ลิดรอนสิทธิ์มานาน6ปี
กดทับ-ผลักคนลงถนน
ตร.สกัด‘เอกชัย’ปักหมุด
สปส.โต้เจ๊งหุ้นศรีพันวา

กลุ่มเยาวชนเปิดใจสาเหตุจัด ม็อบเรียกร้องประชาธิปไตย ชี้ถูกการเมืองกดดัน คุกคาม และปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก แถมรัฐสภายังปิดประตูใส่ประชาชนผลักให้ลงไปต่อสู้ในถนนลั่น 30 ก.ย. ต้องไม่มี 250 ส.ว. และการแก้รัฐธรรมนูญต้องคืบหน้า ไม่เช่นนั้นยกระดับชุมนุมใหญ่ในเดือนต.ค. ‘เอกชัย’เผยตร.บุกถึงหน้าบ้านขอร้องอย่าใช้ลานพระรูป ปักหมุดคณะราษฎรใหม่ ประกันสังคมแจงถือหุ้นในกองทุน’ศรีพันวา’ไม่เจ๊ง

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 26 ก.ย. ที่ห้องประชุมอนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว คณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการสภาผู้แทนราษฎร และคณะประชาชนเพื่ออิสรภาพ (คปอ.) จัดเสวนาหัวข้อเยาวชนกับการเมือง โดยนายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี กลุ่มเยาวชนปลดแอก น.ส.เบญจมาภรณ์ นิวาส กลุ่มนักเรียนเลว น.ส.ทิพอัปสร แก้วมณี กลุ่มลูกพ่อขุนไม่รับใช้เผด็จการ และนาย ธนวัฒน์ วงค์ไชย อดีตผู้จัดงานวิ่งไล่ลุง

นายทัตเทพกล่าวว่า แรงกดทับทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ทำให้เราต้องออกมาเคลื่อนไหว และตลอด 6 ปี ของการรัฐประหาร เยาวชนถูกจับกุม คุกคาม ถูกปิดกั้นสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ส่วนตัวดำเนินกิจกรรมทางการเมือง โดยตั้งกลุ่มเยาวชนปลดแอกขึ้นมาตั้งแต่ปี 62 แทบทุกครั้งที่ทำกิจกรรมจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร มาคอยติดตาม และถูกดำเนินคดีทางกฎหมายด้วย

“ผมเคยถูกคุกคามจากการติดตาม ถูกติดตามจากการดำเนินคดี ยกตัวอย่างช่วงเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ผมและเพื่อนไปส่องไฟฉายใส่พานรัฐธรรมนูญใช้เวลาเพียง 1 นาทีเศษ หลังจากนั้นจะเดินทางกลับบ้าน มีตำรวจมาเรียกตัวไว้โดยขอดูบัตรประชาชน พร้อมพูดคุยสักพักก่อนแยกย้าย และระหว่างที่โดยสารรถแท็กซี่กลับบ้าน ปรากฏว่ามีรถขับติดตามอยู่ตลอด จนภายหลังสืบจนรู้ว่าเป็นรถของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่นายหนึ่ง” นายทัตเทพกล่าว

นายทัตเทพกล่าวว่า การประชุมรัฐสภา เมื่อวันที่ 24 ก.ย.ที่ไม่มีการลงมติในญัตติเสนอแก้รัฐธรรมนูญเป็นการไม่เห็นหัวประชาชน เป็นการปิดสมัยประชุมที่อัปยศที่สุดของรัฐสภาไทย ทั้งที่กลไกรัฐสภาจะเป็นทางออก แต่เหตุใดถึงปิดประตูรัฐสภาใส่ประชาชน เป็นการผลักประชาชนลงมาต่อสู้ในถนน ภายในวันที่ 30 ก.ย. จะต้องไม่มีส.ว. 250 คน และการแก้รัฐธรรมนูญต้องคืบหน้า ไม่เช่นนั้นเราจะกลับมายกระดับการชุมนุมแบบใหญ่ๆ ในเดือนต.ค.แน่นอน

นายธนวัฒน์กล่าวว่า การออกมาเคลื่อน ไหวทางการเมืองทำให้ชีวิตเปลี่ยน มีทหาร ตำรวจ มาเฝ้าติดตามที่บ้านพักและหอพักทุกวัน หากเป็นเช่นนี้ก็จะออกมาเคลื่อนไหวได้ทุกวันเหมือนกัน ส่วนการประชุมรัฐสภาที่ผ่านมา ในส่วนการทำหน้าที่ของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร อยากถามว่าเป็นมีดโกนอาบน้ำผึ้งหรือมีดโกนขนหน้าแข้งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ 250 ส.ว. จะต้องเสียใจอย่างที่สุดที่ตัดสินใจโหวตตั้งกมธ.เมื่อวันที่ 24 ก.ย.

เยาวชนเปิดใจ – ตัวแทนกลุ่มเยาวชนปลดแอก กลุ่มนักเรียนเลว และกลุ่มลูกพ่อขุนไม่รับใช้เผด็จการ ร่วมเสวนาเปิดใจที่ออกมาร่วมชุมนุม ในงานตลาดนัดงานสภากับประชาชน ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว เมื่อวันที่ 26 ก.ย.

 

วันเดียวกัน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผบก.ปอท. เปิดเผยถึงกรณีนายพุทธิพงษ์ ปุณกันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แจ้งความต่อบก.ปอท. ให้ดำเนินคดีกับผู้ใช้เฟซบุ๊กและทวิตเตอร์ 5 บัญชี ที่เผยแพร่ส่งต่อข้อความในลักษณะหมิ่นสถาบัน และขอให้ดำเนินคดีกับบริษัทผู้ให้บริการเฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์ และ อินสตาแกรม ที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาล ว่า ทั้ง 2 เรื่อง อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยเฉพาะการดำเนินคดีกับผู้ใช้บัญชีโซเชี่ยลมีเดียทั้ง 5 บัญชี ต้องรอผลการตรวจสอบเนื้อหาที่โพสต์ข้อความก่อนว่า เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์หรือไม่

รวมถึงต้องสอบสวนพยานอื่นเพิ่มเติม เช่น ความเห็นจากนักวิชาการ เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจการออกหมายเรียกผู้ที่เป็นเจ้าของบัญชี โดยคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะมีความชัดเจน ขณะนี้ข้อมูลเจ้าของบัญชีดังกล่าว ที่มีผู้นำมาแจ้งความพบว่า เจ้าของบัญชี 2 ใน 5 คือ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และอีก 1 บัญชี เป็น 1 ใน แกนนำที่เคลื่อนไหวทางการเมืองด้วย

ส่วนที่ บช.น. พล.ต.ต.สมประสงค์ เย็นท้วม รองผบช.น.ดูแลความมั่นคง เผยถึง กรณีที่มีกระแสข่าวว่านายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ “ไมค์ ระยอง” แกนนำกลุ่มประชาชนปลดแอก ได้ประกาศเชิญชวนประชาชนร่วมชุมนุมปักหลักพักค้างเป็นเวลา 7 วัน 7 คืน หลังที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภามีการลง มติตั้งกรรมาธิการศึกษาแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ จนทำให้กระบวนการลงมติในวาระรับหลักการต้องเลื่อนออกไป ว่า ยังไม่ได้รับการประสานคำสั่งให้เตรียมดูแลเรื่องการชุมนุมตามกระแสข่าวดังกล่าว

“หากจะมีการนัดชุมนุมจริงต้องจัดกำลังตำรวจไปดูแลความเรียบร้อยให้เป็นไปตามกฎหมาย พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ ที่ผ่านมาก็สั่งการให้ตำรวจอดทนอดกลั้น ทำหน้าที่รักษาความสงบเป็นหลัก ส่วนการชักชวนประชาชนไปพักค้างแรม แม้ว่าจะอ้างเรื่องใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ แต่การแสดงออกต้องไม่ผิดหลักกฎหมาย ที่สำคัญต้องดูแลควบคุมผู้ชุมนุมให้ได้ ไม่เช่นนั้นหากเกิดการกระทำความผิดกฎหมาย แกนนำผู้ชุมนุมในฐานะผู้รับผิดชอบก็ต้องถูกดำเนินคดีแทนต่อไป” พล.ต.ต.สมประสงค์กล่าว

วันเดียวกัน นายเอกชัย หงส์กังวาน นักเคลื่อนไหวทางการเมืองโพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว ถึงความคืบหน้ากรณีก่อนหน้านี้โพสต์ข้อความระบุจะเดินทางไปลานพระบรมรูปทรงม้า เพื่อวางหมุดคณะราษฎรใหม่ ในวันที่ 28 ก.ย. เวลา 10.00 น. ว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา มีตำรวจนายหนึ่งเดินทางไปพบที่บ้านพักเล่าถึงหัวหน้าของเขาที่ไม่สบายใจในกรณีนี้จึงสั่งการให้เขามาเยี่ยมตนเอง ขอให้ไปวางหมุดคณะราษฎรใหม่ที่อื่น แต่ตนชี้แจงถึงการเคยเยือนสถานที่นี้ 2 ครั้งแล้ว จึงยื่นข้อเสนอให้ตำรวจตามหาหมุดคณะราษฎรเก่ากลับคืนที่เดิมถึงจะยอมเปลี่ยนใจ

รายงานข่าวแจ้งว่า บก.น.4 ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.ลาดพร้าว ซึ่งบ้านพักนายเอกชัยอยู่ในพื้นที่สถานีตำรวจนครบาลดังกล่าว ส่งตัวแทนเข้าเจรจาเพื่อขอให้มีการยกเลิกการกระทำกิจกรรมลักษณะดังกล่าว เนื่องจากบริเวณดังกล่าวพื้นที่เขตพระราชฐานและไม่อนุญาตให้มีการกระทำการดังกล่าว ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการประสานงานเพื่อขอความร่วมมือให้งดการกระทำกิจกรรมดังกล่าวแล้ว

วันเดียวกัน นายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้ตรวจราชการกรม สำนักงานประกันสังคม ในฐานะรองโฆษกสำนักงานประกันสังคม เปิดเผยกรณีการถือหน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา ของสำนักงานประกันสังคม ว่า ปัจจุบันการถือหน่วยทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 505 ล้านบาท เป็นไปตามมูลค่าตลาดเมื่อวันที่ 16 ก.ย. ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19

สำหรับเงินปันผลที่ได้รับแล้วไม่ได้เพิ่งได้รับเมื่อปี 2560 ที่เป็นข้อมูลการจ่ายเงินของกองทรัสต์ แต่สำนักงานประกันสังคมลงทุนมาตั้งแต่ปี 2556 ที่ตั้งเป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่ปี 2556-2559 ได้เงินปันผลเท่ากับ 77.57 ล้านบาท และเงินปันผลหลังจากแปลงสภาพเป็นทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โรงแรมศรีพันวา ระหว่างปี 2560-2562 จำนวน 144.09 ล้านบาท และในต้นปี 2563 ยังได้เงินปันผลมาอีก 7.13 ล้านบาท รวมเป็นเงินปันผล รวม 228.79 ล้านบาท นอกจากนี้ระหว่างการลงทุนสำนักงานประกันสังคมมีการขาย ได้รับกำไรประมาณ 3.83 ล้านบาท ทำให้สำนักงานประกันสังคมมีเงินสดรับในรูปแบบเงิน ปันผลและขายทำกำไรรวมทั้งสิ้น 232.62 ล้านบาท

รองโฆษกสำนักงานประกันสังคมกล่าวต่อไปว่า การลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ของสำนักงานประกันสังคมเป็นการลงทุนในอสังหา ริมทรัพย์ที่หวังผลตอบแทนในรูปเงินปันผลระยะยาว และเป็นการกระจายการลงทุนในหลักทรัพย์อีกหนึ่งประเภท ซึ่งเป็นลักษณะการลงทุนของกองทุนบำนาญระดับโลกทั่วไป เพื่อสร้างรายได้ให้กับกองทุนและทำให้กองทุนมีเงินเพียงพอจ่ายบำนาญในระยะยาว โดยแต่ละการลงทุนของสำนักงานประกันสังคมมีผู้จัดการกองทุนและนักวิเคราะห์การลงทุน ซึ่งเป็นผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญให้คำแนะนำ และเป็นไปตามหลักเกณฑ์การลงทุนของสำนักงานประกันสังคมอย่างเคร่งครัด จึงขอให้ผู้ประกันตนมั่นใจในการบริหารกองทุน และการสร้างผลตอบแทนให้กับกองทุน ว่าจะเป็นไปอย่างมืออาชีพ และสร้างความมั่นคงให้แก่กองทุนประกันสังคม สามารถรอง รับค่าใช้จ่าย ในการดูแลและพัฒนาสิทธิประโยชน์กลับคืนสู่ผู้ประกันตนทั้งในปัจจุบันและอนาคตต่อไป

วันเดียวกัน ที่คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ศูนย์ศึกษาและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้จัดเวทีสัมมนาทางวิชาการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน เพื่อพูดคุยประเด็นการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนว่าด้วยเรื่องการศึกษาของผู้ถูกกดขี่ มุมมองและประสบการณ์จากผู้ถูกกดขี่ในระบบการศึกษาไทย โดยมีผู้ร่วมเสวนา ประกอบด้วย น.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ อดีต ส.ส.พรรคอนาคตใหม่, นายขวัญข้าว ตั้งประเสริฐ นักเรียนโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย, น.ส. ธญานี เจริญกุล กลุ่มนักเรียนเลว และน.ส.จันทิมาพร ชีวะสวัสดิ์ ครูโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน โดยมีนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน เป็นผู้ดำเนินรายการ ท่ามกลางความสนใจจากนักเรียนและนักศึกษาร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก

น.ส.ธญานี เจริญกุล แกนนำกลุ่มนักเรียนเลว กล่าวว่า ชีวิตในรั้วโรงเรียนไม่เคยได้เป็นตัวเอง โดยมักจะถูกบังคับให้เป็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเรา อยู่ในกรอบที่ถูกกำหนดไว้ รวมทั้งการใช้เกรด คะแนน มาเป็นไม้บรรทัดที่มาวัดความสามารถ ทั้งที่นักเรียนทุกคนต่างมีความหลากหลาย แต่ละคนมีจุดดี จุดด้อย มีความถนัดแตกต่างกัน หลายคนจึงสูญเสียความเป็นตัวตน ดังนั้นในฐานะแกนนำของกลุ่มจึงอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง 2 เรื่องคือ ให้นักเรียนทุกคนได้เรียนอย่างมีความสุข นำความรู้ที่เรียนไปใช้ได้ในชีวิตจริง ไม่ต้องแข่งขันกัน ไม่ถูกกดขี่ รวมทั้งการมีครูแนะแนวที่มีคุณภาพ สามารถแนะแนวทางทั้งการศึกษา การใช้ชีวิตให้นักเรียนได้จริง

ขณะที่ น.ส.ดารณี ราชภูเขียว ผู้ช่วยคณบดีคณะนิติศาสตร์ มข. กล่าวว่า กิจกรรมดังกล่าว เป็นความร่วมมือของคณะนิติศาสตร์ มข. กับ ศูนย์ศึกษาและประสานงานด้านสิทธิมนุษยชน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ได้จัดเวทีทางวิชาการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ที่ร่วมกันจัดเวทีครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 โดยเป็นประเด็นการพูดคุยเรื่องการศึกษา ที่ต้องยอมรับว่าวันนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจ โดยเฉพาะการออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มนักเรียน ความรุนแรงที่เกิดขึ้นกับนักเรียน จึงทำให้นำมาเป็นประเด็นในการพูดคุย พร้อมทั้งเปิดพื้นที่ให้กลุ่มที่มีส่วนได้เสีย กลุ่มนักวิชาการที่เกี่ยวข้อง รวมไปถึงเครือข่ายที่อยู่ในพื้นที่ ได้พูดคุยเพื่อนำไปสู่การวางแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน