงผลาญชัย จ.ร้อยเอ็ด

วลัยลักษณ์ย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกันนี้ นักศึกษา ม.วลัยลักษณ์ อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช รวมตัวกันที่โรงอาหารช่อประดู่ “เรามาทวงอนาคตของเราคืน” พร้อมประกาศ 3 ข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ประกอบด้วย 1.ประกาศยุบสภา 2.หยุดคุกคามประชาชน และ 3.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่

ทวงอนาคต – น.ศ.ม.วลัยลักษณ์ จ.นครศรีธรรมราช รวมตัวที่โรงอาหารช่อประดู่ จัดกิจกรรม ‘เรามาทวงอนาคตของเราคืน’ พร้อมเรียกร้องยุบสภา, หยุดคุกคามประชาชน และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ เมื่อวันที่ 21 ก.ค.

ด้านเพจ ไอลอว์ (Ilaw) รายงานว่า สหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย ศูนย์ประจำมหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ จัดกิจกรรมแสดงออก มีวัตถุประสงค์เพื่อให้กำลังใจ ผู้ชุมนุมทั่วประเทศ และสนับสนุนข้อเรียกร้อง 3 ข้อที่เยาวชนปลดแอก ได้ประกาศในการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 ก.ค.2563 ได้แก่ การ ยุบสภา, หยุดคุกคามประชาชน และร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

กิจกรรมจัดขึ้นระหว่างการพักรับประทานอาหารกลางวัน มีการเชิญชวนถ่ายภาพเท่านั้น ไม่มีการปราศรัย เพียงแต่ช่วงท้ายแกนนำนักศึกษา มีการใช้โทรโข่งชักชวนทุกคนในโรงอาหารตะโกนว่า เผด็จการจงพินาศ ประชาธิป ไตยจงเจริญ ซึ่งเวลาดังกล่าวมีผู้ที่อยู่ในโรงอาหารประมาณ 100 คน ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และเสร็จสิ้นกิจกรรมในเวลาประมาณ 12.45 น. ไม่มีรายงานการคุกคามแต่อย่างใด

‘มศว’จัดชมสวนอนุสาวรีย์ปชต.

เวลา 20.00 น. ที่บริเวณบนฟุตปาธหน้าร้านแมคโดนัลด์ ใกล้กับอนุสาวรีย์ประชาธิป ไตย กลุ่ม มศว คนรุ่นเปลี่ยนจัดกิจกรรมแฟลชม็อบ มีนักศึกษาประมาณ 40 คนเข้าร่วม โดยนายสิระภพ พุ่มพึ่งพุทธ นิสิต มศว ซึ่งเป็นแกนนำชมสวนใหม่ยาม 2 ทุ่ม โดยเป็นการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ยืนมองชมสวนที่ทางกรุงเทพมหานครจัดวางไว้หน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นเวลา 10 นาที โดยระหว่างที่ยืนชมสวนก็มีการไลฟ์สดไปด้วย พร้อมทั้งร่วมกันตะโกนว่า “สวนสวยจริงๆ” 10 ครั้ง ตามด้วยการตะโกนว่า ยุบสภา 10 ครั้งก่อนแยกย้ายกันไปอย่างสงบ โดยมีกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบกว่า 50 นายคุมสถานการณ์อยู่รอบๆ

นายสิระภพกล่าวว่า ตนเห็นว่าการจัดสวนเมื่อวันที่ 18 ก.ค.ที่ผ่านมา มีความผิดปกติสูงมาก มันผุดขึ้นมาได้อย่างไร ตนอยากรู้จึงมาดูว่าผุดขึ้นมาได้อย่างไร รู้สึกผิดหวังและเสียดายที่รัฐบาลเอางบประมาณที่เป็นภาษีของประชาชนมาใช้อย่างผิดๆ ไม่สมควรเอางบประมาณไปทำสวนในสถานที่ที่เคยเป็นที่ชุมนุมของประชาชน มันไม่ใช่สถานที่จัดสวนของกทม. ไม่ใช่ที่อยู่ของต้นไม้ สมควรที่จะเอางบประมาณที่มาผลาญไปใช้เยียวยาให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน หรือถ้าจะทำสวนก็ไปสร้างเป็นสวนสาธารณะ รัฐบาลสมควรจะยุบสภาเพื่อเป็นการชดใช้ที่บริหารผิดพลาดผิดจุด และพ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่สมควรใช้ เพราะมีพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อที่มีใช้อยู่แล้วการชุมนุมเรียกร้องต้องเกิดขึ้น รัฐไม่ควรคุกคามประชาชน ตนกังวล แต่เป็นสิ่งที่ควรออกมาทำ

ปิยบุตรชี้คนสุดทนถึงชุมนุม

วันเดียวกัน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์กรณีการรวมตัวชุมนุมของกลุ่มนักศึกษาในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า ตนยืนยันมาตลอดว่าเสรีภาพในการแสดงออกเป็นหัวใจสำคัญของสังคมประชาธิปไตย เพราะเมื่อใดก็ตามที่ปราศจากเสรีภาพตรงนี้แล้ว ประชาธิปไตยจะกลายเป็นแค่การออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้ง หลังจากนั้นพลเมืองจะไม่มีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์ประท้วงรัฐบาลอีกเลย ถ้าบ้านเมืองอยู่ในสภาวะปกติ รัฐบาลตอบสนองต่อข้อเรียกร้องของประชาชนได้ คงไม่มีใครอยากมาชุมนุม แต่การชุมนุมเกิดขึ้นเพราะผู้ชุมนุมและประชาชนรู้สึกว่าสถาบันทางการเมืองและรัฐบาลไม่สามารถตอบสนองต่อข้อเรียกร้องและแก้ไขปัญหาของเขาได้เลย

นายปิยบุตรกล่าวอีกว่า เมื่อมีการแสดง ออกต่างๆ อยู่ที่ว่ารัฐบาลจะยอมรับว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวมีอยู่จริงหรือไม่ และจะจัดการกับเรื่องเหล่านี้อย่างไร ในอดีตประเทศไทยมักใช้วิธีทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น หรือใช้กลไลรัฐเข้าปราบปรามให้ประชาชนเข็ดหลาบ แต่ตนเห็นว่าทั้งสองวิธีนี้ไม่มีทางแก้ไขปัญหาได้ ประวัติศาสตร์การเมืองการปกครองไทยแสดงให้เห็นหลายครั้งว่าสองวิธีแก้ปัญหาไม่ได้ สังคมประชาธิปไตยย่อมมีคนคิดเห็นแตกต่างกัน คิดเหมือนกันหมดไม่ได้ เป็นปกติ แต่อยู่ที่ว่าจะบริหารจัดการความคิดเห็นที่แตกต่างกันอย่างไรไม่ให้นำไปสู่ความรุนแรง

“ไม่ว่าเขาจะแสดงออกอย่างไรก็ตาม แต่เขาคืออนาคตของประเทศไทย เป็นอนาคตของชาติ ถ้าเราจงใจมองไม่เห็นว่าอนาคตของประเทศกำลังแสดงออกอะไรออกมา หรือถ้าจัดการไม่ให้อนาคตของประเทศแสดงออก ทั้งสองวิธีนี้ไม่ใช่ทางออกแน่นอน อยากจะให้ฟังเสียงของอนาคตของประเทศ สังคมใดก็ตามที่ฆ่าอนาคตของประเทศ สังคมนั้นไม่มีวันเจริญเติบโตก้าวหน้าได้” นายปิยบุตรกล่าว

ภท.จี้สภารับฟังนักศึกษา

ที่รัฐสภา ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ประกอบด้วย นายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส.ศรีสะเกษ นายณัฏฐ์ชนนท์ ศรีก่อเกื้อ ส.ส.สงขลา นายอนาวิล รัตนสถาพร ส.ส.ปทุมธานี นายวรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ ส.ส.สตูล และนายกรวีร์ ปริศนา นันทกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมกันแถลงข่าว

นายภราดรกล่าวว่า ขอให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร ได้พิจารณาให้มีการรับฟังความเห็นของนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน และประชาชนทั่วไป สืบเนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมา มีสถานการณ์การชุมนุมทางการเมืองเกิดขึ้น ในฐานะที่พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมือง โดยหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ส.ส. และสมาชิกพรรค ตระหนักดี และพร้อมรับฟังความเห็นต่างๆ ที่ประชาชนมีความเห็นมีมุมมองทางการเมืองอย่างไร เราตั้งใจจะนำเอาความคิดเห็นต่างๆ รวบรวมเรื่องเข้าสู่สภา พรรคจึงตัดสินใจเสนอเป็นญัตติด่วนต่อสภาโดยเตรียมยื่นเสนอญัตติในวันนี้ เพื่อบรรจุระเบียบวาระ และพิจารณาต่อไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้สภามีญัตติด่วนประเภทเดียวกันค้างอยู่ในระเบียบวาระอยู่แล้ว ซึ่งเข้าใจว่าการประชุมสภา ในวันที่ 22 ก.ค. จะมีการเลื่อนระเบียบวาระนี้ขึ้นมาพิจารณาก่อน

นายภราดรกล่าวด้วยว่า พรรคยังตั้งคณะทำงานซึ่งมีพวกตนเป็นตัวแทน ไปรับฟังความเห็นของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ทุกประเด็นโดยเฉพาะประเด็นทางการเมือง ซึ่งเราพร้อมไปร่วมรับฟังความเห็นทุกเวที

ส.ว.ซัดม็อบจาบจ้วง

ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุมวุฒิสภา ได้เปิดให้ส.ว.หารือถึงปัญหาต่างๆ โดยนายสมชาย แสวงการ ส.ว. หารือเกี่ยวกับการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มนักศึกษา เยาวชนปลดแอก ว่า สิ่งที่ไม่สบายใจ และขอหารือไปยังรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) หน่วยข่าวกรอง และตำรวจ คือเรื่องการจาบจ้วงล่วงละเมิดสถาบัน ซึ่งพบในการชุมนุมทุกกรณี และในอีก 2 สัปดาห์จะนัดมาทวงถาม กลุ่มผู้ชุมนุม ที่เป็นแกนนำไม่ว่าจะเป็น สนท. อาจจะมีเจตนาบริสุทธิ์ แต่กลุ่มที่เข้าไปแอบแฝง มีเบื้องหลังหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นการไร้เดียงสาหรือยอมให้เข้าร่วมชุมนุม ทุกม็อบที่จัดขึ้นนั้นทำให้ความโปร่งใสที่น่าเชื่อถือหมดไป และจะนำไปสู่ความรุนแรงในอนาคตเช่นเดียวกับเหตุการณ์ในอดีตได้ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ไม่ได้เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลง ล้มล้างสถาบัน ถ้าขบวนการนักศึกษาจะเดินต่อไปและยังมีกลุ่มล้มสถาบันเข้ามาแทรกแซง หรือมีเจตจำนงที่ชัดเจนเช่นนี้อยู่ จะเกิดความรุนแรงขึ้น จึงขอฝากเตือนแกนนำว่า ต้องขจัดกลุ่มเหล่านี้ออกไป

บิ๊กตู่ฮึ่มน.ศ.ระวังก้าวล่วง

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมครม.ถึงการชุมนุมของกลุ่มเยาวชนปลดแอกในหลายพื้นที่ รวมถึงการชุมนุมหน้ากองทัพบกว่า ตนเป็นห่วงกังวลการเคลื่อนไหวต่างๆ เหล่านี้ ได้สั่งให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เห็นใจเด็กๆ เยาวชน นิสิต นักศึกษา และเป็นห่วงแทน ผู้ปกครองของเขาด้วย ขอให้ระมัดระวังการละเมิดก้าวล่วง ตนคิดว่าประชาชนคงไม่ยอมที่จะให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นอีก ไม่สมควรจะเกิดสำหรับประเทศไทยของเรา ตนจะไม่พูดมากในเรื่องเหล่านี้ ไม่ต้องการให้เป็นประเด็น ส่วน 3 ข้อที่เสนอกันมา ขอให้ไปเสนอในสภา จะตั้งคณะกรรมการอะไรก็ว่าไปกัน ซึ่งมีอยู่แล้ว

รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างการประชุมครม. นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ได้เสนอโมเดลของนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ที่จัดโซนปลอดภัยให้กับผู้ชุมนุม ซึ่งน่าจะนำมาเป็นต้นแบบในการจัดพื้นที่ให้กับผู้ชุมนุมในประเทศไทย เพื่อความปลอดภัย ขณะที่พล.อ.ประยุทธ์ ก็เห็นด้วย พร้อมระบุว่า ตนเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยอยู่แล้ว

ตร.จ่อออกหมายเรียกผู้ชุมนุม

ที่จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ ที่ออกมาเคลื่อนไหวในระยะนี้อย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างไรการกระทำอันใดนั้นทุกอย่างต้องอยู่ในกฎหมาย เพราะขณะนี้ประเทศไทยยังคงอยู่ภายใต้การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อแก้ไขสถานการณ์โควิด-19 ที่ทุกคนต้องยึดหลักของกฎหมายและอะไรที่ทำได้ หรือทำไม่ได้ ดังนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทุกคนและทุกฝ่ายมีอะไรควรมาพูดคุยกัน หารือกัน หรือทำเรื่องผ่านศูนย์ดำรงธรรม เพื่อที่จะมาพูดคุย หารือและหาทางออกนด้านต่างๆ ร่วมกัน ภายใต้กรอบของกฎหมายและพ.ร.ก.ฉุกเฉินที่ยังคงบังคับใช้อยู่ในขณะนี้”

ที่บช.น. พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. เป็นประธานประชุมกำชับการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจระดับผบ.ร้อยของ บก.น.1-9 และ บก.อคฝ. ในการดูแลความสงบเรียบร้อยของกลุ่มผู้ชุมนุมต่างๆ โดยพล.ต.ท. ภัคพงศ์กล่าวว่า การประชุมวันนี้ เพื่อกำชับให้แต่ละหน่วยไปทบทวนหลักการปฏิบัติหน้าที่ในการควบคุมฝูงชนให้ถูกต้อง ซึ่งปกติการปฏิบัติก็ยึดถือตามกฎหมายอยู่แล้ว ส่วนความคืบหน้าการพิจารณาดำเนินคดีกับกลุ่ม ผู้ชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยนั้น ทางคณะทำงานยังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน อย่างไรก็ตาม ตำรวจมีหน้าที่รักษากฎหมายและความสงบเรียบร้อย หากพบมีบุคคลใดกระทำความผิดชัดเจน ก็จำเป็นที่จะต้องออกหมายเรียกให้มารับทราบข้อกล่าวหา ส่วนจะมีจำนวนมากน้อยเพียงใดยังตอบที่แน่ชัดไม่ได้ เนื่องจากทุกอย่างต้องเป็นไปตามพยานหลักฐาน ยืนยันไม่ได้มีผู้ใดสั่งการว่าต้องดำเนินคดีกับบุคคลใดเป็นพิเศษ ส่วนกิจกรรมที่บริเวณด้านหน้ากองทัพบกเมื่อวันที่ 20 ก.ค.ที่ผ่านมานั้น ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ สน.นางเลิ้ง ดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ก็อยู่ระหว่างพิจารณาและรวบรวมพยานหลักฐานเช่นเดียวกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน