จนท.ระดมกั้นไม่ให้ไปสำนักพระราชวัง
ผู้ชุมนุมเดือด-ตร.ขอโทษอ้างพลาด
ตั้งตู้ปณ.ส่งสาร-ยืนยัน3ข้อเรียกร้อง
สลายตัวสงบ-รอนัดติดตามคืบหน้า

ม็อบราษฎรชุมนุมใหญ่ตามนัด 8 พ.ย.ทะลักราชดำเนิน มุ่งหน้าไปยังสำนักพระราชวัง เพื่อยื่นจดหมายราษฎร ท่ามกลางกำลังเจ้าหน้าที่หลายพัน นำรถเมล์และสิ่งกีดขวางปิดกั้นสกัดแต่ไม่สามารถหยุดได้ สถานการณ์ยิ่งค่ำ ยิ่งตึงเครียด เมื่อเจ้าหน้าที่ใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูง เข้าใส่ สร้างความโกรธแค้นแก่กลุ่มผู้ชุมนุม จนหวิดบานปลาย ต้องเจรจากันวุ่น สุดท้ายตร.ยอมให้ตั้งตู้ป.ณ.ข้างสนามหลวง ประชาชน ทยอยหย่อนจดหมายลงตู้ แกนนำยืนยัน 3 ข้อเรียกร้อง ไม่มีลดเพดาน ส่งถึงสำนักพระราชวัง

กลุ่มราษฎร-ศปปส.หวิดปะทะ

เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ การชุมนุมของกลุ่มราษฎรซึ่งนัดหมายชุมนุมบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในเวลา 16.00 น. ว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมทั้งกลุ่มคนเสื้อแดง กลุ่มอาชีวะ พิทักษ์ประชาชน และผู้ชุมนุมบางส่วนทยอยเดินทางมาปักหลักชุมนุมบริเวณหน้าร้านแมคโดนัลด์ก่อนเวลานัดหมาย ขณะที่แกนนำจอดรถ กระบะพร้อมติดตั้งเครื่องขยายเสียง สลับกันปราศรัยโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

ขณะที่อีกฝั่งของอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ด้านหน้าร้านเมธาวลัย (ศรแดง) กลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) สวมเสื้อเหลืองรวมตัวเฝ้าสังเกตการณ์การชุมนุมของกลุ่มราษฎร โดยเวลา 13.20 น. กลุ่ม ศปปส. นำมวลชนจำนวนหนึ่งจะเดินข้ามมาฝั่งที่กลุ่มราษฎรกำลังปราศรัย เมื่อมวลชนกลุ่มราษฎรจำนวนหนึ่งเห็นเช่นนั้นได้วิ่งเข้าหากลุ่ม ศปปส. แต่ไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรง แกนนำกลุ่มราษฎร และเจ้าหน้าที่ตำรวจประกาศผ่านเครื่องเสียงว่าให้กลับมา ไม่ต้องไปฟังคำยั่วยุ

เวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน. ชนะสงคราม ประกาศให้มวลชนกลุ่มราษฎรยุติการชุมนุมในเวลา 14.00 น. ถ้าไม่ปฏิบัติตามจะดำเนินการตามกฎหมาย มวลชนกลุ่มราษฎรชูสามนิ้วพร้อมร้องโห่ไล่ โดยจำนวนหนึ่งปิดล้อมเจ้าหน้าที่ผู้ประกาศและตะโกนให้ไปประกาศไล่ฝั่ง ศปปส.ด้วย

ตร.ขึงลวดหนามสกัดผู้ชุมนุม

เวลา 13.30 น. การ์ดผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรเริ่มวางกรวยกั้นแนวเขตพื้นที่ชุมนุม ขณะที่สภาพการจราจรบริเวณแยกอนุสาวรีย์ประชา ธิปไตยยังคงสัญจรได้ตามปกติ ด้านแกนนำยังคงสลับกันขึ้นปราศรัย โดยผู้ชุมนุมต่างชูสามนิ้วพร้อมตะโกน “เผด็จการจงพินาศ ประชาธิปไตยจงเจริญ” และ “ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ” เป็นระยะ ขณะที่บรรยากาศโดยรอบ เจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มปิดการจราจรทั้งบริเวณแยกวัดเบญจมบพิตรฯ เชิงสะพานเทวกรรม แยกพาณิชยการ เชิง สะพานชมัยมรุเชฐ โดยเจ้าหน้าที่นำรถ ขสมก. มาจอดต่อกันเป็นแนวเพื่อปิดถนนไม่ให้ผู้ชุมนุม ผ่านเข้าไป ส่วนด้านประตูอรทัย ทำเนียบรัฐบาล บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ ถ.ราชดำเนิน มีการนำลวดหนามหีบเพลงพร้อมแท่งปูน แบร์ริเออร์ความสูงขนาดเท่าตัวคนหนาหลายชั้น มาวางสกัดไม่ให้กลุ่มผู้ชุมนุมผ่านเข้าไป

ศปปส.ยันไม่มีม็อบชนม็อบ

เวลา 14.30 น. นายจักรพงษ์ กลิ่นแก้ว แกนนำกลุ่ม ศปปส. กล่าวว่าวันนี้มาสังเกตการณ์ การจาบจ้วงดูหมิ่นเบื้องสูง จากการสังเกต มีการแต่งตัวล้อเลียนและใช้คำพูดเสียดสีเหมือนเดิม รวมทั้งใช้วาจาเพิ่มระดับขึ้นไปอีก เราจะปักหลักสังเกตการณ์เท่านั้นเพื่อนำเสนอข้อมูลให้ชาวไทยรับทราบว่าการกระทำของบุคคลพวกนี้เหมาะสมแล้วหรือไม่ ในเวลา 15.00 น. ตนจะปราศรัยอีกครั้งเพื่อแถลงจุดยืน และขอความร่วมมือกลุ่มศปปส. อยู่ประจำบริเวณนี้ ห้ามลงถนนเหมือนช่วงบ่าย การจัดกิจกรรมในวันนี้เราจะรวมตัวกันถึงเวลา 17.00 น. ก็จะแยกย้าย แต่ถ้ามีเหตุการณ์ ล่อแหลมเราจะขยับเวลาแยกย้ายให้เร็วขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปะทะกัน ยืนยันว่าจะไม่มีเหตุการณ์ม็อบชนม็อบแน่นอน

หวิดปะทะรอบสอง

เวลา 14.50 น. ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) นำกำลังตรึงบริเวณโดยรอบด้านในอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ขณะที่ฝั่งถนนราชดำเนินกลางเส้นทางมุ่งหน้าไปทำเนียบรัฐบาลมีการ์ดผู้ชุมนุม นำแผงเหล็กกั้นมาเป็นรั้วแนวชุมนุม และ มีมวลชนกลุ่มราษฎรจำนวนหนึ่งพยายาม ขยับแผงเหล็กเพื่อปิดถนน แต่ทางตำรวจประกาศให้นำแนวกั้นนั้นขยับออกจากถนนให้รถสัญจรได้ 1 เลน

ต่อมาเวลา 15.05 น. มวลชนกลุ่ม ศปปส. พยายามจะเดินข้ามมาฝั่งกลุ่มราษฎร โดยมีมวลชนราษฎรจะไปเผชิญหน้าด้วย แต่มีการ์ดและมวลชนคอยห้ามและบอกให้กลับมา

นัดยื่นปฏิวัติชัตดาวน์ปท.

นายกฤตย์ เยี่ยมเมธากร เลขาธิการเครือข่าย ประชาชนปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ กล่าวว่า ในวันที่ 9 พ.ย. เวลา 09.00 น. สมาชิกเครือข่ายนัดรวมตัวกันหน้าทำเนียบรัฐบาล ก่อนยื่นจดหมายเปิดผนึกให้นายกรัฐมนตรีที่สำนักนายกรัฐมนตรี จากนั้น จะเดินไปหน้ากองทัพบกเพื่อยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงผบ.ทบ. เรียกร้องให้มีการรัฐประหารชัตดาวน์ประเทศ โดยตนจะมีแถลงการณ์ ของเครือข่าย เพื่อแถลงรายละเอียดให้ทราบ อีกครั้งในฐานะประชาชนของประเทศไทย ทุกจังหวัด แถลงการณ์จะยื่นถึงรัฐบาลและฝ่ายความมั่นคง กองทัพ เพื่อเสนอทางออกให้ประเทศไทยโดยไม่เกี่ยวกับคณะกรรมการสมานฉันท์และนักการเมือง เพราะนั่นเป็นเรื่องของนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา แต่ประชาชนจะเสนอแนวทางให้รัฐบาล และฝ่ายความมั่นคงเพื่อช่วยป้อนข้อมูลประวัติศาสตร์ ชาติไทยให้ถูกต้อง

จากนั้น นายจักรพงษ์ กลิ่นแก้ว แกนนำปราศรัยให้ทุกคนช่วยกันใช้โทรศัพท์เก็บข้อมูล คนที่จาบจ้วงหรือล้อเลียนเตรียมดำเนินคดีทางกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าขณะที่ปราศรัยนั้น มีกลุ่มอาชีวะเดินอยู่บริเวณเกาะกลางถนนราชดำเนินแล้วชูสามนิ้วหันมาทางกลุ่มศปปส. ทำให้ทางกลุ่มกรูกันลงถนน แต่แกนนำพยายามห้ามและขอร้องให้ทุกคนกลับขึ้นมาอยู่บนฟุตปาธ พร้อมระบุว่าหากใครก่อความวุ่นวายก็ไม่ใช่พวกเรา ทั้งนี้ไม่มีเหตุการณ์ รุนแรงใดๆ ขณะที่รถกระจายเสียงของตำรวจ นครบาลขอร้องให้กลุ่มผู้ชุมนุมทั้งสองฝ่ายต่างคนต่างอยู่บนฟุตปาธฝั่งของตัวเองเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้าและปะทะกัน

ม็อบซีฟู้ดแจกกุ้ง-ปลาหมึก

เวลา 15.00 น. บริเวณแยกคอกวัว ซึ่งอยู่ใกล้ กับการชุมนุมใหญ่ของคณะราษฎร มีการแจกกุ้งกว่า 100 ก.ก. ปลาหมึกกว่า 50 ก.ก. พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดจากคณะทีมเสกของ โดยมีการตั้งเตาย่างกันสดๆ โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎรต่อคิวรับกุ้งเผากันอย่างคึกคัก

เวลา 15.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยว่า เริ่มมีเจ้าหน้าที่ ตชด. ยืนประจำการล้อมรอบบริเวณอนุสาวรีย์ฯ ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎรทยอยเดินทางมาร่วมชุมนุมเพิ่มมากขึ้น บางส่วนเริ่มขยายตัว ลงไปยืนบนถนน ขณะที่การ์ดผู้ชุมนุมขยับกรวยแนวเขตผู้ชุมนุมเพิ่มเติม ส่งผลให้การจราจรบริเวณ ถ.ราชดำเนิน ฝั่งร้านแมคโดนัลด์ สัญจรได้เพียงเลนเดียว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องจัดระเบียบการจราจร ขณะที่รถเข็นขายของกินซึ่งจอดเรียงรายซ้อนกันหลายชั้น มีกลุ่มผู้ชุมนุมซื้อรับประทานกันอย่างคึกคัก

ชายขี่จยย.โบกธงผ่านกลุ่มราษฎร

ระหว่างที่กลุ่มราษฎรพยายามปิดถนนฝั่งราชดำเนินกลางทางมุ่งหน้าไปทำเนียบรับบาล มีชายแต่งชุดเกราะนักรบขับรถจักรยานยนต์พร้อมโบกธงผ่านมวลชนราษฎร มวลชน จึงร้องโห่ไล่พร้อมจะเข้าไปประชิดตัวชายคนดังกล่าวท่ามกลางการดูแลความสงบเรียบร้อยของตำรวจ โดยมวลชนได้ต่อว่าตำรวจที่ปล่อย ให้รถคันดังกล่าวเข้ามา

จากการตรวจสอบพบว่าบุคคลดังกล่าว ชื่อว่านายอดุลย์ อิทธิปาทานันท์ ข้าราชการบำนาญ เมื่อตำรวจเข้าพูดคุยทำความเข้าใจแล้ว มีการนำรถคันดังกล่าวเข้าจอดที่บริเวณหลังร้านเมธาวลัย (ศรแดง) ก่อนออกมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มศปปส.

แร็พกูมีถ่ายเอ็มวีกลางม็อบ

เวลา 15.40 น. สภาพการจราจรฝั่งหน้าร้านแมคโดนัลด์มุ่งหน้าแยกผ่านฟ้าลีลาศ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ชุมนุมคณะราษฎรปักหลักชุมนุม อยู่ต้องปิดไปโดยปริยาย โดยกลุ่มผู้ชุมนุม ลงมาสัญจรเคลื่อนไหวทำกิจกรรมบนถนน บางส่วนนั่งอยู่บนขอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย บางส่วนยืนชูสามนิ้วถ่ายรูปกับอนุสาวรีย์ฯ ขณะที่แกนนำสลับกันปราศรัยต่อเนื่อง

เวลา 15.50 น. กลุ่ม Rap Against Dictator ship เจ้าของเพลง “ประเทศกูมี” นำโดย Liberate P ร่วมกันเดินแร็พเพลงกลาง การชุมนุมของกลุ่มราษฎร เนื้อหาวิจารณ์ การทำงานของรัฐบาล โดยเป็นการถ่ายทำเอ็มวี เพลงใหม่ของกลุ่ม

ศปปส.ประกาศยุติการชุมนุม

เวลา 15.55 น. แกนนำ ศปปส.เดินลงไปกลางถนนราชดำเนินพร้อมคุกเข่าและแสดงสัญลักษณ์มือไอเลิฟยูกล่าวว่าเราจะคุกเข่า เพื่อให้ลูกหลานได้เห็นว่าเรามาอย่างสันติ ด้วยความนอบน้อม เรามีแต่ความรักมาให้ ก่อนประกาศยุติการชุมนุมในเวลา 16.00 น. นัดเจอกันที่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีและทบ.ต่อไป ทั้งนี้เนื่องจากกลุ่มราษฎรขยายพื้นที่การชุมนุมโอบรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจนเกือบถึงบริเวณ ที่กลุ่ม ศปปส. รวมตัวอยู่ เจ้าหน้าที่เกรงเกิดการ ปะทะจึงเข้าเจรจาให้ยุติการชุมนุม ซึ่งแกนนำ ศปปส.เห็นด้วยจึงสั่งยุติการชุมนุมในที่สุด

เตรียมส่งสาส์นจากราษฎร

เวลา 15.25 น. มวลชนขึ้นไปยังบริเวณอนุสาวรีย์รอบใน โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยืนตรึงกำลังทั้งรอบในรอบนอกถอยกำลังลง มีเพียงรถเครื่องขนาดใหญ่และรถคุมขังที่ยังจอดอยู่ ก่อนที่ตัวแทนมวลชนจะขึ้นไปยึดรถเครื่องเสียงของตำรวจพร้อมชูสามนิ้วท่ามกลาง เสียงเชียร์และให้กำลังใจจากมวลชน จากนั้นตำรวจเข้ามาตักเตือนผู้ที่ขึ้นไปบนรถตำรวจให้ลงมา ไม่เช่นนั้นจะมีความผิด พร้อมเคลื่อน ย้ายรถออกจากพื้นที่ท่ามกลางการโห่ร้อง และโบกมือลาของมวลชนที่เข้ายึดเต็มพื้นที่ ขณะที่รถคุมขังของเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับความ สนใจ มีมวลชนเข้าไปถ่ายรูปกับรถคันดังกล่าว และมีการสกรีนรูปมือสีเขียวชูสามนิ้วบนรถด้วย

เวลา 15.30 น. เพจเยาวชนปลดแอก โพสต์รูป “ราษฎรสาส์น” เตรียมไปสำนักพระราชวัง เพื่อส่งสาส์นของราษฎร ระบุเนื้อหาจะมีการส่งสาส์นจากราษฎรที่ไม่ใช่การล้มล้างสถาบัน เรากำลังเตรียมตั้งขบวนเพื่อเตรียมส่งสาส์นจากราษฎร

เวลา 16.00 น. ผู้ชุมนุมเพิ่มจำนวนมากขึ้น นายรัศมิ์ ชาลีจันทร์ เจ้าของเพจ “ทูตนอกแถว” อดีตเอกอัครราชทูตไทยในหลายประเทศ ที่เข้าร่วมชุมนุมเผยว่าเป็นการเข้าร่วมการชุมนุม ครั้งแรกในชีวิต เพราะเห็นว่าขบวนการเคลื่อนไหวของนักเรียนนักศึกษาเป็นความหวัง ของประเทศและของโลก

น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว แกนนำกลุ่มราษฎร เผยว่าวันนี้ทางกลุ่มเรียก “มิสเตอร์ซาเล้ง” ในการพามวลชนเคลื่อนขบวนทำกิจกรรมและจะเคลื่อนไปจุดเดียว ไม่ดาวกระจาย หากเจอแนวกั้นจะใช้การเจรจาป็นหลัก ไปได้แค่ไหนแค่นั้น ไม่ได้กังวล เพราะทางกลุ่ม ไม่ต้องการให้เกิดการยั่วยุหรือการปะทะกัน วันนี้สาส์นที่ต้องการสื่อคือจดหมายถึงสถาบัน

เคลื่อนสู่สำนักพระราชวัง

เวลาต่อมา การ์ดกลุ่มราษฎรนำตู้ไปรษณีย์ความสูงเท่าคน จำนวน 4 ตู้ เคลื่อนเข้ามายังเวทีปราศรัย เพื่อให้ประชาชนส่งจดหมาย ถึงสถาบันแล้วนำมาหย่อนที่ตู้ โดยด้านบนของตู้ระบุ “สำนักพระราชวัง”

เวลา 17.30 น. น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์ ประกาศชักชวนให้คนเดินขบวนไปยังสำนักพระราชวัง กระทั่งเวลา 17.35 น. แกนนำประกาศให้ผู้ชุมนุมเคลื่อนขบวน ก่อนที่รถแกนนำพร้อมกลุ่มผู้ชุมนุมจะเริ่มเคลื่อนจาก ถ.ราชดำเนินกลาง มุ่งหน้าไปยังสำนักพระราชวัง บริเวณวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

สำหรับจดหมายที่คณะราษฎรนำไปยื่นยังคง เป็นข้อเรียกร้องเดิม 3 ข้อ คือ 1.พล.อ.ประยุทธ์ต้องลาออกจากการเป็นนายกฯ 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ และ 3.ปฏิรูปสถาบัน

ตร.ตั้งแถวสกัด-ม็อบฝ่าแนวรั้ว

เวลา 17.50 น. บริเวณแยกผ่านพิภพลีลา หน้าโรงแรมรัตนโกสินทร์ ตำรวจยืนขวางถนนพร้อมแนวแผงเหล็กเพื่อไม่ให้ผู้ชุมนุมผ่านไปยังเส้นทางที่จะไปท้องสนามหลวงและศาลฎีกา ขณะที่บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวัง เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งแนวกั้นขวางถนนหน้าพระลาน โดยใช้รถเมล์และรถตู้ตำรวจจอดขวาง พร้อมตำรวจควบคุมฝูงชนยืนเรียงแถวรักษาการณ์ประมาณ 2,000 นาย รวมถึงมีรถฉีดน้ำแรงดันสูงอีก 2 คัน และรถบรรทุกน้ำอีก 1 คันจอดอยู่

เวลา 18.05 น. ผู้ชุมนุมเดินทางถึงแยกผ่านพิภพลีลา พ.ต.อ.วรศักดิ์ พิสิษฐบรรณกร ผกก.สน.ชนะสงคราม แจ้งผู้ชุมนุมว่าเส้นทางเคลื่อนขบวนกีดขวางทางจราจรถือว่าผิดกฎหมาย ขอให้ผู้ชุมนุมอยู่กับที่หรือกลับไปชุมนุมจุดเดิม เพื่อความปลอดภัย แต่ผู้ชุมนุมได้พังรั้วฝ่าแนวกั้นแรกมุ่งหน้าไปหน้าศาลฎีกา ขณะที่ผู้ชุมนุม ส่วนหนึ่งเลี่ยงไปใช้เส้นทางริมคลองหลอด เดินข้ามสะพานไปสมทบกับขบวนใหญ่ที่หน้า ศาลฎีกา

ฉีดน้ำสกัด – เจ้าหน้าที่ใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงใส่กลุ่มแนวหน้าของม็อบราษฎร ขณะพยายามรื้อแนวรั้วลวดหนามบนถนนบริเวณท้องสนามหลวง เพื่อสกัดกั้นไม่ให้เคลื่อนไปสำนักพระราชวังจนกลุ่มผู้ชุมนุมแตกฮือ เมื่อวันที่ 8 พ.ย.

ฉีดน้ำใส่-ตร.ขอโทษผิดพลาด

เวลา 18.15 น. ผู้ชุมนุมเดินถึงหน้าพระลาน หน้าศาลฎีกา ซึ่งตำรวจนำรถเมล์ทำเป็นแนวกั้นไว้ โดยมีรั้วลวดหนามและรถน้ำแรงดันสูงอยู่ด้านหลังรถเมล์ ตำรวจประกาศเตือน อย่าใช้ความรุนแรงและเจ้าหน้าที่พร้อมเจรจา ถ้าผ่านแนวนี้ไปจะเป็นการชุมนุมที่ผิดกฎหมาย เพราะอยู่บริเวณ 20 เมตร จากเขตพระราชฐาน หากจะยื่นหนังสือให้ส่งตัวแทนเข้ายื่นอย่างสงบ ขณะที่การ์ดพยายามแยกสื่อและผู้ชุมนุมให้ออกจากแนวกั้น โดยมีผู้ชุมนุมเคลื่อนรถเมล์ออกจากแนวกั้น บางส่วนพยายามรื้อรั้ว ลวดหนาม

ม็อบเดือด – การ์ดม็อบราษฎรตอบโต้ด้วยอารมณ์เดือดดาล หลังเจ้าหน้าที่ฉีดน้ำสกัดไม่ให้ผ่านท้องสนามหลวง ต่อมาเจ้าหน้าที่ ประกาศขอโทษอ้างผิดพลาด ก่อนที่ทั้ง 2 ฝ่ายเปิดเจรจาจนสถานการณ์คลี่คลายลง

เวลา 18.30 น. เจ้าหน้าที่ฉีดน้ำแรงดันสูงข้ามรถเมล์ใส่ผู้ชุมนุม ทำให้สถานการณ์ตึงเครียด เกิดความชุลมุน มวลชนพยายามฝ่าเข้าไป ขณะที่ตำรวจนำลวดหนามมากางเป็นรั้วป้องกัน หลังสถานการณ์ตึงเครียดประมาณ 10 นาที เจ้าหน้าที่ยอมถอยรถน้ำออกจากแนวป้องกันเพื่อเปิดช่องให้มีการเจรจาและจะไม่ฉีดน้ำอีก และมีการเปิดทางให้รถฉุกเฉินเข้ามายังพื้นที่ชุมนุม

จากนั้นเวลา 18.40 น. ตำรวจกล่าวในนามผบช.น. ขอโทษผ่านเครื่องขยายเสียงที่ฉีดน้ำใส่ว่าเป็นความผิดพลาด ทำให้ผู้ชุมนุมโห่

เดินขบวน – ผู้ชุมนุมคณะราษฎรเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มุ่งหน้าสำนักพระราชวัง แต่ถูกเจ้าหน้าที่สกัดกั้นที่ท้องสนามหลวง ใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงใส่จนสถานการณ์ตึงเครียดพักใหญ่ เมื่อค่ำ 8 พ.ย.

เปิดเจรจา-ตัวแทนเข้าพูดคุย

ทั้งนี้ หลังจากเจ้าหน้าที่ประกาศขอโทษแล้ว ได้ขอให้ผู้ชุมนุมถอยห่าง 10 เมตร เพื่อเปิดพื้นที่เจรจา โดยเวลา 18.55 น. มีการส่ง ตัวแทนเข้าพูดคุย

จากนั้นเวลา 19.15 น. ตำรวจขอให้กลุ่ม ผู้ชุมนุมหยุดการชุมนุมแค่จุดตรงนี้ ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมไม่พอใจ การ์ดด้านหน้าผู้ชุมนุมได้กางร่มเพราะไม่ไว้ใจว่าจะมีการฉีดน้ำอีกหรือไม่

เวลา 19.20 น. พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผบก.น.6 ในฐานะผบ.คุมสถานการณ์ ชี้แจงกับผู้ชุมนุมว่า “กั้นแนวเพื่อไม่ต้องการให้น้องๆ ทำผิดกฎหมาย อยู่นอกรั้วก็เจรจาได้ ถ้าน้องๆ ยังจะเข้ามาจึงต้องฉีดน้ำเพื่อเตือน ขอร้องอย่าฝ่าแนวกั้น เราเสียใจแต่เราไม่ต้องการ ให้ฝ่าแนวกั้นเข้าไป” ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนไม่พอใจ ตะโกนขึ้นเป็นระยะ

เวลา 19.35 น. รวมถึงขว้างปาขวดน้ำ ข้ามไปยังแนวกั้นของตำรวจ และเกิดการชุลมุนอีกครั้งเมื่อมีการขยับรถน้ำเข้ามาใกล้แนวกั้นอีก มวลชนจึงประกาศเตือนให้ ใส่หมวก สวมแว่น และมีการส่งร่มไปด้านหน้า กลุ่มผู้ชุมนุมเพื่อกั้นน้ำ

ขณะที่เจ้าหน้าที่ประกาศขอความร่วมมือว่าที่นี่สำคัญ มีทั้งศาลหลักเมือง วัดพระแก้ว ไม่อยากให้เกิดภาพลักษณ์ไม่ดี ขอความร่วมมือ อย่าปะทะ ให้รอการเจราจา อย่าดันแนวรั้ว รักษา แนวตัวเอง รอแกนนำมาชี้แจง พร้อมขอความร่วมมืออย่าขว้างปาสิ่งของเข้ามา โดยผู้ชุมนุมชู 3 นิ้ว เพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่ามามือเปล่า ไม่มีอาวุธ

ขณะเดียวกัน มีการประกาศขอกำลังเสริมจากการ์ด เวลา 19.53 น. การ์ดได้ดันรถเมล์และแผงเหล็กออก ยกตู้ไปรษณีย์ไปไว้หน้าตำรวจ จากนั้นมวลชนพยายามเคลื่อนย้าย รถตู้ของตำรวจ

จม.ราษฎร – กลุ่มผู้ชุมนุมตั้งตู้ไปรษณีย์ด้านหน้าแนวสกัดกั้นของเจ้าหน้าที่แล้วร่วมกันต่อแถวส่งจดหมายจากราษฎรไปยังสำนักพระราชวัง พร้อมกับอ่านแถลงการณ์ยืนยัน 3 ข้อเรียกร้อง ก่อนประกาศยุติการชุมนุมเวลา 21.00 น.

ส่งจม.ตู้ไปรษณีย์-ยุติชุมนุม

ต่อมาเวลา 20.00 น. ตำรวจถอยแนว 10 ก้าว เพื่อจัดแนวระหว่างเจ้าหน้าที่กับผู้ชุมนุม แล้วนำตู้ไปรษณีย์มาตั้งไว้ตรงกลาง ในส่วนผู้ชุมนุม มีแกนนำ อาทิ นายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ เดอะบอททอมบลูส์ นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ กลุ่มขอนแก่น น.ส.จุฑาทิพย์ ศิริขันธ์ แกนนำ สนท. หรือกลุ่มเยาวชนปลดแอก อยู่ด้านหน้า

เวลา 20.35 น. มีการนำตู้ไปรษณีย์ไปไว้ที่หน้าศาลหลักเมือง โดยแกนนำให้ผู้ชุมนุมทยอยหย่อนจดหมายที่เตรียมมาใส่ในตู้ไปรษณีย์ ราษฎร พร้อมประกาศกับผู้ชุมนุมว่าถือว่า เราได้เข้ามาใกล้สำนักพระราชวังมากที่สุดแล้ว โดยไม่มีใครอำนวยความสะดวกให้ ส่วนเจ้าหน้าที่ ต้องหาคนผิดมาลงโทษ ไม่เช่นนั้นเราไม่ยอม จากนั้นเวลา 20.50 น. มีการอ่านกลอนพร้อมแถลงการณ์ก่อนยุติการชุมนุม

เอเอฟพีตีข่าวม็อบบาดเจ็บ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์เอราวัณรายงาน มีผู้บาดเจ็บนำตัวส่งโรงพยาบาล 2 ราย เป็นเจ้าหน้าที่และผู้ชุมนุมซึ่งบาดเจ็บหลังตำรวจฉีดน้ำแรงดันสูงใส่ผู้ชุมนุม ขณะที่สำนักข่าวเอเอฟพีเผยแพร่ภาพผู้บาดเจ็บ 1 รายเป็นผู้ชุมนุม ขณะถูกนำตัวขึ้นรถพยาบาล

เวลา 20.35 น. รายงานข่าวแจ้งว่าผู้บาดเจ็บ และมีอาการป่วยที่นำส่งโรงพยาบาลมี 5 ราย เป็นชาย 4 ราย หญิง 1 ราย นำส่งโรงพยาบาลกลาง 4 ราย โรงพยาบาลศิริราช 1 ราย ใน 5 รายนี้บาดเจ็บ 4 ราย และเป็นผู้ป่วย 1 ราย แพทย์ให้กลับบ้านได้ทุกราย

รับข้อหาอีก – นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ และนายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบราษฎร เข้ารับข้อหาคดีร่วมชุมนุมที่มหาวิทยาลัยพะเยา โดยทั้งคู่ให้การปฏิเสธ ที่สภ.แม่กา อ.เมือง จ.พะเยา เมื่อวันที่ 8 พ.ย.

เพนกวิน-อานนท์รับทราบข้อหา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการนัดชุมนุมของนักศึกษามหาวิทยาลัยพะเยา ซึ่งมีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และทนายอานนท์ นำภา เป็นแกนนำ เมื่อวันที่ 27 ก.ค. ล่าสุดนายพริษฐ์และทนายอานนท์ พร้อมทนาย เข้ารับทราบข้อกล่าวหา ที่สภ.แม่กา จ.พะเยา ตามหมายเรียก พนักงานสอบสวนจึงแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันชุมนุม ทำกิจกรรมหรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดในสถานที่แออัด หรือการกระทำการดังกล่าวอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย” ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทั้งสองปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและขอยื่นคำให้การเป็นเอกสาร ในภายหลังและจะให้การในชั้นศาลเท่านั้น พนักงานสอบสวนจึงพิมพ์ลายนิ้วมือไว้และจะดำเนินการผัดฟ้อง โดยนัดผู้ถูกกล่าวหา อีกครั้งในวันที่ 24 พ.ย.นี้

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน