พ่อแม่แจ้งจับอีก2ครู
สารสาสน์พร้อมชดใช้

‘ครูจุ๋ม’ มอบตัว ส่งฟ้องทำร้ายเด็กทันทีพร้อมครูเปิ้ลในคดีละเว้น ก่อนได้ประกันวงเงิน 6 หมื่น ขณะผู้ปกครองแจ้งจับอีก2 ครู สารสาสน์นัดแจง ยันพร้อมคืนค่าเทอมคนไม่เรียนต่อ ลั่นปรับใหญ่ทีมบริหารงาน รมช.ศธ.จี้ผู้ถือใบอนุญาตตั้งร.ร. เข้าแจง ขณะสช.สั่งแก้ไขส่วนที่ผิดระเบียบ ภายใน 15 วัน ทั้งเก็บค่าเทอมเกิน รับเด็กล้นห้อง

‘ครูจุ๋ม’มอบตัวแล้ว

เมื่อวันที่ 29 ก.ย. ที่สภ.ชัยพฤกษ์ จ.นนทบุรี พล.ต.ท.อำพล บัวรับพร ผบช.ภ.1 พร้อมด้วยพล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก.ภ.จว.นนทบุรี เดินทางมาติดตามความคืบหน้า ในคดีที่น.ส.อรอุมา ปลอดโปร่ง หรือ ครูจุ๋ม ครูประจำชั้นอนุบาล มีพฤติกรรมใช้ความรุนแรงและทำร้ายเด็กนักเรียนด้วยวิธีการต่างๆ นานา ตามที่มีคลิปเหตุการณ์ออกมา เผยแพร่ โดยขณะผบช.ภ.1 เรียกประชุมคณะทำงาน ครูจุ๋มที่ติดต่อขอเข้ามอบตัว ได้เดินทางมา เข้าพบ ผบช.ภ.1 ด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงสอบ ปากคำอย่างละเอียด

พล.ต.ต.ไพศาล วงศ์วัชรมงคล ผบก. จ.นนทบุรี กล่าวว่า วันนี้ได้แจ้ง 2 ข้อกล่าวหากับครูจุ๋ม ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นและความผิดตามพ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ส่วนความผิดตามพ.ร.บ.ครู ยังต้องรอสอบสวนอย่างละเอียด อีกครั้งจึงจะดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหานี้ได้ นอกจาก 2 ข้อกล่าวหาแล้ว ยังต้องแยกดำเนินคดีกับครูจุ๋มอีก 8 คดี ตามที่มีหลักฐานชัดเจนจากผู้ปกครองที่ได้เดินทางมาเข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับครูจุ๋มทั้ง 8 ราย เป็นความผิด ต่างกรรมต่างวาระกัน ในคดีนี้แม้ครูจุ๋มจะ เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนด้วยตนเอง แต่เนื่องจากเป็นคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชนและมีผู้ปกครองแจ้งความดำเนินคดีกับครูจุ๋มหลายราย ทำให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องนำตัวฝากขังกับศาลแขวงจังหวัดนนทบุรีต่อไป

เรียกสอบอีก 4 ครู

พล.ต.ต.ไพศาลกล่าวว่า ขณะนี้มีผู้ต้องหาที่กระทำผิดเป็นครูและพี่เลี้ยงในห้องเรียนที่เกิดเหตุ 4 ราย ซึ่งเมื่อวานนี้ดำเนินคดีกับ ครูชายชาวฟิลิปปินส์นำตัวส่งฟ้องศาลไปแล้ว โดยถูกปรับไป 5 พันบาท ในข้อหาเป็นชาวต่างชาติเข้ามาทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนจะแจ้งข้อหาทางโรงเรียนฐานรับคนต่างด้าวเข้ามาทำงานโดยไม่ได้ถูกต้องหรือไม่นั้น ต้องรอกระทรวงศึกษาธิการแจ้งความ ร้องทุกข์กล่าวโทษเสียก่อน จึงจะสอบสวน เพื่อแจ้งข้อกล่าวหาทางโรงเรียนต่อไป ทั้งนี้ในช่วงบ่ายได้รับการติดต่อจากครู ในห้องดังกล่าวจะเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนด้วยเช่นกัน ในขณะที่อีกรายนั้นกำลังประสานให้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเช่นกัน

พ.ต.อ.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย รอง ผบก.ภ. จ.นนทบุรี ได้ระดมทีมสืบสวน นำข้อมูลจากกล้องวงจรปิดมาตรวจสอบเพื่อดูการกระทำ ความผิดว่าก่อเหตุกี่วันกี่ครั้ง เบื้องต้นได้ ตรวจสอบพบว่าวันที่ 21 ก.ย. ครูจุ๋มทำร้ายเด็ก 7 ครั้ง, วันที่ 22 ก.ย. 2 ครั้ง และวันที่ 23 ก.ย. 15 ครั้ง

รายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจได้นำตัวครูจุ๋มและนางภมรลักษณ์ ลักษมีเมธากร หรือ ครูเปิ้ล ครูประจำชั้นอนุบาลหนึ่งห้อง E ส่งฟ้องศาลแขวงจังหวัดนนทบุรี หลังสอบปากคำผู้ต้องหา ทั้ง 2 รายหลายชั่วโมง ครูจุ๋มถูกแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายและความผิด ตาม พ.ร.บ. คุ้มครองเด็ก ส่วนครูเปิ้ลถูกแจ้งข้อหาละเว้นไม่กระทำการใดๆ ตามมาตรา 374 ส่วนครูสอนศิลปะอีกรายที่ปรากฏอยู่ในกล้องวงจรปิด ของห้อง ยังไม่ได้เดินทางมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ โดยศาลแขวงนนทบุรี รับพิจารณาและให้ประกันตัวโดยวงเงินประกันคนละ 60,000 บาท

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ครูนิ จะเข้าพบพนักงานสอบสวนในวันที่ 30 ก.ย. ทั้งนี้ยังพบว่ามีครูแพร ซึ่งกำลังตั้งครรภ์ มีกระแสว่าจะลาออกอีกคน หลังจากมีคลิปหลุดออกมาว่า กระชากคอเสื้อเด็กลาก ส่วนนายมาร์วินหลังจ่ายค่าปรับแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวกลับมาสอบสวนต่อที่ สภ.ชัยพฤกษ์ เพื่อเตรียมแจ้งข้อหามาตรา 374 ผู้ใดเห็นผู้อื่น ตกอยู่ในภยันตรายแห่งชีวิตซึ่งตนอาจช่วยได้โดยไม่ควร กลัวอันตรายแก่ตนเองหรือผู้อื่นแต่ไม่ช่วยตามความจำเป็น ต้องระวางโทษจำคุก ไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อีกหนึ่งคดี

ครูมอบตัว- ‘ครจู มุ๋ ’ น.ส.อรอมุ าปลอดโปร่ง ครูอนุบาลโรงเรียนสารสาสน์วิเทศมอบตัวที่สภ.ชัยพฤกษ์ขณะที่นายมาร์วิน ลิวานัก โอเรโฮลา (ภาพเล็ก)ครูฟิลิปปินส์โรงเรียนเดียวกันถูกดำเนินคดีเพิ่ม เมื่อวันที่ 29 ก.ย.

 

แจ้งจับอีก‘ครูแมว-ครูบลู’

ต่อมาเวลา 15.00 น. นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ พร้อมผู้ปกครองนักเรียนเตรียมอนุบาลวัย 2 ขวบ ได้เข้าแจ้งความต่อสภ.ชัยพฤกษ์ ให้ดำเนินคดีกับ ‘ครูแมว’ ครูระดับเตรียมอนุบาล (เนิร์สเซอรี่) ที่ทำร้ายลูกวัย 2 ขวบด้วยการทุบตี โดยนายรณณรงค์กล่าวว่า เมื่อวานครูได้โทรศัพท์มาขอโทษพร้อมขอร้องผู้ปกครอง ไม่ให้ครูแจ้งความดำเนินคดี วันนี้จึงพา ผู้ปกครอง 18 ราย เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับครูแมว หรือครูคนอื่นที่ร่วมกระทำความผิด ด้วย เด็กที่ถูกกระทำนั้นยังเป็นเด็กที่เล็กมาก เป็นเรื่องปกติของเด็กเล็กที่จะต้องมีอาการงอแง เหตุการณ์ลักษณะแบบนี้ไม่ใช่เกิดกับครูจุ๋มเพียงห้องเดียวยังมีนักเรียนจากห้องอื่นๆ ที่ถูกกระทำในลักษณะเดียวกัน แบบนี้ไม่ใช่เรื่องส่วนตัวแล้ว เพราะฉะนั้นกระทรวงศึกษาธิการต้องเข้ามาดูแลอย่างเข้มงวด เท่าที่ทราบพบว่าระดับอนุบาล 2 และ อนุบาล 3 ไม่มีกล้องวงจรปิด ก็ให้ผู้ปกครองนำเด็กที่อยู่ในห้องมาเป็นพยานบุคคลได้ เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษได้

ขณะที่ผู้ปกครองเด็กชั้นอนุบาล 1 ห้อง B ได้เข้าแจ้งความให้ดำเนินคดีกับ ‘ครูบลู’ ข้อหาทำร้ายร่างกาย โดยผู้ปกครองกล่าวว่าประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ลูกชายถูกตีที่บริเวณปาก และมีรอยช้ำที่แขน จึงถ่ายรูปไว้ตอนแรกคิดว่าลูกเล่นกับเพื่อนแล้วได้รับบาดเจ็บ จนมาทราบข่าวเรื่องครูทำร้ายเด็ก จึงไปขอดูกล้องวงจรปิดที่โรงเรียน ก็พบว่าลูกถูกครูทำร้ายจึงได้เข้าแจ้งความยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

นายรณณรงค์ยังโพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า ครูไล่เด็กไปตาย จนเด็กจะกระโดดตึกตายในโรงเรียน #ผู้ปกครองโวย โดยอ้างถึงคำพูดส่วนหนึ่งของผู้ปกครอง ที่เดินทางเข้าพบ ผู้บริหารโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ หลังจากทางโรงเรียนออกแถลงการณ์ เพื่อให้ผู้ปกครองมารับฟัง แนวทางการช่วยเหลือเยียวยา และชี้แจงแนวทางการบริหาร ซึ่งผู้ปกครองกล่าวว่า ตอนที่ลูกเรียนอยู่ที่โรงเรียน ตอนนี้ลูกอยู่ ป.2 ลูกถูกครูไล่ให้ไปตาย ทำให้ลูกเครียด ถึงขั้นจะกระโดดตึกโรงเรียนเพื่อฆ่าตัวตาย และทางโรงเรียนได้ปิดข่าว พยายามเจรจาไม่ให้ผู้ปกครองเอาเรื่อง ตอนนี้มาลาออกให้ลูกแล้ว วันนี้มาเอาใบ ปพ.1 ให้ลูก เราจะไม่ให้ลูกอยู่ในสังคมแบบนี้แล้ว เพราะคนเป็นครู ไม่สมควรที่จะไล่เด็กไปตาย เรารับ ไม่ได้ เราในฐานะของผู้ปกครอง ต้องสู้เพื่อลูก เพื่อความถูกต้อง

สารสาสน์นัดแจงหวิดวุ่น

ที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี กลุ่มผู้ปกครองนักเรียนกว่า 100 คนทยอยเดินทางมารอฟังแถลงการณ์จากทางโรงเรียนตั้งแต่ช่วงเช้า หลังทางโรงเรียนนัดหมายชี้แจงกรณีครูจุ๋ม ครูพี่เลี้ยงทำร้ายเด็กอนุบาล 1 โดยกลุ่ม ผู้ปกครองนักเรียนที่ถูกพี่เลี้ยงทำร้ายร่างกาย ไม่พอใจที่โรงเรียนนัดผู้ปกครองประชุมหาทางออก แต่กลับเปิดห้องประชุมกันเฉพาะ ผู้บริหารของโรงเรียน และนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายกมล รอดคล้าย ที่ปรึกษา รมช.ศธ. นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เท่านั้น แต่กลับไม่เชิญผู้ปกครองเข้าไปร่วมรับฟัง ผู้ปกครองจึงเข้าไปเคาะประตูให้ทางโรงเรียนเปิดห้องให้ผู้ปกครองเข้าไปรับฟังการประชุมด้วย จนเวลา 11.40 น. จึงเปิดห้องประชุมให้ผู้ปกครองและสื่อรับฟังข้อสรุป โดยมีนายอรรถพล, นายกมล และผู้บริหารโรงเรียนร่วมแถลง

นางกนกวรรณกล่าวว่า วันนี้นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการคุรุสภา จะดำเนินแถลงข่าวเกี่ยวกับใบประกอบอนุญาตวิชาชีพครู และในวันที่ 30 ก.ย.จะแจ้งความร้องทุกข์ กล่าวโทษผู้บริหารโรงเรียน รวมทั้งครู ในประเด็นเกี่ยวกับการนำคนที่ไม่จบครูมาดูแลบุตรหลาน รวมถึงจ้างครูต่างชาติที่ไม่มีใบอนุญาตทำงาน ซึ่งเรื่องดังกล่าวตำรวจให้ความ สำคัญและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ดังนั้นจะไม่มีมวยล้มแน่นอน และจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

จี้คนถือใบอนุญาตตั้งร.ร.เข้าแจง

นางกนกวรรณกล่าวต่อว่า ทั้งนี้ผู้ที่มีอำนาจในการบริหารจัดการโรงเรียน คือ นายพิบูลย์ ยงค์กลม ผู้ถือใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนในเครือสารสาสน์ โดยนายพิบูลย์ ได้ตั้งคณะกรรมการมาจัดการปัญหาของโรงเรียนเท่านั้น ไม่ได้ลงมาดูแล ซึ่งแสดงให้เห็นว่าไม่มีความพร้อมที่จะมาแก้ปัญหาให้กับผู้ปกครอง และไม่ได้แสดงความจริงใจ ถือว่ามีความผิด ดิฉันมอบหมายให้สช.ส่งหนังสือเพื่อขอหารือกับผู้บริหารดังกล่าว รวมถึงผู้ถือใบอนุญาตจัดตั้งภายในวันที่ 30 ก.ย. แต่ถ้าไม่มา จะฟ้องร้องดำเนินคดีแน่นอน ทั้งนี้นายกมลจะเป็นหัวหน้าคณะทำงานเพื่อดูแลเรื่องนี้ ร่วมกับนายอรรถพลที่จะลงดูรายละเอียด เพื่อร่วมแจ้งความดำเนินคดีในส่วนของ สช.ด้วย

นายอรรถพลกล่าวว่า จากการประชุมที่ไม่ได้ เชิญผู้ปกครองเข้าร่วมนั้น เพราะตนเข้ามาเพื่อขอข้อมูลจากโรงเรียนเพิ่มเติมเท่านั้น เพราะจากการตรวจสอบพบว่าโรงเรียนมีปัญหาต้องแก้ไขหลายอย่าง เช่น การเก็บค่าธรรมเนียมการเรียนเกินระเบียบสช.ที่กำหนดไว้ 40,000 บาทต่อภาคเรียนซึ่งทางโรงเรียนรับปากจะคืนเงินส่วนเกินให้ผู้ปกครองทั้งหมด จำนวนนักเรียนเกิน 25 คนต่อห้อง จะต้องแก้ไขภายใน 15 วัน หากไม่แก้ไขสามารถดำเนินการตาม พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550 กำหนดต่อไป ส่วนที่ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง 12 คน ตรวจสอบโรงเรียนเครือสารสาสน์ทั้ง 34 แห่งที่ได้รับการร้องเรียน เบื้องต้นพบว่าครูโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ 140 คน มีใบประกอบวิชาชีพถูกต้องทุกประการ ปัญหาคือครูต่างชาติที่โรงเรียนจ้างมาโดยไม่มีใบอนุญาตทำงานและไม่มีใบอนุญาตการสอน ทั้งนี้ถ้าโรงเรียนจ้างคนที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพมาทำหน้าที่ครู มีโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 60,000 บาท” นายอรรถพลกล่าว

ร.ร.ลั่นชดใช้-เปลี่ยนผู้บริหารใหม่

ด้านน.ส.วริศนันท์ เดชปานประสงค์ กรรมการบริหารโรงเรียนในเครือสารสาสน์ กล่าวว่า ทางโรงเรียนเครือสารสาสน์ส่วนกลางตั้งตนเป็นกรรมการในการแก้ไขปัญหา เบื้องต้นทางผู้อำนวยโรงเรียนมีปัญหาด้านสุขภาพ จึงตั้งน.ส.วารุณี เผือกเทศ รักษาการผู้อำนวยการโรงเรียนแทน ทั้งนี้ทางโรงเรียนยืนยันว่าจะปรับโครงสร้างใหญ่ในการบริหารงาน โดยแต่งตั้งผู้อำนวยการอย่างเป็นทางการให้เร็วที่สุด ส่วนมาตรการเยียวยานักเรียน ในกรณีที่เด็กไม่ประสงค์เรียนต่อจะคืนเงิน ค่าเทอมให้ทั้งหมด ส่วนที่นักเรียนต้องการเรียนอยู่ต่อ ทางโรงเรียนจะดำเนินการเยียวยา ถ้ามีข้อเรียกร้องเพิ่มเติม ขอให้เข้าคณะกรรมการ ดำเนินการพิจารณาอีกครั้งหนึ่ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการประชุม เป็นไปด้วยความวุ่นวาย เนื่องจากผู้ปกครองและโรงเรียนยังตกลงข้อสรุปที่จะเยียวยานักเรียนไม่ได้ เพราะผู้ปกครองบางส่วนต้องการให้ลูกไปเรียนที่อื่น และมีบางส่วนที่อยากให้โอกาสโรงเรียน โดยมีข้อเรียกร้อง เช่น ขอให้มีกล้องวงจรปิดแบบเรียลไทม์ ให้ผู้ปกครองเข้าถึงกล้องวงจรปิดได้ ให้มีนักจิต วิทยามาบำบัดเยียวยาสภาพจิตใจนักเรียน บุคลากรทุกคนที่ทำการเรียนการสอน หรือดูแลนักเรียนต้องตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ทั้งหมด ปรับปรุงคุณภาพอาหาร ฯลฯ ส่วนที่ต้องการไปเรียนต่อที่อื่น ขอให้คืนค่าเทอมเต็มจำนวน คืนค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าอุปกรณ์การศึกษา ใบรับรองผลการเรียนที่สามารถ ไปสมัครต่อที่อื่นได้ รวมทั้งค่ารักษาพยาบาล ค่าเยียวยาสภาพจิตใจเด็ก เป็นต้น

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน