เพื่อนจากจันทบุรี
เดินทางมาเยี่ยม
ระยองทะลุ 500
เลิกกัก292พม่า
ส่งกลับตลาดกุ้ง
สธ.ใช้ฤกษ์14กพ.
ขึ้นทะเบียนวัคซีน

กทม.เปิดไทม์ไลน์ ป่วยโควิดยกครัว 11 คน หลังฉลองปีใหม่ในครอบครัว ศบค.เผยยอดโควิดไทยเพิ่มขึ้น 245 ราย ย้ำความจำเป็นต้องตั้ง ร.พ.สนาม เตรียมใช้เอไอ สแกนหาพื้นที่เสี่ยง หมอศิริราชเตือนคนป่วย 6 โรคเรื้อรัง โอกาสติดเชื้อสูง 5 เท่า ชลบุรีติดเพิ่มอีก 49 ราย ระยองยอดป่วยทะลุ 500 ลพบุรีปิดหมู่บ้านหลังพบป่วยจากบ่อนไก่ แพทย์เผยอาการผู้ว่าฯมหาชัย 292 แรงงานเฮ ได้กลับตลาดกุ้ง แต่ยอดติดยังพุ่งอีก 80 คน กาญจน์ ด.ญ.6ขวบติดจากพ่อแม่นักพนัน เรียกตรวจด่วน นักเที่ยวโรงเบียร์ อ.ศรีราชา

ไทยติดเพิ่ม245ราย

เมื่อวันที่ 10 ม.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวัน ว่า สถานการณ์ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสมแตะ 90 ล้านรายแล้ว โดยเพิ่มขึ้น 7 แสนกว่าราย แสดงถึงความรุนแรงของโรคยังเยอะอยู่ เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 1.2 หมื่นราย เสียชีวิตสะสม 1.9 ล้านกว่าราย ไทยขยับขึ้นอันดับ 128 ของโลก โดยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 245 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 224 ราย ติดเชื้อจากต่างประเทศ 21 ราย ยอดสะสม 10,298 ราย หายป่วยแล้ว 6,428 ราย ยังรักษาตัวอยู่ 3,803 ราย มีผู้ป่วยหนัก 17 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม กราฟยังคงพุ่งทะแยงขึ้นในสัปดาห์ที่สองของม.ค.

ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อรายใหม่แบ่งเป็น 1.มีประวัติสัมผัสสถานที่เสี่ยง อาชีพเสี่ยง และผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 74 ราย ได้แก่ เพชรบุรี 3 ราย อ่างทอง 2 ราย ชลบุรี 12 ราย เชียงใหม่ 5 ราย นนทบุรี 2 ราย สุพรรณบุรี 1 ราย ปทุมธานี 7 ราย สมุทรสงคราม 1 ราย ลพบุรี 8 ราย กทม. 14 ราย สิงห์บุรี 2 ราย พระนครศรีอยุธยา 3 ราย สมุทรปราการ 14 ราย 2.อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค 107 ราย ได้แก่ กทม. 2 ราย จันทบุรี 6 ราย ฉะเชิงเทรา 1 ราย สมุทรสาคร 50 ราย ชลบุรี 27 ราย ระยอง 15 ราย สมุทรปราการ 5 ราย และสระแก้ว 1 ราย 3.แรงงานต่างด้าวและคนไทยจากการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 43 ราย ได้แก่ กทม. 6 ราย ชลบุรี 10 ราย สมุทรปราการ 4 ราย และสมุทรสาคร 23 ราย และ 4.เดินทางมาจากต่างประเทศ 21 ราย ได้แก่ ตุรกี 1 ราย สหรัฐอเมริกา 1 ราย อินเดีย 1 ราย ฮังการี 1 ราย และพม่า 17 ราย

รายงานข่าวแจ้งว่า จากข้อมูลวันที่ 10 ม.ค. มีจังหวัดที่พบผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 100 คน รวม 7 จังหวัด ประกอบด้วย สมุทรสาคร 3,261 ราย, ชลบุรี 567 ราย, ระยอง 521 ราย, กรุงเทพฯ 419 ราย, สมุทรปราการ 261 ราย, จันทบุรี 210 ราย และนนทบุรี 109 ราย

จำเป็นต้องมีรพ.สนาม

นพ.ทวีศิลป์ยังกล่าวถึงเรื่องร.พ.สนาม ที่มีประชาชนออกมาคัดค้านไม่ให้ตั้งในพื้นที่ตัวเองว่า สมุทรสาครยังเพิ่มขึ้นทุกวัน ถ้าต้องนอนเตียงในร.พ.จะเอาเตียงที่ไหนมาให้นอน ส่วนใหญ่ 80% ไม่มีอาการ การนำไปนอนใน ร.พ.สมุทรสาครก็เป็นการเปลืองเตียง เพราะยังเดินไปเดินมาได้ แค่ต้องการกักออกจากคนอื่น จึงเป็นเหตุผลที่ต้องมี ร.พ.สนาม ชลบุรี ก็มีเพิ่มขึ้นมา 3 วันเป็น 100 ราย จะเอาเตียงทีไหน ก็ต้องมี ร.พ.สนาม กระทรวงสาธารณสุขจึงสั่งผู้ตรวจราชการทุกเขตสุขภาพจัดหา ร.พ.สนาม ขออย่าตั้งข้อรังเกียจ คนเจ็บป่วยน้อย เอามาอยู่รวมกัน นอนรวมกัน รักษาร่วมกัน ใช้ห้องน้ำร่วมกันได้ เพราะติดเชื้อกันอยู่แล้ว แต่ประหยัดเจ้าหน้าที่ แทนที่จะดูแล 1 ต่อ 1 แต่อาจจะดูแล 1 ต่อ 10 หรือ 50 ก็ได้ ถ้ามีอาการค่อยเดินมาบอก จึงเป็นคำตอบในระยะนี้ แต่จะเลือกสถานที่มีระบบสุขาภิบาลต่างๆ ที่ปลอดภัยให้ประชาชนดูแลคนในจังหวัดของท่าน เช่น อุบลราชธานีก็มีพื้นที่ของตัวเองดูแล โดยจังหวัดก็ต้องไปเตรียม ซึ่งเป็นการมองในทางที่ไม่ดีไว้ก่อนแล้วหาหนทางจัดการล่วงหน้าไว้ก่อนปัญหาจะเกิด เพราะระบาด 100 คนเกิดขึ้นได้ในวันนี้ เตรียมไว้ก่อนได้

ใช้เอไอตรวจคนไม่ใส่หน้ากาก

นพ.ทวีศิลป์กล่าวอีกว่า ตอนนี้ไม่มีจังหวัดเพิ่มอยู่ที่ 58 จังหวัด จังหวัดที่ไม่มีผู้ป่วยรายงานมาก่อนเลยมี 19 จังหวัดเป็นสีขาว ส่วนที่ไม่มีรายงานผู้ป่วยใน 7 วันที่ผ่านมามี 19 จังหวัด เป็นสีเขียว แต่ถ้าไม่มีครบ 28 วันจะเป็นสีขาว ส่วนจังหวัดที่มีผู้ป่วยสะสมมากกว่า 50 ราย เป็นสีแดงมี 9 จังหวัด มีผู้ป่วยสะสม 11-50 ราย เป็นสีส้มมี 10 จังหวัด และมีผู้ป่วยสะสม 1-10 ราย เป็นสีเหลืองมี 20 จังหวัด พลังของประชาชนในจังหวัดจะปรับเปลี่ยนตรงนี้ได้ ร่วมกันใส่แมสก์ ล้างมือ และมีเทคโนโลยีจาก วช. ที่นำเสนอโดยปลัดกระทรวงอุดมศึกษา วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ที่จะบอกว่าคนร่วมมือใส่หรือไม่ใส่หน้ากากมากเท่าไรในแต่ละพื้นที่ เป็นการสุ่มโดยใช้เอไอกล้องจับภาพแล้วนับขึ้นมาเป็นเปอร์เซ็นต์ โดยขอเวลานำเทคโนโลยีมาใช้ประมวลผล ซึ่งเป็นเรื่องดี หากเห็นว่าพื้นที่นี้สวมหน้ากากกันมาก ก็สร้างความมั่นใจในการเดินทางไป

หมอชี้ระลอกนี้ระบาดแรงกว่า

ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า การระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่ รุนแรงกว่าและต่างจากรอบแรก ด้วยหลายปัจจัย ตั้งแต่จุดเริ่มในที่อโคจร การกระทำผิดกฎหมายลักลอบเข้าเมือง คนไม่ยอมเปิดเผยตัว สืบสวนต้นตอที่มาของโรคยาก ความรุนแรงของโรคจากการกลายพันธุ์ โดยเฉพาะประชาชนกลุ่มเสี่ยง ที่ปอดทำงานไม่เต็มที่ เมื่อไวรัสจู่โจมระบบทางเดินหายใจ อาจทำลายปอด 10-20% จนปอดไม่พื้นกลับมา ได้แก่ 1.ผู้สูงอายุ เมื่ออายุมากขึ้น อวัยวะต่างๆ จะเสื่อมตามกาลเวลา 2.คนที่มีโรคประจำตัวเกี่ยวกับปอด เช่น โรคปอด มะเร็งปอด ถุงลมโป่งพอง แม้ปอดถูกทำลายเล็กน้อย ก็จะส่งผลต่อชีวิตอย่างมาก ร่างกายจะเสื่อมลงอย่างรวดเร็ว 3.คนที่มีน้ำหนักมาก มีไขมันใต้ผิวหนัง หรือใต้ช่องท้องมาก รวมถึงผู้ป่วยเบาหวาน กลุ่มนี้เสี่ยงกับการหายใจที่ยากลำบากกว่าเดิม เพราะกระบังลมเคลื่อนไหวได้ยาก ทำให้ปอดทำงานได้น้อยลง

ต้องช่วยกันลดความเสี่ยง

ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวอีกว่า งานวิจัยพบเมื่อโควิด-19 เข้าไปในร่างกาย ภูมิคุ้มกันจะทำงานเต็มที่สัปดาห์ที่ 2 หรือวันที่ 8 หลังรับเชื้อ เพื่อยับยั้งหรือช่วยไม่ให้เกิดโรค ถ้าภูมิคุ้มกันปกติ 2-3 สัปดาห์แรก จะทำงานเต็มที่จากนั้นค่อยๆ ลดลง จึงพบมีกลุ่มคนที่ได้รับเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ และหายได้เอง หากภูมิคุ้มกันไม่ปกติ เพราะมีโรคประจำตัว ที่ต้องใช้ยารักษาที่ไปกดภูมิคุ้มกัน เช่น เบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลเองไม่ได้ เป็นโรคหลอดเลือด เม็ดเลือดขาวไม่สามารถจัดการเชื้อโรคได้ คนกลุ่มนี้เมื่อได้รับเชื้อโควิด-19 จะมีอาการรุนแรง ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงไม่เพียงปอดถูกทำลาย แต่มีจำนวนไม่น้อยที่เสียชีวิต เพราะไตวาย เลือดไม่ไปเลี้ยงแขนขา ความรุนแรงของเชื้อไปกระทบกับอวัยวะอื่นด้วย ดังนั้นผู้ที่มีโรคประจำตัวจึงเสี่ยงมากขึ้นไปอีก

“ธรรมชาติของไวรัสทุกชนิดไม่เฉพาะโควิด-19 มันจะปรับตัวหรือที่เรียกว่ากลายพันธุ์อยู่เสมอ อย่างในอังกฤษพบว่า เชื้อโควิด-19 ติดต่อได้ง่ายขึ้น รวดเร็วขึ้น ดังนั้นต้องช่วยกันลดปัจจัยเสี่ยง ที่จะกลายเป็นวิกฤต คือ 1.พบกับบุคคลเสี่ยง 2.อยู่ในพื้นที่เสี่ยง 3.ร่วมกิจกรรมเสี่ยง 4.เข้าไปช่วงเวลาเสี่ยง คนไทยทุกคนต้องร่วมกันจัดการกับ 4 เสี่ยงนี้ เท่าที่จะทำได้ตามปัจจัยและเงื่อนไขชีวิตตนเอง ไม่ต้องรอให้รัฐออกมาตรการ ไม่จำเป็นต้องให้มีการบังคับ นี่คือสิ่งที่เราจะช่วยปกป้องชีวิตของตัวเองและคนที่เรารัก” ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว

ชี้ผู้มี 6 โรคนี้เสี่ยงกว่า5เท่า

ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า กลุ่มประชาชนที่มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หรือ NCDs อาทิ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไต หัวใจ เส้นเลือดอุดตัน และมะเร็ง มีความเสี่ยงโควิด-19 รุนแรงต่อโรคมากกว่าคนทั่วไปถึง 5 เท่า โดยผู้ป่วยเบาหวานในไทยมีถึง 4.8 ล้านคน และข้อมูลจาก UNIATF (United Nations Inter Agency Task Force Mission to Thailand on Noncommunicable Disease) รายงานว่า ผู้ที่มีภาวะโรคอ้วนจะเพิ่มความเสี่ยงการเกิดอาการรุนแรงของโควิด-19 ถึง 7 เท่า ขณะที่ของเด็กและเยาวชนมีปัญหาน้ำหนักเกินเพิ่มขึ้นถึง 13.1% ผู้ที่สูบบุหรี่ เพิ่มความเสี่ยงถึง 1.5 เท่า และการดื่มสุราส่งผลให้ร่างกายมีภูมิต้านทาน ในการต่อสู้กับไวรัสต่ำลง แม้จะดื่มหนักเพียงครั้งเดียว เราจึงควรดูแลสุขภาพอยู่เสมอ เพราะร่างกายที่ดีจะเป็นต้นทุนสำคัญ เพื่อต่อสู้กับทุกโรคไม่เฉพาะโควิด-19 และยกระดับการป้องกันตนเอง คนรอบข้าง และกลุ่มเสี่ยง โดยใส่หน้ากาก หมั่นล้างมือ เว้นระยะห่าง ไม่ให้ตนเองกลายเป็นบุคคลเสี่ยงเสียเอง เปรียบเสมือนเรากำลังสร้างวัคซีนทางพฤติกรรมป้องกันการติดเชื้อ ทั้งในขณะที่วัคซีนฉีดยังไม่มา หรือแม้กระทั่งมีวัคซีนกันแล้ว พฤติกรรมเสริมสร้างสุขภาพและป้องกันโรคเหล่านี้ก็ควรจะต้องยังปฏิบัติคู่ขนานไปต่อเนื่องไปด้วย

เร่งสกัด – เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 พนักงานสถานบันเทิงชื่อดัง ‘ริเวอร์ไซด์’ หลังพบพนักงานติดเชื้อ พร้อมประสานลูกค้าที่ใช้บริการให้ไปตรวจร่างกายด่วน เมื่อวันที่ 10 ม.ค.

เชียงใหม่ปิดอีกร้านดัง

ที่บริเวณลานจอดรถร้านริเวอร์ไซด์ ในตัวเมืองเชียงใหม่ เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ นำรถตรวจโรคติดเชื้อชีวนิรภัยพระราชทาน ตั้งจุดตรวจคัดกรองเชื้อโควิด-19 ให้กับกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงที่เป็นพนักงานและลูกค้าของร้าน เนื่องจากร้านชื่อดังแห่งนี้ถูกระบุเป็นพื้นที่เสี่ยงสูงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ของจังหวัดเชียงใหม่ หลังตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายที่ 55,56 และ58 ของจังหวัดเชียงใหม่ เข้าไปใช้บริการเมื่อคืนวันที่ 3 ม.ค.64 และต่อมาตรวจพบมีผู้ติดเชื้อที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับจากร้านนี้อีก 3 ราย เป็นพนักงานของร้าน 2 ราย และลูกค้าที่เข้าไปใช้บริการ 1 ราย ได้แก่ รายที่ 61,62 และ63 เบื้องต้นคาดว่าจะมีจำนวนผู้ที่เข้ารับการตรวจเชื้อไม่ต่ำกว่า 100 คน

ขณะที่เมื่อเวลา 13.00 น.วันนี้ (10 ม.ค.64) สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แจ้งว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มอีก ราย นับเป็นรายที่ 64 ของจังหวัดเชียงใหม่ เบื้องต้นพบไทม์ไลน์มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับสถานบันเทิง และเจ้าหน้าที่กำลังอยูระหว่างการสอบสวนโรค โดยจะมีการแถลงรายละเอียดอย่างชัดเจนเป็นทางการต่อไป

ชลบุรีติดเพิ่มอีก 49 ราย

ด้านสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดชลบุรี (สสจ.ชลบุรี) รายงานสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ ประจำวันนี้ (10 มกราคม) พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 49 ราย แบ่งเป็น เพศหญิง 23 ราย และเพศชาย 26 ราย ยอดรวมสะสม 567 ราย เสียชีวิตสะสม 1 ราย เบื้องต้น ข้อมูลประกาศสถานที่เสี่ยงจากไทม์ไลน์ อยู่ระหว่างสอบสวนโรค โดย สสจ.ชลบุรี ระบุว่าพร้อมประกาศภายในวันนี้

นอกจากนี้ สสจ.ชลบุรี ยังสรุปปัจจัยเสี่ยงของการติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ อำเภอศรีราชา 35 ราย (เฉพาะผลการตรวจเชื้อ วันที่ 9 มกราคม 2564 วันเดียว) พบว่า ผู้ติดเชื้อในโรงเบียร์ 90 ศรีราชา 13 ราย, High Risk Contact สัมผัสผู้ป่วยยืนยันที่มีประวัติไปโรงเบียร์ 5 ราย, ติดเชื้อในผับ 9 ราย, ไปสถานที่ลักลอบเล่นการพนัน 1 ราย, ชาวญี่ปุ่นที่สัมผัสกับผู้ให้บริการในผับ 1 ราย, บุคลากรทางการแพทย์ 1 ราย และสัมผัสกับผู้ป่วยยืนยันใน จ.ชลบุรี 5 ราย

ระยองยอดป่วยทะลุ 500

นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง พร้อมด้วย ภก.วีระศักดิ์ เจียมอนุกูลกิจ รอง สสจ. ระยอง ร่วมแถลงความคืบหน้า สถานการณ์โควิด19 ประจำวันของ จ.ระยอง ที่ ห้องอินทรวิชิต ศูนย์ราชการ จ.ระยอง ว่า วันนี้ยอดผู้ติดเชื้อโควิด 19 ของจ.ระยอง มียอดเพิ่มขึ้นจำนวน 15 คน รวมทั้งหมด 509 คน พื้นที่อำเภอเมือง ระยอง ยังเป็นพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อโควิด19 มากที่สุด มีการตรวจหาเชื้อในเชิงรุกไปแล้ว 11,731 คน รักษาหายกลับบ้านแล้ว 249 คน เสียชีวิต 1 ราย

สำหรับผู้ป่วยที่พบใหม่ เป็นการเชื่อมโยงจากโต๊ะสนุ้กเกอร์ ในพื้นที่ อ.แกลง จ.ระยอง ถึง 9 ราย ส่วนผู้ป่วยส่วนใหญ่ยังคงเชื่อมโยงจากบ่อนพนัน และ กระจายไปตามกลุ่มต่างๆ ซึ่งถือว่าเพิ่มขึ้นหลังยอดผู้ป่วยปรับลดเป็นเลขตัวเดียวมาสองวันแล้ว ฉะนั้นจึงยังวางใจไม่ได้ ยังคงต้องเข้มงวดในมาตรการป้องกันต่อไป เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปในวงกว้าง จึงต้องไม่การ์ดตก

สำหรับท่านใดที่ไปเที่ยวโรงเบียร์ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ให้เข้ามารับการตรวจหาเชื้อด้วย ส่วนแรงงานต่างด้าวที่ไม่มีพาสปอร์ต หรือ ลักลอบเข้าเมือง หากอยู่ในกลุ่มเสี่ยง สามารถเข้ามาตรวจได้ฟรี โดยมีการยกเว้นการดำเนินคดีชั่วคราว

ฆ่าเชื้อ – จนท.ฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อป้องกันโควิด-19 หลังพบพนักงานขายติดไวรัสร้าย พร้อมตรวจคัดกรองพนักงานทั้งหมด ภายในบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 10 ม.ค.

อิมพีเรียลสำโรงบิ๊กคลีนนิ่ง

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ศูนย์การค้าอิมพีเรียลสำโรง สมุทรปราการ ได้มีการทำความสะอาดแบบบิ๊กคลีนนิ่ง เพื่อทำความสะอาดโดยการชำระล้างพื้นที่ทั้งหมด พ่นและอบน้ำยาฆ่าเชื้อทำความสะอาดพื้นที่สัมผัสในทุกจุด หลังจากได้รับแจ้งจากบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สาขาอิมพีเรียล เวิลด์ สำโรง ว่าเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2564 ที่ผ่านมา พนักงานช่วยขายติดเชื้อโควิด-19 จากครอบครัว จึงดำเนินการตามมาตรการความปลอดภัยขั้นสูงสุดตามนโยบายของ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ศูนย์การค้าฯคำนึงถึงความปลอดภัยและสุขอนามัยของผู้มาใช้บริการ จึงได้มีการทำการล้างและฉีดยาฆ่าเชื้อภายในห้างทั้งหมด เพื่อความปลอดภัยของผู้มาใช้บริการ

ลพบุรีปิดหมู่บ้านหลังพบป่วย

นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผวจ.ลพบุรี ประสานปิดหมู่บ้านหมู่ที่ 3 ตำบลบ้านเบิก อำเภอท่าวุ้ง ชั่วคราวหลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากถึง 8 รายชื่อ โยงบ่อนไก่อ่างทอง พร้อมเร่งตรวจหยุดการแพร่ระบาดนำอาหารแจกจ่ายชาวบ้านถวายพระสงฆ์

นายนิวัฒน์เผยว่าเมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมาพบผู้ติดเชื้อก้าวกระโดดวันเดียวถึง 8 คนในพื้นที่อำเภอท่าวุ้ง โดยเฉพาะในพื้นที่หมู่ 3 ตำบลบ้านเบิก อำเภอท่าวุ้ง ซึ่งถือว่าเป็นหมู่บ้านที่มีการแพร่เชื้อรุนแรงที่สุดของอำเภอ ซึ่งเป็นผลพวงมาจากบ่อนไก่ ในพื้นที่จังหวัดอ่างทอง เบื้องต้นได้ประสานกับทางอำเภอท่าวุ้ง ปิดหมู่บ้าน หมู่ที่ 3 บ้านเบิก ห้ามเข้า-ออก เป็นการชั่วคราวและเร่งสอบสวนโรค นำประชาชนในพื้นที่หมู่ 3 ผู้ที่มีความเสี่ยงจะติดโรคทยอยรับการตรวจหาเชื้อจากเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่ขณะนี้ปฏิบัติงานตลอด 24 ชั่วโมง

ขณะที่นายเดชาวุฒิ นิลแย้ม นายอำเภอท่าวุ้ง,นายไชยวัฒน์โพธิหอมศิริ สาธารณสุขอำเภอท่าวุ้งและนายแพทย์สันติ ลาภเบญจด ผู้อำนวยการโรงพยาบาลท่าวุ้ง นำข้าวและกับข้าวใส่ถุงออกแจกจ่ายให้กับชาวบ้านและพระสงฆ์ในหมู่บ้านเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า โดยแจกอาหาร 3 มื้อทั้งหมู่บ้าน ส่วนพระสงฆ์วัดบ้านเบิกหรือวัดเกาะวิมุตตารามที่ไม่สามารถบิณฑบาตได้เจ้าหน้าที่ได้นำอาหารไปถวายด้วย

ไทม์ไลน์กทม.ติดยกครัว 11 ราย

สำนักงานประชาสัมพันธ์ เผยไทม์ไลน์ ของผู้ติดเชื้อโควิด ซึ่งได้สอบสวนโรคเสร็จเรียบร้อยแล้ว เพิ่มอีก 10 ราย ไทม์ไลน์ 10 ราย ทั้งนี้พบว่ามีครอบครัวหนึ่ง ติดโควิด ถึง 11 คน เนื่องจากมีเพื่อนจากจันทบุรีมาเยี่ยมคนในครอบครัว จากนั้น ช่วงปีใหม่มีการกินเลี้ยงฉลองกันในครอบครัว จนทำให้มีผู้ติดเชื้อไปแล้ว 11 คน

แปดริ้วผวาปิดห้างดัง

ศูนย์ควบคุมโรคโควิค-19 จ.ฉะเชิงเทรา แจ้งว่า พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 1 รายเป็นหญิงอายุ 18 ปี ชาว อ.บางคล้า ขายขนมปัง ติดมาระหว่างที่ทำงานเป็นลูกจ้างอยู่ผับดังย่านบางนา ก่อนมาสมัครเป็นพนักงานภายในห้างโรบินสัน จ.ฉะเชิงเทรา คงต้องเน้นย้ำเข้ม ขอความร่วมมือจากชาวแปดริ้วอยู่ห่างกันหมั่นล้างมือบ่อยๆ และใส่แมสก์ขณะออกจากที่พักตลอดเวลา ทั้งนี้ นายไมตรี ไตรติลานันท์ ผวจ.ฉะเชิงเทรา ได้เน้นย้ำขอให้ประชาชนสแกนหรือโหลดไลน์ หมอชนะ มาใช้ด้วยจะทำให้เราปลอดภัยจากโรค โดยขอให้ประชาชนติดตามข่าวจากทางจังหวัดอย่างใกล้ชิดอย่าได้ตื่นตระหนกและตกใจจะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและทันสถานการณ์

ล่าสุด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้ออกประกาศแจ้งเตือนผู้ที่ซื้อขนมร้านบองชู ในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน โดยระบุข้อความว่า “ท่านที่เข้าไปซื้อขนมร้าน “บองชู” ในห้างสรรพสินค้าโรบินสัน สาขาฉะเชิงเทรา ระหว่างวันที่ 5-8 มกราคม 2564 ให้ไปรับการซักประวัติ ประเมินความเสี่ยง และตรวจหาเชื้อโควิด-19 ได้ที่โรงพยาบาลพุทธโสธร หรือโรงพยาบาลอำเภอทุกแห่งในจังหวัดฉะเชิงเทรา กรุณาติดต่อสายด่วน 09-4792-2525 ข้อมูลของท่านจะได้รับความคุ้มครอง”

ส่ง292แรงงานคืนตลาดกุ้ง

นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าฯสมุทรสาคร พร้อมด้วย นพ.นเรศฤทธิ์ ขัดธะสีมา สาธารณสุขจังหวัด และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันส่งตัวแรงงานข้ามชาติ 292 คน ที่ถูกกักตัวอยู่ในศูนย์ห่วงใยคนสาครแห่งที่ 1 สนามกีฬากลางจังหวัดสมุทรสาคร กลับคืนสู่ตลาดกลางกุ้ง หลังจากที่กักตัวจนครบกำหนดระยะเวลา 10-14 วัน แล้วตรวจซ้ำไม่พบเชื้อโควิด-19 เป็นการยืนยันว่าแรงงานข้ามชาติทั้ง 292 คน ปลอดเชื้อ ปลอดภัย ปลอดโควิด โดยทุกคนที่จะได้เดินทางกลับสู่ตลาดกลางกุ้งนั้น ต่างก็รู้สึกดีใจและมีรอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้า เร่งขนข้าวขนของขึ้นรถ พร้อมกันนี้ยังได้รับถุงยังชีพจากสภากา ชาดไทย เป็นขวัญและกำลังใจแก่ทุกคน คนละ 1 ถุงอีกด้วย

ส่วนบรรยากาศที่ตลาดกลางกุ้ง เมื่อรถนำส่งกลุ่มผู้ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 กลับมาสู่ตลาดกลางกุ้งนั้น ก็ปรากฏว่ามีบรรดาเพื่อนๆ แรงงานข้ามชาติที่อยู่ในตลาดกลางกุ้ง มารอรับกันอย่างใจจดใจจ่อและดีใจส่งเสียงเฮปรบมือลั่น เมื่อรถขับเข้ามาถึงภายในตลาด ซึ่งรอยยิ้มนั้นไม่เพียงแค่ปรากฏบนใบหน้าของแรงงานต่างด้าวที่ได้กลับมาเท่านั้น แต่รอยยิ้มยังมีให้เห็นบนใบหน้าของแรงงานที่มารอรับทุกคนกลับมาอีกด้วย

ปทุมฯป่วยเพิ่มอีก 7 ราย

รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จังหวัดปทุมธานี ประจำวันที่ 10 มกราคม 2564 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ จำนวน 7 ราย โดยผู้ป่วยรายที่ 81-87 (รายที่ 38-44 ของการระบาดรอบใหม่) พบจากการดำเนินงานเชิงรุกในแรงงานข้ามชาติ ตลาดสุชาติ และตลาดพรพัฒน์ ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี

สมุทรสาครตรวจเจออีก 80 คน

เมื่อเวลา 17.00 น. ข้อมูลของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร รายงานมี ผู้ป่วยรายใหม่ 80 ราย โดยพบจากการตรวจค้นหาเชิงรุกรวม 43 ราย เป็นคนไทย 2 ราย และคนต่างด้าว 41 ราย และพบจากการตรวจหาเชื้อในโรงพยาบาลอีกจำนวน 37 ราย จำแนกเป็นคนไทย 23 ราย และ ต่างด้าว 14 ราย สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมทั้งหมดมีจำนวน 3,341 ราย เป็นคนไทย (ทั้งในโรงพยาบาลและการค้นหาเชิงรุก) รวม 745 ราย และคนต่างด้าว (ทั้งในโรงพยาบาลและการค้นหาเชิงรุก) รวม 2,596 ราย

ส่วนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ณ ปัจจุบัน จำแนกเป็น คนไทยที่อยู่ในระหว่างการรักษา 186 ราย ต่างด้าว 176 ราย และมีผู้ที่ต้องเฝ้าสังเกตอาการอีกรวม 818 ราย ขณะที่ผู้พบเชื้อที่สามารถกลับบ้านได้แล้วรวมทั้งหมด 2,160 ราย โดยจำแนกเป็น รักษาหายในโรงพยาบาลเป็นคนไทยรวม 361 ราย และต่างด้าว 26 ราย กับ ผู้ที่ถูกกักตัวเพื่อเฝ้าสังเกตอาการจนครบตามระยะเวลาที่กำหนดแล้วปลอดภัยสามารถให้กลับบ้านได้รวม 1,773 ราย เป็นคนไทย 170 ราย และคนต่างด้าวรวม 1,603ราย นอกจากนี้ในส่วนของผู้เสียชีวิตยังคงที่ 1 ราย

เผยอาการผู้ว่าฯมหาชัย

ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสาตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดเผยถึงความคืบหน้าอาการป่วยของ นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ว่า อาการในรอบ 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมา เมื่อถอนยาคลายกล้ามเนื้อบางส่วน ทำให้ผู้ว่าฯ รู้สึกตัวมากขึ้น ทำให้เมื่อตื่น เริ่มมีการต้านเครื่องช่วยหายใจ

“ซึ่งขณะนี้ การหายใจด้วยเครื่องช่วยหายใจของผู้ว่าฯ พบว่า เริ่มหายใจเองมากขึ้น คนไข้จึงเป็นคนกำหนดการกระตุ้นการหายใจด้วยตัวเองแทนเครื่อง ถือว่าเป็นการฝึกการหายใจเอง ขณะนี้การแลกเปลี่ยนการหายใจถือว่าดี ภาพรวมการดูแลผู้ว่าฯ พยาธิสภาพของปอดก็ฟื้นตัวดี การแลกเปลี่ยนออกซิเจนของปอดดี ประมาณร้อยละ 50-70 แต่ด้วยความสูงอายุ อาจทำให้การหายใจด้วยตัวเองยังช้าอยู่ แต่ไม่ต้องรีบร้อนถอนเครื่องช่วยหายใจ ภาพรวมถือว่าดี” คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าว

ศ.นพ.ประสิทธิ์ กล่าวว่า ตัวเลขที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ระบุมีคนไข้อาการหนัก ประมาณ 32 คน โดยรายที่มีอาการหนัก ปอดอักเสบ ใช้เครื่องช่วยหายใจ เมื่อเปรียบเทียบกับรอบแรก พบในวัย 40 ปีกว่าๆ หรือแม้แต่เด็กเล็กขวบเดียวก็ติด โควิด-19 พบว่า ปัจจัยเสี่ยงเบาหวาน และโรคอ้วน มีส่วนให้อาการรุนแรง หากคนไข้แบบนี้ไปอยู่โรงพยาบาล (ร.พ.) สนาม ก็จะนำมาสังเกตอาการ และเฝ้าระวัง เข้มงวด หากพบว่าหายใจไม่ดี ก็จะนำตัวเข้าไปเฝ้าระวังใน ร.พ.ทันที

ด.ญ.6ขวบติดจากพ่อแม่นักพนัน

เมื่อเวลา 13.10 น. นายอธิสรรค์ อินทร์ตรา ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า จากกรณีสองสามีภรรยา ชาว ต.ดอนชะเอม อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี กลับจากทำงานในสถานที่จัดให้มีการเล่นการพนันย่านปิ่นเกล้า กรุงเทพฯ เข้าตรวจอาการไข้ที่ ร.พ.มะการักษ์ เมื่อวันที่ 4 ม.ค.ที่ผ่านมา และผลปรากฏว่าสองสามีภรรยาติดเชื้อโควิด-19 ทั้งคู่ โดยจากการสอบสวนโรคพบผู้สัมผัสเสี่ยงสูง จำนวน 14 ราย ผลการตรวจหาเชื้อผู้สัมผัสทั้ง 14 ราย ไม่พบติดเชื้อ จำนวน 13 ราย และพบผู้ต้องสงสัย 1 ราย ต้องรอผลการตรวจซ้ำ

ล่าสุดสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี แจ้งว่า ผลการตรวจออกมาแล้วว่า ผู้ต้องสงสัยที่เหลือ 1 ราย ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งบุคคลดังกล่าวเป็นเด็กหญิง อายุ 6 ขวบ และเป็นลูกสาวของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ชาว ต.ดอนชะเอม รายที่ 3-4 ของจังหวัดกาญจนบุรี ขณะนี้รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมะการักษ์

ทำให้ปัจจุบัน จ.กาญจนบุรี มีผู้ติดเชื้อ โควิด-19 สะสม จำนวน 5 ราย ทั้ง 5 รายรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ได้ดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด ดังนั้นประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี ไม่ต้องวิตกกังวลว่าเชื้อโควิด-19 จะออกมาแพร่ระบาดแต่อย่างใด

อ่างทองบวกอีก 8

นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯอ่างทอง โพสต์เฟซบุ๊ก แจ้งยอดผู้ป่วยโควิด-19 จังหวัดอ่างทอง โดยมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 8 ราย สะสมรวมอยู่ที่ 92 ราย โดยใช้โรงพยาบาลป่าโมก ที่บริเวณตึก 5 ชั้น เป็นโรงพยาบาลสนาม และ ใช้อพาร์ตเมนต์ตึกสีเหลือง ตรงข้ามวัดท่าอิฐ ริมถนนอ่างทอง-โพธิ์ทอง หมู่ 5 ตำบลบางพลับ อ.โพธิ์ทอง เป็นสถานที่กักตัว ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง

ผู้ว่าฯ ระบุข้อความว่า ยอดผู้ติดเชื้อวันนี้มีเพิ่มจำนวน 8 ราย (รวมยอดผู้ติดเชื้อ 92 ราย) ซึ่งขออนุญาตประชาสัมพันธ์พี่น้องประชาชน สำหรับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เพื่อให้การรายงานยอดผู้ติดเชื้อ และไทม์ไลน์ ถูกต้อง รวดเร็ว จังหวัดอ่างทองจะประชาสัมพันธ์ข้อมูลผ่าน www.ato.moph.go.th เท่านั้น

ด้าน เทศบาลเมืองอ่างทอง ได้แจ้งข่าวประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนในเขตเทศบาลเมืองอ่างทอง ที่มีความจำเป็นจะต้องเดินทางออกนอกเขตจังหวัดอ่างทอง สามารถมาขอหนังสือรับรองความจำเป็นในการเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัด ได้ที่เทศบาลเมืองอ่างทอง

ทน.นนท์พร้อมซื้อวัคซีนเอง

นายวิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครปากเกร็ด เปิดเผยว่า ทางเทศบาลนครปากเกร็ด ได้ประชุมหารือถึงมาตราการรับมือสถานการณ์การแพร่ระบาดดังกล่าวแล้ว เห็นว่าทางเทศบาลนครปากเกร็ด ซึ่งเป็นเทศบาลขนาดใหญ่ที่มีความพร้อมในเรื่องของงบประมาณสะสมที่มีอยู่ประมาณ 1 พันล้านบาท หากได้รับการอนุมัติจากทางรัฐบาลหรือกระทรวงมหาดไทย ให้นำไปจัดซื้อวัคซีนต้านโควิด 19 เพื่อนำมาฉีดช่วยเหลือให้กับประชาชนในพื้นที่ที่มีอยู่ประมาณ 1.9 แสนคน ทางเทศบาลก็มีงบที่เพียงพอในการจัดซื้อวัคซีนประมาณ 240 ล้านบาท เพื่อมาดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่ให้ปลอดภัยเชื้อไวรัสและเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาลในตอนนี้

นายกเทศมนตรีเทศบาลนครปากเกร็ด กล่าวว่า แนวคิดดังกล่าวเกิดมาจากทางเทศบาลนครปากเกร็ดต้องการช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์เช่นนี้เหมือนที่เคยรับมือกับสถานการณ์น้ำท่วมที่ผ่านมา ซึ่งหากทางรัฐบาลหรือกระทรวงมหาดไทย ไฟเขียวอนุมัติก็จะเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของรัฐบาลในตอนนี้ได้เป็นอย่างดี ส่วนหน่วยงานหรือท้องถิ่นใดที่มีงบประมาณไม่เพียงพอรัฐบาลก็ค่อยลงไปเสริมในพื้นที่นั้นแทน ก็จะทำให้การฉีดวัคซีนเพื่อต้านโควิด 19 สามารถดำเนินได้โดยง่าย รวดเร็วและครอบคลุม ซึ่งทางเทศบาลนครปากเกร็ดมีความพร้อมในการจัดซื้อวัคซีนตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ได้ทันที

ขณะที่ในส่วนของเทศบาลนครนนทบุรี ก็มีความพร้อมมีศักยภาพในการที่จะช่วยฉีดวัคซีนให้กับประชาชนในเขตเทศบาล ซึ่งมีประชาชนอยู่ 260,000 คนเช่นกัน

สระแก้วเจออีกราย

ที่ ห้องประชุมสระแก้ว ศาลากลางจังหวัดสระแก้ว นายเกียรติศักดิ์ จันทรา ผวจ.สระแก้ว พร้อมด้วย น.พ.ทนง วีระแสงพงษ์ สสจ.สระแก้ว และนพ.สุรสิทธิ์ จิตรพิทักษ์เลิศ ผอ.ร.พ.สมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ร่วมแถลงรายงานผู้ป่วย COVID-19 ยืนยันรายที่ 3 ของจังหวัดสระแก้วเพิ่มขึ้น 1 ราย เป็นชายไทย อายุ 32 ปี อาชีพรับเหมาเดินสายระบบไฟฟ้าภายในอาคาร อยู่บ้านเช่าที่ หมู่ 2 ตำบลท่าเกษม อำเภอเมืองสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว ภูมิลำเนาอยู่ที่ หมู่ 1 ตำบลตรีณรงค์ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง นับเป็นผู้ติดเชื้อรายที่ 3 จากการระบาดระลอกใหม่ของจังหวัดสระแก้ว โดยมีประวัติเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2563 ไปดื่มสุราฉลองปีใหม่ ที่บ้านเพื่อนที่เป็นร้านขายของชำในหมู่บ้าน รวม 4 คน ซึ่งบริเวณเดียวกันมีโต๊ะสนุ้กเกอร์ของผู้ป่วย COVID -19 ระลอกใหม่ เป็นรายที่ 7 ของจังหวัดลพบุรี และเป็นคนรู้จักคุ้นเคย จึงได้เข้ามาพูดคุยนานประมาณ 15 นาที โดยสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 4 ราย ตรวจแล้วไม่พบเชื้อ ส่วนผู้เสี่ยงต่ำ 17 ราย อยู่ระหว่างเฝ้าระวัง

14 กพ.ขึ้นทะเบียนวัคซีน

ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัด สธ. นำคณะแถลงความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนว่า การซื้อวัคซีน 2 ล้านโดสจากบริษัท ซิโนแวค เป็นวัคซีนเชื้อตาย เป็นเทคโนโลยีดั้งเดิม มีความปลอดภัยสูง ที่ประเทศจีนมีการฉีดให้กับประชาชนจำนวนมากโดยเป็นการใช้ในกรณีฉุกเฉิน ยังไม่พบว่ามีรายงานผลข้างเคียงชนิดรุนแรงแต่ประการใด และคงจะได้ขึ้นทะเบียนในประเทศจีนได้ในเร็ววัน ทั้งนี้ การนำเข้ามาใช้ในไทยนั้นจะเป็นการทยอยนำเข้ามา

“ล็อตแรกปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ ล็อตถัดไปคือเดือนมีนาคมและเมษายน ซึ่งการทยอยนำเข้ามาก็จะทำให้ไทยได้เกิดการเรียนรู้ด้วย จากนั้นเดือนพฤษภาคมก็จะเป็นล็อตใหญ่จากบริษัท แอสทราเซเนกา จำนวน 26 ล้านโดส และหลังจากนั้นอีก 35 ล้านโดส โดยรวมที่มีการจัดหาวัคซีนใช้ประเทศไทยประมาณ 60 กว่าล้านโดส สำหรับคนไทยประมาณ 30 ล้านคน เบื้องต้นเมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา องค์การเภสัชกรรม (อภ.) ได้สำรองงบกว่า 1,000 ล้านบาทจัดซื้อมาก่อนระหว่างที่รัฐบาลยังไม่ได้โอนงบมาให้ ทั้งนี้ ในกระบวนการขึ้นทะเบียนนั้น ล็อตแรกคาดว่าสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จะขึ้นทะเบียนได้ภายในวันที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ ซึ่งตั้งใจจะให้ตรงกับวันแห่งความรัก” ปลัด สธ.กล่าว

เน้นฉีดจนท. 5 จว.สีแดง

ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงแผนการจัดสรรวัคซีน 2 แสนโดสแรก ที่จะเข้ามาฉีดในสถานการณ์เร่งด่วนว่า จะให้กับกลุ่มเสี่ยงคือ ผู้สูงอายุมากกว่า 60 ปีขึ้นไป ผู้มีโรคประจำตัว เบาหวาน อ้วน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังให้กับบุคลากรสาธารณสุขและบุคลากรที่ทำงานหน้าด่านในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 5 จังหวัด คือ สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด โดยจะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติในวันที่ 11 มกราคมนี้ หากผ่านความเห็นชอบจะเข้าสู่แผนการเตรียมความพร้อม พิจารณาสถานพยาบาลที่จะจัดบริการฉีด การอบรมเจ้าหน้าที่ และการลงทะเบียนด้วยแอพพลิเคชั่น เนื่องจากมีการเคลื่อนของคน การใช้แอพฯ จึงสะดวกในการลงทะเบียนและติดตามการฉีดวัคซีนให้ครบ 2 เข็ม และติดตามผลหลังการรับวัคซีน และผลข้างเคียงจากวัคซีนด้วย

ปลอดเชื้อ – แรงงานข้ามชาติ 292 คน ที่ถูกกักตัวอยู่ในศูนย์ห่วงใยคนสาครแห่งที่ 1 สนามกีฬากลางจังหวัดสมุทร สาคร แสดงความดีใจหลังผ่านการกักตัวครบ 14 วัน แล้วตรวจไม่พบว่าติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันที่ 10 ม.ค.

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน