ยกฝากขัง-ไม่อายัดซ้ำ
ถอนหมายจับ‘รุ้ง’ด้วย
เรียก‘มายด์’รับข้อหา
คดีสถานทูตเยอรมัน
ประทัดบึ้มป่วนม็อบนศ.

ศาลยกคำร้องฝากขัง สั่งปล่อยตัว ‘อานนท์-สมยศ-เอกชัย-สุรนาถ’ ออกจากเรือนจำส่วน ‘รุ้ง’ ศาลก็ยกเช่นกัน คดีชุมนุมสกายวอล์ก พร้อมถอนหมายจับด้วย ชี้ยังเป็นนักศึกษา มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ขณะที่ ‘ไมค์’ ศาลแขวงระยองยกคำร้องฝากขังเช่นกัน ด้าน ‘มายด์’ ถูกตร.ออกหมายเรียก ให้ไปรับทราบข้อหา ม.116 คดีชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมัน กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ประชาชนยังชุมนุมคึกคักอย่างต่อเนื่อง เปิดเวทีแยกท่าพระ ย้ำจุดยืน 3 ข้อเรียกร้อง แต่ระหว่างชุมนุม โดนประทัดยักษ์ป่วน ก่อนซิ่งจยย.เผ่นหนี โชคดีไม่มีใครเป็นอะไร

เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่ศาลแขวงดุสิต ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีศาลแขวง 3 (ดุสิต) เป็นโจทก์ฟ้องนายอานนท์ นำภา, น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว, นายกรกช แสงเย็นพันธ์, นายอานันท์ ลุ่มจันทร์, นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ, นายเอฐ์เรียฐ์ ฟอฟิ และนายปิยรัฐ จงเทพ กลุ่มแกนนำและ ผู้ชุมนุมคณะราษฎร 2563 เป็นจำเลยที่ 1-7 ในความผิดต่อ พ.ร.บ.รักษาความสะอาด และความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ร.บ.จราจรทางบก และพ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้ง 7 และให้การรับสารภาพ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.2563 จำเลยที่ 1-7 ร่วมกันกางจอภาพสีขาว มีเสาด้านข้างวางหมุดคณะราษฎรลงบนทางเดินรถ วางเครื่องฉายโฮโลแกรมบนทางเท้าถนนราชดำเนินกลาง บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิป ไตย แล้วฉายโฮโลแกรมอ่านประกาศของคณะราษฎรลงบนจอภาพ “ลบยังไง ก็ไม่ลืม” อันเป็นการตั้ง วาง กองวัตถุ หรือสิ่งของ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรือกระทำด้วยประการใดๆ บนถนน ทาง ซึ่งมิใช่บริเวณที่เจ้าพนักงานท้องถิ่น หรือพนักงานเจ้าหน้าที่ประกาศกำหนดด้วยความเห็นชอบของเจ้าพนักงานจราจร มีลักษณะกีดขวางการจราจร กีดขวางทางสาธารณะ จนอาจเป็นอุปสรรคต่อความปลอดภัย หรือความสะดวกในการจราจร อันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย

ศาลพิพากษาว่าจำเลยที่ 1 มีความผิดหลายกรรม ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ฐานร่วมกันตั้ง วาง กองวัตถุใดๆ บนถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ หรือกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรฯ เป็นการกระทำความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันตั้งวางกองวัตถุใดๆ บนถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ซึ่งเป็นบทหนักสุด ปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 1,000 บาท ฐานใช้เครื่องขยายเสียงด้วยกำลังไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 200 บาท รวมปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 1,200 บาท

ส่วนจำเลยที่ 2-7 มีความผิดฐานร่วมกัน ตั้ง วาง กองวัตถุใดๆ บนถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ หรือกระทำด้วยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรฯ เป็น การกระทำความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานร่วมกันตั้งวางกองวัตถุใดๆ บนถนนโดยไม่ได้รับอนุญาตฯ ซึ่งเป็นบทหนักสุด ปรับจำเลยที่ 2-7 คนละ 1,000 บาท จำเลยทั้ง 7 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 600 บาท คงปรับจำเลยที่ 2-7 คนละ 500 บาท

ขณะเดียวกันที่ศาลเเขวงปทุมวัน พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวัน ยื่นผัดฟ้องฝากขังน.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล จำนวน 2 สำนวน คดีความผิดตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2558 จากกรณีนำมวลชนร่วมชุมนุมที่สกายวอล์ก สี่แยกปทุมวัน กทม. วันที่ 5 มิ.ย. และวันที่ 22 มิ.ย.

โดยศาลพิเคราะห์คำร้อง คำคัดค้าน ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าผู้ต้องหาคดีนี้ถูกกล่าวหาว่าร่วมกันกระทำความผิดกับผู้ต้องหาอื่นอีก 2 คน รวมเป็น 3 คน การสอบสวนได้เสร็จสิ้นแล้ว โดยส่งสำนวนการสอบสวน ผู้ต้องหาที่ร่วมกระทำความผิดอีก 2 คน ไปให้พนักงานอัยการฟ้องคดี สำหรับผู้ต้องหาคดีนี้เหลือเพียงรอผลการตรวจสอบประวัติ การกระทำความผิดเท่านั้น ประกอบกับ ผู้ต้องหายังเป็นนักศึกษามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่ปรากฏว่ามีเหตุอันควรเชื่อว่าจะหลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน หรือ ก่อเหตุอันตรายประการอื่น จึงยังไม่มีความจำเป็นให้คุมขังไว้ จึงยกคำร้องขอฝากขัง โดยอนุญาตให้ผัดฟ้องได้ 6 วัน และให้ เพิกถอนหมายจับผู้ต้องหาออกจากฐาน ข้อมูล

จากกรณีศาลอาญากรุงเทพใต้ไม่เห็นควรอนุมัติหมายจับ น.ส.ภัสราวลี หรือมายด์ ธนกิจวิบูลย์ผล อายุ 25 ปี, นายกรกช แสงเย็นพันธ์ อายุ 28 ปี, นายชนินทร์ วงษ์ศรี อายุ 20 ปี, นายชลธิศ โชติสวัสดิ์ อายุ 21 ปี และน.ส.เบนจา อะปัญ อายุ 21 ปี ตามที่ตำรวจยื่นคำร้องขอ สืบเนื่องจากผู้ต้องหาร่วมกันชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนีประจำประเทศไทย โดยศาลเห็นว่าทั้ง 5 คนยังเป็นนักศึกษา และให้ออกหมายเรียกตามปกติแทน

ล่าสุด น.ส.ภัสราวลี แกนนำนักศึกษา เปิดเผยผ่านทางทวิตเตอร์ พร้อมโพสต์ภาพหมายเรียกจากพนักงานสอบสวน ให้ไปรับทราบข้อหล่าวหาฐานความผิดร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หนังสือ หรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็น หรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชน ล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน ตามมาตรา 116 และข้อหาอื่นๆ

ส่วนกรณีพนักงานสอบสวน สภ.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ดำเนินคดีนายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก สืบเนื่องจากชูป้ายประท้วง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขณะไปตรวจสถานการณ์โควิด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 15 ก.ค.นั้น นายธีรพันธ์ พันธ์คีรี ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน แจ้งว่าศาลแขวงระยองไต่สวน และคำสั่งยกคำร้องขอฝากขัง ไม่อนุญาตให้ตำรวจนำตัวไปควบคุม หรือขัง โดยศาลให้เหตุผล ว่าการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของ ผู้ต้องหา เป็นขั้นตอนที่ดำเนินการได้โดยไม่จำเป็นต้องควบคุมผู้ต้องหา และปัจจุบัน ผู้ต้องหาเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จึงไม่มีพฤติการณ์หลบหนี หรือจะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงให้ยกคำร้องขอฝากขัง

ส่วนที่ จ.นนทบุรี นายชินวัตร หรือไบร์ท จันทร์กระจ่าง แกนนำเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี และทนายความอาสาเข้ารับทราบ ข้อกล่าวหาตามหมายเรียกของพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนนทบุรี ข้อหาเกี่ยวกับการโฆษณาและใช้เครื่องขยายเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาต จากกรณีชุมนุมที่ท่าน้ำนนท์ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ภายหลังรับข้อหาแล้ว พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับ 200 บาท ต่อมานายชินวัตรนำมวลชน 15 คน จัดกิจกรรมที่หน้าสภ.เมืองนนทบุรี เผาพริกเผาเกลือ พ.ต.อ.สีหเดช สระกอบแก้ว ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี เนื่องจากไม่พอใจถูกตั้งข้อหาร้ายแรง กระทำผิดมาตรา 116 ทั้งที่เป็นการจัดกิจกรรมแสดงความคิดเห็นเท่านั้น

วันเดียวกัน ที่ศาลอาญา ศาลมีคำสั่งยกคำร้องคดีที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอฝากขังนายเอกชัย หงส์กังวาน, นายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง ที่ได้ประกันตัวไปก่อนนี้แล้ว และนายสุรนาถ หรือตัน แป้นประเสริฐ ผู้ต้องหาคดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 110 พยายามประทุษร้ายต่อพระองค์ราชินี จากกรณีผู้ชุมนุมกับขบวนเสด็จ โดยศาลเห็นว่าผู้ร้องไม่ได้มีเหตุผลเพียงพอในการขอฝากขังต่อไป จึงยกคำร้อง

นอกจากนี้ ศาลมีคำสั่งยกคำร้องในคดีที่พนักงานสอบสวนยื่นคำร้องขอฝากขังนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายอานนท์ นำภา คดียุยงปลุกปั่นฯ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และข้อหาอื่นๆ กรณีชุมนุมที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และท้องสนามหลวง วันที่ 19-20 ก.ย. โดยให้เหตุผลว่าคำร้องยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะขอฝากขังครั้งต่อไป มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ฝากขัง และออกหมายปล่อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังศาลมีคำสั่งดังกล่าว ในเวลา 19.00 น. กลุ่มนักศึกษาและประชาชนจำนวนหนึ่งเดินทางไปหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อรอรับตัวนายอานนท์ นายสมยศ นายเอกชัย และนายสุรนาถ โดยคาดหวังว่าจะไม่ถูกอายัดตัวซ้ำเหมือน กรณีไมค์ รุ้ง และเพนกวิน

ต่อมาเวลา 20.00 น. นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนายความ แถลงที่หน้าเรือนจำ แจ้งผู้ชุมนุมรับทราบว่าเนื่องจากทั้ง 4 คน ครบกำหนดฝากขัง ทนายความจึงยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขัง ศาลจึงมีคำสั่งยกคำร้องฝากขัง ดังนั้นทั้ง 4 คนจะได้รับการปล่อยตัวในเวลา 24.00 น. วันที่ 2 พ.ย. เนื่องจากตามหมายขังของศาลที่กำหนด ระบุว่าให้ขัง ตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค. จำนวน 7 วัน โดยของ นายอานนท์จะครบกำหนดวันที่ 2 พ.ย. ทางเจ้าหน้าที่เรือนจำแจ้งว่าขณะนี้อยู่ในจุดที่เตรียมรอออกแล้ว และไม่มีการอายัดตัวใดๆ ทั้งสิ้น ทั้ง 4 คนจะได้กลับบ้านอย่างแน่นอน

 

ท่าพระคึก – คณะราษฎรฝั่งธนฯ ชุมนุมเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก แก้ไขรัฐธรรมนูญ มีผู้มาร่วมแสดงออกเป็นจำนวนมาก ท่ามกลางการดูแลรักษาความสงบของเจ้าหน้าที่ ที่บริเวณแยกท่าพระ เมื่อวันที่ 2 พ.ย.

 

เย็นวันเดียวกัน ที่สถานีรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที ท่าพระ กรุงเทพฯ มีการชุมนุมของกลุ่มนักเรียนนักศึกษาและประชาชน และเปิดปราศรัย โดยระหว่างนั้นมีชายคนหนึ่งสวมเสื้อสีน้ำเงินเข้มขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดกลางกลุ่มผู้ชุมนุม และถกเถียงกัน ก่อนที่การ์ดของผู้ชุมนุมจะขอความร่วมมือให้ชายคนดังกล่าวขับรถออกไป และด้านกลุ่ม ผู้ชุมนุมเองก็เริ่มการชุมนุมต่อ โดยที่มีชาย คนนั้นยืนมองสถานการณ์อยู่รอบข้าง แต่ไม่มีสถานการณ์บานปลาย

 

ยังคึกคัก – บรรยากาศการชุมนุมเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก แก้ไขรัฐธรรมนูญ มีประชาชนทยอยเดินทางมาร่วมแสดงออกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางการรักษาความสงบของเจ้าหน้าที่ ที่สถานีเอ็มอาร์ทีท่าพระ เมื่อวันที่ 2 พ.ย.

 

ต่อมาเวลา 18.00 น. เกิดเสียงดังคล้ายประทัดใกล้พื้นที่ชุมนุมแยกท่าพระ ผู้ปราศรัยแจ้งเตือนให้กลุ่มผู้ชุมนุมนั่งอยู่กับที่ อย่า แตกตื่น หรือลุกไปไหน พร้อมประกาศให้การ์ดไปตรวจสอบกับตำรวจที่อยู่ใกล้เคียง โดยเบื้องต้นพบบุคคลต้องสงสัยขับขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีมุ่งหน้าวงเวียนใหญ่ ส่วนวัตถุต้องสงสัยคล้ายประทัดตกอยู่ใต้สถานีรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที ท่าพระ 2 ลูก โดยระเบิดไปแล้ว 1 ลูก แต่ไม่มีผู้ได้รับ บาดเจ็บแต่อย่างใด

 

บึ้มป่วน – ตำรวจสน.ท่าพระ ตรวจสอบที่เกิดเหตุวางระเบิดเสียงป่วนผู้ชุมนุมขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่บริเวณแยกท่าพระ บุคคลต้องสงสัยคาดว่าจะใช้รถจยย. เป็นพาหนะ ขี่หลบหนีไปทางวงเวียนใหญ่ เมื่อวันที่ 2 พ.ย.

 

เวลา 19.30 น. แกนนำผลัดกันขึ้นปราศรัย โดยเน้นย้ำ 3 ข้อเรียกร้อง 1.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออก 2.ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ และ 3.ปฏิรูปสถาบัน ระหว่างปราศรัยยังเปิดเพลง 1 2 3 4 5 ไอเลิฟยู ของเดอะ บอททอม บูลส์ พร้อมเปิดแฟลชโทรศัพท์มือถือด้วย และหลังเกิดเหตุมีผู้ไม่หวังดีโยนประทัดใส่ใกล้พื้นที่ชุมนุม ทางตำรวจเพิ่มกำลังเข้ามาดูแลความปลอดภัยมากขึ้น พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบเพื่อหาตัว ผู้ก่อเหตุ

จนกระทั่งเวลา 20.30 น. แกนนำประกาศยุติการชุมนุม พร้อมชักชวนให้ไปรวมตัว กันที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ถนนงามวงศ์วาน เพื่อรอรับตัวและให้กำลังใจ นายอานนท์ นายสมยศ นายเอกชัย และนายสุรนาถ ที่จะถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำ และเตรียมรับมือหากตำรวจตามมาอายัดตัวไปดำเนินคดีอีก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน