ระยองติดเชื้อพุ่งพรวด
สั่งตรวจยกสน.ท่าข้าม
ขีด31มค.จ่อใช้ยาแรง

 

ไทยติดโควิดอีก 271 คน ตายเพิ่ม 2 ราย เป็นชายอังกฤษวัย 71 ปี มีโรคประจำตัว ทั้งเบาหวาน มะเร็งปอด ไทรอยด์ อีกรายเป็นหนุ่มไทยวัย 53 พบไทม์ไลน์เดินทางไปพื้นที่เสี่ยง ทั้งจันทบุรี ชลบุรี เพชรบุรี มีโรคประจำตัวเป็นเบาหวาน ยอดรวมเสียชีวิตแล้ว 69 ราย ที่ระยองพบป่วยเพิ่ม 11 ราย เชื่อมโยงบ่อนและโรงเบียร์ป๋าแดง ชลบุรี ‘มหาชัย’ ติดเชื้ออีก 99 ราย ดาบตำรวจโรงพักท่าข้ามติดโควิด สั่งตรวจหาเชื้อทั้ง โรงพัก ลุ้นครม.ชี้ขาดเกณฑ์แจกเงิน 3.5 พัน 2 เดือน 19 ม.ค.นี้ ‘อาคม’ระบุจะให้ลงทะเบียนง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก

ตายโควิดอีก2-ป่วยเพิ่ม 271

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 14 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงว่า ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 271 ราย โดยติดเชื้อในประเทศ 259 ราย จำนวนนี้มาจากการค้นหาเชิงรุก 181 ราย เป็นผู้ป่วย รายใหม่จากการเฝ้าระวังและระบบบริการ 78 ราย นอกจากนี้พบผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศ 12 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 11,262 ราย หายป่วยสะสม 7,660 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 3,533 ราย และเสียชีวิตเพิ่มขึ้น 2 ราย

โดยผู้เสียชีวิตรายแรก เป็นชายชาวอังกฤษ อายุ 71 ปี มีโรคประจำตัวเบาหวาน ไทรอยด์ มะเร็งปอด เดินทางจากอังกฤษวันที่ 5 ธ.ค.63 ถึงไทยวันที่ 7 ธ.ค.63 เข้ารักษาตัวที่โรงพยา บาล วันที่ 17 ธ.ค. มีการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ โควิด-19 อาการแย่ลงเรื่อยๆ และเสียชีวิตในวันที่ 13 ม.ค.

และอีกรายเป็นชายไทย อายุ 53 ปี อาชีพรับจ้าง มีโรคประจำตัวเบาหวาน มีประวัติ เดินทางไปจ.จันทบุรี ชลบุรี และเพชรบุรี โดยรถยนต์ส่วนตัวระหว่างวันที่ 26-30 ธ.ค. โดยวันที่ 3 ม.ค. 64 เริ่มมีไข้ ปวดศีรษะ มีเสมหะ วันที่ 5 ม.ค. เข้ารักษาที่นนทบุรี ตรวจพบเชื้อโควิด-19 และปอดอักเสบ อาการทรุดลงอย่างรวดเร็วและเสียชีวิตในวันที่ 10 ม.ค. ทำให้มียอดผู้เสียชีวิตสะสม 69 ราย

สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่แบ่งเป็น 1.มีประวัติไปสถานที่เสี่ยง อาชีพเสี่ยง สัมผัส ผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้า 78 ราย ได้แก่ สมุทรสาคร 36 ราย กทม. 14 ราย ระยอง 8 ราย สมุทรปราการ ชลบุรี และอ่างทอง จังหวัดละ 5 ราย นนทบุรี 2 ราย นครราชสีมา ปทุมธานี สิงห์บุรี จังหวัดละ 1 ราย 2.คัดกรองเชิงรุกในชุมชน 181 ราย ได้แก่ สมุทรสาคร 172 ราย ชลบุรี 5 ราย ระยอง 3 ราย และฉะเชิงเทรา 1 ราย และ 3.เดินทางมาจากต่างประเทศ 12 ราย ได้แก่ ปากีสถาน และ สหราชอาณาจักร ประเทศละ 2 ราย ฮังการี สหรัฐอเมริกา รัสเซีย เนเธอร์แลนด์ แคนาดา เยอรมนี อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ประเทศละ 1 ราย โดยมาเลเซียมีผู้ป่วยรายใหม่วันละ 2-3 พันคน ฝากพี่น้องจังหวัดชายแดนใต้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา ไม่ได้ตั้งข้อรังเกียจ ขอให้เข้ามาตามระบบมีการกักกันดูแล ขอเข้มอย่าเดินเข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ เราเห็นสถาน การณ์จากภาคเหนือมาแล้ว ภาคใต้ตอนนี้ยังน้อยอยู่ขอให้ตรึงไว้








Advertisement

“ประเทศไทยขอบล่างคือสีขาวและสีเหลือง แม้มาเลเซียติดวันละ 2-3 พันคน คือความร่วมมือกันทำให้ไม่เห็นสีแดงอยู่ข้างล่าง สำหรับจังหวัดสีแดงมี 10 จังหวัดกระจุกใน กทม. ปริมณฑล และฝั่งตะวันออก แต่พบว่ามี 4 จังหวัดสถานการณ์ดีขึ้น พบผู้ติดเชื้อลดลง คือ ชลบุรี ระยอง กทม. และสมุทรปราการ ส่วนสมุทรสาครพบเพิ่มขึ้น 208 ราย เกิดจากการไปค้นหาเชิงรุก ถ้าทั้ง 10 จังหวัดช่วยกันทำทั้งประเทศจะเฮ เพราะช่วยดึงกราฟลง ส่วนจังหวัดสีส้ม 12 จังหวัด สีเหลือง 38 จังหวัด ไม่มีติดเชื้อมาก่อนสีขาว 17 จังหวัด ซึ่งขอให้ 17 จังหวัดนี้คงรักษาไข่ไว้ให้ดี เชื่อว่าถ้าประชาชนร่วมมือกันได้ ตัวเลขนี้อยากจะเห็นและปรากฏไปตลอด” นพ.ทวีศิลป์กล่าว

ทั่วโลกเสียชีวิตจ่อ 2 ล้าน

นพ.ทวีศิลป์กล่าวต่อว่า ผู้ติดเชื้อภายในประเทศ วันที่ 15 ธ.ค.-14 ม.ค. มียอดรวม 7,025 ราย แนวโน้มกราฟยังทรงๆ แต่เมื่อแยกย่อยเป็นรายสัปดาห์ จะเห็นว่าสัปดาห์แรกของปี 64 กราฟยังพุ่งสูงขึ้น มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 2,674 ราย แต่สัปดาห์นี้กราฟลดลงมา ขณะนี้เหลืออีก 2 วัน แต่ผู้ติดเชื้ออยู่ที่ 1,209 ราย ถือว่าวางใจได้ระดับหนึ่ง แต่ยังกลัววันเดียวพรวดขึ้นมาแล้วช็อก เราจึงต้องช่วยกันเพื่อลดกราฟลงมาให้ได้

“ก่อนหน้านี้ที่มีข่าวพบผู้ติดเชื้อในโรงงานแห่งเดียวที่จ.สมุทรสาคร ถึง 900 คนนั้น เป็นการติดเชื้อในโรงงานพัทยา ฟู้ด ที่เขาประสานขอตรวจเอง 2 รอบ จนได้ตัวเลขดังกล่าว และแยกผู้ติดเชื้อออกมา อีกทั้งยังขอใช้พื้นที่ของตัวเองและออกค่าใช้จ่ายเองในการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม มีที่นอนถึง 600 เตียง ต้องขอขอบคุณความคิดสร้างสรรค์และการร่วมแรงร่วมใจในการรับมือการแพร่ระบาด การระบาดรอบนี้เพียงไม่กี่เดือนก็มีภาพความร่วมมือร่วมใจเกิดขึ้น”

ส่วนสถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 92,767,845 ราย เป็นวันแรกเพิ่มขึ้น 7.4 แสนราย เสียชีวิตสะสม 1,986,696 ราย เพิ่มขึ้น 1.6 หมื่นราย ประเทศไทยอยู่อันดับ 128 ของโลก

ศบค.จับตา 17-31 ม.ค.

นพ.ทวีศิลป์กล่าวถึงกรณีการออกมาตรการครั้งนี้จะประเมินสถานการณ์อีกครั้งเมื่อไหร่เพื่อเข้าสู่มาตรการผ่อนคลาย ว่า ล่าสุดมีการประกาศมาตรการออกมาในวันที่ 4 ม.ค. 2564 ดังนั้นที่ประชุมศบค. จึงนับเอาวันแรกของการออกมาตรการที่สั่งกันทั่วประเทศ กรณี 28 จังหวัดได้รับการควบคุมสูงสุด ดังนั้นหากนับ 14 วันที่ปลอดภัยจากโรค โควิด-19 จะครบในวันที่ 17 ม.ค.

“พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาฯสมช. ในฐานะผอ.ศูนย์ปฏิบัติการการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ขอให้ทุกจังหวัดสั่งเข้มออกข้อกำหนดทั้งหลายให้เต็มที่ถึงวันที่ 17 ม.ค. ดังนั้นจะต้องประเมินกันอีกครั้งในอีก 2 สัปดาห์ถัดไป ซึ่งการสิ้นสุดของการใช้มาตรการชุดนี้ในวันที่ 31 ม.ค. จึงจะเป็นช่วงการดูผลของการออกฤทธิ์ ดังนั้นหากตัวเลขลดลงเรื่อยๆ เท่ากับว่าเราใช้ยาได้ผล อย่างไรก็ตามตลอดเดือนม.ค.นี้ขอแรงกายแรงใจกับทุกคนให้ช่วยกันทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 ลดลงจะได้ไม่ต้องเห็นภาพจากการใช้ยาแรง

ระยองเจอติดเชื้ออีก 11

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ห้องอินทรวิชิต ศูนย์ราชการ จ.ระยอง นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง พร้อมด้วยภก.วีระศักดิ์ เจียมอนุกูลกิจ รองสสจ.ระยอง นพ.ไชยสิทธิ์ เทพชาตรี ผอ. ร.พ.ระยอง แถลงความคืบหน้า สถานการณ์โควิด 19 ประจำวันของจ.ระยอง

นายชาญนะกล่าวว่า วันนี้ยอดผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 11 คน รวมยอดผู้ติดเชื้อของ จ.ระยอง ทั้งหมด 552 คน รักษาหายแล้ว 404 ราย ตรวจหาเชื้อกลุ่มเสี่ยงแล้ว 14,341 คน จากการสอบสวนโรคตั้งแต่ปีใหม่เป็นต้นมา พบว่าติดมาจาก 3 กลุ่มใหญ่ กลุ่มแรกติดจากโรงเบียร์ป๋าแดง ต.พลูตาหลวง อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี รวม 5 ราย กลุ่มที่ 2 ติดมาจากบ่อนการพนันที่ลักลอบเล่นจนสามารถจับกุมได้ถึง 129 คดี และกลุ่มที่ 3 ติดมาจากครอบครัว ที่เกิดจากกลุ่มเสี่ยง ที่มีการติดเชื้อแล้ว แต่ยังไม่แสดงอาการ และยังไม่ยอมเข้ามารับการตรวจหาเชื้อ

“สำหรับท่านใดที่ไปตลาดสวนมุก ถ.สายกลางทุ่ง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง ระหว่างวันที่ 8-12 ม.ค.ให้รีบมารายงานตัว เพราะ ผู้ติดเชื้อไปเดินที่ตลาดดังกล่าว”

ส่วนกรณีชาวบ้านหวาดวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานที่กักตัว ที่ ร้านอาหารตำนานป่า ต.เพ อ.เมือง จ.ระยอง ขอชี้แจงว่าผู้ที่เข้าพักกักตัว ยังไม่ใช่ผู้ป่วย เพราะผลตรวจเป็นลบทุกคน ขออย่ากังวล เพราะมีการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่มีการออกมาภายนอกเด็ดขาด ขอความเห็นใจ ซึ่งทางจังหวัดเข้าใจในความกลัวของชาวบ้านรอบบริเวณสถานที่กักตัว ขอให้มั่นใจในการดูแลของเจ้าหน้าที่ ที่สำคัญ คือทั้งหมดยังไม่ใช่ผู้ป่วย เป็นเพียงการกักตัว 14 วัน เพื่อรอดูอาการ แต่ถึงจะเป็นผู้ป่วยติดเชื้อแล้วก็ขอให้มั่นใจในการดูแลของเจ้าหน้าที่

แปดริ้วป่วยโควิดวันเดียว8ราย

วันเดียวกัน เวลา 10.00 น. ที่กองพลทหารราบที่ 11 ค่ายสมเด็จพระนั่งเกล้า จ.ฉะเชิงเทรา พล.อ.ธิติชัย เทียนทอง รองเสนาธิการทหาร พร้อมคณะเดินทางมาตรวจเยี่ยมและติดตามมาตรการผ่อนคลายศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ด้านความมั่นคง พื้นที่จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ของจ.ฉะเชิงเทรา โดยมีพล.ต.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 11 พร้อมหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ ที่ห้องประชุม บก.พล.ร.11

จากนั้นพล.อ.ธิติชัยเดินทางไปตรวจเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ประจำจุดตรวจคัดกรองควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อโควิด-19 พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่คุมเข้มตรวจคัดกรอง เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรคอย่างเคร่งครัด และมอบหน้ากากอนามัยให้แก่ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดตรวจบริเวณหน้าปั๊มน้ำมันบางจาก ฝั่งขาเข้า ต.คลองประเวศ อ.บ้านโพธิ์ ซึ่งเป็นจุดตรวจคัดกรองประชาชนที่เดินทางเข้ามาในพื้นที่ของจ.ฉะเชิงเทรา รวมทั้งเฝ้าระวังหรือสังเกตอาการของผู้ที่เดินทางว่ามีพฤติกรรมเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19หรือไม่

ส่วนสถานการณ์โรคติดเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ของจ.ฉะเชิงเทรา วันนี้พบติดเชื้ออีก 8 ราย ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสม 26 ราย รักษาหายแล้ว 9 ราย และรักษาตัวอยู่ในร.พ. 17 ราย รอผลการตรวจยืนยันอีก 92 ราย สำหรับ 1 ใน 8 รายที่มีการตรวจยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 วันนี้ เป็นผู้ต้องหาที่ก่อคดีพยายามฆ่าผู้อื่น ซึ่งถูกตำรวจจับกุมตัวไว้ได้ และนำตัวฝากขังที่เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มมาตรการเชิงรุกเพื่อตรวจหาความเสี่ยงของตำรวจชุดจับกุม ผู้ต้องหารายนี้ เจ้าหน้าที่เรือนจำ รวมถึง ผู้ต้องหาภายในเรือนจำที่อยู่เรือนนอนเดียวกัน

คุมเข้มรถไฟขบวนชลบุรี

นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า ตามที่ ศบค.กำหนดให้พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดใน 5 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ให้งดการเดินทางข้ามจังหวัด หรือกรณีมีความจำเป็นต้องเดินทางออกนอกพื้นที่ให้มีเอกสารรับรองความจำเป็นในการเดินทางเพื่อยืนยันแก่เจ้าหน้าที่รัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนการซื้อตั๋วโดยสารอย่างเข้มงวดโดยแสดงบัตรประชาชนพร้อมกับกรอกเอกสารรับรองความจำเป็นในการเดินทาง (แบบ ต.8-คค/รฟท) และจะต้องมีหนังสืออนุญาตการเดินทางจากทางจังหวัดออกนอกพื้นที่มาแสดงด้วย หากผู้โดยสารไม่มีเอกสารดังกล่าว จะไม่สามารถซื้อตั๋วโดยสารรถไฟได้

เพื่อให้การดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ การรถไฟแห่งประเทศไทยจึงเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามนโยบายของ ศบค. และกระทรวงคมนาคม โดยกำหนดให้สถานีรถไฟที่ตั้งในเขต จ.ชลบุรี ซึ่งยังให้บริการเดินขบวนรถโดยสารอยู่เขตพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ประกอบด้วย สถานีพานทอง ชลบุรี บางพระ ชุมทางศรีราชา บางละมุง พัทยา บ้านห้วยขวาง ชุมทางเขาชีจรรย์ พลูตาหลวง จำนวน 9 สถานี รวมถึงขบวนรถที่ผ่านเส้นทางดังกล่าว 2 ขบวน ได้แก่ ขบวนธรรมดาที่ 283 กรุงเทพฯ-พลูตาหลวง เวลาออก 06.55 น. เวลาถึง 11.20 น. และขบวนรถธรรมดาที่ 284 พลูตาหลวง-กรุงเทพฯ เวลาออก 13.35 น. เวลาถึง 18.15 น. จะต้องปฏิบัติตามมาตรการอย่างเข้มงวด

‘ดต.’เฝ้าด่านตรวจ-ติดโควิด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 13 ม.ค. พ.ต.อ.เลิศศักดิ์ เขียมทรัพย์ ผกก.สน.ท่าข้าม ออกหนังสือบันทึกข้อความแจ้งข้าราชการตำรวจในสังกัดทุกนายทราบและถือปฏิบัติ กรณีตำรวจยศ ด.ต.นายหนึ่ง สังกัด สน.ท่าข้าม ปฏิบัติหน้าที่ ว.43 หน้าปั๊ม ปตท.พระราม 2 ขาเข้า ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มเสี่ยงได้รับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลสหวิทยาการมะลิ ผลปรากฏว่าพบเชื้อโควิด-19 นั้น เพื่อสวัสดิการข้าราชการตำรวจและครอบครัวเป็นไปตามมาตรการป้องกันความเสี่ยงของโรคติดเชื้อโควิด-19 จึงให้ข้าราชการตำรวจในสังกัด สน.ท่าข้ามทุกนายเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ระหว่างวันที่ 13-14 ม.ค.64 ที่โรงพยาบาลสหวิทยาการมะลิ ตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไปให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดเชื้อโควิด-19 รายนี้ เป็นการปฏิบัติงานป้องกันและควบคุมการเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าวจาก จ.สมุทรสาคร ตั้งแต่มีข่าวการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่

‘มหาชัย’ติดเชื้ออีก 99

เมื่อเวลา 17.00 น. สำนักงานสาธารณสุขจ.สมุทรสาคร รายงานว่า มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 99 ราย พบจากการตรวจค้นหาเชิงรุก 52 ราย เป็นคนต่างด้าวทั้ง 52 ราย และพบจากการตรวจหาเชื้อในโรงพยาบาลอีก 47 ราย เป็นคนไทย 14 ราย และต่างด้าว 33 ราย สำหรับผู้ป่วยยืนยันสะสมทั้งหมด 3,859 ราย เป็นคนไทย 832 ราย และคนต่างด้าว 3,027 ราย

ส่วนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล จำแนกเป็นคนไทยที่อยู่ระหว่างการรักษา 139 ราย ต่างด้าว 158 ราย และมีผู้ที่อยู่ระหว่างการสังเกตอาการอีก 744 ราย เป็นคนไทย 3 ราย คนต่างด้าว 741 ราย ผู้ที่รักษาหายกับผู้ที่เฝ้าสังเกตอาการจนครบกำหนดแล้วสามารถกลับบ้านได้รวม 2,817 ราย เป็นคนไทย 689 ราย และต่างด้าว 2,128 ราย ผู้เสียชีวิตยังคงที่ 1 ราย

หนุ่มปทุมฯติดโควิด

ศูนย์ปฏิบัติการโควิด-19 จังหวัดปทุมธานี รายงานว่า พบผู้ป่วยเพิ่ม 1 ราย เป็นชาย อายุ 41 ปี ชาวอ.คลองหวง จ.ปทุมธานี พบไปงานเลี้ยงปีใหม่ที่บริษัทในกทม. นอกจากนี้ยังไปเดินห้างที่นครปฐม ไปวัดทำบุญ รวมทั้งขึ้นรถตู้และรถไฟฟ้าในกทม.ด้วย

ชี้ขาดเกณฑ์แจก 3.5 พัน 19 ม.ค.

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับโครงการ “เราชนะ” ที่จะแจกเงินเยียวยาให้ประชาชนคนละ 3,500 บาท เป็นเวลา 2 เดือน ตอนนี้หลายฝ่ายกำลังพิจารณาและมีแนวคิดของโครงการนี้ อาจจะแจกเงิน เราชนะ ให้ประชาชนในพื้นที่ 28 จังหวัดสีแดงซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดเท่านั้น ตอนนี้ยังเป็นที่ถกเถียงกันและยังไม่มีข้อสรุปออกมา สุดท้ายต้องรอให้ครม.พิจารณาอีกครั้งในวันที่ 19 ม.ค.

สำหรับโครงการ “เราชนะ” ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจะต้องมาลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชั่น หรือเว็บไซต์ที่คลังเปิดไว้คือ www.เราชนะ.com กำหนดระยะเวลาลงทะเบียนเร็วที่สุดภายในสิ้นเดือนม.ค. และผู้ผ่านการตรวจสอบสิทธิ์จะสามารถกดเงินจากตู้เอทีเอ็มในเดือนแรกได้อย่างช้าสุดไม่เกินสัปดาห์แรกของก.พ.2564 ครอบคลุม 2 เดือน

การคัดกรองผู้ที่ได้รับเงินบรรเทาทุกข์ 3,500 บาท นาน 2 เดือน จากมาตรการ เราชนะ แยกเป็นกลุ่มที่จะได้รับเงินบรรเทาทุกข์ แบ่งเป็นกลุ่มที่ไม่ต้องลงทะเบียนใหม่ คือกลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14 ล้านคน ซึ่งมีฐานข้อมูลอยู่แล้ว กลุ่มผู้เข้าร่วมมาตรการคนละครึ่ง ที่มีการยืนยันใช้สิทธิ์แล้วกว่า 13.8 ล้านราย หรือไม่เกิน 15 ล้านราย แต่ต้องมาพิจารณาคุณสมบัติว่าจะผ่านเกณฑ์ได้รับเงินบรรเทาทุกข์ด้วยหรือไม่อีกครั้ง กลุ่มต้องลงทะเบียนใหม่ เป็นกลุ่มที่ไม่เคยอยู่ในฐานข้อมูลเดิมอยู่เลย

ส่วนกลุ่มที่จะได้รับเงินเยียวยาต้องเป็นกลุ่มอาชีพอิสระ เกษตรกร ที่เคยลงทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร อาจจะต้องมาลงทะเบียนใหม่ และจะช่วยเหลือพร้อมกันในรอบเดียว ในหลักการก็จะช่วยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบเหมือนมาตรการเราไม่ทิ้งกันก่อน เช่น กลุ่มแท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ผู้ค้าสลากกินแบ่งรัฐบาล และมัคคุเทศก์ เป็นต้น

นอกจากนี้มีกลุ่มไม่ได้รับเงินช่วยเหลือ เบื้องต้นจะเป็นกลุ่มที่ได้รับการดูแลอยู่แล้ว กลุ่มข้าราชการกว่า 3 ล้านคน พนักงานและลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ กลุ่มที่อยู่ในฐานระบบกองทุนประกัน ตามมาตรา 33 อีก 11 ล้านคน กลุ่มผู้ที่มีรายได้สูง ซึ่งคลังจะมีเกณฑ์มาวัดว่ารายได้เท่าใด จึงจะไม่ได้รับเงิน 3,500 บาท โดยพิจารณาบัญชีเงินฝาก รายได้เข้าออกเดือนต่อเดือน ฐานข้อมูลผู้เสียเงินภาษี เป็นต้น

สำหรับเว็บไซต์ www.เราชนะ.com คาดว่าจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ช่วงสิ้นเดือนม.ค.นี้ โดยจะแจกเงิน 2 เดือน คือก.พ.และมี.ค. ซึ่งรายละเอียดการลงทะเบียนจะไม่ยุ่งยาก เหมือนมาตรการเราไม่ทิ้งกัน

‘เราชนะ’ลงทะเบียนง่าย

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง กล่าวในรายการ “รวมไทย สร้างชาติ ร่วมต้านโควิด-19” เกี่ยวกับโครงการ “เราชนะ” ว่า โครงการนี้จะแจกเงินเยียวยา 3,500 บาท รวม 2 เดือน เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนทั่วไป อาชีพอิสระ พ่อค้าแม่ขาย วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ ให้ครอบคลุมตรงจุดที่สุด หลังจากนี้จะเปิดให้ผู้ที่เข้าเกณฑ์ลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ โดยจะพยายามทำให้ลงทะเบียนง่ายที่สุด

สำหรับบางกลุ่มที่ได้รับการช่วยเหลืออยู่แล้วอาจจะไม่เข้าเกณฑ์ ดังนี้ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ เนื่องจากยังคงได้รับเงินเดือน, ผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคมที่มีมาตรการช่วยเหลืออยู่แล้ว และผู้มีรายได้สูง ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาเกณฑ์คุณสมบัติ โดยอาจจะประเมินจากฐานเงินเดือนและบัญชีเงินฝาก

สำหรับคนที่เคยลงทะเบียนโครงการเยียวยาต่างๆ และมีข้อมูลอยู่ในระบบแล้วก็จะถูกคัดกรองด้วย เช่น ผู้ที่เข้าร่วม “โครงการคนละครึ่ง” หากพบว่าเป็นผู้มีรายได้น้อย คุณสมบัติเข้าเกณฑ์ก็จะได้รับเงินผ่านแอพ พลิเคชั่น “เป๋าตัง” แต่จะเบิกจ่ายเป็นเงินสด หรือเก็บไว้ใช้กับโครงการคนละครึ่งนั้น ต้องรอให้มีความชัดเจนในวันที่ 19 ม.ค. ขณะที่ผู้ที่มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน โดยหลักการแล้วน่าจะได้รับเงินทั้งหมด จะเติมเงินเข้าไปให้ในบัตรสวัสดิการแห่งรัฐโดยอัตโนมัติ

ยังไม่เคาะแจกเงินแค่ 28 จว.

รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า กระแสข่าวที่รัฐบาลจะแจกเงินในมาตรการ “เราชนะ” คนละ 3,500 บาท นาน 2 เดือน ช่วงเดือนก.พ.-มี.ค. โดยจะแจกเฉพาะ 28 จังหวัดสีแดงนั้น ไม่เป็นความจริง มาตรการยังไม่ได้ข้อสรุป ล่าสุดในที่ประชุมครม.เมื่อวันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา จากการหารือร่วมกันระหว่างสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และกระทรวงการคลัง มีผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ระลอกใหม่ ต้องได้รับเงินเยียวยาครอบคลุมทั้งประเทศ 30-35 ล้านคน คิดเป็นเม็ดเงินเยียวยา 2.1 แสนล้านบาท โดยใช้เงินจากพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท ในส่วนเยียวยา 5.55 แสนล้านบาท ที่ยังเหลืออยู่กว่า 2 แสนล้านบาท

“ที่คุยกันไว้เบื้องต้นคือต้องการเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบทั้งประเทศ เพราะแม้จะจำกัดการเดินทางพื้นที่สีแดง 28 จังหวัด แต่จังหวัดอื่นๆ ก็ได้รับผลกระทบ กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวไปด้วย แต่ก็ไม่แน่ใจว่าในข้อเสนอล่าสุดฝ่ายบริหารจะตัดสินใจเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโครงการหรือไม่ ต้องรอในที่ประชุมครม.วันที่ 19 ม.ค.นี้ และยืนยันว่ารัฐบาลไม่มีปัญหาเรื่องงบประมาณ หากจะต้องนำมาแจกเยียวยาให้ประชาชนทั้งประเทศ เพราะมีวงเงินใน พ.ร.ก.กู้เงินเหลืออยู่”

‘พิพัฒน์’ดันตั้ง‘กองทุนท่องเที่ยว’

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ให้สัมภาษณ์ถึงมาตรการการช่วยเหลือการท่องเที่ยวในช่วงสถานการณ์ โควิด-19 ว่า การประชุมวันนี้เป็นเรื่องนโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติและเรื่องกองทุนการท่องเที่ยว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาในประเทศไทย และดูแลหากประสบอุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยในประเทศไทย คล้ายกับภาษีซาโยนาระของประเทศญี่ปุ่น เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวว่าเมื่อเข้ามาในประเทศไทยและประสบอุบัติเหตุบริษัทประกันที่นักท่องเที่ยวทำไว้จะต้องดูแลตามขั้นตอนจนกระทั่งกลับประเทศ

เมื่อถามว่าค่าใช้จ่ายการทำประกัน ฝ่ายใดจะเป็นผู้รับผิดชอบ นายพิพัฒน์กล่าวว่า นักท่องเที่ยวต้องเป็นผู้จ่าย โดยประเมินว่านักท่องเที่ยว 1 คน จะต้องจ่าย 10 ดอลลาร์สหรัฐ ครอบคลุมค่ารักษาพยาบาลและกรณีเสียชีวิต ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเก็บเงินส่วนนี้เข้ากองทุน หากได้รับความเห็นชอบจะเสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบต่อไป

“จากการหารือกับสมาคมต่างๆ เช่น สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สมาคมโรงแรม สมาคมการจัดประชุม ได้ข้อสรุปว่าจะมีการผ่อนผันดอกเบี้ยเงินต้น การเข้าถึงซอฟต์โลน และช่วยเหลือแรงงานในภาคส่วนต่างๆ จากนี้จะหารือกับกระทรวงแรงงานเพื่อช่วยเหลือแรงงาน 4 แสนคน ในลักษณะการแบ่งจ่ายคนละครึ่ง รัฐบาลจ่าย 50 เปอร์เซ็นต์ ผู้ประกอบการจ่าย 50 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 2 เดือน คือเดือนก.พ.และมี.ค. โดยมีเงื่อนไข ผู้ประกอบการจะต้องไม่ปลดพนักงานออก จะเยียวยา”

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน