ล้นหลามทุกพื้นที่
บางนา-สามย่าน
ลาดพร้าว-ฝั่งธน
โลกรุมประณาม
ทำรุนแรงกับเด็ก
ตร.บุกจับ‘ไมค์’
มวลชนล้อมรถ

พิษสลายม็อบเยาวชนลามหนัก น.ศ. ทั่วประเทศก็ลุกฮือชู 3 นิ้ว กทม.ลุยชุมนุม 4 จุดใหญ่ ห้าแยกลาดพร้าว-อุดมสุข-วงเวียนใหญ่-สามย่าน ส่วน ‘ไมค์-ระยอง’ นำทัพที่ม.ราม ล้นทะลักทุกจุด ทั่วโลกประณามใช้กำลังกับเด็ก ‘ยูนิเซฟ’ทวงถาม‘สัตยาบัน’ ศาลปทุมวันปล่อย 11 ผู้ชุมนุมที่ถูกจับจากเหตุหน้าสยามสแควร์ รถเมล์-รถไฟฟ้าผวาหยุดวิ่งหลายสาย

★ คณะราษฎรสับขาดาวกระจาย

จากเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนนำกำลังเข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ในนามคณะราษฎรบริเวณแยกปทุมวัน ที่ชุมนุมประกาศย้ำจุดยืนขับไล่เผด็จการ เรียกร้องให้หยุดคุกคามประชาชน เปิดประชุมสภาสมัยพิเศษแก้รัฐธรรมนูญ และปล่อยผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุม เมื่อค่ำวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยนอกจากนำกำลังเจ้าหน้าที่แล้วยังมีรถฉีดน้ำแรงดันสูงที่ฉีดน้ำผสมสารเคมี จนนำไปสู่เหตุการณ์ชุลมุนและมีผู้ได้รับบาดเจ็บ ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 17 ต.ค. คณะราษฎรออกแถลงการณ์ว่า จากเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่เกิดขึ้นเมื่อตอนค่ำของวันที่ 16 ต.ค. เราขอประณามทุกการ กระทำที่ใช้ความรุนแรงกับประชาชน และขอประณามทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม เราขอประกาศว่า เรายังยืนยันที่จะจัดการชุมนุมต่อไปในวันที่ 17 ต.ค. ต่อให้จะทำการจับกุมแกนนำของเราไปจนหมด แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาในช่วงสองวันนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าแกนนำที่แท้จริงนั้นคือ “ประชาชนทุกคน” มิใช่เพียงคนใดคนหนึ่ง

ประชาชนไม่อาจทนต่อการกดขี่ได้ฉันใด ชนชั้นนำก็ไม่อาจฝืนสายธารแห่งการเปลี่ยน แปลงได้ฉันนั้น หากยังคงเพิกเฉยต่อข้อ เรียกร้องของเรา ก็พึงรู้ไว้เถิดว่าเราเองก็ไม่สามารถละทิ้งอุดมการณ์ได้เช่นกัน จากนี้จะไม่มีคณะราษฎร จะมีเพียงแต่ “ราษฎร” เท่านั้น ขอย้ำในจุดยืนว่าทุกคนคือแกนนำ และขอเชิญชวนให้ทุกท่านที่พร้อมออกมารวมตัวกันอีกครั้งในวันนี้ เวลา 16.00 น. ขอให้ทุกท่านติดตามรายละเอียดของสถานที่อย่างใกล้ชิด ประกาศ ณ เวลาย่ำรุ่ง สิบเจ็ดตุลา

ต่อมาเวลา 15.00 น. กลุ่มคณะราษฎรประกาศยืนยันจุดชุมนุม 3 แห่ง ประกอบด้วย ห้าแยกลาดพร้าว, อุดมสุข และวงเวียนใหญ่ ขณะที่เพจเฟซบุ๊กแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมโพสต์ข้อความระบุว่า ประกาศ ภายในเวลา 15.00 น. ขอให้ทุกคนเตรียมตัวประจำการได้ที่สถานีรถไฟฟ้าทุกแห่ง

★ ทั่วโลกประณามสลายม็อบเด็ก

ส่วนความเคลื่อนไหวหลังเกิดเหตุสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ที่นครเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ นางราวินา แชมดาซานิ โฆษกสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติย้ำถึงความกังวลเกี่ยวกับการจับกุมผู้ชุมนุมครั้งใหญ่ในประเทศไทยระบุว่า มีความกังวลเกี่ยวกับการประกาศภาวะฉุกเฉินในกรุงเทพฯ ของรัฐบาลไทย อันเป็นผลมาจากการชุมนุมที่ส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ ส่งผลเสียต่อการใช้สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานตามที่รับรองโดยกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ซึ่งประเทศไทยเองเป็นภาคีสมาชิก

นางราวินายังแสดงความกังวลเกี่ยวกับการควบคุมตัวและจับกุมนักเคลื่อนไหวและนักปกป้องสิทธิมนุษยชนหลายคน ซึ่งตัวเลขที่มีตอนนี้คือ 57 คน ถูกจับกุมระหว่างวันที่ 13-16 ต.ค. ในจำนวนนี้ 6 คน ได้รับการปล่อยตัว ส่วนที่เหลือยังอยู่ในการควบคุมของตำรวจและมีความกังวลเป็นพิเศษเกี่ยวกับการใช้ข้อหาร้ายแรงต่อผู้ชุมนุมที่ใช้สิทธิพื้นฐานของตนอย่างสันติ ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยตรวจสอบเพื่อแน่ใจว่าไม่มีใครตกเป็นเป้าถูกควบคุมตัว หรือถูกตั้งข้อหาร้ายแรง จากการใช้สิทธิขั้นพื้นฐาน บนพื้นฐานสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมและการแสดงออกอย่างสันติ

“อย่างไรก็ตาม การกระทำใดของรัฐบาลต้องมั่นใจว่าเป็นไปตามสิทธิมนุษยชน และมีการคุ้มครองทางตุลาการอย่างเป็นระบบสำหรับทุกคนที่ถูกจับกุมตัว รวมถึงสามารถเข้าถึงทนายความและครอบครัวได้ตลอดเวลา” นางราวินากล่าว

ขณะที่ นายเคลมอนต์ วูเล่ ผู้แทนพิเศษแห่งองค์การสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ว่าด้วยสิทธิเสรีภาพในการชุมนุมและการรวมกลุ่มอย่างสันติ ทวีตข้อความถึงสถานการณ์ชุมนุมในประเทศไทยว่า รู้สึกกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับข้อมูลข่าวสารการประท้วงในประเทศไทย การประกาศภาวะฉุกเฉินขั้นร้ายแรงในกรุงเทพฯ และการจับกุมกำลังจำกัดเสรีภาพในการชุมนุม รัฐบาลต้องอนุญาตให้ผู้ประท้วงใช้สิทธิและหาทางเจรจา ไม่ใช่ปราบปรามผู้ประท้วง

★ ‘ยูนิเซฟ’จี้‘สัตยาบัน’ไทย

เว็บไซต์องค์การยูนิเซฟแสดงความรู้สึกกังวลต่ออันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับเด็กและเยาวชนท่ามกลางการชุมนุมที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเคารพสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของเด็กและเยาวชน พร้อมร่วมกันปกป้องพวกเขาจากความรุนแรงและการถูกคุกคามทุกรูปแบบ

อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child – CRC) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ได้รับการรับรองมากที่สุดในโลก ได้รับรองสิทธิในการมีส่วนร่วมของเด็ก เสรีภาพในการแสดงออก รวมถึงการชุมนุมอย่างสันติ ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ให้สัตยาบันในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กในพ.ศ. 2532 โดยให้คำมั่นว่าจะดำเนินการเพื่อให้เด็กๆ ได้เข้าถึงสิทธิที่พวกเขาพึงมี ซึ่งรวมถึงสิทธิในการมีส่วนร่วมและการแสดงความคิดเห็นอย่างสันติโดยได้รับการรับฟัง

ยูนิเซฟขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการเพื่อประกันความปลอดภัยของเด็กและเยาวชนทุกคนในทุกที่ทุกเวลา และให้พวกเขาสามารถแสดงความคิดเห็นอย่างสันติต่อเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อพวกเขาทั้งในปัจจุบันและอนาคต โดยปราศจากความกลัวหรือการถูกคุกคาม

ยูนิเซฟขอย้ำว่า โรงเรียนและสถาบันการศึกษาควรเป็นสถานที่ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กในการแสดงความคิดเห็นอย่างสร้างสรรค์ และมีการรับรู้รับฟัง โรงเรียนและสถาบันการศึกษาควรจัดให้มีพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับเด็กในการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและร่วมกันอภิปรายอย่างมีสาระ ซึ่งจะช่วยให้เด็กๆ สามารถสร้างทักษะด้านการสื่อสารและการต่อรอง อันจะนำไปสู่แนวทางการจัดการอย่างสันติกับข้อท้าทายที่เด็กๆ กำลังเผชิญอยู่

เด็กที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต้องได้รับการดูแลและช่วยเหลืออย่างเหมาะสมและทันท่วงทีตามกระบวนการของกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเด็กและเยาวชน โดยปราศจากการใช้ความรุนแรง การคุกคาม หรือการข่มขู่ทุกรูปแบบ

★ ‘ฮิวแมน’จวกพรก.ฉุกเฉิน

ด้านนายแบรด อดัมส์ ผู้อำนวยการฮิวแมนไรต์วอตช์ ประจำภูมิภาคเอเชีย กล่าวว่า รัฐบาลไทยกำลังปราบปรามเป็นวงกว้างเพื่อยุติการประท้วงของนักศึกษา โดยส่งตำรวจไปสลายด้วยความรุนแรง และการใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินเป็นการเปิดไฟเขียวให้ตำรวจกระทำการละเมิดสิทธิโดยไม่ต้องรับโทษ

ฮิวแมนไรต์วอตช์ยังอ้างแนวปฏิบัติสหประชาชาติว่าด้วยการใช้อาวุธที่มีความร้ายแรงต่ำในการบังคับใช้กฎหมายที่ควรใช้ปืนฉีดน้ำแรงดันสูงในสถานการณ์ความไม่สงบเรียบร้อยร้ายแรงที่มีความเป็นไปได้มากที่จะสูญเสียชีวิต บาดเจ็บสาหัสหรือทำลายทรัพย์สินเป็นวงกว้าง นอกจากนี้ ไม่ควรเล็ง เป้าหมายไปที่บุคคลหรือกลุ่มบุคคลในระยะสั้น เนื่องจากเสี่ยงตาบอดถาวรหรือบาดเจ็บทุติยภูมิ หากถูกแรงดันจากปืนฉีดน้ำอย่างหนัก

นอกจากนี้ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินให้อำนาจทางการไทยเซ็นเซอร์เป็นวงกว้างที่ละเมิดสิทธิในการแสดงออกอย่างอิสระและเสรีภาพสื่อ รวมถึงอภิปรายประเด็นการเมืองในรัฐสภา รายงานข่าวการประท้วงในไทยจากสื่อนานาชาติถูกปิดกั้นจากเครือข่ายโทรทัศน์เคเบิลหลักของประเทศ ทางการไทยยังกดดันผู้ให้บริการดาวเทียมปิดกั้นการถ่ายทอดสถานีโทรทัศน์ วอยซ์ทีวี ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในการรายงานข่าววิจารณ์รัฐบาล

ประเทศไทยให้สัตยาบันกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ ในกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง เมื่อปี 2539 เพื่อปกป้องสิทธิและเสรีภาพการแสดงและกลุ่มชุมนุมอย่างสันติ แต่ทางการไทยบังคับเซ็นเซอร์และปิดปากมาโดยตลอดในอภิปรายเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน ปฏิรูปการเมือง และบทบาทสถาบันกษัตริย์ต่อสังคมในที่สาธารณะ

หลายปีที่ผ่านมานักเคลื่อนไหวและผู้ต่อต้านหลายร้อยคนถูกดำเนินคดีในข้อหาอาญาร้ายแรง เช่น การปลุกระดมอาชญากรรมเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ภายหลังแสดงความคิดเห็นอย่างสันติ นอกจากนี้ 5 เดือนที่ผ่านมาทางการใช้สถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อช่วยควบคุมการระบาดของโควิด -19 เป็นข้ออ้างห้ามชุมนุมต่อต้านรัฐบาลและคุกคามนักเคลื่อนไหวประชาธิปไตย

“กลุ่มผู้ประท้วงในไทยเรียกร้องประชา ธิปไตยสิทธิมนุษยชนและปฏิรูปอย่างสันติ รัฐบาลที่เกี่ยวข้องและสหประชาชาติควรเรียกร้องต่อสาธารณชนเพื่อยุติการปราบปรามทางการเมืองโดยรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ทันที” นายอาดัมส์กล่าว

★ นศ.ทั่วประเทศลุกฮือ

เพจองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถ่ายทอดสดเหตุสลายการชุมนุมในช่วงที่เกิดเหตุ ที่อาคารเรียนรวมกลุ่มสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ประณามการกระทำที่รุนแรงของเจ้าหน้าที่รัฐ พร้อมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ “ชู 3 นิ้ว” อ่านแถลงการณ์ขอให้รัฐบาลยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ปล่อยตัวแกนนำ หยุดคุกคามการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน อีกทั้งยังเรียกร้องให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แสดงจุดยืนอยู่เคียงข้างประชาชน เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ของนายปรีดี พนมยงค์ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย

นักศึกษามหาวิทยาลัยพะเยา (มพ.) ชุมนุมบริเวณหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช มหาวิทยาลัยพะเยา ต่อต้านรัฐบาลในการใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมที่กรุงเทพฯ นายพิเชษฐ สร้อยวงศ์คำ นายกองค์การนิสิต มพ. เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มผู้ชุมนุมทางการเมืองที่กรุงเทพฯ เมื่อค่ำวันที่ 16 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้เกิดภาพลักษณ์ของการใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมของรัฐบาล องค์การนิสิต มพ. ขอประณามการใช้ความรุนแรงในการสลายการชุมนุมและการคุกคามประชาชน การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพฯ อันเป็นการใช้กฎหมายในการจำกัดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน ขอให้พึงระลึกว่า “อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน” #ปล่อยเพื่อพี่น้องของเรา #หยุดคุกคามประชาชน

สภานิสิตมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) (ส่วนกลาง) ออกแถลงการณ์ เรื่อง การใช้ความรุนแรงแด่เยาวชน นิสิต นักศึกษาและประชาชน มีใจความว่า พระพุทธเจ้าทรงใช้หลักสันติวิธีในการปฏิเสธการมีขึ้นของชั้นวรรณะ เหมือนที่เยาวชน นิสิต นักศึกษา และประชาชน พยายามใช้ในการชุมนุม เพื่อร่วมกันหาทางออกได้ดีที่สุด แต่ทางฝ่ายรัฐกลับพยายามเลี่ยงที่จะใช้สันติวิธีกับกลุ่มเยาวชนฯ กลับสร้างสถานการณ์ ปิดกั้นสื่อ บิดเบือนข้อมูล จับกลุ่มแกนนำโดยใช้กฎหมายที่ไม่เป็นไปตามระบอบสากล

สภานิสิตมจร. ไม่สนับสนุนการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบของเจ้าหน้าที่รัฐต่อประชาชน และขอให้เจ้าหน้าที่รัฐตระหนักว่าการกระทำความรุนแรงทุกรูปแบบไม่ควรเกิดขึ้น พร้อมทั้งขอให้ตระหนักถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขโดยปราศจากการเบียดเบียน ภายใต้การใช้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม

กลุ่มประชาคมศิลปากรเพื่อประชาธิปไตย ออกแถลงการณ์ ประณามการกระทำอันไร้มนุษยธรรมจากการสลายการชุมนุมของรัฐบาล ระบุว่า ขอประณามการกระทำดังกล่าวอย่างถึงที่สุด จงหยุดการกระทำดังกล่าว และขอเรียกร้องไปยังมหาวิทยาลัยศิลปากรให้คุ้มครองดูแลนักศึกษาทุกคนที่ออกไปชุมนุมและแสดงออกทางการเมืองอย่างเต็มที่ในฐานะสถานศึกษาที่ยกย่องและเชิดชูในบทความของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ว่า “เธอต้องเรียนรู้ความเป็นมนุษย์ก่อน แล้วจึงเรียนศิลปะ”

★ 7 สภานิสิตก็ไม่เฉย

สภานิสิต 7 มหาวิทยาลัย ประกอบด้วย สภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ สภานักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล สภานิสิต องค์การนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สภานิสิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ ออกแถลงการณ์ประณามเหตุดังกล่าว ระบุว่า ผู้แทนนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัยทั้ง 7 แห่ง เห็นว่าการชุมนุมดังกล่าว แม้เป็นการชุมนุมภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงตามมาตรา 5 ประกอบมาตรา 11 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน แต่การชุมนุมเป็นไปโดยสงบ สันติ และปราศจากอาวุธ และมิได้ใช้ความรุนแรงจากกลุ่มผู้ชุมนุมแต่อย่างใด

อีกทั้งผู้ชุมนุมในบริเวณดังกล่าวประกอบด้วย เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา เป็นจำนวนมาก ดังนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในการควบคุมประชาชน โดยใช้มาตรการจากเบาไปหาหนัก และใช้มาตรการต่างๆ เพื่อรักษาความสงบในบริเวณดังกล่าวเท่าที่จำเป็น ทั้งนี้ ต้องเป็นไปตามหลักสากลและหลักมนุษยธรรมในการควบคุมฝูงชนและการปฏิบัติต่อกลุ่มผู้ชุมนุม

อย่างไรก็ตาม การสลายการชุมนุมที่เกิดขึ้นในเย็นวันที่ 16 ต.ค. บริเวณแยกปทุมวัน และบริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าสยาม มีการใช้รถฉีดน้ำผสมสารเคมีแรงดันสูงเพื่อขอคืนพื้นที่ ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมการชุมนุมในบริเวณดังกล่าวเป็นจำนวนมากเกิดอาการระคายเคืองผิวหนังและดวงตา ทั้งที่มิได้มีความรุนแรงเกิดขึ้นแต่อย่างใด เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า การสลายการชุมนุมโดยเจ้าหน้าที่ในวันและช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ไม่เป็นไปตามหลักความได้สัดส่วนและหลักความจำเป็นต่อการควบคุมสถานการณ์ อีกทั้งยังไม่เป็นไปตามหลักการควบคุมฝูงชนตามหลักสากล

ขอประณามการสลายการชุมนุมอันไร้มนุษยธรรมที่เกิดขึ้น ขอเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม ให้ปฏิบัติตามหลักสากลและหลักมนุษยธรรมในการควบคุมฝูงชน ยกเลิกการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงเนื่องจากไม่มีเหตุจำเป็น และเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการชุมนุม เพื่อให้ประเทศไทยมีความสงบสันติตามระบอบประชาธิปไตยต่อไป

★ ชาวนาลั่นหนุนเยาวชน

สภาประชาสังคมชายแดนใต้ แถลงการณ์ 1.ขอให้ยุติการใช้ความรุนแรงโดยอำนาจรัฐบาล ที่เป็นกระทำเกินกว่าเหตุในการสลายการชุมชนของ เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ซึ่งเป็นการชุมนุมโดยสันติวิธี และใช้สิทธิเสรีภาพของประชาชน ในการแสดงความคิดเห็นภายใต้กฎหมายรัฐธรรมนูญแห่งราชาอาณาจักรไทย 2.เรียกร้องให้รัฐบาลรับฟังและพิจารณาข้อเรียกร้องของเยาวชน นักเรียน นักศึกษา และประชาชน และหาทางออกโดยสันติวิธี เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตทางการเมือง และวิกฤตเศรษฐกิจ 3.ขอให้รัฐบาลเป็นผู้ปกป้อง คุ้มครองและไม่ละเมิด สิทธิและเสรีภาพของประชาชน ตามรัฐธรรมนูญทุกกรณี

ขณะที่กลุ่มคนรักษ์บ้านเกิด อ.วังสะพุง จ.เลย แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการชู 3 นิ้ว เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก ให้ยุบสภา และแก้ไขรัฐธรรมนูญ พร้อมระบุ หากเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรแล้วเสร็จ จะเดินทางไปร่วมชุมนุมกับลูกหลานที่กรุงเทพฯ

ด้านเฟซบุ๊ก CARE คิด เคลื่อน ไทย โพสต์ข้อความพร้อมรูปภาพ ประกาศเป็นตัวกลาง พร้อมช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 16 ต.ค. ที่ผ่านมา บริเวณแยกปทุมวัน โดยระบุว่า ด่วน! กลุ่มแคร์ ขอเป็นตัวกลาง ในการประสานความช่วยเหลือกับทุกภาคส่วน เพื่อช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมที่เกิดขึ้น หากท่านใดประสงค์ที่จะช่วยเหลือ และต้องการความช่วยเหลือ ประสานมาที่ Inbox กล่องข้อความของเราได้ทันที เพื่อจะได้ดำเนินการต่อไป และขอเรียกร้องให้เข้าหน้าที่รัฐ หยุดใช้ความรุนแรงกับประชาชนที่ชุมนุมกันโดยสันติวิธี โดยทันที และนี่ไม่ใช่ทางออกของความขัดแย้ง เราสนับสนุนให้มีการพูดคุยกัน และเปิดพื้นที่ปลอดภัย เพราะเราคือ “คน” แค่เปิดใจฟัง ก็มีทางออก

★ ตร.แจงน้ำสีฟ้า

ด้านนายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงเรื่องเหตุการณ์ชุมนุมเมื่อคืนวานนี้ รัฐบาลได้ดำเนินการตามขอบเขตกฎหมายเพื่อพยายามยุติการชุมนุม การกระทำดังกล่าวไม่ได้เป็นการลิดรอนสิทธิ เสรีภาพของประชาชนกลุ่มใดทั้งสิ้น การพยายามยุติการชุมนุมของรัฐบาล เน้นการดำเนินการตามหลักสากลและได้กำชับเจ้าหน้าที่รัฐทุกฝ่ายให้เน้นความปลอดภัยสูงสุดของผู้มาร่วมชุมนุมทุกคน

อีกทั้งรัฐบาลต้องเร่งยุติการชุมนุมเพื่อป้องกันกลุ่มบุคคลที่มีความพยายามสร้างสถานการณ์ให้เลวร้ายกว่าเดิม การปลุกปั่น บิดเบือนข้อมูลเหตุการณ์ชุมนุม เพื่อหวังผลทางการเมืองและให้สังคมเกิดความแตกแยกถือเป็นความผิดร้ายแรงที่รัฐบาลจะต้องเร่งจับกุมกลุ่มบุคคลดังกล่าว เหตุการณ์ชุมนุมครั้งนี้ ไม่มีคำว่าพ่ายแพ้หรือชัยชนะของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหากแต่เป็นความเสียหายและพ่ายแพ้ของคนไทยและประเทศไทย

“นายกรัฐมนตรีได้ย้ำขอความร่วมมือประชาชนทุกฝ่ายร่วมกันเพื่อหลีกเลี่ยงการร่วมชุมนุมและไม่ทำสิ่งใดซึ่งขัดต่อกฎหมาย และย้ำจะเร่งนำความเรียบร้อยกลับสู่บ้านเมืองโดยเร็วที่สุด” นายอนุชากล่าว

ที่ บช.น. พล.ต.ต.สามารถ ม่วงศิริ นายแพทย์สบ 6 ร.พ.ตร. พร้อม พ.ต.อ.เอกลักษณ์ ดีรุ่งโรจน์ นายแพทย์ สบ 5 ร.พ.ตร. ตัวแทนร.พ.ตร. กล่าวว่า ขณะนี้ได้รับตำรวจที่บาดเจ็บมาดูแลรักษาพยาบาลแล้ว 5 นาย จากการชุมนุมเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 1 นาย และวันที่ 16 ต.ค. อีก 4 นาย ส่วนประชาชนได้กระจายไปรักษาตามโรงพยาบาลต่างๆ รวม 3 คน ซึ่งทั้งหมดแพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว ส่วนเรื่องสารเคมีที่มีการตั้งข้อสงสัยว่าเป็นแก๊สน้ำตาหรือไม่ ยอมรับว่ายังไม่ทราบว่าเป็นสารเคมีชนิดใด ขอเวลาตรวจสอบก่อน ทราบแต่ว่าเป็นสารเคมีที่ใช้ในการควบคุมฝูงชนทั่วโลกไม่เป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต หลังจากนี้อาจให้เจ้าหน้าที่เทคนิคชี้แจงรายละเอียดเรื่องนี้อีกครั้ง

ได้ประกัน – นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง กลุ่มนนทบุรีปลดแอก นายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี นักกิจกรรมกลุ่มเยาวชนปลดแอก และนายสมบัติ ทองย้อย คนเสื้อแดง ได้รับการประกันตัวที่ศาลแขวงปทุมวัน พร้อมผู้ที่ถูกจับกุมอีก 8 คน เมื่อวันที่ 17 ต.ค.

★ ศาลปล่อย 11 ผู้ชุมนุมปทุมวัน

วันเดียวกัน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.พรรคก้าวไกล ไปที่ ตชด.ภ.1 ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อขอทราบจำนวนผู้ที่ถูกจับกุมและหาแนวทางการช่วยเหลือ โดยขออนุญาตเจ้าหน้าที่เพื่อเข้าไปด้านในซึ่งเป็นสถานที่ควบคุมตัว

นายรังสิมันต์เปิดเผยว่า เหตุการณ์การสลายการชุมนุมเป็นเหตุการณ์ที่รับไม่ได้ เป็นการแสดงออกผ่านคนจำนวนมากที่เราไม่เคยเห็นเขาแสดงออกทางการเมืองมาก่อน คนที่ถูกสลายการชุมนุมเป็นเด็กเยาวชนหลายคนแต่งชุดนักเรียนอยู่ สิ่งที่เห็นจนถึงแนวหน้าที่เป็นจุดปะทะกันก็พบว่าในมือของนักเรียนมีเต็มที่คือขวดน้ำเอาไว้ล้างหน้าเวลาโดนสารเคมี คิดว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุ และตนเองเข้าใจว่าผู้ที่มาชุมนุมไม่ได้มาชุมนุมค้างคืนมาทำเช่นเดียวกับวานนี้ โดยขั้นตอนการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่สามารถทำให้ไม่เกิดความรุนแรงได้

“สภาถือเป็นกลไกหนึ่งที่จะหาทางออกได้ แต่รัฐบาลต้องถอยบ้าง สิ่งที่รัฐบาลจะต้องเจอคือคำถามของผู้แทนประชาชน ทำไมต้องประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินวันนี้คนออกมาใช้สิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยปรากฏภาพความรุนแรงเลย สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ท้าทายรัฐบาล แต่รัฐบาลต้องมาอธิบายมาตอบคำถามให้ประชาชนทราบ” นายรังสิมันต์กล่าว

ส่วนที่ศาลแขวงปทุมวัน ทนายความและญาติกลุ่มผู้ชุมนุม จำนวน 8 คน รอทำเรื่องประกันตัวหลังจากถูกจับกุมบริเวณแยกปทุมวันเมื่อช่วงค่ำวันที่ 16 ต.ค. ได้แก่ นาย ณัฐนนท์ ควงสูงเนิน บรรณาธิการบริหาร Spaceth.co, นายอนุรักษ์ เจนตวนิชย์ นักกิจกรรมกลุ่มเส้นทางสีแดง, นายเอฐ์เรียฐ์ ฟอฟิ นักกิจกรรมกลุ่มศิลปนปลดแอก, น.ส.ชลธิชา คุ้มจันทร์อัด, นายพรพสุ ชูรอด, นายคณิตินติเยาว, นายอรรคพล วันทะไชย และนายอินทราช แสงมณี เบื้องต้นทางผู้ถูกจับกุมใช้หลักทรัพย์ประกันตัว 20,000 บาท 6 คน อีก 2 คนใช้เอกสิทธิ์เป็นนักศึกษาให้ประกันตัวไปได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ศาลพิจารณายกคำร้องฝากขังของพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน เนื่องจากว่ามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี จึงปล่อยตัว

ต่อมาพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินีคุมตัวนายทัตเทพ เรืองประไพกิจเสรี หรือ ฟอร์ด อายุ 23 ปี แกนนำกลุ่มเยาวชนปลดแอก, นายสมบัติ ทองย้อย อายุ 52 ปี และนายชินวัตร จันทร์กระจ่าง อายุ 28 ปี 3 ผู้ชุมนุมที่ถูกจับกุมในเหตุเดียวกัน ยื่นคำร้องฝากขังต่อศาลแขวงปทุมวัน ศาลอนุญาตให้ผัดฟ้องและฝากขังผู้ต้องหาทั้ง 3 คน เป็นเวลา 6 วัน ตั้งแต่วันที่ 17-22 ต.ค.นี้ โดยทั้ง 3 รายยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวในชั้นนี้ ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ตีราคาประกันคนละ 20,000 บาท และปล่อยตัวทันทีโดยไม่กำหนดเงื่อนไข

★ ‘สมยศ’ชวดประกันคดีปักหมุด

วันเดียวกัน พนักงานสอบสวน สน.ชนะสงคราม นำตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อายุ 59 ปี ผู้ต้องหาคดีมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนฯ มายื่นคำร้องฝากขังครั้งแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 17-28 ต.ค. กรณีเมื่อวันที่ 20 ก.ย. ผู้ต้องหากับพวกร่วมกันปักหมุดคณะราษฎร บริเวณท้องสนามหลวงอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ข้อหาร่วมกันมั่วสุม ตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปโดยใช้กำลังประทุษร้ายฯ ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง ร่วมจัดการชุมนุมฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในส่วนการชุมนุมที่เกี่ยวกับความมั่นคง และอื่นๆ ชั้นสอบสวน ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัว เกรงว่า ผู้ต้องหากระทำผิดซ้ำและหลบหนี ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคประชาชาติ ใช้ตำแหน่ง ส.ส. เป็นหลักทรัพย์ยื่นพร้อมคำร้องขอปล่อยชั่วคราวนายสมยศ ศาลพิเคราะห์ความหนักเบาแห่งข้อหา ประกอบคำคัดค้านของพนักงานสอบสวนแล้วเห็นว่า คดีมีอัตราโทษสูง พฤติการณ์แห่งคดีเป็นเรื่องร้ายแรง กระทบต่อความมั่นคงและสังคมส่วนรวม ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการขอปล่อยชั่วคราว กรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่า หากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว อาจจะไปก่อเหตุอันตรายประการอื่น หรือไปมีพฤติกรรมในลักษณะเดียวกันอีก จึงไม่อนุญาตให้ยกคำร้อง หลังจากนี้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะได้ควบคุมตัวนายสมยศไปคุมขังยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในชั้นฝากขังนี้ต่อไป

ส่วนกรณี ศาลออกหมายจับนายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง นักกิจกรรมทางการเมือง ในข้อหาประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 ต่อมานายบุญเกื้อหนุนได้เดินทางเข้ามอบตัวกับตำรวจ สน.ดุสิต ล่าสุด มารดาของนายบุญเกื้อหนุนได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสด ขอประกันตัวศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่งแน่นอน เข้าพบพนักงานสอบสวนเองโดยไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ประกอบกับผู้ต้องหากำลังศึกษาเล่าเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ จึงมีเหตุสมควรให้ปล่อยชั่วคราว โดยตีราคาประกัน 2 แสนบาท พร้อมกำหนดเงื่อนไข ห้ามมิให้ผู้ต้องหาไปกระทำการใดในลักษณะเช่นนี้อีก มิฉะนั้นศาลจะพิจารณาเพิกถอนการประกันตัว

ส่วนเอกชัย หงส์กังวาน ผู้ต้องหาอีกคนญาติของนายเอกชัยได้เตรียมพันธบัตรรัฐบาลมูลค่า 1 ล้านบาท เพื่อขอปล่อยชั่วคราวนายเอกชัย แต่ไม่ได้เตรียมหนังสือรับรองมาแสดงต่อศาล จนกระทั่งหมดเวลาทำการ 16.30 น. จึงไม่ได้ยื่นประกันตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวนายเอกชัยไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

★ รถเมล์-รถไฟฟ้าผวาม็อบ

รายงานข่าวแจ้งว่าหลังประกาศกระจายจุดชุมนุมของกลุ่มคณะราษฎร องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) แจ้งว่า ตามที่ กอร.ฉ.แถลงปิดการจราจรบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ขสมก.จึงมีความจำเป็นต้องเดินรถตัดเสริมในเส้นทางที่วิ่งผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.ถนนพหลโยธิน หยุดวิ่งแค่บีทีเอสจตุจักร 2.ถนนราชวิถี หยุดวิ่งแค่เขาดินวนา 3.ถนนพญาไทหยุดวิ่งแค่แยกปทุมวัน 4.ถนนดินแดง หยุดวิ่งแค่สามเหลี่ยมดินแดง ส่วนเส้นทางอื่นๆ ยังคงให้บริการเดินรถตามปกติ

ขณะที่รถไฟฟ้าใต้ดิน (เอ็มอาร์ที) สายเฉลิมรัชมงคล (สายสีน้ำเงิน) ช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ แจ้งหยุดให้บริการทุกสถานี ตั้งแต่เวลา 12.30 น.เป็นต้นไป ทั้งนี้ผู้โดยสารที่เข้ามาในระบบรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินแล้วสามารถเดินทางไปออกได้ทุกสถานี สำหรับรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีสายสีม่วง คลองบางไผ่-นนทบุรี-เตาปูน เปิดให้บริการตามปกติ ทั้งนี้จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ส่วนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ แจ้งว่าได้ปิดให้บริการชั่วคราวที่สถานีพญาไท ตั้งแต่เวลา 14.30 น. เป็นต้นไป โดยสถานีอื่นๆ ยังคงเปิดให้บริการตามปกติ

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส แจ้งว่า ตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรงในเขตท้องที่กรุงเทพมหานคร คำสั่งหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เรื่อง ห้ามการใช้เส้นทางคมนาคม อาคาร หรือสถานที่ และคำสั่งของกรุงเทพมหานคร บริษัท จึงขอปิดให้บริการชั่วคราวทุกสถานี ทั้งในสายสุขุมวิท และสายสีลม ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป จนกว่าจะมีประกาศการเปลี่ยนแปลง

หยุดไม่อยู่ – กลุ่มผู้ชุมนุมในนาม ‘ราษฎร’ รวมตัวเต็มพื้นที่บริเวณ 5 แยกลาดพร้าว ภาพถัดมาเป็นที่แยกบางนา ต่อเนื่องจนถึงแยกอุดมสุข ส่วนภาพล่างเป็นบรรยากาศที่แยกตากสิน โดยทั้งหมด นัดหมายทางโซเชี่ยล หลังถูกรัฐบาลสกัด ตัดเส้นทางสัญจรรถไฟฟ้าและรถเมล์ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.

★ ตามนัดม็อบพรึ่บทั่วไทย

เวลา 15.30 น. วันเดียวกัน บริเวณห้าแยกลาดพร้าว กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มทยอยเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก โดยมีการเดินลงมาจากสกายวอล์ก และหน้าศูนย์การค้า เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว จากนั้นได้เคลื่อนขบวนกระจายจนเกือบเต็มบริเวณห้าแยกลาดพร้าวแล้ว พร้อม ชู 3 นิ้ว และร่วมใจกันตะโกนว่า “ประยุทธ์ออกไป”, “ปล่อยเพื่อนเรา” จำนวนหลายครั้งดังสนั่น การชุมนุมในวันนี้ยังไม่ชัดเจนว่ามีใครเป็นแกนนำ ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน

ที่แยกอุดมสุขกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากรวมตัวตั้งนัดหมายพร้อมทั้งชูนิ้ว พร้อมตะโกนด่า พล.อ.ประยุทธ์ ให้ออกไป พร้อมเคลื่อนตัวเดินโชว์ 3 นิ้ว ไปยังแยกบางนา ระหว่างทางเมื่อขบวนผ่านรถเมล์ที่อยู่เลนตรงข้าม คนในรถเมล์ชู 3 นิ้วตอบโต้ด้วย กลุ่มผู้ชุมนุมถึงแยกบางนาและยึดแยกปิดการจราจรขาเข้า

ปิดบางนา – กลุ่มผู้ชุมนุมอีกกลุ่มรวมตัวกันอยู่ที่ใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อุดมสุข จนเต็มถนน ร่วมกันเดินเท้ามาปิดถนนสุขุมวิท บริเวณแยกบางนา ขาเข้า โดยมีเจ้าหน้าที่ควบคุมฝูงชนยืนคุมเชิง เมื่อวันที่ 17 ต.ค.

ขณะเดียวกัน เครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรีและกลุ่มนนทบุรีปลดแอก นำโดยนายชินวัตร หรือ ไบร์ท จันทร์กระจ่าง แกนนำกลุ่มพร้อมผู้ชุมนุมประมาณ 150 คน นัดรวมตัวกันที่บริเวณสถานีเอ็มอาร์ที พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี กล่าวปราศรัยโจมตีการใช้รถน้ำสลายการชุมนุมเมื่อวานที่ผ่านมา แต่ปรากฏว่าทางสถานีรถไฟฟ้าปิดให้บริการชั่วคราว ทั้งหมดเดินขบวนประท้วงไปที่สถานีรถไฟฟ้า เอ็มอาร์ทีสี่แยกแคราย โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ภ.จว.นนทบุรี ทั้งในและนอกเครื่องแบบลงพื้นที่ควบคุมสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

บริเวณแยกตากสินมีมวลชนจำนวนมากได้ทยอยเดินทางมารวมตัวกัน โดยปิดการจราจร 2 ช่องการจราจร โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากบก.น.7-8-9 คอยดูแลความปลอดภัยและอำนวยการจราจรบริเวณการชุมนุม โดยระหว่างการชุมนุมไม่ปรากฏแกนนำ มีแต่ต้นเสียง ตะโกนไล่ “พล.อ.ประยุทธ์ ออกไป” และ “ปล่อยพวกเรา” เช่นเดียวกับบริเวณสามย่านมิตรทาวน์ มีกลุ่มผู้ชุมนุมรวมตัวกันแน่นขนัดไม่แพ้จุดอื่น

เช่นเดียวกัน ‘ไมค์’ ภาณุพงศ์ จาดนอก ประธานกลุ่มเยาวชนตะวันออกเพื่อประชา ธิปไตย นัดชุมนุมที่ลานพ่อขุน มหาวิทยาลัยรามคำแหง ส่วนที่ป้ายรถโดยสารหน้ามหา วิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี อ.เมือง จ.อุบล ราชธานี กลุ่มนักศึกษาของมหาวิทยาลัยและนักเรียนชั้นมัธยมจำนวนหนึ่งมารวมตัวกันชู 3 นิ้ว ก่อนเดินจากหน้ามหาวิทยาลัยมุ่งหน้าไปศาลหลักเมือง ถนนศรีณรงค์ ต.ในเมือง อ.เมืองอุบลราชธานี ซึ่งอยู่ห่างไปราว 3 กิโลเมตร

ที่หน้า ร.ร.พิริยาลัย จ.แพร่ นักเรียนนักศึกษากว่า 200 คน ร่วมกิจกรรม แสดงพลังโดยการชู 3 นิ้ว เรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ลาออก และหยุดทำร้ายประชาชนที่มาชุมนุมแสดงความเห็นต่าง ผู้คนที่ขี่รถสัญจรไปมาต่างชู 3 นิ้ว สนับสนุนการแสดงออกของเด็กๆ

ที่อาคารเรียนรวมสังคมศาสตร์ (เอสซี) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต นักศึกษาจัดชุมนุม “อยู่รังสิตก็ไปม็อบได้ ส่งเสียง ส่งพลัง ให้ถึงภูพาน รวมกำลังราษฎร ให้มันจบที่โถงsc” โดยมีนักศึกษากว่า 500 คน เข้ารวมชุมนุมขับไล่รัฐบาลเผด็จการ

นอกจากนั้นเพจเฟซบุ๊กแนวร่วมธรรม ศาสตร์และการชุมนุม ยังเผยแพร่จุดชุมนุมในทั่วประเทศในวันเดียวกันนี้ ประกอบด้วย ศาลหลักเมืองอุบลราชธานี, ศาลากลางหลังเดิม จ.หนองคาย, หน้าศาลากลางจังหวัดร้อยเอ็ด, แหลมบาลีฮาย เมืองพัทยา จ.ชลบุรี, วัดพระงาม จ.นครปฐม, ลานสมเด็จ มหาวิทยาลัยพะเยา

ลานดาว มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย, บ่อบำบัดน้ำเสีย จ.นครสวรรค์, หน้าศาลากลางหลังเก่า จ.กาฬสินธุ์, ริมน้ำน่าน จ.อุตรดิตถ์, วงเวียนพะยูน จ.ตรัง, ทุ่งศรีเมือง จ.อุดรธานี, หน้าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (ม.อ.) หาดใหญ่ จ.สงขลา, ลานหมอลำ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี จ.นครราชสีมา, สวนเฉลิมพระเกียรติ (สวนใหม่) จ.สุรินทร์, บขส.ใหม่ จ.สกลนคร, หน้าคอมเพล็กซ์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น

วงเวียนใหญ่ – มวลชนจำนวนมากทยอยรวมตัวกันที่บริเวณแยกตากสิน โดยปิดการจราจร 2 ช่องทาง มีกำลัง เจ้าหน้าที่ตำรวจจากบก.น.7-8-9 จำนวน 50 นาย คอยสังเกตการณ์ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.

★ ม็อบแยกย้ายก่อน 2 ทุ่ม

รายงานข่าวแจ้งว่า ช่วงเย็นวันเดียวกันหลังมวลชนชุมนุมกันแน่นทุกจุด เพจเฟซบุ๊ก “เยาวชนปลดแอก-Free YOUTH” โพสต์ข้อความนัดยุติการชุมนุมในเวลา 20.00 น. ขอให้ทุกคนแยกย้าย พักผ่อน แล้ววันถัดๆ ไปมาร่วมสู้ไปด้วยกัน

เวลา 18.40 น. มวลชนบริเวณแยกตากสิน ประกาศยุติการชุมนุมแยกย้ายกันกลับแต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่สามารถกลับบ้านพักได้ เนื่องจากรถไฟฟ้าบีทีเอสยังไม่เปิดให้บริการ ทำให้บางส่วนเริ่มกลับไปรวมกลุ่มกันอีกครั้ง

ต่อมา พล.ต.ต.โชคชัย งามวงศ์ ผบก.น.8 และเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.สำเหร่ รวม 10 นาย ร่วมกันลงพื้นที่เพื่อตรวจตราความเรียบร้อยโดยฝ่าวงล้อมของกลุ่มผู้ชุมนุม เป็นเหตุให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจเนื่องจากคิดว่าจะเข้ามาสลายการชุมนุมจนเป็นเหตุให้ถูกล้อมและสาดน้ำ ก่อนทางพล.ต.ต.โชคชัยจะเข้าเจรจากับตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมว่า ไม่ได้มาจับกุมผู้ใดเพียงแค่เข้ามาสังเกตการณ์ในพื้นที่เท่านั้น โดยหลังจากนี้จะประสานกับทางบีทีเอสให้เปิดการใช้งานได้ตามปกติเพื่อให้ผู้ชุมนุมกลับที่พัก ซึ่งภายหลังจากผบก.น.8 ได้เข้าเจรจาทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้แยกย้ายเดินทางกลับที่พัก โดยไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง

ม็อบพรึบ – กลุ่มผู้ชุมนุมพากันมารวมตัวเต็มพื้นที่ บริเวณใต้สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส 5 แยกลาดพร้าว โดยนัดหมายทาง โซเชี่ยล หลังถูกรัฐบาลสกัดตัดเส้นทางสัญจรรถไฟฟ้าและรถเมล์ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.

ส่วนกลุ่มผู้ชุมนุมที่บริเวณห้าแยกลาดพร้าว ส่วนหนึ่งได้เดินเท้าไปยังบริเวณสถานีบีทีเอสหมอชิต อีกส่วนปักหลักยึดพื้นที่ห้าแยกลาดพร้าว และมีกิจกรรมต่างๆ กระทั่งเวลา 19.20 น. จึงประกาศให้แยกย้ายกันกลับ สำหรับจุดชุมนุมระหว่างบางนาและอุดมสุขมีมติแยกย้ายกันในเวลา 19.30 น.

ด้านจุดชุมนุมที่สามย่านมิตรทาวน์ ก็ทยอยแยกย้ายกันออกจากจุดชุมนุมด้วยความเป็นระเบียบ เช่นเดียวกับการชุมนุมที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง ที่มี ‘ไมค์’ ภาณุพงศ์ เป็นแกนนำ หลังจากเดินออกจากมหาวิทยาลัยรามคำแหง มุ่งหน้าไปแยกคลองตัน ก่อนรวมตัวกันที่ใต้สถานีรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ ก่อนประกาศแยกย้ายในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน

รายงานข่าวแจ้งว่า ระหว่างการชุมนุมในจุดต่างๆ เมื่อมีฝนตกมา ทั้งหมดจะช่วยกันแจกจ่ายเสื้อกันฝนและร่ม บางจุดมีแจกจ่ายหมวกนิรภัยเพิ่มเติม พร้อมฝึกซ้อมการใช้ร่มเพื่อป้องกันการถูกเจ้าหน้าที่ใช้รถน้ำแรงดันสูงฉีดสลายการชุมนุมกันอย่างคึกคัก

จับ‘ไมค์’ – นาทีตำรวจบุกควบคุมตัวนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ภายในซอยรามคำแหง 53 ก่อนพาตัวไป ตชด.ภ.1 โดยเจ้าตัวไม่พอใจที่เจ้าหน้าที่ไม่แสดงบัตร และยังทุบกระจกรถจนแตก เมื่อวันที่ 17 ต.ค.

★ ตร.หมายจับหมอทศพร

วันเดียวกันเว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ที่ 6/2563 เรื่อง กำหนดสถานที่ควบคุมเพิ่มเติม ให้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง จึงกำหนดสถานที่ควบคุมเพิ่มเติม ตามมาตรา 12 แห่งพ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2563 ดังนี้ 1.กรณีที่มีการจับกุมและควบคุมตัวบุคคลที่สงสัยว่าจะเป็นผู้ร่วมกระทำการให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือเป็นผู้ใช้ ผู้โฆษณา ผู้สนับสนุนการกระทำเช่นว่านั้น หรือปกปิดข้อมูลเกี่ยวกับการกระทำให้เกิดสถานการณ์ฉุกเฉิน ให้ส่งไปควบคุมที่ กองบัญชาการช่วยรบที่ 1 ค่าย พนัสบดีศรีอุทัย ต.เกาะจันทร์ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี

2.ในการดำเนินการของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามข้อกำหนดนี้ ให้ใช้มาตรการตามความจำเป็นและเหมาะสม โดยระมัดระวังมิให้มีการปฏิบัติที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนเกินสมควร ให้หัวหน้าผู้ควบคุมสถานที่มีอำนาจกำหนดเงื่อนไขหรือเงื่อนเวลาในการควบคุม การเยี่ยมได้ตามที่เห็นสมควร โดยให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎหมาย ทั้งนี้ ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

รายงานข่าวว่า พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ขออนุมัติศาลแขวงปทุมวัน ออกหมายจับ 1.นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีต ส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย และอดีตสมาชิก พรรคไทยรักษาชาติ 2.นายอรรถพล บัวพัฒน์ แกนนำประชาชนปลดแอกอีสาน 3.นายชินวัตร จันทร์กระจ่าง แกนนำกลุ่มเยาวชน คนรุ่นใหม่นนทบุรี 4.นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนา และ 5.นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือ ไมค์ ระยอง ในข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดห้ามมิให้การชุมนุมหรือมั่วสุม หรือการกระทำอันเป็นการยุยง ให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย

★ 386 นพ.-พญ.จี้ห้ามใช้แก๊สน้ำตา

วันเดียวกัน บุคลากรทางการแพทย์ ประกอบด้วยนายแพทย์และแพทย์หญิงจากโรงพยาบาลทั่วประเทศจำนวน 386 คน ร่วมลงชื่อออกแถลงการณ์ มุมมองของแพทย์ต่อสถานการณ์วันที่ 16 ต.ค. โดยระบุว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ 16 ต.ค. ปรากฏภาพการใช้ความรุนแรงต่อกลุ่มผู้ชุมนุมที่เป็นเยาวชนและกลุ่มสมทบอื่นๆ เพื่อสลายการชุมนุม ทั้งที่ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ นอกจากนี้ยังมีภาพรถพยาบาลที่ไม่สามารถผ่านแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ของรัฐเพื่อรับส่ง ผู้ป่วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สมควรเกิดขึ้น ตามหลักมนุษยธรรม จึงขอเรียกร้องให้เปลี่ยนการใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบของรัฐ ต่อผู้ชุมนุม เป็นการรับฟังอย่างสันติวิธีและขอให้เจ้าหน้าที่รัฐและผู้บังคับบัญชายึดหลักสากลในการควบคุมฝูงชน ดังนี้

1.โรงพยาบาลต้องเป็นสถานที่ปลอดภัย และเป็นกลางทางการเมือง การเข้าถึงการรักษาพยาบาลเป็นสิ่งพึงได้รับของพลเมือง บุคลากรทางการแพทย์ต้องได้รับความคุ้มครองและอำนวยความสะดวก ดูแลผู้ป่วยและผู้ประสบภัยทุกคนอย่างเสมอภาค

2.การดูแลการชุมนุมต้องปฏิบัติตามหลักสากล มาตรการที่ใช้ควบคุมฝูงชนจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะหลักความจำเป็น หลักความสมเหตุสมผล หลักความได้สัดส่วนต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น

3.การใช้รถยิงน้ำยังผสมสารเคมียิงไปยัง ผู้ชุมนุม เป็นมาตรการที่มีความรุนแรงโดยสภาพ เจ้าหน้าที่ไม่อาจแยกแยะเป้าหมายเพื่อบังคับมาตรการนี้อย่างเป็นธรรมได้ เจ้าหน้าที่จึงไม่ควรใช้รถยิงน้ำกับการชุมนุมที่สงบ แรงดันที่เกิดจากน้ำมีระดับสูง สามารถทำให้เกิดอันตรายแก่กายทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ

4.งดใช้สารเคมีที่มีพิษต่อระบบผิวหนัง และเยื่อบุ หรือต่อระบบทางเดินหายใจ เช่น แก๊สน้ำตา ต่อผู้ชุมนุมโดยสงบปราศจากอาวุธ

5.เปิดพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของผู้เห็นต่างในสังคม เพื่อป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

รายงานข่าวแจ้งว่า ประมาณเวลา 20.30 น. ขณะที่ นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ระยอง ขึ้นรถเดินทางกลับบ้านพักหลังประกาศเลิกการชุมนุม มีตำรวจนอกเครื่องแบบไล่ทุบรถบุกจับบริเวณซอยรามคำแหง 53 ก่อนอ่านหมายจับเจ้าหน้าที่แสดงหมายจับ คดีฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ นายภาณุพงศ์และนายณัฐชนน พยัฆพันธ์ เพื่อนสนิท ให้ฟัง สร้างความไม่พอใจให้กลุ่มมวลชน แต่สุดท้ายทั้งคู่ยอมให้ควบคุมตัวไปยัง สน.หัวหมาก จากนั้นคุมตัวส่งไปควบคุมตัวที่ ตชด.ภ.1 โดยกลุ่มมวลชนพยายามล้อมไว้อยู่นานกว่าจะยอมให้รถตำรวจเคลื่อนออกไป

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน