แจงปมแย่งไมค์นักข่าว
แค่อยากจะขอถือเฉยๆ
ดีใจ‘คดีชมพู่’ใกล้แล้ว!
เชื่อคนร้ายนอนไม่หลับ

‘ลุงพล’ ขอโทษระเบิดอารมณ์ใส่นักข่าว สำนึกผิด ยอมรับเครียดโดนหลายคดี อัดอั้นจนเริ่มไม่ไหวแล้วชี้แจงแค่จะขอถือไมค์เฉยๆ และไม่ได้บีบคอ แค่เอามือไปจับเปิดแมสก์ อยากเห็นหน้าเต็มๆ ว่ายังรู้สึกดีมั้ย ส่วน ‘คดีน้องชมพู่’ เชื่อถ้าตร.รู้ตัวคนร้ายแล้ว น่าจะทำให้เขานอนไม่หลับ รู้สึกดีใจที่คดีใกล้เข้ามา อยากเห็นคนร้ายตัวจริง ยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่ตนกับ ‘ป้าแต๋น’ ขณะที่ทนายลุงพลระบุคดีไม้หวงห้าม ถ้าเป็นจริงก็จะให้ลุงพลรับสารภาพ เพราะเป็นคดีที่มีอัตราโทษไม่มาก อีกทั้งลุงพลไม่เคยทำผิดมาก่อน น่ามีเหตุให้ลดโทษ

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล และนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น พร้อมนายรัชพล ศิริสาคร ทนายความ ตั้งโต๊ะแถลง โดยนายไชย์พลกล่าวชี้แจงเรื่องเงินบริจาคว่า มียอดรวมทั้งหมด 880,000 บาท เบิกทั้งหมด 3 ครั้ง โดยครั้งแรก 150,000 บาท ครั้งที่ 2 จำนวน 100,000 บาท และครั้งที่ 3 เบิก 300,000 บาท เพื่อนำไปเทปูนสำนักสงฆ์ ทำให้ยอดเงินเหลืออยู่ 320,000 บาท เงินที่เหลือจะนำไปสร้างห้องน้ำ และซ่อมหลังคาสำนักสงฆ์

ต่อข้อถามถึงกรณีระเบิดอารมณ์กับผู้สื่อข่าวทีวีช่องหนึ่ง ทนายความกล่าวชี้แจงว่า ลุงพลเครียดและอารมณ์แปรปรวน โดยมีหลายคดี ทั้งเรื่องภาพจากการรับบริจาค ต้นตะเคียน ทำให้มีอาการเครียด ที่สำคัญลุงพลไม่ใช่ดารา การแสดงออกจึงไม่เหมือนคนในกทม. การควบคุมอารมณ์จึงไม่เท่าคนมีวุฒิภาวะ ตอนนี้ลุงพลรู้สึกผิดและพร้อมรับโทษ ขอโทษสื่อทุกช่องและสำนึกผิด

ผู้สื่อข่าวถามว่าต้นสังกัดนักข่าวยืนยันจะดำเนินคดีถึงที่สุด ลุงพลกล่าวว่าไม่กังวล ผิดก็ยอมรับผิด ยืนยันสื่อไม่ได้ทำให้อึดอัด แต่ความอัดอั้นที่เข้ามาเริ่มไม่ไหวแล้ว แม้กระทั่งเรื่องบัญชีเงินบริจาค และต้องถามฟ้า (ผู้สื่อข่าวทีวี) ว่าตนทำจริงหรือไม่

ต่อข้อถามถึงกรณีเจ้าหน้าที่ป่าไม้มาตรวจสอบพบเป็นไม้มะค่า ไม้หวงห้าม ไม่ใช่ไม้ตะเคียน รวมถึงสิ่งลี้ลับ ลุงพลกล่าวว่าไม่มีเจตนาให้ใครมากราบไหว้ โดยนำไม้ขึ้นมา เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ตอนนำขึ้นมาเหมือนไม้ตะเคียน และตั้งใจทำเสาบ้าน แต่ถ้าเป็นไม้ตะเคียนจะไม่กล้า ก่อนมีแฟนคลับโทร.มาถามว่ามีไม้ตะเคียนหรือไม่ จึงนำขึ้นมา และไม่มีเจตนาให้ใครมากราบไหว้ ตอนนี้ เจ้าหน้าที่ป่าไม้ให้นำไม้ไว้ที่บ้านก่อน ต้องรอให้ทุกอย่างถึงที่สุดก่อน

ผู้สื่อข่าวถามถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ระบุถึงคดีน้องชมพู่ ว่าคนร้ายรู้อยู่แก่ใจ จนอาจทำให้นอนไม่หลับ และคดีใกล้เข้ามาแล้ว ลุงพลกล่าวว่าเชื่อว่าถ้าตำรวจรู้ตัว น่าจะทำให้เขานอนไม่หลับ รู้สึกดีใจที่คดีใกล้เข้ามา เพราะก็อยากเห็นคนร้ายตัวจริง ถ้าจับคนร้ายก็ดีใจ ยืนยันล้านเปอร์เซ็นต์ไม่ใช่ลุงกับป้า เพราะวันนั้นยังไม่เห็นน้องชมพู่เลย พร้อมยืนยันไทม์ไลน์ลุงพลยังเหมือนเดิม พยานที่ไปเข้าเครื่องจับเท็จกลับมาก็ไม่มีปัญหากัน

ต่อข้อถามถึงกรณีพบเครื่องดักฟังในรถ ลุงพลกล่าวว่าตอนแรกที่เจอไม่รู้เป็นเครื่องอะไร ไม่เคยให้กุญแจรถใคร ต่อมาแปลกใจว่าทำไมเราอยู่บ้านแล้วเรื่องราวในบ้านถึงออกไปหมด จากนั้นวันที่ 5 พ.ย.2563 ไปเจอเครื่องบางอย่างในรถ แต่ยังไม่รู้ว่าคืออะไร จึงให้ยูทูบเบอร์ไปดูในรถ และตรวจสอบพบเป็นเครื่องดักฟังติดในรถ

ด้านป้าแต๋น ภรรยาลุงพล กล่าวว่าห่วง ลุงพลมากกว่า เพราะหลายเรื่องที่ออกมาไม่ตรง เราไม่พยายามโต้ตอบ เราอยากอยู่แบบชาวบ้าน ไม่ต้องการเป็นดารา

ขณะที่นายรัชพลกล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ ป่าไม้แจ้งความดำเนินคดีลุงพล ข้อหาครอบครองไม้หวงห้ามว่าหากตรวจสอบแล้วว่า เป็นไม้หวงห้ามจริง ก็จะให้ลุงพลรับสารภาพ เนื่องจากเป็นคดีที่มีอัตราโทษไม่มาก ประกอบกับลุงพลไม่เคยกระทำความผิดในเรื่องนี้มาก่อน จึงน่าจะมีเหตุให้ลดหย่อน ผ่อนโทษ ลงโทษสถานเบา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ลุงพลให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ช่องหนึ่ง ถึงเหตุการณ์ระเบิดอารมณ์ใส่นักข่าวว่า เหตุที่เกิดวัน นั้น แค่ขอถือไมค์ เพราะเคยถือเป็นประจำ อยากจะถือเฉยๆ เพราะกับน้องฟ้า (นักข่าว) สนิทกัน

เมื่อถามว่าทำไมถึงควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ลุงพลกล่าวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นที่บ้านกกกอก มีทั้งเรื่องวัดสำนักสงฆ์ นักข่าวจะถามตลอดว่าค่าใช้จ่ายเป็นยังไง จะชี้แจงยังไง ซึ่งตนบอกว่าให้เทพื้นเสร็จก่อน แล้วจะนำหลักฐานมาชี้แจง ก็คุยกับทีมข่าวที่อยู่ในพื้นที่ ว่าอะไรที่ตอบได้ก็จะตอบนะ ได้คุยกันก่อนทุกครั้ง

“ไม่ได้บีบคอน้องฟ้า แค่เอามือไปจับ แมสก์ เปิดแมสก์ อยากเห็นหน้าเต็มๆ ว่ายังรู้สึกดีกับผมมั้ย ส่วนเรื่องเขาจะดำเนินคดี ก็น้อมรับ ซึ่งพยายามติดต่อไปขอโทษแล้ว แต่ยังไม่รับ ก็อยากจะขอโทษเหมือนกัน ถ้าน้องเขาเปิดโอกาส” ลุงพลกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน