สอนทหารชังเพื่อนร่วมชาติ
จี้บิ๊กตู่โชว์จุดยืนแก้ไขรธน.
อัด‘พรเพชร’ยื้ออำนาจสว.
ไอลอว์ตั้งโต๊ะล่า5หมื่นชื่อ

เพื่อไทย-ก้าวไกล-นักเคลื่อนไหว รุมอัด ‘บิ๊กแดง’ เปิดวาทะร้อน ‘โรคชังชาติ’ ฉะสอนทหารรุ่นน้องให้ชังเพื่อน ร่วมชาติ ไล่กลับไปปฏิรูปกองทัพ ‘บิ๊กตู่’ ย้ำข้อเสนอแก้รธน. ต้องคุยในสภา ปชป.รวมเสียงพรรคร่วมรัฐบาลชงร่างแก้รธน. ตั้ง‘บัญญัติ’นำทีมหาข้อสรุป เทพไท-สุทิน จี้นายกฯโชว์จุดยืน แก้รายมาตราหรือทั้งฉบับ ฝ่ายค้านรอได้ไม่เกิน 15 ส.ค. หลังวิปรัฐบาลขอให้ชะลอญัตติ เล็งยื่นแก้รธน.พร้อมกัน เย้ย‘พรเพชร’ หวงอำนาจส.ว. ก้าวไกลย้ำชูธงปิดสวิตช์ส.ว.-ตัดทิ้งม.279 ดักคอรัฐบาลอย่ายื้อเวลา มั่นใจทำได้ทันสมัยประชุมนี้ ไอลอว์ตั้งโต๊ะล่า 5 หมื่นชื่อทั่วประเทศ สร้างรธน.ฉบับประชาชน

สอนน้อง – พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. อบรมนักเรียนนายร้อยรุ่นน้อง โดยระบุว่า โควิดรักษาหาย แต่โรค ชังชาติรักษาไม่หาย ระหว่างร่วมงานครบรอบ 133 ปี โรงเรียนนายร้อยจปร. เมื่อ วันที่ 5 ส.ค.

‘ตู่’อธิษฐาน-ขอทำงานสำเร็จ

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 5 ส.ค. ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) จ.นครนายก มีการจัดงานวันพระราชทานกำเนิดโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ครบรอบ 133 ปี บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ อดีตนายทหาร คณะรัฐมนตรีทหาร มาร่วมงาน อาทิ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผบ.ทสส. และพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ. ขณะที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เดินทางมาตั้งแต่ช่วงเช้าตรู่ ทั้งนี้ ศิษย์เก่าแต่ละรุ่นได้วางพานพุ่มถวายสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้เป็นวันดี ตนก็เป็นศิษย์เก่าและได้อธิษฐานขอให้ทำงานสำเร็จทุกอย่างทุกประการ ทุกปัญหาขอให้แก้ไขได้ เพื่อประชาชน ในส่วนของกระทรวงกลาโหมได้ย้ำเตือนผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นให้ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น เพื่อให้เกิดความ เชื่อมั่นและไว้วางใจ

ย้ำแก้รธน.ต้องคุยในสภา

นายกฯ กล่าวถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า วันนี้ตนทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายบริหารให้ดีที่สุด เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และอำนาจ 3 อำนาจ ดังนั้น จะก้าวล่วงกันไม่ได้ ตนทำหน้าที่ของตน สภาผู้แทนราษฎรก็ทำหน้าที่ของสภา ในส่วนของประชาชนก็ทำคู่ขนานกันไป

เมื่อถามว่านักศึกษามีข้อเสนอ 3 ข้อโดยเฉพาะเรื่องยุบสภา พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ต้องดูว่าทำได้หรือไม่ ส่วนจะต้องแก้รัฐธรรมนูญก่อนยุบสภาหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ ย้ำว่าทุกอย่างต้องทำคู่ขนานกัน ซึ่งต้องรับฟังความเห็นจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์ และแนวการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ก่อนเพื่อเสนอไปยังคณะกรรมการของรัฐบาล พิจารณาตามข้อเสนอว่าจะแก้ตรงไหน ก่อนนำเข้าพิจารณาร่วมกันทั้ง 2 สภา ส่วนเนื้อหารายละเอียด ตนยังไม่ทราบว่าต้องแก้ตรงไหนอย่างไร

‘บิ๊กแดง’เหน็บพวกโรคชังชาติ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.อภิรัชต์ได้เดินตรวจการแต่งกายชุดพระราชฐานของนักเรียนจปร.ชั้นปีที่ 4 และ 5 ที่ตั้งแถวรอรับด้านหน้ากองบัญชาการนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เพื่อความเรียบร้อย พร้อมพูดคุยกับนักเรียนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 หลังจากนักเรียนนายร้อยชั้นปีที่ 5 ไปร่วมคณะฝึก Lightning forge ที่มลรัฐฮาวาย สหรัฐอเมริกา

โดยพล.อ.อภิรัชต์สอบถามถึงความรู้สึกของรุ่นน้องว่าหวาดกลัวโรคโควิด-19 หรือไม่ พร้อมบอกว่า “โรคโควิดนี้เป็นแล้วหาย แต่ที่เป็นแล้วไม่หายคือโรคชังชาติ เกลียดชาติบ้านเมืองตัวเอง นี่เป็นไม่หาย เพราะมีการเหน็บแนมประเทศตัวเอง”

จากนั้นพล.อ.อภิรัชต์ ให้สัมภาษณ์ถึงโรคชังชาติจะรักษาอย่างไรให้หายว่า คงไม่มีวัคซีน แต่ต้องปลูกฝังตั้งแต่เป็นเยาวชนให้รู้จักการรักชาติความสามัคคี อยู่ๆ จะมาเกลียดชาติตัวเองได้อย่างไร

รุมจวกผบ.ทบ.ไร้มารยาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือฟอร์ด จากกลุ่มเยาวชนปลดแอก ทวีตข้อความระบุว่า การที่พล.อ. อภิรัชต์ กล่าวถึงประชาชนที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยว่าชังชาติ แสดงว่าในความคิดของพล.อ.อภิรัชต์นั้น ชาติไม่เท่ากับประชาชน จึงเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ต้องปฏิรูปกองทัพ

นายประจักษ์ ก้องกีรติ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงความเห็นในเรื่องนี้ว่า ไม่มีประเทศใดในโลก ยกเว้นประเทศด้อยพัฒนาทางการเมือง 2-3 ประเทศในแอฟริกาและเอเชีย ที่กองทัพเข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมืองมากเท่าของไทย และไม่มีผู้นำกองทัพในประเทศใดจะออกมาพูดเรื่องการเมือง โจมตีประชาชนในชาติของตนเอง เพราะเป็นสิ่งที่ผิดมารยาท ไม่สมควร และขัดหลักการที่กองทัพต้องรับใช้ประชาชน

ซัด‘บิ๊กแดง’กลัวถูกทำลายอำนาจ

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ทวีตข้อความว่า จากผีคอมมิวนิสต์ในอดีต ถึงคนชังชาติ ในปัจจุบัน เวลาอาจจะเปลี่ยน แต่ยุทธวิธีในการสร้างความเกลียดชัง แบ่งแยกคนในชาติ ไม่เคยเปลี่ยน

นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคพท. โพสต์ระบุว่า เด็กๆ เขาไม่ได้ชังชาติ แต่เขาชังพวกคุณ เขาเกลียดพวกคุณ ที่ลากรถถังออกมายึดอำนาจจากประชาชน แล้วก็ไม่มีฝีมือบริหารประเทศ จนทำให้ประเทศล่มจม ไม่มีอนาคตสำหรับเด็กๆ

นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล แกนนำกลุ่มเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อม โพสต์ระบุว่า เพราะพวกเขาคิดมาตลอดว่าชาติเป็นของพวกเขา ไม่ใช่ของประชาชน ประชาชนมีหน้าที่รับการสงเคราะห์จากพวกเขา เพื่อให้คิดว่าพวกเขามีบุญคุณ พวกเขาคิดว่าพวกเขาผูกขาดความเป็นชาติเอาไว้ ชาติเป็นเช่นไรพวกเขาเท่านั้นที่นิยาม เมื่อมีประชาชนลุกขึ้นมาตั้งคำถามที่จะทลายการผูกขาดอำนาจและระบบเศรษฐกิจของพวกเขา จึงถูกหาว่าชังชาติ การชังชาติของ ผบ.ทบ.จึงเป็นความกลัวที่จะถูกทำลาย การผูกขาดอำนาจที่มีมานานเท่านั้นเอง ผบ.ทบ.อย่าได้กังวลไป เพราะประชาชนจะทลายการผูกขาดนั้นอย่างแน่นอน

ฉะสอนให้ชังเพื่อนร่วมชาติ

ด้านนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า ชังชาติ คือวาทกรรมของคนที่ได้ประโยชน์จากโครงสร้างทางการเมืองแบบเก่าที่ตัวเองได้รับมรดกสืบทอดมา ใช้โจมตีคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ถูกครอบงำกดขี่ ประชาชนทุกคนมีความรักต่อชาติอยู่แล้ว ที่เขาชังไม่ใช่ชาติ แต่คือคนที่เข้าใจว่าตัวเองใหญ่ราวกับเป็นชาติเสียเอง แล้วกัดกินบ้านเมืองอยู่ตลอดมาต่างหาก

“ที่พล.อ.อภิรัชต์พูดต่อนักเรียนนายร้อย คือ การปลูกฝังให้นักเรียนนายร้อยเหล่านั้น ชังเพื่อนร่วมชาติ ไอ้ที่พูดไปนั่นแหละเป็นความน่าเกลียดชังที่คนอย่างคุณสมควรได้รับจากประชาชนแล้ว ผมแน่ใจว่าคนที่เป็น ผบ.ทบ.ที่ดีในประเทศที่เจริญแล้ว เขาจะต้องทำหน้าที่ปกป้องประชาชนคนร่วมชาติจากภัยข้างนอก ไม่ใช่สร้างความแตกแยก มโนเอาคนร่วมชาติเป็นภัย ที่ตัวเองคอยจ้องแต่จะหาโอกาสใช้กำลัง และพล่ามเรื่องการเมืองที่ไม่ใช่อำนาจหน้าที่ของตัวเอง และผมขอเตือนความจำว่า ตอนนี้ พล.อ.อภิรัชต์ เหลือเวลาในฐานะผบ.ทบ. อีกแค่ 2 เดือน ไม่ทราบว่าตอนนี้นายทหารผู้ชอบอ้างความรักชาติและชอบด่าคนอื่นชังชาติอย่างท่านได้ปฏิรูปกองทัพไปถึงไหนแล้ว” นายรังสิมันต์ ระบุ

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. โฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความว่า อาการมันเป็นยังไง โรคชังชาติ แต่โรคที่เป็นแล้วเรื้อรังและติดผ่านทางผู้บ้าอำนาจเป็นแล้วไม่มีวันหาย แถมอาการจะหนักขึ้นเรื่อยๆช่วงใกล้เกษียณคือ โรคเห็นตัวเองเป็นชาติ ใครด่า ใครว่าตัวเอง จะหาว่าเขาเหล่านั้นชังชาติไปหมด เห็นแล้วสงสารในอาการช่วงนี้เลย

ปชป.ตั้งทีมทำงานหาข้อสรุป

ที่รัฐสภา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แถลงภายหลังการประชุมส.ส.ของพรรคว่า มีข้อสรุป 2 ประเด็น 1.ที่ประชุมเห็นตรงกันให้เสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญกับพรรคร่วมรัฐบาล เพราะเสียงส.ส.ของพรรคจำกัดเพียง 52 เสียง จะเสนอพรรคเดียวไม่ได้ หากจะเสนอเองต้องใช้เสียงถึง 100 เสียง ดังนั้น แนวทางที่ดีที่สุดคือ เสนอร่างร่วมกัน ซึ่งที่ประชุมได้มอบให้วิปพรรคไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล

นายจุรินทร์กล่าวอีกว่า 2.การกำหนดประเด็นเพิ่มเติม นอกจากแก้ไขมาตรา 256 ที่ประชุมให้มีคณะทำงานชุดหนึ่งเพื่อกำหนดประเด็น ข้อเสนอและรายละเอียดก่อนนำไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งคณะทำงานชุดนี้ประกอบด้วย นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ และมีคณะทำงานฝ่ายกฎหมายของพรรค ทำหน้าที่เป็นฝ่ายเลขานุการของคณะทำงานนี้

โยนวิปรัฐบาลเคาะประเด็น

ส่วนจะแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยวิธีใดนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า รายละเอียดทั้งหมดวิปรัฐบาลจะหารือกัน โดยนายชินวรณ์จะเป็น ผู้ประสานกับวิปรัฐบาลในประเด็นนอกเหนือจากมาตรา 256 ที่เป็นจุดยืนของพรรค ให้คณะทำงานหารือเพื่อให้ได้ข้อสรุปเท่านั้น ส่วนท่าทีของส.ว.นั้นตนขอไม่ให้ความเห็น เพราะพรรคไม่ประสงค์จะขัดแย้งกับฝ่ายใด พรรคมุ่งที่ผลสัมฤทธิ์ของการแก้ไขและอยากให้สำเร็จ แต่การแก้ไขไม่ว่าจะมาตราใด จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่ายและการสนับสนุนจากส.ว.

ด้านนายชินวรณ์กล่าวว่า ก่อนหน้านี้วิปรัฐบาลได้คุยเรื่องดังกล่าวอยู่ตลอด จากนี้ตนจะนำผลการประชุมพรรคไปหารือในวิปรัฐบาล เพราะวิปต้องฟังทั้งกมธ.ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ รวมถึงเสียงของพรรคต่างๆด้วย ส่วนท่าทีของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่ยังไม่ชัดเจนนั้น นายชินวรณ์กล่าวว่า เท่าที่ฟังทุกพรรคเห็นด้วยในการแก้ไข แต่ต้องคุยในรายละเอียดต่อไป

จี้‘บิ๊กตู่’โชว์จุดยืนแก้รธน.

ด้านนายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรี ธรรมราช พรรคปชป. กล่าวถึงพล.อ.ประยุทธ์ ยืนยันจุดยืนหนุนแก้รัฐธรรมนูญว่า ตนเห็นด้วยกับท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ ที่จะให้รัฐบาลเป็นเจ้าภาพแก้ไขรัฐธรรมนูญ และเรื่องนี้เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล จึงเห็นว่าช่วงนี้เหมาะสมที่จะทำนโยบายเร่งด่วนให้สำเร็จ แต่อยากให้นายกฯ แสดงความชัดเจนว่าต้องการแก้ไขแบบรายประเด็นหรือทั้งฉบับ หากนายกฯ จริงใจและแสดงท่าทีชัดเจนจะทำให้การเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา ผ่อนคลายลง และหากร่างแก้ไขที่รัฐบาลจะเสนอสอดคล้องกับของปชป. พรรคก็ไม่จำเป็นต้องเสนอร่างประกบ

นายเทพไทกล่าวว่า หากมีการแก้ไขในส่วนที่เกี่ยวกับส.ว. หากส.ว.ไม่เห็นด้วยก็ต้องตอบสังคมให้ได้ และอยากให้ส.ว.คำนึงถึงบ้านเมืองเป็นหลัก ส่วนที่จะให้นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นตัวกลางประสานเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ตนสนับสนุนและเห็นว่าเหมาะสม มีประสบการณ์การเมือง ดังนั้น หากทุกฝ่ายมอบให้นายชวนเป็นคน ผลักดันร่างรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี

พท.เล็งยื่นญัตติเสนอร่างแก้ไข

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้พท.ได้รวบรวมรายชื่อส.ส.เพื่อยื่นญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อประธานสภาครบแล้ว คาดว่าจะยื่นได้ภายในวันนี้ ซึ่งเนื้อหาในร่างแก้ไขของพรรคจะเหมือนกับของกมธ.ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเสนอแก้ไขมาตรา 256 เพื่อให้มีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.)

นายสุทินกล่าวว่า นอกจากนี้ อาจมีร่างแก้ไขของพรรคร่วมฝ่ายค้านอีกฉบับ หากพูดคุยกันเรียบร้อยคาดว่าจะยื่นฉบับของพรรคร่วมฝ่ายค้านได้ในสัปดาห์หน้า และเรายังจะหารือกับพรรคร่วมรัฐบาลในเรื่องนี้ พร้อมเชิญชวนภาคประชาชนเสนอร่างแก้ไขฉบับประชาชนด้วย

ชี้นายกฯ ต้องชัดเจนกว่านี้

เมื่อถามว่านายกฯ แสดงท่าทีสนับสนุนการแก้ไข นายสุทินกล่าวว่า ถือเป็นสัญญาณที่ดี แต่ยังไม่ชัดเจนว่านายกฯ จะแก้ไขเมื่อใด และแนวทางการแก้ไขจะเป็นรายมาตราหรือทั้งฉบับ เพราะในอดีตเคยมีผู้นำประเทศใช้เทคนิคบิดเบือนประเด็นแบบนี้มาแล้ว จึงอยากให้นายกฯ แสดงท่าทีชัดเจนมากกว่านี้ เพราะไม่อยากให้เตะถ่วงเวลาอีกต่อไป

เมื่อถามว่านายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ไม่เห็นด้วยกับการแก้มาตรา 256 และการตั้งส.ส.ร. นายสุทินกล่าวว่า ท่าทีของส.ว.เชื่อว่าส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแก้ไข แต่ยังมีความเห็นแตกต่าง ยอมรับว่าความเห็นต่างนี้เป็นปัญหาและเป็นอุปสรรคเพราะเป็นประเด็นใหญ่ จำเป็นจะต้องพูดคุยกัน แต่เชื่อว่าสุดท้ายการแก้ไขจะทำได้สำเร็จ

ฝ่ายค้านชะลอยื่น-รอร่างรัฐบาล

ต่อมาเวลา 17.00 น. นายสุทินเปิดเผยหลังประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน กรณีการยื่นญัตติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อประธานสภาว่า จากการประชุมร่วมกัน มองว่ามีหลายประเด็นซึ่งต้องทบทวนและหาข้อสรุปใหม่ เช่น อายุของบุคคลที่จะเข้ามาเป็นส.ส.ร. โดยพท.เสนอว่าควรมีอายุ 25 ปีขึ้นไป แต่พรรคอื่นๆ เสนอให้ลดอายุเหลือตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป รวมทั้งกรณีจะเสนอร่างแก้ไขเป็นฉบับเดียว หรือจะแยกฉบับของแต่ละพรรค โดยวันที่ 6 ส.ค. พรรคร่วมฝ่ายค้านจะได้ประชุมร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปอีกครั้งหนึ่ง

นายสุทินกล่าวว่า นอกจากนี้ตนได้รับการประสานจากนายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) โดยระบุว่ารัฐบาลได้คุยกับส.ว. เรียบร้อยแล้ว โดยส.ว.พร้อมให้ความร่วมมือในส่วนที่ทำได้ จึงอยากให้ฝ่ายค้านชะลอการยื่นญัตติออกไปก่อน เพื่อรอร่างแก้ไขของรัฐบาล ซึ่งจะยื่นพร้อมกับฝ่ายค้าน เพราะอยากให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าไปได้

ยื่นเดดไลน์ห้ามเกิน 15 ส.ค.

นายสุทินกล่าวอีกว่า นายวิรัช ระบุว่ารัฐบาลขอรอดูผลการศึกษาของกมธ.ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ อย่างเป็นทางการด้วย เพราะอาจมีสาระสำคัญอื่นๆ ซึ่งฝ่ายค้านรับได้ แต่ต้องไม่เกินวันที่ 15 ส.ค.นี้ เพราะเราต้องการความร่วมมือจากทุกฝ่าย ซึ่งประธานวิปรัฐบาลรับปากว่าจะไปพูดคุยกับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ประธานกมธ.ว่า ให้เร่งประชุมเพื่อให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว และต้องไม่เกินเวลาที่ฝ่ายค้านกำหนด ทั้งนี้ เรายอมยืดหยุ่นให้รัฐบาล ไม่อยากดึงดัน เพราะเกรงว่าร่างจะไม่ผ่าน ที่สำคัญสังคมจะได้รู้กันไปเลยว่ารัฐบาลจริงใจหรือไม่

เย้ย‘พรเพชร’กลัวสูญอำนาจ

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรค พท. กล่าวว่า เชื่อว่าส.ส.ทั้ง 500 คนอยากให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งระบบ เพราะการแก้รายมาตราตามที่พล.อ.ประยุทธ์ พูดนั้นไม่มีประโยชน์ รัฐบาลต้องไม่เติมน้ำมันในกองเพลิงเพราะหากแฟลชม็อบลุกลาม สถานการณ์ในประเทศจะบานปลายมากกว่านี้ การแก้ไขครั้งนี้จำเป็นต้องแก้ที่มาของส.ว. และอำนาจของส.ว. ซึ่งไม่กระทบเลยหากตั้งส.ส.ร. ตามที่พท.เสนอ ส่วนอำนาจของส.ว.จะเป็นอย่างไร เป็นเรื่องของ ส.ส.ร.ในอนาคต ส่วนที่นายพรเพชร ไม่เห็นด้วยให้ตั้งส.ส.ร.นั้น คงเป็นเพราะกลัวสูญเสียอำนาจ แต่พรรคร่วมฝ่ายค้านอยากให้ทุกคนมาร่วมแก้ไข หากดำเนินอย่างจริงจังเชื่อว่าไม่เกิน 1 ปีเสร็จ

ก้าวไกลดักคอรบ.อย่ายื้อเวลา

ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และหนึ่งในกมธ.ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ กล่าวถึงพล.อ.ประยุทธ์ ไม่คัดค้านแต่ให้รอผลการศึกษาของ กมธ.ก่อน เพื่อเริ่มแก้ไขในสมัยประชุมหน้าว่า ในฐานะกมธ. เห็นว่าการเริ่มต้นแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ต้องรอรายงานของ กมธ. เพราะในกมธ. ประเด็นที่เสียงส่วนใหญ่เห็นตรงกันคือ ควรแก้ไขในแทบทุกหมวด ดังนั้น ถึงที่สุดไม่อาจแก้ไขเป็นรายประเด็นได้ ต้องทำใหม่ทั้งระบบ ซึ่งวิธีแก้ไขที่ดีที่สุดคือการร่างใหม่ทั้งฉบับผ่านกลไกส.ส.ร. ที่ประชาชนมีส่วนร่วม

นายชัยธวัชกล่าวว่า ส่วนการแก้ไขรายมาตรานั้น เป็นการแก้ไขเฉพาะหน้าระหว่างรอรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ด้วยเหตุนี้ กมธ.จึงแถลงโดยไม่รอให้รายงานเสร็จ เพราะจะไม่ทันกับสถานการณ์นอกสภา จึงเสนอแนวทางแก้โดยเริ่มที่การแก้มาตรา 256 เพื่อให้แก้รายมาตราได้ง่ายขึ้น พร้อมเพิ่มเติมหมวดการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ผ่านการเลือกตั้ง ส.ส.ร. ซึ่งจะเปิดทางให้แก้รายมาตราได้พร้อมกับการร่างใหม่ทั้งฉบับ

“ดังนั้น ถ้ารัฐบาลมีเจตนาจะแก้รัฐธรรมนูญจริง ไม่ใช่แค่ยื้อเวลา สามารถเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นดังกล่าวได้ทันที เพราะการแก้ไขเพิ่มเติม เป็นอำนาจของส.ส.และรัฐบาลอยู่แล้ว ส่วนรายงานของ กมธ. เป็นแค่รายงานประกอบการพิจารณาการแก้ไขในรายละเอียดประเด็นอื่นๆ ต่อไปเท่านั้น และพรรคเห็นว่าในสมัยประชุมนี้ยังเหลือเวลาถึง 1 เดือนกว่า รัฐสภามีเวลาพอที่จะพิจารณาญัตติเรื่องนี้ได้ก่อนเลย ส.ส.ทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน สามารถเข้าชื่อโดยใช้เสียง 1 ใน 5 ของสภา เสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมได้ทันสมัยประชุมนี้ เริ่มต้นจากการแก้มาตรา 256 พร้อมตั้ง ส.ส.ร. ไม่ควรรอสมัยประชุมหน้าเพราะจะล่าช้าเกินไป” นายชัยธวัชกล่าว

ชงปิดสวิตช์ส.ว.-ยกเลิกม.279

นายชัยธวัชกล่าวว่า จุดยืนของพรรค ควรแก้ไขบทเฉพาะกาล เพื่อปิดสวิตช์ส.ว.อย่างเป็นทางการ และยกเลิกการรับรองประกาศคำสั่ง คสช. ให้ชอบรัฐธรรมนูญด้วย โดยการเสนอให้ยกเลิกมาตรา 269-272 และ 279 เพราะเรื่องนี้เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่ยอมรับรัฐธรรมนูญ ปี 2560 นอกจากนี้ สถานการณ์การเมืองมีความไม่แน่นอนสูง อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลได้ตลอด ไม่ว่ายุบสภาหรือนายกฯลาออก ดังนั้น การปิดสวิตช์ ส.ว.จำเป็นต้องทำก่อน เพื่อไม่ให้อำนาจร่วมเลือกนายกฯอีก โดยยังไม่ต้องรอรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จ เพราะถ้าไม่รีบแก้ประเด็นนี้อาจเกิดวิกฤตการเมืองครั้งใหญ่

“ในพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประเด็นที่เราเห็นร่วมกันคือ การเสนอแก้มาตรา 256 และตั้งส.ส.ร. สามารถเสนอร่างแก้ไขเพิ่มเติมได้เลยในเร็วๆ นี้ ส่วนการยกเลิกยกมาตรา 269-272 และ 279 พรรคจำเป็นต้องขอเสียงจากพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพื่อให้ได้ชื่อเกิน 1 ใน 5 ของสภา แต่ถ้าไม่ได้ เราคงจำเป็นต้องร่วมมือกับประชาชน ล่ารายชื่อให้ได้ 50,000 คน” นายชัยธวัชกล่าวและว่า ส่วนที่ส.ว.คัดค้านนั้น เห็นว่าส.ว.ควรเคารพและฟังเสียงประชาชน อย่าสร้างเงื่อนไขให้การเมืองเดินสู่ทางตัน

พรรคกล้าแนะโละอำนาจส.ว.

นายอรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการพรรคกล้า กล่าวถึงข้อเสนอของกมธ.ศึกษาแก้ไขรัฐธรรมนูญ และหลายพรรค เห็นชอบให้แก้ไขมาตรา 256 ว่า การแก้มาตรา 256 ยังไม่พอ เพราะเป็นเพียงการเปิดช่องทางให้ไปแก้รัฐธรรมนูญเท่านั้น ต้องแทงที่กลางหัวใจ คือแก้มาตรา 272 ห้ามส.ว.แต่งตั้งเลือกนายกฯ การให้ส.ว.ซึ่งมาจากการแต่งตั้งโดยคณะรัฐประหาร มาร่วมเลือกนายกฯ ตามบทเฉพาะกาล 5 ปีแรก ถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย และเกิดปัญหาทำให้คนแตก แยกแบ่งฝั่งกัน ถือเป็นกลไกที่ไม่มีความจำเป็น เพราะบุคคลที่จะเป็นนายกฯได้ ต้องได้เสียงส.ส.มากกว่าครึ่งของสภา หากได้คะแนนเสียงไม่ถึงตามเงื่อนไขนี้ แล้วดันทุรังเอาเสียง ส.ว.มาดันตัวเองเป็นนายกฯ สุดท้ายจะเป็นนายกฯได้ไม่ถึง 1 เดือน ก็ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยแพ้โหวตจากสภาเพราะเสียง ส.ส.ไม่พอ

ไอลอว์ล่า 5 หมื่นชื่อ-ร่างรธน.ใหม่

โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชน หรือไอลอว์ ได้เปิดตัวแคมเปญ เข้าชื่อ 50,000 ชื่อร่วมรื้อร่วมสร้างร่วมร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อขับเคลื่อนประเทศให้เดินหน้าสู่ประชาธิปไตย โดยจะตั้งโต๊ะในสถานที่ต่างๆ เพื่อเปิดรับรายชื่อจากทั่วทุกสารทิศ และสถานที่แรกที่จะเปิดรับรายชื่อ คือที่ห้องจิ๊ด เศรษฐบุตร LT.1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในวันศุกร์ที่ 7 ส.ค. เวลา 13.00-16.00 น.

แจ้งจับ‘อานนท์’หมิ่นเบื้องสูง

เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สน.สำราญราษฎร์ นายอภิวัฒน์ ขันทอง ทนายความประจำสำนักกฎหมายอ.อัมพร ณ ตะกั่วทุ่งและเพื่อน เข้าพบ พ.ต.อ.อิทธิพล พงษ์ธร ผกก.สน.สำราญราษฎร์ เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายอานนท์ นำภา ทนายความ กรณีจัดชุมนุมปราศรัยละเมิดกล่าวหาสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยนำหลักฐาน เป็นเอกสาร คลิปเสียง และคลิปวิดีโอ มามอบเป็นหลักฐาน

นายอภิวัฒน์ กล่าวว่า นายอานนท์ และบุคคลไม่ทราบชื่อที่สนับสนุนการชุมนุมปราศรัย ร่วมกันกระทำความผิดต่อรัฐธรรมนูญ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และกฎหมายอาญาหลายกรรมหลายความผิด จัดการชุมนุมปราศรัยที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 3 ส.ค. โดยปราศรัยล่วงละเมิดสถาบัน ดูหมิ่น เสียดสียุยงปลุกปั่น เพื่อหวังผลให้เกิดความแตกแยก วุ่นวายในบ้านเมือง ทั้งนี้ ฝากถึงสภาทนายความให้พิจารณาพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมด้วย

ม็อบปลดแอกแนะ‘ตู่’ทำ 3ข้อ

เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า (จปร.) จ.นครนายก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการเปิดเวทีรับฟังความเห็นของนักศึกษาว่า จะเปิดเวทีย่อยทุกพื้นที่ภายในเดือนส.ค.นี้ โดยให้สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เป็นผู้จัด และนำข้อสรุปมาพิจารณาว่าจะพูดคุยกันอย่างไร

เมื่อถามว่ามีข้อเสนอให้นายกฯ ไปรับฟังด้วยตนเองนั้น พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คงจะมี ต้องหาเวลา และขอให้ทุกคนช่วยกันเสนอความคิดที่เป็นประโยชน์ ตั้งประเด็นว่าจะทำอย่างไรให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน เช่น เรื่องการประกอบอาชีพ เรื่องอนาคตของนักศึกษา ความคิดด้านเศรษฐกิจ ด้านสุขภาพ รวมถึงเรื่องสร้างสรรค์อื่นๆ ขณะที่การพูดคุยเรื่องการเมืองนั้น ตนทราบอยู่แล้วและต้องหาวิธีการช่องทางพูดคุยกันต่อไป

ด้านเพจประชาชนปลดแอก ระบุถึงประเด็นที่พล.อ.ประยุทธ์เตรียมเปิดเวทีรับฟังนักศึกษาว่า ในห้วงเวลาที่ผ่านมา ประชาชนจำนวนมากจากทั่วประเทศ ได้จัดตั้งการชุมนุมน้อยใหญ่ เรียกร้องให้รัฐบาล หยุดคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภา 3 ข้อเรียกร้องนี้ได้ถูกพูดถึงซ้ำๆ ในทุกๆ การชุมนุมเพื่อตอกย้ำให้รัฐบาลรับไปพิจารณาและดำเนินการ แต่เหมือนรัฐบาลมองไม่เห็น ไม่ได้ยิน และเมินเฉย เหมือนไม่เคยพูดถึงข้อเรียกร้องทั้ง 3 ด้วยการตั้งรับฟังความเห็นจากคนรุ่นใหม่

หากรัฐบาลมีความจริงใจที่จะรับฟังเสียงของประชาชนจริง ต้องเริ่มจากการนำข้อเรียกร้องทั้ง 3 ไปดำเนินการ เพราะไม่ว่าพวกเราจะพูดในที่ชุมนุม หรือในเวทีรับฟังความเห็นยังไงก็ตาม ข้อเรียกร้องของเราก็ยังเหมือนเดิม คือ หยุดคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ยุบสภา

นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่าที่นายกฯ กล่าวเช่นนี้ ตนคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกจากหลีกเลี่ยงไม่รับฟังปัญหาของนักศึกษา แล้วยังอ้างปัญหาที่เกิดจากความไร้ประสิทธิภาพของรัฐบาลเพื่อถ่วงเวลานี้ออกไป สุดท้ายแล้วไม่มีปัญหาใดเลยที่ได้รับการแก้ไขจากรัฐบาล ขณะนี้ประเทศไทยเดินทางมาถึงทางตันที่เกิดจากการบริหารงานของพล.อ.ประยุทธ์ทั้งสิ้น ถึงเวลาแล้วที่นายกรัฐมนตรีควรแสดงความจริงใจต่อประชาชนด้วยการเข้ามารับฟังความคิดเห็นนักศึกษาด้วยตัวเองอย่าหวังจัดเวทีปาหี่จับตุ๊กตาเล่นละครเตะถ่วงเวลาต่ออายุรัฐบาล

“สิ่งที่นายกฯ ต้องตระหนักได้ในวันนี้คือประเทศชาติอยู่ในวิกฤตโรคระบาด ซ้อนด้วยวิกฤตเศรษฐกิจ หนำซ้ำด้วยวิกฤตการเมืองและยังมองไม่เห็นหนทางออกเลย ผู้ที่ได้รับผล กระทบโดยตรงคือประชาชน เรากำลังอยู่มนประเทศที่ผู้บริหารอำมหิตไม่นึกถึงชีวิตของใคร” นายณัฐชากล่าว

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงนายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ระบุรัฐบาลไม่ได้คุกคามนักศึกษา เป็นเพียงส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลความปลอดภัยว่า เวลาที่คนในเครือข่ายของรัฐบาลปฏิเสธเรื่องข่มขู่คุกคามนักเรียนนิสิตนักศึกษาประชาชน จะออกทางนี้ตลอด ไม่มีอะไรใหม่ สังคมไม่ได้ประโยชน์

นายอนุสรณ์กล่าวอีกว่า สิ่งที่ถูกต้องคือไม่ควรจะมีใครถูกกระทำการข่มขู่คุกคามแบบนี้ การเรียกร้องให้นายกฯ และหน่วยงานของรัฐ เคารพสิทธิและเสรีภาพประชาชนตามข้อตกลงว่าด้วยสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ และตามหลักประชาธิปไตย กำชับให้เจ้าหน้าที่และหน่วยงานของรัฐปฏิบัติตามกฎหมาย หลักนิติธรรมอย่างเท่าเทียมกับทุกฝ่าย ไม่ใช่เป็นการสุมไฟ แต่เป็นการถอนฟืนออกจากกองไฟ รัฐบาลอย่าคิดแต่ตอบโต้การเมืองแล้วละทิ้งข้อเท็จจริงอันสำคัญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน