ไผ่แฉ2หมายตร.
เรียกวันเดียวกัน

‘ทนายอานนท์’โดนจับอีก คดีขึ้นปราศรัยที่ธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ตำรวจสภ.คลองหลวง บุกอายัดตัวระหว่างไปพบตร.ตามหมายเรียกที่สน.สำราญ ราษฎร์ คุมไปศาลธัญบุรีขออำนาจฝากขังพร้อมกับ‘ไมค์’ ด้าน‘ไผ่ ดาวดิน’แฉโดน 2 หมายเรียกทั้งสำราญราษฎร์และสภ.เมืองขอนแก่น พิลึกให้ไปพบในวันเดียวกัน มั่นใจถูกเผด็จการกลั่นแกล้ง แอมเนสตี้ฯชี้รัฐบาลไทยจงใจไล่ปราบนักเคลื่อนไหวทางการเมือง

นศ.แห่ให้กำลังใจ‘ไมค์’

เมื่อเวลา 22.00 น. วันที่ 24 ส.ค. ที่หน้า สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนักศึกษาและประชาชนที่มาปักหลัก ให้กำลัง นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง 1 ใน 6 แกนนำคณะประชาชนปลดแอก ที่ถูกพนักงานสอบสวน สภ.คลองหลวง ขอศาลจังหวัดธัญบุรี ออกหมายจับตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ซึ่งฐานความผิดได้ปรากฏในการจัดกิจกรรมบนเวทีการเมืองของกลุ่มผู้จัดเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ณ ลานพญานาค ภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรจังหวัดปทุมธานี บุกไปรวบตัว ขณะไปถือป้ายประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ขณะเยี่ยมชมตลาดสินค้าครบวงจรเทศบาลบ้านเพ (ตลาด 100 เสา) ต.บ้านเพ อ.เมือง จ.ระยอง ก่อนนำตัวนายไมค์ระยองขึ้นรถตู้มาควบคุมตัวที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมาย

ปล่อยตัว – ศาลปล่อยตัวทนาย อานนท์ นำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอกหรือไมค์ ระยอง หลังตำรวจสภ.คลองหลวงจ.ปทุมธานี ส่งฝากขังศาลธัญบุรี คดีปราศรัยเ ว ที ธ ร ร ม ศ า ส ต ร์จะไม่ ทน เ มื่ อวั นที่25 ส.ค.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนักศึกษาและประชาชนกว่าสองร้อยคน นายเพนกวิน หรือนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำประชาชนปลดแอก พร้อมทนายความ และพรรคก้าวไกล น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ส.ส.พรรคก้าวไกล เดินทางมาให้กำลังนายไมค์ ระยอง พร้อมใช้ตำแหน่ง ส.ส.ประกันตัว ระหว่างนั้นได้เกิดการกระทบกระทั่งกันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ได้นำแผงเหล็กมาปิดล้อมบริเวณหน้าโรงพัก เพื่อกันไม่ให้มวลชนเข้าไปในพื้นที่บริเวณหน้าโรงพัก จนในที่สุดกลุ่มมวลชนก็สามารถดันเจ้าหน้าที่ตำรวจและเปิดแผงเหล็กออกเข้าไปในพื้นที่จนสำเร็จ

รอจับอีก 4 ที่โดนคดีเดียวกัน








Advertisement

รายงานข่าวแจ้งว่ามวลชนบางส่วนได้ ปักหลักค้างแรมอยู่หน้า สภ.คลองหลวง โดยเตรียมน้ำดื่มและอาหารมาด้วยเพื่อเป็นเพื่อนนายไมค์ ระยอง และจะเดินทางไปยังศาลจังหวัดธัญบุรีด้วย

ต่อมาเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 25 ส.ค. ที่บริเวณหน้า สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ยังมีกลุ่มนักศึกษาและประชาชนบางส่วนที่ปักหลักอยู่ตั้งแต่เมื่อคืนเฝ้าอยู่ โดยมีกำลังของ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชน จำนวน 2 กองร้อย 300 นาย ผลัดสลับเปลี่ยนหน้าที่แถวควบคุมสถาน การณ์ตลอดเวลา

อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนได้มีการนำตัวนายภาณุพงศ์ไปส่งฝากขังศาลจังหวัดธัญบุรี เลื่อนเวลาออกไป เนื่องจากอาจมีการรอการนำตัวแกนนำที่ถูกออกหมายจับอีก 4 คน ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปควบคุมตัวแล้วและจะนำตัวมายัง สภ.คลองหลวง และจะนำตัวทั้งหมดทำการส่งฝากขังศาลจังหวัดธัญบุรีพร้อมกันเลยในวันนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เลื่อนเวลาการนำตัวแกนนำผู้ต้องหาไปฝากขังเพื่อให้ ครม.สัญจรของรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์เสร็จสิ้นจากการประชุมที่จังหวัดระยอง เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มแกนนำหากได้ประกันตัวไปจะเดินทางไปประท้วงครม.สัญจรดังกล่าว

อานนท์-เพนกวินรายงานตัว

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สน.นางเลิ้ง นายอานนท์ นำภา น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายปิยรัฐ หรือโตโต้ จงเทพ เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อรับทราบข้อกล่าวหากรณีจัดการชุมนุมปราศรัยหน้ากองบัญชาการกองทัพบก เมื่อวันที่ 20 ก.ค. ในข้อหาฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน, ความผิดตาม พ.ร.บ.จราจร และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาด้วยเครื่องขยายเสียง โดยมี พ.ต.อ.ภิรมย์ สวนทอง รอง ผบก.น.1 เข้าสังเกตการณ์ ซึ่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.นางเลิ้ง ตั้งจุดคัดกรอง ผู้ที่จะเข้ามายังบริเวณโรงพักอย่างเข้มงวด พร้อมกันไม่ให้ผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมถึงสื่อมวลชนขึ้นไปบนโรงพัก

น.ส.สุวรรณากล่าวว่า ตลอดสมัยของรัฐบาลที่มี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ตนถูกหมายเรียกและหมายจับในคดีชุมนุมทางการเมืองทั้งหมด 7 หมาย มีคดีคนอยากเลือกตั้ง 4 คดี ชุมนุมม็อบนักศึกษา 2 หมายเรียก และมีอีก 1 หมายจับของ สน.สำราญราษฎร์ แต่ยืนยันว่าไม่มีความกังวล อีกทั้งในการชุมนุมปราศรัยทุกครั้งก็เป็นสิทธิเสรีภาพในการพูด สิ่งใดที่สะท้อนได้ก็จะสะท้อนออกไป อย่างไรก็ตาม ตนไม่ทราบว่าการเข้าพบพนักงานสอบสวนครั้งนี้จะถูกแจ้งข้อหาอะไร เพียงแต่ทราบว่ามีรายชื่อในกลุ่มบุคคลที่ถูกหมายจับจึงมาเข้าพบตำรวจ ตอนนี้จึงยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะยอมรับผิดหรือปฏิเสธข้อกล่าวหา ส่วนกรณีนายภาณุพงศ์ก็เป็นหนึ่งในผู้ถูกหมายเรียกครั้งนี้ด้วยเช่นกัน

ซัดตร.คุกคาม-รับใช้เผด็จการ

นายอานนท์กล่าวว่า การเข้าพบตำรวจนางเลิ้งวันนี้สืบเนื่องจากการชุมนุมที่หน้ากองทัพบก หลัง พ.อ.หญิง นุสรา วรภัทราทร นายทหารประจำกรมยุทธการ กองบัญชาการกองทัพบก โพสต์เฟซบุ๊กแสดงความเห็นการชุมนุมทางการเมืองของนักศึกษาว่าเป็นม็อบมุ้งมิ้ง แต่หลังจากนี้คาดว่าตนอาจจะถูกตำรวจ สภ.คลองหลวง มาอายัดตัวไปดำเนินคดีตามหมายจับกรณีการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ก่อนคุมตัวฝากขังศาลธัญบุรี ซึ่งจะมีทีมทนายความไปดำเนินการขอประกันตัวอีกครั้ง เช่นเดียวกับกรณีนายภาณุพงศ์ที่น่าจะถูกฝากขังในช่วงบ่ายวันนี้

สำหรับคดีที่ สน.นางเลิ้ง ตนไม่ทราบว่าถูกแจ้งกี่ข้อหา แต่การที่ต้องมาถูกตำรวจทยอยจับกุมตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นมองว่าเป็นยุทธวิธีการคุกคามของประเทศที่เป็นเผด็จการ แต่ยืนยันว่ายังพร้อมจะต่อสู้ต่อไป อย่างไรก็ตาม การที่กองทัพเรือจัดซื้อเรือดำน้ำในเวลานี้ เหมือนเป็นการตบหน้าและถ่มน้ำลายใส่หน้าคนไทย เนื่องจากสถานการณ์ในเวลานี้ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยุทโธปกรณ์ในการสู้รบ เป็นการกระทำที่ไม่รอฟังเสียงคัดค้านของประชาชน ซึ่งเรื่องนี้จะถูกนำไปเป็นประเด็นการเรียกร้องในเวทีชุมนุมใหญ่ครั้งต่อไป

นายพริษฐ์กล่าวว่า ตนตั้งข้อสังเกตถึงการแจ้งข้อหาว่าฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นสิ่งที่ใช้เพื่อกีดกันการแสดงความเห็นของประชาชนโดยนำเรื่องโควิด-19 มาเป็นข้ออ้างเพื่อสกัดกั้นการชุมนุม เพราะทุกคนต่างทราบกันดีผ่านข่าวสารมาตลอดว่าไม่มีคนติดเชื้อในไทยมานานแล้ว มองว่ารัฐบาลพยายามปาระเบิดใส่พวกเราด้วยการจับกุมดำเนินคดีแล้วปล่อยตัวหลายครั้งเพื่อให้เหนื่อยล้า แต่ยืนยันว่าเราไม่ย่อท้อ จนกว่าจะถึงการชุมนุมใหญ่วันที่ 19 ก.ย.นี้ เชื่อว่าจะยังมีแนวร่วมของผู้ที่รักในประชาธิปไตยออกมากันอีก

รับข้อหา – ทนายอานนท์ นำภา, นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ และน.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก เข้าพบตำรวจสน.นางเลิ้ง เมื่อวันที่ 25 ส.ค. เพื่อรับทราบข้อหาจัดชุมนุมหน้าบก.ทบ.วันที่ 20 ก.ค.

อานนท์ถูกอายัดตัวอีกคดีที่มธ.

ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. ที่สน.นางเลิ้ง พนักงานสอบสวน พร้อมชุดสืบสวนภูธรจังหวัดปทุมธานี นำหมายจับของสภ. คลองหลวง เข้าจับกุมนายอานนท์ นำภา หนึ่งใน 6 แกนนำผู้ต้องหาที่ชุมนุมปราศรัยบนเวทีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ไปดำเนินคดีที่สภ.คลองหลวง ตามหมายจับข้อหายุยงปลุกปั่น และข้อหาอื่นๆ รวม 5 ข้อหา หลังจากนายอานนท์เข้ารับทราบข้อกล่าวหาของสน.นางเลิ้งเสร็จสิ้น โดยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.คลองหลวงนำขึ้นรถตู้ตำรวจ ภ.จว.ปทุมธานี ออกเดินทางไปทันทีภายหลังจากแสดงหมายจับกุมให้ดู

เวลา 12.20 น. หลังพบพนักงานสอบสวน น.ส.สุวรรณา ตาลเหล็ก, นายพริษฐ์ และนายปิยรัฐ ต่างเปิดเผยว่า จะเดินทางไปให้กำลังใจนายอานนท์ นำภา ที่เพิ่งถูกจับกุมไปดำเนินคดีที่ สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

เพนกวินอัดรัฐจงใจทำเสียขวัญ

นายพริษฐ์กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าคดีความต่างๆ ที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นการพยายามสกัดขาพวกตนให้เสียขวัญและเหนื่อยล้า แต่รัฐบาลคิดผิด เพราะสิ่งที่ทำเหมือนกำลังประจาน ตัวเอง โดยใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือกดขี่ประชาชนที่เห็นต่าง ยืนยันว่ากิจกรรมการชุมนุมต่างๆ จะยังคงดำเนินต่อไป ซึ่งการชุมนุมใหญ่ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ วันที่ 19 ก.ย.เชื่อว่าจะมีผู้เข้ามาร่วมชุมนุมจำนวนมาก สังเกตจากกระแสการชุมนุมที่เกิดขึ้นในต่างจังหวัด อย่างไรก็ตาม จะจัดแถลงข่าวถึงประเด็นนี้อีกครั้งในวันที่ 30 ส.ค. ที่สมาคมฝรั่งเศส ถนนวิทยุ ทั้งนี้ยืนยันว่าข้อเรียกร้องปฏิรูป 10 ประการยังเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นหลักการขั้นพื้นฐานของประเทศที่มีสถาบันอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับประเทศอังกฤษ ประเทศสเปน

ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ด้านหน้า สภ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้เตรียมความพร้อมตั้งแถวคล้องแขนเป็นแนวกำแพงกันกลุ่มมวลชนที่ปักหลักอยู่

ต่อมาได้มีรถตู้ตำรวจมีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว 1 ในแกนนำนายอานนท์ ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับลงจากรถตู้และนำตัวไปยังห้องประชุมชั้น 3 เพื่อสอบสวน โดยมีกลุ่มมวลชนส่งเสียงเชียร์ทนายอานนท์ สู้ๆ โดยทางทนายอานนท์ได้ชูสามนิ้วก่อนทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะคุมตัวไปยังห้องสอบสวน คาดว่าพนักงานสอบสวนจะใช้เวลาสอบสวนนาน 1 ชั่วโมง จากนั้นจะนำตัวทนายอานนท์ อำภา และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง ไปส่งฝากขังศาลจังหวัดธัญบุรี เพื่อให้ศาลพิจารณาคดีในช่วงบ่าย

เมื่อเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.คลองหลวงนำตัวนายอานนท์และนายภาณุพงศ์ไปขออำนาจศาลธัญบุรีฝากขังตามความผิดตามมาตรา 116 และข้อหาอื่นรวม 5 ข้อหา

‘ไผ่ ดาวดิน’โดนหมายเรียก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 24 ส.ค. ที่ลานอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ริมถนนศรีจันทร์ เขตเทศบาลนครขอนแก่น สถานที่ที่กลุ่มแนวร่วมประชาชนอีสานเพื่อประชาธิปไตย หรือ นปป. ได้ตั้งเวทีปราศรัยในชื่อ “ไทบ้านสิบ่ทน คนอีสานสิปลดแอก” ที่ได้เริ่มชุมนุมมาตั้งแต่เวลาประมาณ 18.00 น. โดยแกนนำกลุ่ม นปป.ได้ขึ้นบนเวทีเพื่ออ่านแถลงการณ์ของกลุ่มใน 3 ข้อหลัก คือหยุดคุกคามประชาชน ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และให้พล.อ.ประยุทธ์ลาออกจากตำแหน่งเพื่อยุบสภาและเลือกตั้งใหม่ พร้อมทั้งร่วมกันชู 3 นิ้วแสดงสัญลักษณ์ในการเรียกร้องให้ประชา ธิปไตยกลับคืนสู่ประชาชน ท่ามกลางสายฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ได้รวมตัวกันยืนอยู่ที่หน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมทั้งแสดงหมายเรียกของสภ.เมืองขอนแก่น ที่ได้รับในวันเดียวกันนี้ ในข้อหาร่วมกันจัดให้มีกิจกรรมซึ่งมีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมากในลักษณะมั่วสุมกันหรือมีโอกาสติดต่อสัมผัสกันง่าย ชุมนุมทำกิจกรรมมั่วสุมกัน ณ ที่ใดๆ ในสถานที่แออัด หรือกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือในลักษณะที่เสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโรค การกระทำหรือดำเนินการใดๆ ซึ่งอาจก่อสภาวะที่ไม่ถูกสุขลักษณะ ซึ่งอาจจะเป็นเหตุให้โรคติดต่ออันตรายหรือโรคแพร่ระบาดออกไป ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ โดยให้เข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 28 ส.ค.2563 เวลา 10.45 น.

โดนวันเดียวกัน-ลั่นบุกกรุง

นายจตุภัทร์กล่าวว่า ได้รับหมายเรียกของสภ.เมืองขอนแก่น ให้ไปรายงานตัวในวันที่ 28 ส.ค. ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับหมายเรียกของสน.สำราญราษฎร์ ในข้อหาเดียวกัน ซึ่งรู้สึกว่าเรารณรงค์ให้ยกเลิกการข่มขู่คุกคามประชาชน แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการถูกข่มขู่คุกคามประชาชน

“ถ้าการต่อสู้ของเราเพื่อการเรียกร้องหยุดคุกคาม แต่หมายเรียกนี้คือสัญลักษณ์ของความกลัว การกดขี่ และการถูกคุกคามผมก็จะเผาทิ้ง และประกาศตรงนี้ไว้เลยว่าพวกเราไม่กลัวและไม่สนใจ ยิ่งคุณทำให้เราโกรธแบบนี้เราจะไม่ได้หยุดแค่นี้ ที่จริงพวกเราจะรอให้มากกว่านี้ จะทนให้มากกว่านี้ แต่วันนี้พวกเราจะไม่ทนแล้ว ดังนั้น ในวันที่ 27 ส.ค.กลุ่มผู้ชุมนุมจะบุกกทม.ปักหลักชุมนุมที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ และวันที่ 28 ส.ค.จะเคลื่อนทัพไปที่สน.สำราญราษฎร์ เพื่อเรียกร้องใน 3 ข้อหลัก และแสดงพลังในการทวงคืนประชาธิปไตยกลับสู่ประชาชนต่อไป”

นายจตุภัทร์กล่าวต่ออีกว่า ส่วนตัวได้รับหมายเรียกจากทั้ง 2 โรงพัก คือที่ สภ.เมืองขอนแก่น และ สน.สำราญราษฎร์ ซึ่งเป็นหมายเรียกให้พบในวันเดียวกัน โดยส่วนตัวจะเดินทางเข้าพบตำรวจที่ สน.สำราญราษฎร์ตามหมายเรียกก่อน ขณะที่สภ.เมืองขอนแก่น จะเลื่อนเข้าพบเป็นวันต่อไป

ณัฏฐพลอ้างเสรีภาพมีขอบเขต

ที่โรงแรมสตาร์ คอนเวนชั่น จ.ระยอง นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการเคลื่อนไหวของนักเรียนในโรงเรียนว่า การแสดงออกถือเป็นสิทธิของบุคคลอะไรที่สร้างความแตกแยกที่ไม่เหมาะสมก็อยากให้คำนึงถึงจุดนี้ หากเป็นการก้าวร้าวหรือเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ก่อให้เกิดความแตกแยก ผอ.โรงเรียนสามารถเข้าไปพูดคุยและตักเตือนได้ ไม่ใช่ว่ามีสิทธิเสรีภาพแล้วจะทำทุกอย่างได้ตามใจชอบ เราเปิดสถานที่ให้พูดคุยกันแล้ว และรับฟังความคิดเห็นผ่านทางสภานักเรียน มีกรอบเวลาที่ชัดเจนให้พูดคุยตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 15 ก.ย.นี้

รมว.ศึกษาธิการกล่าวว่า ในช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสที่ทุกคนจะได้แสดงความคิดเห็น จากนั้นจะรวบรวมมาเป็นภาพรวมของทั้งประเทศ โดยนำประเด็นหลักที่เป็นไฮไลต์ของนักเรียนมาจัดลำดับ ดูความต้องการของนักเรียนส่วนใหญ่ให้อยู่ในลำดับต้นแล้วนำมาพิจารณาดูว่าเรื่องใดสามารถแก้ไขได้ ซึ่งต้องดูความเหมาะสมประกอบกันด้วย แต่เรื่องใดที่ยังไม่ถึงเวลาหากทำไปแล้วเกิดผลกระทบในวงกว้างก็ต้องชี้แจงให้เข้าใจ เพื่อให้เกิดการสื่อสารสองทาง เมื่อรับฟังแล้วนำไปแก้ไขแล้วสื่อสารกลับ จึงเห็นว่าควรพูดคุยกันโดยสันติวิธี ไม่ให้ฝ่ายที่เห็นต่างเกิดความรู้สึกอึดอัด ซึ่งเป็นแนวทางที่น่าจะปฏิบัติกันทั่วโลกและเป็นหนึ่งในวิธีที่เยาวชนน่าจะใช้เวทีนี้ในการแสดงออก

เมื่อถามว่าจะให้อำนาจผอ.โรงเรียน เป็นผู้จัดระเบียบโดยที่กระทรวงจะยังไม่เข้าไปสั่งการอะไรใช่หรือไม่ นายณัฏฐพลกล่าวว่า ในประกาศกระทรวงที่ออกไปเปิดโอกาสให้ผู้อำนวยการโรงเรียนบริหารจัดการผ่านคณะกรรมการสถานศึกษา สภานักเรียน ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการแสดงความคิดเห็นภายในช่วงเวลาที่วางไว้

ยันไม่ให้คุกคามเรื่องคะแนนเรียน

เมื่อถามว่ามีข้อร้องเรียนว่ามีการใช้เรื่องการตัดคะแนนและทุนการศึกษามาเป็นเงื่อนไขต่อการแสดงความคิดเห็นและการพูดคุยของนักเรียน นายณัฏฐพลกล่าวว่า ไม่ เท่าที่ได้รับฟังมาทุกโรงเรียนก็เปิดรับฟังความคิดเห็นโดยไม่เกี่ยวข้องกับการตักเตือนหรือตักเตือน ซึ่งการพูดคุยในโรงเรียนครูจะดูความเหมาะสมอยู่แล้ว ตนมั่นใจจากที่เช็กมาหลายสิบโรงเรียน ผอ.โรงเรียนและครูมีแนวทางที่ต่างกันไป บางคนรับฟังแล้วแนะนำให้นักเรียนไปทำกิจการเพิ่มเติมว่าเข้าใจเรื่องที่เรียกร้องจริงหรือไม่ เช่น การเรียกร้องเรื่องรัฐธรรมนูญ ก็ให้นักเรียนไปเปรียบเทียบรัฐธรรมนูญ 2540 กับปี 2550 และปี 2560 แล้วมาพูดคุยกันว่าความเห็นของนักเรียนแตกต่างกันอย่างไร ถือเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ เพราะบางครั้งนักเรียนก็ไม่รับทราบรายละเอียดของรัฐธรรมนูญที่แตกต่างกันในแต่ละฉบับ ถือเป็นความร่วมมือของโรงเรียนและนักเรียนหาความรู้ที่แท้จริง

“ยืนยันว่าจะไม่มีการคุกคามเรื่องคะแนนหรือความรู้สึกที่ทำให้นักเรียนอึดอัด และไม่คิดว่านักเรียนจะอึดอัดถ้ามีเวทีแสดงออกที่ชัดเจนผ่านระบบของโรงเรียนที่มีสภานักเรียน มีผู้อำนวยการ ทั้งนี้ หากใครมีข้อมูลว่าสถานศึกษาใดไปดำเนินการในลักษณะไม่เหมาะสมให้แจ้งมาที่กระทรวงได้” นายณัฏฐพลกล่าว

บิ๊กตู่อ้างบังคับใช้กม.อย่างระวัง

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่โรงแรมสตาร์ คอนเวนชั่น จ.ระยอง พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมครม.ว่า ในการประชุมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคตะวันออก 1 (ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง) มีตัวแทนนักเรียน นักศึกษา เข้าร่วมเสนอความเห็นด้วย ซึ่งเป็นประโยชน์ในทางที่สร้างสรรค์กับรัฐบาล โดยเฉพาะเรื่องอาชีพรายได้ สิ่งแวดล้อม ด้านการศึกษา ตนก็รับข้อสังเกต ข้อเสนอแนะของนักศึกษาทั้งหมดมา หลายอย่างอยู่ในขั้นตอนที่รัฐบาลดำเนินการอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวของนิสิตนักศึกษา จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนถือว่าเป็นวิถีปกติตามระบอบประชาธิปไตย ทุกคนต้องช่วยกันทำงาน สร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ สร้างโครงสร้างพื้นฐานที่ดีเพื่อรองรับสถานการณ์การเติบโตในอนาคต ฉะนั้น สิ่งที่ทำมาแล้วที่มีผลสัมฤทธิ์มาก ขอความกรุณาดูทั้งสองทางด้วย ตนไม่ได้ห้ามว่าอย่าไปฟังเขา แต่ตนถูกเขาห้ามว่าอย่ามาฟัง อันนี้ไม่ใช่วิถีทาง แต่ต้องฟังทั้งสองฝ่ายด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช่คำบิดเบือน อย่าให้มีการแตกความสามัคคีในประชาชนเด็ดขาด วันนี้ต้องช่วยกันลดผลกระทบเหล่านี้ด้วย เพราะถูกจับตามองหลายอย่างหลายส่วนทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“ไม่ใช่เฉพาะนายกฯ แต่ทุกคนต้องช่วยทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย กฎหมายก็คือกฎหมาย วันนี้รัฐบาลพยายามฟัง สื่อสารทั้ง 2 ทาง เราบังคับใช้กฎหมายอย่างระมัดระวังที่สุด ไม่ได้ใช้อำนาจแบบไม่ถูกต้อง ดังนั้น ฝากทุกคนช่วยกันด้วย” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

แอมเนสตี้บี้รัฐไทยมุ่งแต่ปราบ

วันเดียวกัน นางปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย เปิดเผยว่า การจับกุมภาณุพงศ์ครั้งที่สองใน วันที่ 24 ส.ค. แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าทางการไทยมุ่งปราบปรามการใช้สิทธิในเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบของประชาชน ถึงเวลาแล้วที่ทางการไทยต้องหยุดสร้างความหวาดกลัวแก่ประชาชน และหันมาใช้วิธีการที่สร้างสรรค์ในการสื่อสารกับประชาชน

“ทางการไทยกำลังใช้กฎหมายเป็นอาวุธเพื่อปิดปากประชาชนที่วิจารณ์รัฐบาลอย่างสงบ ขอเน้นย้ำให้ทางการไทยยุติการจับกุมและดำเนินคดีกับแกนนำและผู้จัดการชุมนุม ถึงแม้รัฐบาลไม่เห็นด้วยกับคำวิจารณ์ของพวกเขาก็ตาม” นางปิยนุชระบุ

นางปิยนุชเปิดเผยว่า สิทธิในเสรีภาพการชุมนุมโดยสงบเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ทุกคนต้องได้รับการคุ้มครอง สิทธิในเสรีภาพการแสดงออก การรวมตัวและสมาคมด้วย รัฐบาลมีหน้าที่คุ้มครองและสนับสนุนสิทธิ แทนที่จะจำกัดหรือคุกคามผู้ใช้สิทธิ แม้ประเทศไทยจะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งกว่าปีแล้ว กลับไม่มีพัฒนาการในสถานการณ์สิทธิมนุษยชน รัฐบาลยังคงคุกคามและดำเนินคดีกับผู้ใช้สิทธิโดยสงบอย่างต่อเนื่อง ถึงเวลาที่ประชาคมระหว่างประเทศต้องแสดงจุดยืนให้ชัดเจน และกดดันให้รัฐบาลไทยปฏิบัติตามพันธกรณีภายใต้กฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ

ต่อมาเมื่อเวลา 17.30 ศาลจังหวัดธัญบุรี จ.ปทุมธานี มีคำสั่งปล่อยตัวทนายอานนท์ และ “ไมค์” ภาณุพงศ์แล้ว โดยไม่มีเงื่อนไข และไม่ต้องวางหลักทรัพย์

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน