4สถาบันชุมนุม
บี้รัฐเลิกคุกคาม
ก้าวไกลอัดจนท.
บุกบ้านอนุบาล
โพลชี้-หนุน3ข้อ

น.ศ. 4 สถาบันชุมนุมลานคนเมือง ลั่น ‘ทุกคนคือแกนนำ’ ใครถูกจับให้ที่เหลือนำแทน จี้รัฐบาลหยุดคุกคาม ศิษย์เก่า ราชินียื่นจ.ม.เปิดผนึก ค้านคำสั่งโรงเรียน ห่วงกล่าวหาเด็กในเรื่องอันตราย ทั้งที่ไม่ได้ทำ กมธ.รับฟังน.ศ. อึ้งทัศนคติคน ‘ศธ.’ ไม่แปลกใจโดนนักเรียนประท้วงหน้ากระทรวง ก้าวไกลติงบุกบ้านอนุบาลชู 3 นิ้ว สวนดุสิตโพลชี้ คนส่วนใหญ่หนุน 3 ข้อเรียกร้องน.ศ. ทั้งแก้รธน. ยุบสภาลาออก และหยุดคุกคาม

‘เอนก’ไม่ปิดกั้นนศ.แสดงออก

เมื่อวันที่ 23 ส.ค. นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.) กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำกับตนหลายครั้ง เพราะห่วงใยสถานการณ์บ้านเมืองเกี่ยวกับนักเรียน นิสิต นักศึกษา ตนจึงฝากให้อธิการบดี ติดตามดูแลประคับประคองอย่าให้อะไรที่ไม่ควรเกิดเกิดขึ้น ทั้งนี้ไม่ได้ห่วงเรื่องการจัดการชุมชนของกลุ่มนักศึกษา แต่ที่เป็นห่วง คือ การคุกคามและการบูลลี่ ระหว่างผู้เข้าร่วมและไม่เข้าร่วมชุมนุม ได้กำชับว่าอย่าให้เกิดความรุนแรงขึ้น อย่าให้มีการกระทำอะไรที่คุกคามกัน อยากเสนอแนะให้มีการรับฟังความเห็นของทุกฝ่าย ซึ่งส่วนตัวตนเห็นว่าเป็นลักษณะปกติของประเทศไทย ที่การเมืองขยับด้วยมหาวิทยาลัย คนรุ่นใหม่ที่เข้ามาเรียนเกิดความคิดเห็นใหม่ๆ ขึ้นมา และรัฐบาลจะต้องรับฟังความคิดเห็นนั้น

นายเอนกกล่าวต่อว่า ขอให้อธิการบดีทุกมหาวิทยาลัยสนใจนิสิตนักศึกษาในฐานะที่เป็นเยาวชน คนรุ่นใหม่ที่มีประสบการณ์และการรับรู้ที่แตกต่างจากคนในยุคก่อน อย่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของรองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิต นักศึกษาเท่านั้น ทั้งนี้จะต้องไม่ปิดกั้นการแสดงออก ไม่ห้ามหากจะวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล รัฐมนตรี สิ่งเหล่านี้สามารถวิพากษ์วิจารณ์และนำเสนอความคิดเห็นได้ แต่ห่วงการกระทำที่หมิ่นเหม่ กฎหมาย หรือรัฐธรรมนูญ อย่าให้มีการจาบจ้วง ก้าวล่วงสถาบัน หรือมีข้อเสนอให้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองของประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย ผู้บริหารควรทำให้นักศึกษาทุกกลุ่มได้เห็นถึงพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์

กมธ.อึ้งทัศนคติคน‘ศธ.’

ด้านนายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญรับฟังความเห็นของนักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา กมธ.ได้หารือเกี่ยวกับการทำโพลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับการชุมนุมของนิสิตนักศึกษาทั่วประเทศ ซึ่งทำร่วมกับสถาบันพระปกเกล้า เพื่อรับฟังความเห็นทุกฝ่ายอย่างรอบด้านมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในเวลาอันจำกัด โดยเท่าที่ กมธ.รวบรวมข้อมูลไว้ พบว่า มีการชุมนุมของนักเรียนนักศึกษาแล้วกว่า 190 จุดทั่วประเทศ การจะเชิญมาพูดคุยกับกมธ.ทั้งหมดคงเป็นไปได้ยาก ตนจึงเสนอให้มีมติทำโพล โดยใช้การรับฟังความคิดเห็นทางออนไลน์ ในที่ประชุมกมธ.เมื่อ วันที่ 20 ส.ค.ได้มีมติเห็นชอบ และได้ขอความร่วมมือกับผู้ช่วยปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะกมธ.ให้ช่วยประสาน นำแบบสอบถามไปเผยเเพร่ผ่านสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มตัวอย่างที่เป็นนักเรียนทั่วประเทศ แต่ผู้เเทนกระทรวงกลับบอกว่าได้หารือกับผู้บริหารเเล้ว ไม่สบายใจที่จะส่งเเบบสอบถามออกไป เพราะรู้อยู่เเล้วว่าผลลัพธ์ของโพลจะออกมาเป็นอย่างไร

นายอิสระกล่าวต่อว่า ผู้เเทนกระทรวงคนเดิมยังพูดอย่างไม่สะทกสะท้านกลางที่ประชุมทำนองว่า รู้อยู่แก่ใจนักเรียนไม่ได้ใสซื่ออย่างที่เราคิด เป็นประโยคที่กมธ.หลายคนฟังเเล้วส่ายหน้า รวมถึงนายภราดร ปริศนานันทกุล ส.ส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ในฐานะประธานกมธ.วิสามัญฯ ที่เป็นประธานในที่ประชุมอยู่ ถึงกับออกปากว่าไม่สบายใจที่ผู้เเทนกระทรวงพูดในลักษณะเช่นนี้








Advertisement

“ผมได้ขอให้ที่ประชุมบันทึกความเห็น ดังกล่าวไว้ ไม่ให้ความร่วมมือกับกมธ. เพราะผมเคยเตือนผู้เเทนกระทรวงคนเดิมคนนี้ ที่พูดกลางที่ประชุม กมธ. ตั้งแต่ครั้งเเรกๆ ว่า เด็กนักเรียนไม่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ห่วงเเต่เรื่องเรียนพิเศษ ผมคิดว่าการที่เด็กรวมตัวกันต่อต้านกระทรวงคงมีสาเหตุหนึ่งมาจากที่คนของกระทรวงมีแนวคิดอันตรายเช่นนี้ หากไม่ปรับทัศนคติก่อน คงไม่มีทางคุยกับเด็กรุ่นใหม่ได้รู้เรื่องอย่างเเน่นอน” นายอิสระกล่าว

ก้าวไกลติงบุกบ้านอนุบาลชู 3นิ้ว

ขณะที่นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์กำชับผู้นำเหล่าทัพ เฝ้าระวังม็อบนักเรียนนักศึกษา พร้อมระบุน้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือขวาง ว่า สถานการณ์เช่นนี้หากเป็นรัฐบาลสายเลือดประชาธิปไตยที่มาจากประชาชนจริงๆ คงไม่มีใครนิ่งดูดายต่อสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างแน่นอน แต่สถานการณ์การชุมนุมทุกแห่งหนในประเทศไทยขณะนี้เกิดขึ้นเพราะความไม่จริงใจมองประชาชนเป็นคู่ขัดแย้งของรัฐบาล ตามจับทุกคนที่ร่วมชุมนุมปราศรัยพูดความจริงถึงความไร้น้ำยาของรัฐบาล ตนพูดมาหลายครั้งและขอพูดอีกครั้งว่าสถานการณ์ไม่มีทางดีขึ้นตราบใดที่รัฐบาลยังใช้กฎโจร จัดการกับประชาชน การกระทำเช่นนี้ยิ่งเป็นระเบิดเวลาให้รัฐบาลหมดความชอบธรรม และอีกไม่นานจะไม่เหลือเหตุผลใดที่จะครองอำนาจต่อไป ละครกี่เรื่องกี่ฉากที่อนุมัติงบประมาณมาตบตาประชาชนว่า รัฐบาลยินดีรับฟังข้อเสนอของประชาชนและหาทางออกร่วมกัน ไม่ว่าจะกรรมาธิการวิสามัญรับฟังความเห็นนักศึกษา เวทีรับฟังความเห็นต่างๆ ตนอยากถามว่ารับฟังแบบไหน จับก่อนค่อยฟังหรือ ขอเรียกร้องให้แสดงบทบาทให้ประชาชนรู้สึกมีที่พึ่งกว่านี้

นายณัฐชากล่าวต่อว่า ล่าสุด กรณีที่มีภาพนักเรียนอนุบาลที่ชู 3 นิ้วเผยแพร่ทางโซเชี่ยลมีเดีย ถูกเจ้าหน้าที่รัฐบุกถึงบ้าน สังคมมีคำถามว่า เด็กอายุไม่เกิน 4 ขวบคือศัตรูของรัฐหรือ และไม่ควรกล่าวหาว่ามีผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำของเด็กอนุบาล ทั้งนี้นายกฯ ควรรับผิดชอบกับเรื่องนี้ หยุดคุกคามประชาชนแบบหลับหูหลับตา เด็กอนุบาล 3 คงไม่ใช่ภัยความมั่นคงของรัฐบาล กลับกันคดีร้ายแรงที่สำคัญและมีผลกระทบต่อสังคมมากมาย เจ้าหน้าที่เเละผู้มีอำนาจ กลับไม่เร่งพิสูจน์ ตรวจสอบเเละดำเนินคดี ในทางกลับกันคดีของผู้เห็นต่างทางการเมือง ท่านกลับเร่งดำเนินคดีกับเด็กเเละเยาวชน

ชี้เป็นทีมสหวิชาชีพไปบ้านเด็ก

วันเดียวกัน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. เปิดเผยกรณีเด็กอนุบาล ใน จ.ยโสธร ชู 3 นิ้ว แล้วมีการวิจารณ์ว่าเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงหรือตำรวจเข้าไปข่มขู่เด็กและผู้ปกครอง ว่า ได้รับรายงานจากบก.ภ.จ.ยโสธร ที่ตรวจสอบในเบื้องต้นทราบว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือเจ้าหน้าที่ของฝ่ายความมั่นคงเข้าไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับตัวเด็กและครอบครัวแต่อย่างใด แต่เป็นทีมสหวิชาชีพของหน่วยงานหนึ่งใน จ.ยโสธร ร่วมกับครูประจำชั้นของเด็ก ลงพื้นที่ร่วมกันเพื่อเยี่ยมบ้านผู้ปกครองของเด็ก และตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยผู้ปกครองแจ้งว่าเป็นการแชร์ภาพภายในครอบครัวเท่านั้น ไม่คิดว่าภาพจะถูกแชร์ไปมากกว่านี้ ทำให้เกิดประเด็นวิพากษ์วิจารณ์กันวงกว้างในโลกโซเชี่ยลมีเดีย ทางทีมสหวิชาชีพได้ทำความเข้าใจและให้คำแนะนำแก่ผู้ปกครองในการดูแลพิทักษ์สิทธิเด็กในการเผยแพร่ภาพทางสื่อออนไลน์ให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ซึ่งหลังจากให้คำปรึกษาแก่ ผู้ปกครองเด็กได้เข้าใจมากขึ้นและจะปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายดังกล่าวต่อไป

โพลชี้คนหนุน3ข้อเรียกร้องน.ศ.

วันเดียวกันนี้ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สรุปผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “การชุมนุมประท้วงของนักศึกษา ณ วันนี้” จากกลุ่มตัวอย่าง 197,029 คน สำรวจระหว่างวันที่ 16-21 ส.ค. พบว่า คนส่วนใหญ่เห็นว่าการประท้วงของนักศึกษา เป็นการเรียกร้องตามระบอบประชาธิปไตย ร้อยละ 59.11, 3 ข้อเรียกร้องของผู้ประท้วง ร้อยละ 62.84 เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะที่ร้อยละ 53.88 เห็นด้วยกับการเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ ยุบสภาหรือลาออก และร้อยละ 59.47 เห็นด้วยกับการเรียกร้องให้หยุดคุกคามประชาชน ในภาพรวมกลุ่มตัวอย่างเห็นด้วยกับการเรียกร้องชุมนุมร้อยละ 53.71 และไม่เห็นด้วยร้อยละ 41.17 ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า กลุ่มตัวอย่างมีมุมมองต่อการชุมนุมประท้วงว่าเป็นการใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตย เป็นการชุมนุมของคนรุ่นใหม่ที่กล้าแสดงออก ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้น แต่การชุมนุมนั้นก็ต้องเคารพในสิทธิของผู้อื่น มีความเป็นสุภาพชน ไม่จาบจ้วงสถาบัน ทั้งนี้ยังเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยเพราะอาจมีผู้ไม่หวังดี

ศิษย์เก่าราชินีร่อนจ.ม.ท้วง

จากกรณีที่โรงเรียนราชินี ออกประกาศโรงเรียน เรื่อง การเรียกร้องทางการเมืองโดยอ้างประชาธิปไตย ซึ่งห้ามไม่ให้นักเรียนใช้พื้นที่ของโรงเรียนเพื่อประเด็นทางการเมือง พร้อมระบุว่า หากฝ่าฝืนจะถูกลงโทษตามกฎระเบียบ หากผู้ปกครองไม่พอใจที่โรงเรียนแจ้งนี้ โรงเรียนยอมรับสิทธิ์ของผู้ปกครอง ที่จะนำนักเรียนลาออกไปเรียนที่โรงเรียนอื่นนั้น

ล่าสุด มีสมาชิกทวิตเตอร์รายหนึ่ง ระบุว่า ขออนุญาตนะคะ ตอนนี้ “ศิษย์เก่าราชินี” ส่วนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยกับประกาศของโรงเรียนกำลังเข้าชื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้โรงเรียนเปิดพื้นที่ให้น้องได้แสดงความคิดเห็นและจะนำไปยื่นให้โรงเรียนในวันจันทร์นี้ค่ะ หากศิษย์เก่าคนใดสนใจลงชื่อแจ้งมาได้นะคะจะจัดส่งลิงก์ลงชื่อให้ค่ะ”

โดยพบว่ามีการทำจดหมายเปิดผนึกเรื่อง ความกังวลต่อประกาศโรงเรียนราชินี เรื่อง การเรียกร้องทางการเมืองโดยอ้างประชาธิปไตย ทั้งนี้ ได้ระบุว่า ตามที่โรงเรียนราชินีมีประกาศ เรื่อง “การเรียกร้องทางการเมืองโดยอ้างประชาธิปไตย” ออกจดหมายเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2563 ฉบับที่ สผ.จ035/2563 ที่ผ่านมา ก่อให้เกิดความไม่สบายใจของศิษย์เก่าราชินีจำนวนมาก ถึงวัตถุประสงค์ของโรงเรียนในการออกประกาศฉบับนี้ ในประเด็นดังต่อไปนี้

ห่วงกล่าวหาเด็ก‘ก้าวล่วง’

ประการที่ 1 ตามที่ปรากฏในจดหมายว่า “…พื้นที่โรงเรียน ไม่เคยใช้ในทางการเมือง และไม่อนุญาตให้กลุ่มบุคคล หรือคณะบุคคลใด มาใช้พื้นที่ โดยผ่านนักเรียน หรือนักเรียนเก่า…” ขัดกับข้อเท็จจริงว่า ในอดีตที่ผ่านมาแม้ไม่ปรากฏชัดว่า มีการใช้พื้นที่ของโรงเรียนประกอบกิจกรรมทางการเมือง แต่ก็มีกลุ่มบุคคลซึ่งมีพฤติกรรมแอบอ้างนำชื่อของโรงเรียนไปใช้ทางการเมืองตลอดจนแสดงความคิดเห็นในนามของโรงเรียนอยู่เสมอโดยที่โรงเรียนไม่ได้โต้แย้ง

ดังนั้น หากโรงเรียนต้องการแสดงออกถึงความเสมอภาคในกลุ่มศิษย์เก่าและนักเรียนปัจจุบันอย่างแท้จริง ต้องเปิดโอกาสให้นักเรียนศิษย์ปัจจุบันสามารถมีพื้นที่ในการแสดงออกทางความคิดเห็นในมาตรฐานเดียวกัน

ประการที่ 2 ตามหลักสิทธิขั้นพื้นฐานและประกาศของ ศธ 0211.6/10419 ที่ได้ประกาศให้สถานศึกษาคำนึงถึงความปลอดภัยของการแสดงออกของนักเรียน โรงเรียนควรเป็นพื้นที่แสดงความคิดเห็นและมีบทบาทสำคัญในการรับรองความปลอดภัยของนักเรียนให้ปราศจากการคุกคามทุกรูปแบบ

ประการที่ 3 สืบเนื่องจากประการที่ 2 ที่สถานศึกษาต้องคุ้มครองนักเรียนในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง แต่ทางโรงเรียนกลับกล่าวหานักเรียนว่า “…ก้าวล่วงสถาบันหลักของประเทศ…” ทั้งที่นักเรียนไม่ได้กระทำการใดอันอาจกล่าวได้ว่าเป็นการก้าวล่วงซึ่งเป็นข้อกล่าวหาอันร้ายแรง ดังนั้น โรงเรียนจึงควรตรวจสอบให้แน่ชัดก่อนดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ และในขณะที่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดควรเป็นหลักยึดเหนี่ยวและสร้างขวัญกำลังใจให้นักเรียน รวมถึงสถาบันการศึกษาควรเป็นพื้นที่อันปลอดภัยสำหรับนักเรียนในการแสดงออกทุกรูปแบบ

เป็นกำลังใจน.ร.-ครูแก้ปัญหา

ประการที่ 4 ตามที่ประกาศระบุว่ามีปัญหาการกลั่นแกล้งภายในโรงเรียน หากปรากฏว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น ขอแสดงความเชื่อมั่นว่า ทางโรงเรียนย่อมจัดการปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างที่ดำเนินการมาตลอดตามครรลองของสถานศึกษาที่มีคุณภาพ และขอให้นักเรียนศิษย์ปัจจุบันแสดงความคิดเห็นทางการเมืองด้วยสันติวิธี โดยปราศจากการคุกคามหรือกลั่นแกล้งผู้เห็นต่างทางความคิด

ในฐานะตัวแทนศิษย์เก่าฯ จำนวนหนึ่งขอแสดงความห่วงใยศิษย์ปัจจุบัน และขอความกรุณาจากโรงเรียนโปรดแสดงจุดยืนที่จะเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับนักเรียนในการแสดงความคิดเห็นและแสดงออก โดยเชื่อมั่นว่าโรงเรียนจะเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของนักเรียนเฉกเช่นที่นักเรียนได้รับฟังและปฏิบัติตามกฎของโรงเรียนมาโดยตลอด ซึ่งจะเป็นการแลกเปลี่ยนความเห็น ลดช่องว่างทางความคิด และนำไปสู่ความเข้าใจและร่วมมือกันแก้ปัญหาได้ในที่สุด

บรรดาศิษย์เก่าฯ ที่มีรายนามข้างท้ายทุกคน ยังคงมีความรัก หวงแหน และตั้งใจที่จะสืบทอดวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีในส่วนที่ดีงามของโรงเรียนราชินีดังเดิม มิได้มีอคติหรือตั้งใจทำลายชื่อเสียงของโรงเรียนแต่อย่างใด ทั้งมิได้ต้องการก้าวล่วงหรือโจมตีความเชื่อความศรัทธาของบุคคลใด

ท้ายที่สุด ขอเป็นกำลังใจให้กับนักเรียนศิษย์ปัจจุบันที่กล้าหาญในการแสดงความคิดของตนเองและขอเป็นกำลังใจให้กับคณะครูทุกท่านให้ผ่านพ้นเหตุการณ์นี้ และเชื่อมั่นว่า โรงเรียนจะพัฒนาวิถีราชินีไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน เพื่อดำรงอยู่เป็นสถานศึกษาอันทรงเกียรติ และเป็นหลักยึดเหนี่ยวของศิษย์ทุกคนสืบไป ขอแสดงความนับถือ

ทั้งนี้มีศิษย์เก่าร่วมลงชื่อแล้วกว่า 800 คน และจะไปยื่นจดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าวถึงโรงเรียน ในวันที่ 24 ส.ค.นี้ เวลา 07.30 น.

กทม.-ตร.คุมเข้มลานคนเมือง

จากกรณีกลุ่มนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตร ศาสตร์ ภาคีนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ กลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย (SCFD) และ พะยอมเก๋า นัดทำกิจกรรม “เพราะทุกคนคือแกนนำ” ในวันที่ 23 ส.ค. เวลา 15.00 น. บริเวณลานคนเมือง กรุงเทพ มหานคร (กทม.) นั้น

เวลา 14.30 น. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพ มหานคร นายสุรเดช อำนวยสาร ผอ.เขตพระนคร เปิดเผยว่า ทางกลุ่มนิสิตนักศึกษาดังกล่าวได้ทำเรื่องขออนุญาตใช้พื้นที่ลานคนเมืองเมื่อช่วงวันที่ 21 ส.ค.ที่ผ่านมา โดยขอใช้พื้นที่การจัดกิจกรรมแสดงนิทรรศการภาพและวาดภาพโดยไม่มีปราศรัยกันเรื่องเกี่ยวกับสถาบันและรัฐบาลแต่อย่างใด จะมาชุมนุมกันประมาณ 30 – 200 คน ใช้เวลาตั้งแต่ 15.00-19.00 น. ซึ่งการประสานงานจะต้องมีการแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเกี่ยวกับการชุมนุมตามพ.ร.บ.การชุมนุม ดังกล่าวแล้วจะต้องแจ้งกทม.ก่อน 7 วัน กรณีนี้ถือเป็นการขออนุญาตจัดกิจกรรมเป็นครั้งแรกในพื้นที่ หากใช้พื้นที่ผิดวัตถุประสงค์อาจจะต้องมีการเจรจาเพื่อทำความเข้าใจให้หยุดกิจกรรม แต่ทางกลุ่มคณะนิสิตนักศึกษาที่ทำกิจกรรมได้แสดงรูปภาพให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตรวจสอบ โดยไม่แตะต้องเรื่องเกี่ยวกับสถาบันและการเมือง ทั้งนี้ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจ 60 นาย เจ้าหน้าที่เขตพระนคร 40 ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ 300 นาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ลานคนเมือง มีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากสน.สำราญราฎร์ทั้งในและนอกเครื่องแบบ 1 กองร้อย คอยอำนวยความสะดวกและดูแลความปลอดภัยโดยรอบ ขณะที่กทม.ได้ตั้งแผงเหล็กมากั้นพื้นที่โดยรอบลานคนเมือง โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจ จำนวน กว่า 50 นาย ช่วยกันนำแผงเหล็กมากันบริเวณลานคนเมืองทุกด้าน จากนั้นยืนประจำทุกจุด จุดละ 5 คน นอกจากนี้ยังใช้รถตู้ราชการนับ 100 คันมาปิดพื้นที่โดยรอบ หลังกลุ่มนักศึกษาได้เจรจาขอใช้พื้นที่กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกทม. จนยินยอมให้ใช้พื้นที่บริเวณด้านหน้าลานคนเมืองเท่านั้น ทางกลุ่มนักศึกษาจึงเริ่มทยอยขนเวทีขนาดเล็ก

แกนนำ – กลุ่มนิสิตนักศึกษา 4 มหาวิทยาลัยชื่อดัง ชู 3 นิ้ว ร้องเพลงชาติในกิจกรรม ‘เพราะทุกคนคือแกนนำ’ เรียกร้องประชาธิปไตย มีประชาชนเข้าร่วมล้นลานคนเมือง หน้าศาลาว่าการกทม. เมื่อวันที่ 23 ส.ค.

‘ทุกคนคือแกนนำ’น.ศ.พรึ่บ

ขณะที่ตัวแทนกลุ่มนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า ทางกลุ่มนิสิตนักศึกษายืนยันว่ายอมรับตามกฎเกณฑ์ของทางกทม. ที่มาใช้สถานที่จะดำเนินการให้เรียบร้อยที่สุด ส่วนจะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลหรือไม่ต้องรอดู บอกไม่ได้ว่าจะมีหรือไม่ เนื่องจากมีเงื่อนไขที่กำหนดกันไว้เกี่ยวกับการนำเสนอภาพเกี่ยวกับการคุกคาม แต่ไม่ขอตอบรายละเอียดขอดำเนินการจัดกิจกรรมก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การจัดกิจกรรมที่ลานคนเมืองครั้งนี้ เป็นผลพวงมาจากการถูกออกหมายจับของแกนนำกลุ่มนักศึกษาที่ร่วมกิจกรรม ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 18 ก.ค. โดยจัดกิจกรรม “เพราะทุกคนคือแกนนำ” หนึ่งคนล้ม ร้อยคนจะยืน เพราะทุกคนคือแกนนำ โดยแกนนำจากนักศึกษาจาก 4 สถาบัน ประกอบด้วย มหาวิทยาลัยเกษตร ศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร มหาวิทยาลัยกรุงเทพ และมหาวิทยาลัยรังสิต

ต่อมาเวลา 16.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุม นำรูป 9 แกนนำผู้ชุมนุม ที่ถูกออกหมายจับ มาติดกับฉากผ้าดำ หน้าลานคนเมือง แสดงเชิงสัญลักษณ์ หนึ่งคนล้ม ร้อยเราจะยืน ขณะที่มีฝนตกลงมา แต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงกางร่มนั่งฟังการปราศรัยจากกลุ่ม 31 แกนนำที่ถูกออกหมายจับ โดยประเด็นปราศรัยส่วนใหญ่ คือการแสดงความคิดเห็นถึงจุดอ่อนในการบริหารงานของรัฐบาลที่ผ่านมา

ให้คนที่เหลือนำแทนคนถูกจับ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การชุมนุมครั้งนี้ออกแบบไว้ไม่ให้มีแกนนำในการชุมนุมมีแต่พิธีกรบนเวที แล้วสลับกันขึ้นมาปราศรัยเนื้อหาโจมตีรัฐบาลที่คุกคามสิทธิ์ของประชาชนที่เห็นต่าง โดยมีแกนนำนักศึกษาอย่าง น.ส.กันตา รัตนวงศ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร น.ส.สุพิชา แก้วประเสริฐ มหาวิทยาลัยกษตรศาสตร์ ฯลฯ เข้าร่วม พร้อมแกนนำคนสำคัญและศิลปินที่ถูกดำเนินคดีจากการชุมนุม อาทิ นายกรกต แสงเย็นพันธุ์ กลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย นายธานี สะสม กลุ่มเส้นทางสีแดง นายธนายุทธ ณ อยุธยา หรือ แร็พเปอร์คลองเตย น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย น.ส.พิมพ์ศิริ เพชรน้ำลอบ นางศรีไพร นนทรีย์ นอกจากนี้ยังมี ศิลปินชื่อดังนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ บอตทอมบลู ศิลปินวงสามัญชน เดินทางมาร้องเพลงขับกล่อม

ไฮไลต์ของการชุมนุมในครั้งนี้เป็นการแสดงศิลปะแบบ ‘เพอร์ฟอร์แมนซ์อาร์ต’ ใช้ชื่อการแสดงครั้งนี้ว่า ‘จงตื่นรู้’ โดยศิลปินหญิงอิสระ ‘แม่มดสีน้ำเงิน’ ถือเป็นมิติใหม่ของการชุมนุมที่ใช้ศิลปะแนวเพอร์ฟอร์แมนซ์อาร์ต มาสะท้อนข้อเรียกร้องทางการเมืองและความไม่เท่าเทียมในสังคมโดยเฉพาะในเรื่องของการศึกษาและการแสดงความคิดเห็น สร้างความฮือฮาให้ผู้เข้าร่วม

ทั้งนี้ในเวลา 18.50 น. พิธีกรเวทีได้อ่านแถลงการณ์ ข้อเรียกร้องของทางกลุ่ม เนื้อหาระบุให้รัฐบาลยุติการคุกคามประชาชน ทั้งยังยกตัวอย่างชุมนุมวันนี้ที่ถือเป็นการออกมาเรียกร้องแบบไม่ต้องมีผู้นำ ดังนั้นหลังจากนี้หากใครถูกจับขอให้คนอื่นลุกมาทำหน้าที่แทนทันที

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน