‘สมัชชาคนจน’เดือด
ผู้นำก็โดน-ฮึ่มบุกกรุง
ลามอีก-ม็อบนร.มัธยม
สวนกุหลาบนนทบุรี
พรึ่บ-ชูกระดาษเปล่า

ศาลให้ประกัน 9 ผู้ต้องหาคดีชุมนุมทางการเมืองที่ถูกจับล่าสุด รวมถึงทนายอานนท์ด้วย โดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์ แต่มีเงื่อนไขห้ามกระทำอย่างที่ถูกกล่าวหาอีก ขณะที่สมัชชาคนจนมาแล้ว ออกแถลงการณ์พร้อมเข้ากรุง ปักหลักชุมนุมร่วมกับม็อบปลดแอกอย่างยืดเยื้อ ซัดรัฐบาลบิ๊กตู่กดขี่ข่มเหงพี่น้องคนจนมาตลอด ทั้งไล่รื้ออพยพคนออกจากที่ทำกิน แย่งชิงทรัพยากรดิน-น้ำ-ป่าสร้างเขื่อนทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ เพิกเฉยต่อปัญหาคนไม่มีอันจะกิน ตร.ไล่จับรูดแกนนำ-คนที่ขึ้นเวทีม็อบปลดแอกวันเดียว 9 คน นักร้องแร็พประเทศกูมีก็โดน ตำรวจบุกบ้านไปควบคุมตัวแต่เช้า คุมตัวขึ้นศาลขออำนาจฝากขัง สวนกุหลาบนนท์ทั้ง 6 ระดับชั้นเรียนพรึ่บขึ้นสแเตนด์ชูกระดาษเปล่าแสดงสัญลักษณ์

 

ได้ประกัน – นายอานนท์ นำภา ทนายความสิทธิมนุษยชน พร้อมผู้ร่วมชุมนุมประชาชนปลดแอก รวม 9 คน ถูกปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่ต้องมีหลักประกัน หลังตำรวจจับดำเนินคดีหลายข้อหานำตัวฝากขังต่อศาลอาญา เมื่อวันที่ 20 ส.ค.

 

ธนาธรรับ-อยู่ข้างหลังจริงๆ

เมื่อเวลา 22.30 น. วันที่ 19 ส.ค. ที่สน.สำราญราษฎร์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อม น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกคณะก้าวหน้า เข้าร่วมสังเกตการณ์สถานการณ์ หลังนายบารมี ชัยรัตน์ กลุ่มสมัชชาคนจน ถูกตำรวจจับกุมหน้าวัดบวร นิเวศ กรณีชุมนุมร่วมกับกลุ่มประชาชนปลดแอก เมื่อวันที่ 18 ก.ค. บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยนายธนาธรถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกันไม่ให้ขึ้นไปบนโรงพักระหว่างกำลังทำบันทึกจับกุม

ระหว่างนั้นนายธนาธรได้นั่งจับกลุ่มเสวนาบนพื้นกับหมู่นักศึกษาที่มารอให้กำลังใจนายบารมี ซึ่งช่วงหนึ่งนายธนาธร ระบุถึงกรณีมีกระแสข่าวกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลังของม็อบนักศึกษาว่า “ผมนี่แหละอยู่ข้างหลัง เพราะวิ่งตามน้องๆ เขาไม่ทัน เบื้องหลังที่ว่า แง่หนึ่งคือผมอยากให้กำลังใจสนับสนุน แต่จะให้ผมมาอยู่ข้างหน้าน้องๆ เกรงจะไม่เหมาะสม เพราะนี่ (การชุมนุมแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาล) เป็นสิ่งที่พวกเขาสร้างกันขึ้นมาเอง แม้แต่ผมเองมาเห็นแบบนี้ก็ตกใจ มันยิ่งใหญ่มาก”








Advertisement

 

ให้กำลังใจ – นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า จับเข่าพูดคุยกับกลุ่มนักศึกษา ระหว่างรุดมาร่วมให้กำลังใจกลุ่มผู้ชุมนุมประชาชนปลดแอกถูกจับ และนำตัวมาสอบสวนที่สน.สำราญราษฎร์ เมื่อกลางดึกวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมา

 

ชื่นชมนร.-นิสิตนศ.กล้าแสดง

ช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. นายอภิรักษ์ ชัชอานนท์ หรือเสี่ยโป้ เดินทางมาที่ สน. สำราญราษฎร์ เพื่อจะได้คุยกับนายธนาธร เมื่อผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่าประเด็นที่ต้องการจะพูดคุยกับนายธนาธรคืออะไร เสี่ยโป้ตอบว่าต้องการหารือถึงแนวทางการเมืองที่จะไม่สร้างความขัดแย้ง ซึ่งเมื่อเสี่ยโป้เดินพบกับนายธนาธร แต่ก็ไม่มีการพูดคุยอะไรกันแต่อย่างใด จากนั้นเสี่ยโป้จึงเดินกลับทันที

ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามนายธนาธร ว่าเสี่ยโป้ต้องการมาพูดคุยในประเด็นใด นายธนาธรตอบเพียงสั้นๆ ว่าไม่ทราบ และที่เดินออกมาเพราะพรุ่งนี้มีภารกิจในช่วงเช้า ส่วนที่เดินทางมาในค่ำคืนนี้ เพียงต้องการพบและให้กำลังใจนายบารมี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาต

นายธนาธรกล่าวว่า หลังจากประชุมงบประมาณประจำปี 2564 เสร็จแล้ว จึงเดินทางมาให้กำลังใจนายบารมีเท่านั้น โดยก่อนหน้านี้พยายามจะไม่ออกมาแสดงตัวหลังมีบทบาททางการเมือง เพราะจะส่งผลเสียมากกว่าผลดี ต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุม และขอชื่นชมกลุ่มนักเรียน นักศึกษา ที่กล้าออกมาแสดงออก ด้วยการชูสัญลักษณ์ 3 นิ้ว ยืนยันว่า ตัวเองยังคงมีเจตนารมณ์เหมือนเดิมคือ ต่อต้านการสืบทอดอำนาจ

‘ตาล’ถูกจับกุมอีกเป็นคนที่ 3

นอกจากนี้ ช่วงเวลาประมาณ 23.10 น. นางสุวรรณา ตาลเหล็ก เดินทางจาก สน.ชนะสงคราม มาที่ สน.สำราญราษฎร์ แต่มีกลุ่มชายที่อ้างเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบเข้ามาพยายามฉุดรั้งไม่ให้ตนเดินทางมา ต่อมามีเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน กองบังคับการตำรวจนครบาล 1 เข้ามาแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมแสดงหมายจับและอ่านรายละเอียดหมายจับให้กับนางสุวรรณาฟัง ก่อนเชิญตัวนางสุวรรณา เข้าไปใน สน.สำราญ ราษฎร์ โดยที่นางสุวรรณา ได้สอบถามกลับเพียงว่า ทำไมจึงมีการจับกุมในช่วงค่ำยามวิกาล ทำไมจึงไม่ดำเนินการจับกุมในช่วงเวลากลางวัน

ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมที่มารอเฝ้าให้กำลังใจอยู่นั้น ได้ออกมาพูดผ่านไมโครโฟน ตั้งข้อสังเกตถึงการทำงานของตำรวจว่าเหตุใดจึงต้องจับกุมเหล่าแกนนำในเวลากลางคืน ทำไมไม่ดำเนินการในกลางวัน

ต่อมาเวลาประมาณ 00.40 น. วันที่ 20 ส.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แสดงหมายจับนายกรกช แสงเย็นพันธ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำที่มายืนสังเกตการณ์ อยู่ที่หน้าสน.สำราญ ราษฎร์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงอ่านรายละเอียดตามหมายจับในข้อหาเดียวกับ นายบารมี และนางสุวรรณา ก่อนควบคุมตัวนายกรกช เข้าไปในสน. ขณะที่มีการคุมตัวนายกรกช ได้เดินยกแขนชูมือสามนิ้วขึ้นเหนือศีรษะตลอดทาง

นักร้องแร็พประเทศกูมีก็ถูกจับ

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สน.สําราญราษฎร์ ทางเจ้าหน้าที่ร่วมกันควบคุมตัวนายเดชาธร บำรุงเมือง หรือฮอคกี้ Hockhacker’ ศิลปินวง Rap Against Dictatorship (RAD) เจ้าของบทเพลง “ประเทศกูมี” มาจากพื้นที่สภ. สมุทรปราการ เพื่อมารับทราบข้อกล่าวหารวม 7 ข้อหากรณีขึ้นเวทีม็อบวันที่ 18 ก.ค. โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วางแนวกั้นบริเวณทางขึ้นโรงพัก เพื่อไม่ให้ผู้ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและสื่อมวลชนเข้าไปภายใน โดยไม่มีกลุ่มมวลชนแม้แต่อย่างใด

ต่อมาเมื่อเวลา 11.11 น. นายเดชาธรได้ขึ้นรถตู้นิสสันของตำรวจมาถึงโรงพัก โดย เจ้าตัวไม่ได้พูดอะไรกับสื่อมวลชนเพียงชู 3 นิ้ว แสดงสัญลักษณ์เท่านั้น ก่อนยกมือไหว้ทักทายและเดินขึ้นโรงพักทันที มีนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เข้าร่วมสังเกตการณ์ในครั้งนี้

เวลา 11.45 น. นายณัฐพงศ์ ศรีม่วง หรือนัท aka Liberate P หรือ Liberate the People แร็พเปอร์สายการเมือง หนึ่งในศิลปิน ผู้สร้างสรรค์เพลงประเทศกูมี กล่าวว่า ในวันนี้ตนมาติดตามความคืบหน้าคดีของเพื่อน ซึ่งขณะนี้ตนยังไม่ได้ถูกหมายเรียกเพื่อมารับทราบข้อกล่าวหาแม้แต่อย่างใด แต่หลังจากนี้กลุ่มสมาชิกภายในวงอยู่ระหว่างการรวมตัวเดินทางมาให้กำลังใจด้วยเช่นกัน

นายณัฐพงศ์กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเพื่อนสมาชิกภายในวงที่ร่วมไปแสดงกิจกรรมในวันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมา ถูกหมายเรียก 1 คน และหมายจับ 1 คน แต่ส่วนที่หรือยังไม่ปรากฏแน่ชัดโดยไม่ทราบว่าที่ถูกออกหมายเรียกนั้นเป็นเพราะเนื้อหาเพลงหรือไปร่วมชุมนุมกับประชาชนปลดแอก

ขณะเดียวกัน นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือ เเอมมี่ เดอะ บอททอม บลูส์ หนึ่งในกลุ่มศิลปินที่ขึ้นร้องเพลงในเวทีการชุมนุมใหญ่ วันที่ 16 ส.ค. ได้เข้าให้กำลังใจนายเดชาธร โดยนั่งชู 3 นิ้ว แสดงสัญลักษณ์หน้าโรงพัก หลังทราบว่าถูกจับกุมเมื่อช่วงเช้า

‘เเอมมี่บอททอมบลูส์’อัดยับ

นายไชยอมรกล่าวว่า สำหรับฮอคกี้ เป็นรุ่นน้องโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และก่อนวันขึ้นเวที ฮอคกี้ ได้คุยกับตนว่ามีชื่อถูกออกหมายจับในกลุ่ม 31 คนตามที่เป็นข่าว ทำให้ไม่อยากขึ้นเวทีแสดงเพราะเกรงความปลอดภัย แต่พอตนยืนยันว่ายังจะขึ้นเวทีด้วย ฮอคกี้ก็เลยขึ้นเวทีด้วย วันนี้จึงมาให้กำลังใจ แม้จะช่วยอะไรไม่ได้มากแต่ฝากบอกถึงทุกฝ่ายว่าการจับกุมกลุ่มแกนนำนี้จะนำไปสู่ความรุนแรง แผนนี้จะใช้ไม่ได้ผล เชื่อว่าหลังจากนี้กลุ่มผู้ชุมนุมจะยกระดับสร้างกดดันตอบโต้โดยไม่ใช้ความรุนแรง แต่จะเป็นไปอย่างสร้างสรรค์

นายไชยอมรกล่าวอีกว่า แม้ตอนนี้ตนยังไม่ถูกหมายเรียก แต่หากว่าวันหนึ่งมีหมายมา ตนมองว่ามันผิดที่กระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ถามว่าคนที่รัฐประหารมาได้เคารพกฎหมายหรือไม่ แล้วมาบอกเราให้เคารพกฎหมาย ยืนยันว่าตนไม่ได้มาด้วยความโกรธแค้น แต่มาด้วยความเสียใจ

ล่าสุดถูกตามจับกุมแล้วถึง9คน

จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมนายอานนท์ นายบารมี น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และนายกรกช แสงเย็นพันธ์ แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ต่อมาศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าสรุปการจับกุมผู้ชุมนุมเยาวชนปลดแอก เพิ่มแล้ว 7 ราย จับคืนวันที่ 19 ส.ค. ขณะนี้นำตัวไปขอศาลฝากขัง ประกอบด้วย นายบารมี ชัยรัตน์, น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก, นายกรกช แสงเย็นพันธ์

จับกุมเช้าวันที่ 20 ส.ค. นายเดชาธร บำรุงเมือง, นายทศพร สินสมบุญ, นายธานี สะสม, นายณัฐวุฒิ สมบูรณ์ทรัพย์ ล่าสุดศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานว่าจับเพิ่มรายที่ 8 แล้ว นายธนายุทธ ณ อยุธยา หรือ “บุ๊ค” แร็พเปอร์วง Eleven Finger วัย 19 ปี ที่ขึ้นแร็พการเมืองในการชุมนุมเยาวชนปลดแอก เมื่อวันที่ 18 ก.ค. เมื่อรวมกับนายอานนท์ เป็นทั้งหมด 9 คน

ศาลอาญาตรึงกำลังแน่นหนา

เมื่อเวลา 08.19 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดา ภิเษก ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนการฝากขัง นายอานนท์ นำภา ที่ถูกตำรวจ สน.ชนะสงครามเข้าจับกุมบริเวณหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก, นายบารมี ชัยรัตน์ เลขาธิการสมัชชาคนจน, นางสุวรรณา ตาลเหล็ก แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และนายกรกช แสงเย็นพันธ์ แกนนำกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย ที่ถูกตำรวจ สน.สำราญราษฎร์ จับกุม ซึ่งทั้ง 4 คนพนักงานสอบสวนไม่อนุญาตให้ประกันตัวและมีรายงานว่าจะถูกคุมตัวมาขออำนาจศาลฝากขังในช่วงเช้า

โดยพื้นที่ที่ศาลมีกำลังตำรวจจาก สน.พหลโยธิน, กองบังคับการตำรวจนครบาล 2 เจ้าพนักงานตำรวจศาล รปภ. ตรึงกำลัง โดยรอบบริเวณพื้นที่ด้านในและนอกศาลอาญา เพื่อเตรียมความพร้อมรับการฝากขัง

ขณะที่การดูแลความเรียบร้อยบริเวณพื้นที่ศาลอาญา เจ้าหน้าที่ได้จัดจุดคัดกรองอนุญาตให้เจ้าหน้าที่ศาลและผู้มาติดต่อราชการมาแสดงตัวที่จุกคัดกรอง หากไม่มีภารกิจใดจะไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ศาล โดยตั้งจุดคัดกรองบริเวณธนาคารกรุงไทย และปิดถนนด้านในที่ผ่านหน้าศาลอาญา นอกจากนี้ พล.ต.ต. พัฒนา เพศยนาวิน ผบก.น.2 มาดูแลความเรียบร้อยและสั่งการด้วยตนเอง

ณัฏฐพลยันฟังเสียงนักเรียน

วันเดียวกัน นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยกรณีที่กลุ่มนักเรียนเลวมาชุมนุมเรียกร้องให้ ศธ.แก้กฎระเบียบเรื่อง ทรงผม การแต่งกายที่อาจจะละเมิดสิทธิมนุษยชน ว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่างหนังสือ และดูกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้โรงเรียนเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน คาดว่าไม่มีปัญหาอะไรที่จะเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน ยิ่งถ้าเป็นความคิดเห็นของนักเรียนเหมือนที่ตนได้รับฟังเมื่อวันที่ 19 ส.ค. น่าจะเป็นประโยชน์กับการศึกษา หลังจากนั้น ศธ.จะใช้เวลารวบรวมข้อมูลทั้งหมดและมาดูว่าเรื่องไหนที่เป็นปัญหาหลักที่นักเรียนสะท้อนมา หรือเรื่องไหนที่ศธ.สามารถทำได้ และเรื่องไหนที่ไม่สามารถทำได้ และเรื่องไหนที่ต้องใช้เวลาพิจารณาและเปลี่ยนแปลงในเรื่องต่างๆ

“เป็นการพูดคุยที่ ซึ่งผมยินดีต้อนรับไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักเรียน หรือกลุ่มครูหรือผู้บริหาร เมื่อวานสิ่งที่ผมเห็นจากนักเรียน คือไม่ได้เรียกร้องให้กลุ่มของนักเรียนเพียงอย่างเดียว แต่เรียกร้องให้เพื่อนนักเรียนที่ได้รับผล กระทบจากความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา เรียกร้องให้ครูที่มีภาระงานมากเกินไป และเรียกร้องว่านักเรียนได้รับสาระความรู้ที่อาจจะไม่ทันสมัย ไม่ทันเหตุการณ์ เป็นแนวคิดที่ผมดีใจ เพราะอนาคตของชาตินึกถึงเรื่องสำคัญๆ เหล่านั้น ส่วนความคิดเห็นทางการเมืองเป็นเรื่องธรรมดา เพราะพวกเขาโตและได้รับข้อมูลเร็วกว่าในอดีต ถ้าเราได้พูดคุยเจรจากันเหมือนเมื่อวานเราจะหาทางออกได้ ยอมรับว่า เป็นเรื่องที่ต้องลงรายละเอียด เช่น เรื่องตำราเรียน ซึ่งผมสามารถจัดทีมงานเข้าไปดูความเหมาะสมของตำราเรียนได้” นาย ณัฏฐพลกล่าว

พร้อมต้อนรับถ้าพากันมาอีก

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะให้โรงเรียนทั่วประเทศเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นหรือไม่ นายณัฏฐพลกล่าวว่า เป็นโรงเรียนที่คิดว่าอาจจะมีความกดดันอยู่ นักเรียนสามารถเสนอข้อร้องเรียนผ่านกรรมการสถานศึกษา ผ่านการรับฟังของครูหรือผู้อำนวยการโรงเรียน หรือผ่านสภานักเรียน และให้รวบรวมปัญหาทั่วประเทศมาที่ ศธ. แต่ตนมั่นใจว่าในหลายๆ เรื่องที่ร้องเรียนมาจะสะท้อนให้เห็นถึงความอึดอัดใจทั้งของครู นักเรียน และทุกคน

“ถือเป็นโอกาสดี ในการที่เราสามารถมองปัญหาไปในทิศทางเดียวกัน จริงๆ แล้วอนาคตของพวกเรา อนาคตของผม ก็อยู่ในมือของเด็กๆ ดังนั้น ถ้าเขามองว่าการขับเคลื่อนไปอะไรที่เหมาะสมและเป็นสิ่งที่ดี ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ ศธ.ต้องพิจารณา” นาย ณัฏฐพลกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้านักเรียนเลวมาชุมนุมที่ ศธ.อีกจะรับฟังนักเรียนหรือไม่ นายณัฏฐพลกล่าวว่า ถ้านักเรียนจะมาชุมนุมที่ ศธ.อีก ตนยินดีรับฟัง แต่อยากให้มีการพูดคุยกันอย่างสันติวิธีและสงบ เมื่อวานตนเสียโอกาสที่จะพูดคุยกับนักเรียนหรือแกนนำโดยตรง ไม่ได้จะพูดแต่พร้อมจะรับฟังแกนนำ และจากการชุมนุม เราจะเห็นว่าเมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ต้องพร้อมที่รับฟังความคิดเห็นที่เห็นต่างของเด็กๆ ถ้าตนรับฟังนักเรียนได้ เชื่อว่าครูทุกคนสามารถทำได้และพยายามทำความเข้าใจกับนักเรียนด้วย

“สิ่งที่ผมให้ความสำคัญคือได้มีโอกาสพูดคุยกับนักเรียน ส่วนความคิดเห็นที่มองว่าต้องไปต่อแถวนักเรียน ผมไม่มีปัญหา เพราะถ้าไม่เข้าแถว ผมก็ไม่มีวันรับรู้ข้อมูลเหล่านี้ เมื่อโรงเรียนเปิดกว้างในการรับฟังความคิดเห็น ส่วนที่กังวลว่าจะมีการชุมนุมและมีการยกระดับในโรงเรียน ผู้อำนวยการโรงเรียนสามารถตัดสินใจและบริหารจัดการพูดคุยตักเตือนได้ ต้องยอมรับว่าหากมีประเด็นอะไรที่ไม่เหมาะสม ประเด็นที่ก้าวร้าวหรือผิดกฎหมาย เป็นอำนาจของเจ้าหน้าที่และ ผู้บริหารในการดูแล เราหลบตรงนั้นไม่ได้ อะไรที่เราทำแล้วต้องยอมรับผลกระทบที่ตามมา” นายณัฏฐพลกล่าว

ศธ.ออกประกาศฟังความเห็น

นายประเสริฐ บุญเรือง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ตามที่รมว.ศึกษาธิการ ให้โรงเรียนเปิดรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน เพื่อรวบรวมข้อคิดเห็นและสรุปแนวทางแก้ปัญหานั้น สำนักงานปลัดศธ. ได้ ออกหนังสือด่วนที่สุด เรื่อง การเปิดรับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นักศึกษา เพื่อส่งเสริมสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 ถึงหน่วยงานที่มีสถานศึกษาในสังกัด

ทั้งสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) เพื่อแจ้งไปยังสถานศึกษาในสังกัด เนื่องด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันกิจกรรมการแสดงความคิดเห็นในประเด็นที่เกี่ยวกับการพัฒนาระบบการศึกษา อาทิ หลักสูตรการเรียนการสอน เครื่องแบบนักเรียน และทรงผมนักเรียนและการแสดงออกทางการเมืองของนักเรียน นักศึกษา มีการรวมกลุ่มในหลายระดับและขยายตัวในวงกว้างมากขึ้น ทั้งนี้การแสดงความคิดเห็นของนักเรียน นักศึกษา ถือว่าสามารถทำได้ โดยเป็นไปตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฯ ศธ. จึงเห็นควรให้สถานศึกษาในสังกัดและในกำกับศธ. เปิดรับฟังความเห็นของนักเรียน นักศึกษา ในประเด็นที่เกี่ยวกับการพัฒนา ระบบการศึกษาและการเมือง ดังนี้

ศธ.สั่งทุกโรงเรียนเปิดพื้นที่

1.ให้สถานศึกษาเปิดรับฟังความเห็นของนักเรียน นักศึกษา โดยนักเรียน นักศึกษาแสดงความคิดเห็นผ่านกิจกรรมของสภานักเรียน หรือ องค์กร/กลุ่ม ซึ่งเป็นผู้แทนนักเรียน นักศึกษาในระดับสถานศึกษา ทั้งนี้ ขอให้ผู้บริหารสถานศึกษาคำนึงถึงการส่งเสริมสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกและความปลอดภัยของนักเรียน นักศึกษา 2.ผู้บริหารสถานศึกษา นำข้อเสนอของนักเรียน นักศึกษา เสนอต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือ หน่วยงานต้นสังกัดในพื้นที่ 3.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา หรือหน่วยงานต้นสังกัดในพื้นที่ ดำเนินการรวบรวมและจัดทำสรุปผลการเปิดรับฟังความเห็นของนักเรียน นักศึกษา ในภาพรวมของจังหวัด เสนอต่อหัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัด 4.หัวหน้าส่วนราชการต้นสังกัด จัดทำสรุปผลการเปิดรับฟังความเห็นของนักเรียน นักศึกษาในภาพรวมของหน่วยงาน และขอความอนุเคราะห์จัดส่งข้อมูลมายังสำนักบูรณาการกิจการการศึกษา สป.ที่อีเมล์ [email protected] ภายในวันที่ 15 ก.ย. เพื่อเสนอผู้บริหารกระทรวงต่อไป

การปฏิบัติตามระเบียบศธ. ว่าด้วยการไว้ทรงผมของนักเรียนพ.ศ.2563 สถานศึกษาได้ดำเนินการตามระเบียบดังกล่าวตามข้อ 7 แตกต่างกันไปจนเกิดปัญหาต่อนักเรียน นักศึกษาบางส่วน ซึ่งศธ.อยู่ระหว่างพิจารณาทบทวนรายละเอียดของระเบียบดังกล่าว ทั้งนี้ ในขั้นต้นรัฐมนตรีว่าการศธ.มีนโยบายขอให้งดการดำเนินการตามระเบียบข้อ 7 ไว้พลางก่อนในการนี้ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ พิจารณาแล้ว เห็นสมควรแจ้งหน่วยงานและสถานศึกษาในสังกัดและในกำกับของท่าน รับทราบและดำเนินการตามแนวทางการเปิดรับฟังความเห็นของนักเรียนนักศึกษาดังกล่าวข้างต้น เพื่อส่งเสริมสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฯ

อจ.จุฬาฯ ชี้เด็กถูกกดทับ-กดดัน

ด้านนายสมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การชุมนุมที่ผ่านมาถือเป็นภาพที่ดี ถือเป็นครั้งแรกที่รมว.ศึกษาธิการออกมารับฟังความคิดเห็นของนักเรียน นับเป็นการเรียนรู้ประชาธิปไตยร่วมกัน สิ่งที่นักเรียนเรียกร้องมาไม่ว่าจะเป็นเรื่องทรงผม หรือเครื่องแต่งกาย หากศธ.จะพิจารณายกเลิก ต้องรับฟังความคิดเห็นของเด็กอย่างรอบด้าน เพื่อไม่ให้เกิดความเหลื่อมล้ำทางความคิดด้วย

“การที่นักเรียนชุมนุมครั้งนี้แล้วบางส่วนมองว่าเด็กนั้นก้าวร้าว ขอให้ทำความเข้าใจเด็กด้วย เพราะเด็กถูกกระทำ ถูกอำนาจกดทับ พอมาเข้าร่วมเวทีอาจจะแฝงเรื่องความรุนแรง ก้าวร้าว เพราะได้แสดงออกหลังจากถูกกดดันมานาน การที่รัฐมนตรีว่าการ ศธ.ร่วมรับฟังความคิดเห็น ถือเป็นนิมิตหมายที่ดี ดังนั้นนักเรียนควรลดความก้าวร้าว ควรแสดงออกทางเหตุผล และตรรกะให้มากขึ้น โดยมุ่งสู่สาระการเรียกร้องว่าต้องการให้ ศธ.แก้ไขเรื่องใดบ้าง การชุมนุมของนักเรียนเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมที่ผ่านมาถือเป็นเรื่องดี และเป็นการเบ่งบานทางประชาธิปไตย และเป็นต้นกล้าทางประชาธิปไตยของประเทศ” นายสมพงษ์กล่าว

บช.น.แจงจับ‘อานนท์ นำภา’

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รองผบช.น. ฐานะโฆษกบช.น. แถลงความคืบหน้าการดำเนินคดีกับกุมผู้ชุมว่า ด้วยวันที่ 19 – 20 ส.ค. บช.น. ได้จับกุมแกนนำจัดกิจกรรมชุมนุมต่างๆ ในห้วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการจับกุมตามหมายจับศาลอาญา มีรายละเอียด ดังนี้ 1.กรณีการจัดกิจกรรม “เสกคาถาผู้พิทักษ์ ปกป้องประชาธิปไตย” เมื่อวันที่ 3 ส.ค. เพื่อเรียกร้อง ในประเด็นต่าง ๆ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บางส่วนของการจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.ชนะสงคราม

ต่อมาปรากฏหลักฐานตามสมควรว่า นายอานนท์ นำภา หนึ่งในผู้ปราศรัย ได้กระทำความผิดอาญา เป็นกรณีที่จะขออนุมัติศาลออกหมายจับและศาลได้ออกหมายจับตามกรณีดังกล่าวและจับกุมตัว พร้อมแจ้ง 3 ข้อหา

จับเพิ่มอีก 8 คดีชุมนุม 18 ก.ค.

พล.ต.ต.จิรพัฒน์กล่าวต่อว่ากรณีต่อมาการจัดกิจกรรมของกลุ่มเยาวชนปลดแอก เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งในการจัดกิจกรรมมีการกระทำผิดกฎหมายนั้น พล.ต.ต.จิรพัฒน์กล่าวว่า ได้แจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สน.สำราญราษฎร์ โดยปรากฏพยานหลักฐานตามสมควรว่ามีแกนนำหลายรายได้กระทำความผิดอาญา เป็นกรณีที่จะขออนุมัติศาลออกหมายจับและศาลได้ออกหมายจับตามกรณีดังกล่าว โดยได้มีการจับกุมแกนนำในห้วงก่อนหน้านี้ไปแล้ว จำนวน 3 ราย คือ นายภาณุพงศ์ จาดนอก, นายอานนท์ นำภา และ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์

ต่อมาเมื่อวันที่ 19 – 20 ส.ค.เจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมตัวแกนนำตามหมายจับศาลอาญา ลงวันที่ 11 ส.ค. เพิ่มเติมอีก จำนวน 8 ราย ได้แก่ นางสุวรรณา ตาลเหล็ก นายบารมี ชัยรัตน์ นายกรกช แสงเย็นพันธ์ นายทศพร สินสมบุญ นายเดชาธร บำรุงเมือง นายธานี สะสม นายณัฐวุฒิ สมบูรณ์ทรัพย์ นายธนายุทธ ณ อยุธยา

“บช.น. ขอเรียนให้ทราบว่า การดำเนินคดีและการจับกุมแกนนำจัดกิจกรรมดังกล่าว เป็นการดำเนินการ ตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา และกฎหมายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด โดยคำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานตามกฎหมายของผู้ถูกจับกุม ได้ให้แพทย์ตรวจร่างกาย แจ้งสิทธิ และควบคุมตัวตามกฎหมาย” รองผบช.น. กล่าว

สมัชชาคนจนอัดยับบิ๊กตู่

วันเดียวกัน สมัชชาคนจน ได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 ระบุว่าสมัชชาคนจนสนับสนุนข้อเรียกร้องของเยาวชนปลดแอก และเรียกร้องให้ยุติการดำเนินคดีต่อนายบารมี ชัยรัตน์ เลขาธิการสมัชชาคนจน และแกนนำนักเรียนนักศึกษาทุกคน โดยประเทศไทยอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมืองที่สำคัญอีกครั้ง รัฐบาลของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กดขี่ข่มเหงพี่น้องคนจนมาตลอด เช่น ไล่รื้ออพยพคนจนออกจากที่ทำกิน แย่งชิงทรัพยากรดิน-น้ำ-ป่าเพื่อสร้างเขื่อน เพื่อทำเขตเศรษฐกิจพิเศษ ไม่เคยแก้ไขปัญหาของคนจนอย่างจริงใจ ผู้นำของเราถูกเจ้าหน้าที่รัฐติดตาม คุกคาม ข่มขู่ สกัดกั้นไม่ให้เรียกร้องความเป็นธรรม รวมถึงถูกกลั่นแกล้งทางกฎหมายต่างๆ นานา เพื่อสร้างภาระ และกีดกันการเข้าถึงความยุติธรรม

เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มีผลบังคับใช้แล้ว นักศึกษา คนงาน เกษตรกร และคนจนอื่นๆ ซึ่งตระหนักในสิทธิและเสรีภาพทางเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ได้ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาที่หมักหมมมานาน กระทั่งเกิดการชุมนุมใหญ่ของนักศึกษา นำโดยกลุ่มเยาวชนปลดแอก เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยมีข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ซึ่งนายบารมี ชัยรัตน์ เลขาธิการสมัชชาคนจน ได้เข้าร่วมสังเกตการณ์การชุมนุม และมีโอกาสปราศรัยในเวทีดังกล่าว

พร้อมร่วมชุมนุมอย่างยืดเยื้อ

สมัชชาคนจนเห็นว่า ข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อของกลุ่มเยาวชนปลดแอก สอดคล้องกับจุดยืนของสมัชชาคนจน เพราะคนจนถูกผู้มีอำนาจในนามของรัฐข่มขู่คุกคามเสมอมา เราสนับสนุนให้ยุบสภาเพื่อให้มีผู้แทนราษฎรและรัฐบาลที่มาจากประชาชน เข้ามาแก้ไขปัญหาของคนจน และเราต้องการรัฐธรรมนูญใหม่ ที่เป็นประชาธิปไตยที่กินได้ การเมืองที่เห็นหัวคนจน อย่างที่เราเรียกร้องเสมอมา แต่ขณะนี้นายบารมี ถูกจับกุมดำเนินคดี เพราะต้องการใช้สิทธิและเสรีภาพตามกฎหมายในการเข้าร่วมการชุมนุมโดยสงบดังกล่าว ซึ่งการกระทำของรัฐเป็นการคุกคามสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอันเป็นหลักการของระบอบประชาธิปไตย

สมัชชาคนจนขอสนับสนุนข้อเรียกร้องทั้ง 3 ประการของกลุ่มเยาวชนปลดแอก และเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายบารมี ชัยรัตน์ และแกนนำที่ถูกจับกุมในทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข พร้อมทั้งยุติการคุกคามดำเนินคดีแกนนำทุกคน สมัชชาคนจนพร้อมที่จะเคลื่อนไหว และปักหลักชุมนุมยืดเยื้อที่กรุงเทพมหานคร หากไม่มีการดำเนินการใดๆ ในทันที ต่อข้อเรียกร้องของเรา

ชู 3 นิ้ว – นักเรียนมัธยมฯ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ชู 3 นิ้ว ระหว่างร้องเพลงเคารพธงชาติ และนักเรียนหญิงผูกโบขาวที่ผม แสดงสัญลักษณ์ขับไล่เผด็จการ ทวงคืนประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 20 ส.ค.

‘ส.ก.นนท์’ก็ไม่เอาเผด็จการ

เมื่อเวลา 07.45 น. ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี จ.นนทบุรี มีนักเรียนมัธยมศึกษา กว่า 500 คน ยืนเข้าแถวเคารพธงชาติหน้าเสาธง บริเวณลานอเนกประสงค์ของโรงเรียน โดยมีกลุ่มนักเรียนจำนวนหนึ่ง ใช้โบสีขาวมัดผม ทันทีที่เริ่มร้องเพลงชาตินักเรียนจำนวนมากต่างพร้อมใจกันยกมือซ้ายชู 3 นิ้ว พร้อมกันจนจบเสียงเพลง เพื่อแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ “ไม่เอารัฐบาลเผด็จการ”

นักเรียนคนหนึ่งเปิดเผยว่าการแสดงออกในครั้งนี้ ทางนักเรียนแต่ละระดับชั้นได้นัดหมายกันทางไลน์กลุ่มห้องแต่ละห้อง ว่าในวันนี้ช่วงเช้า ขณะเคารพธงชาติจะพร้อมใจกันการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ ซึ่งเป็นสิทธิและเสรีภาพทางความคิดในเรื่องทางการเมือง โดยต้องการเรียกร้องประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ

ต่อมาเวลา 16.00 น. หลังเลิกเรียน นักเรียนตั้งแต่ระดับชั้นม.1-6 ได้รวมตัวกันที่สนามโรงเรียน พร้อมกับจัดกิจกรรม #SKNfreeyouth ด้วยการชูกระดาษเปล่าพร้อมกันด้วย

โคราชครั้งที่ 2 – นักเรียนนักศึกษาชุมนุมใหญ่ ‘โคราชจะไม่ทน ครั้งที่ 2’ ต่อต้านเผด็จการ ทวงคืนประชาธิปไตย เรียกร้องหยุดคุกคาม- ร่างรธน.ใหม่-ยุบสภา และหยุดบิดเบือนโจมตีใส่ร้าย ที่ลานย่าโม จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 20 ส.ค.

แกนม็อบโคราชถูกคุกคาม

เมื่อเวลา 13.30 น. วันเดียวกัน ที่บริเวณข้างลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) เขตเทศบาลนคร ( ทน.) นครราชสีมา นายกฤติพงศ์ ปานสูงเนิน อายุ 21 ปี แกนนำจัดชุมนุมโคราชจะไม่ทน ร่วมแสดงอุดมการณ์ Korat No เผด็จการ เพื่อต่อต้านเผด็จการและทวงคืนประชาธิปไตยแก่ประเทศชาติและประชาชน พร้อมพวก กำลังจัดเตรียมสถานที่ ติดตั้งเครื่องขยายเสียง กำหนดจุดเว้นระยะห่างและคัดกรอง เพื่อใช้เป็นเวทีปราศรัยชุมนุมกันในช่วงเย็น ตั้งแต่เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป

นายกฤติพงศ์ ได้ใช้เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “วันนี้ผมมารายงานตัวและเสียค่าปรับในข้อหาจัดชุมนุม #โคราชจะไม่ทน แต่เราก็ไม่หวั่นกลัวต่ออำนาจรัฐที่ไม่เป็นทำ เพราะพรุ่งนี้เราจะจัดอีกครั้ง มาร่วมกันสร้างประวัติ ศาสตร์หน้าใหม่ให้กับโคราช มาแสดงพลังว่าคนโคราชไม่เอารัฐบาลเผด็จการแล้ว #เราจะสู้จนกว่าประชาชนจะชนะ นี่แหละ ถ้ารัฐบาลดีผมคงไม่ต้องมาจัดม็อบไล่ #รัฐบาลเฮงซวย แล้วพรุ่งนี้เจอกัน #โคราชจะไม่ทนEP2 เวลา 17:00 น.เป็นต้นไป ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าว สุรนารี แบบเบิ้มๆ” มีการแชร์กว่า 1.5 พันครั้ง มีบรรดาแฟนคลับให้กำลังใจกันในเฟซบุ๊กกันอย่างล้นหลาม

นายกฤติพงศ์กล่าวว่า ถูกดำเนินคดีในข้อหาเรี่ยไรเงินโดยไม่ได้รับอนุญาต เสียค่าปรับ 200 บาท และ ข้อหาใช้เครื่องเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต ค่าปรับ 200 บาท

ขอนแก่นพรึ่บ – กลุ่มขอนแก่นพอกันที จัดชุมนุมประกาศย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง หยุดคุกคาม-ร่างรธน.ใหม่-ยุบสภา มีนักเรียนนักศึกษา และประชาชนเข้าร่วมจำนวนมาก ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย อ.เมือง จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 20 ส.ค.

ชาวขอนแก่นก็ชุมนุมพรึ่บ

ที่บริเวณศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ฝั่งอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ศรีจันทร์ เขตเทศบาลนครขอนแก่น กลุ่มขอนแก่นพอกันที ได้นำเครื่องเสียงพร้อมอุปกรณ์ติดตั้งเวทีปราศรัยใหญ่ โดยปิดถนนศรีจันทร์ฝั่งติดกับศาลหลักเมืองขอนแก่น 1 ช่องทางเพื่อตั้งเวที โดยมีเครือข่ายภาคประชาชน นักเรียน นักศึกษา และกลุ่มต่างๆ ที่สนใจ ทยอยเดินทางมาเข้าร่วม พร้อมกับประชาชน นักเรียน นักศึกษา และกลุ่มเคลื่อนไหวต่างๆ ต่างทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมจำนวนมาก โดยแกนนำกลุ่มผู้ชุมนุมได้จัดให้เขียนป้ายแสดงสัญลักษณ์ในการเรียกร้องประชาธิปไตยด้วย

นายศิวกร นามนวด แกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันที กล่าวว่า กิจกรรมวันนี้เป็นครั้งแรกที่มีการจัดกิจกรรมที่มีการปิดถนนใจกลางเมืองขอนแก่น จุดยืนทางกลุ่มของพวกเรายังเป็น 3 ข้อเรียกร้อง คือหยุดคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และยุบสภาเลือกตั้งใหม่ ขณะนี้ กระแสของนักศึกษา นักเรียน มีความพร้อมในระดับหนึ่งที่จุดติดแล้ว

ด้านนายอรรถพล บัวพัฒน์ หนึ่งในแกนนำกลุ่มขอนแก่นพอกันที กล่าวว่า กิจกรรมในวันนี้จะเป็นกิจกรรมที่สร้างสรรค์ และเน้นประชาชนมีส่วนร่วม เพื่อที่จะแสดงออกและไม่เกิดความเครียดที่ทรงพลัง สื่อสารไปถึงรัฐบาล ว่าชาวอีสานมีพลัง เพราะต่อจากนี้ไม่ใช่แค่ชาวขอนแก่นแต่เป็นชาวอีสานที่จะออกมาเรียกร้องกับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น

ศาลอนุญาตให้ประกันทั้ง 9 คน

เมื่อเวลา 18.29 น. วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอาญาเผยแพร่เอกสารข่าวกรณีฝากขัง 9 ผู้ต้องหา แกนนำคณะประชาชนปลดแอกในวันนี้ ว่า พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอหมายขัง นายบารมี ชัยรัตน์ นางสาวสุวรรณา ตาลเหล็ก นายกรกช แสงเย็นพันธ์ นายธานี สะสม นายเดชาธร บำรุงเมือง นายณัฐวุฒิ สมบูรณ์ทรัพย์ นายทศพร หรือทศ สินสมบุญ นายธนายุทธ ณ อยุธยา และ นายอานนท์ นำภา ผู้ต้องหา เพื่อสอบสวน ทนายความของผู้ต้องหาทั้งหมดยื่นคำคัดค้านคำร้องขอหมายขังดังกล่าว ศาลลงนั่งพิจารณาไต่สวนคำร้องขอหมายขัง โดยมีทนายความของผู้ต้องหาทั้งหมดเข้าร่วมฟังการไต่สวนในห้องพิจารณา ก่อนการไต่สวนศาลได้อธิบายคำร้องขอฝากขังของพนักงานสอบสวนและแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ผู้ต้องหาทั้งหมดทราบ แล้วไต่สวนพนักงานสอบสวนผู้ร้อง

หลังจากศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผู้ต้องหาทั้งหมด ผู้ขอประกันได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวให้ผู้ต้องหาทั้งหมด ศาลพิจารณาคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวดังกล่าวแล้ว มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งหมดระหว่างสอบสวนตลอดจนถึงชั้นพิจารณาชั่วคราว โดยมีประกันในวงเงินคนละ 100,000 บาท โดยไม่ต้องมีหลักประกัน แต่มีเงื่อนไขห้ามกระทำการใดๆ ในลักษณะเดียวกับการกระทำที่ถูกกล่าวหาในคดีนี้อีก มิฉะนั้นถือว่าผิดสัญญาประกัน ศาลได้แจ้งคำสั่งปล่อยตัวชั่วคราวดังกล่าวและปล่อยตัวผู้ต้องหาแล้ว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน