พท.ปรับทัพจัด21โซน
หวังกวาดสส.350เขต

‘บิ๊กป้อม’ หวั่นพปชร.ร้าว เล็ง ขอมติ กก.บห. ไม่ส่งผู้สมัครชิงผู้ว่าฯกทม. ให้ ‘บิ๊กแป๊ะ’ ลงในนามอิสระ ขณะที่ ‘ณัฏฐพล’ ดัน ‘ทยา’ ชิงผู้ว่าฯเช่นกัน ประชุม 6 ส.ส.กทม.-35 ส.ก. เดินหน้าหนุนเต็มที่ ด้านเพื่อไทยก็จัด 21 โซน รับมือเลือกตั้ง เล็งส่งครบ 350 เขต ตั้งเป้ารัฐบาลพรรคเดียว ‘เฉลิม’ ยันไม่มีพรรคนอมินี ฉะคนออกไปแล้ว ต้องมีมารยาท สภาแจงวุ่น ยังไม่ชัดเปิดซักฟอก 16-19 ก.พ. รอฝ่ายค้านยื่นญัตติก่อน ด้าน 61 ส.ส.ภูมิใจไทย ยื่นจี้รัพรรคฐ เร่งช่วย 2.5 ล้านคนเข้าไม่ถึงสิทธิ์ ‘เราชนะ’ ก้าวไกลฉะ ‘บิ๊กตู่’ ควรมีภาวะผู้นำ อย่าหัวร้อน ยันประชาชนมีสิทธิ์ตั้งคำถามงบจัดซื้อวัคซีน แอมเนสตี้ ค้านไทยใช้บทลงโทษรุนแรงคดี ม.112 จี้ยุติจับกุมคนเห็นต่าง

สภาแจงยังไม่ชัดไทม์ไลน์ซักฟอก

วันที่ 20 ม.ค. ที่รัฐสภา นพ.สุกิจ อัถโถปกรณ์ ที่ปรึกษาประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงข่าวกำหนดวันประชุมสภาที่จะเกิดขึ้นในสมัยประชุมนี้ว่า เรื่องหลักที่ประธานสภา ได้หารือกับประธานคณะกรรมการประสานงาน(วิป) 2 ฝ่าย ประเด็นหลักคือ การวางแนวทางการประชุมสภา ซึ่งมีหลายประเด็น เช่น การเพิ่มจำนวนผู้ขอหารือก่อนเข้าวาระ เนื่องจากหยุดประชุมไป ทำให้มีเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนแต่ละพื้นที่ตกค้างจำนวนมาก นอกจากนี้ยังหารือเรื่องการประชุมชดเชยจากช่วงที่หยุดไป ซึ่งข่าวเรื่องกำหนดวันอภิปรายไม่ไว้วางใจและพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นเพียงการวางกรอบคร่าวๆ อาจไม่ตรงกับที่เป็นข่าว พราะยังไม่มีการกำหนดตายตัว เช่น การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ตอนนี้ฝ่ายค้านยังไม่ได้ยื่นญัตติมา ยังไม่รู้จะยื่นวันไหน และจะอภิปรายรัฐมนตรีกี่คน

กมธ.แก้รธน.คาดลงมติ 3 ประเด็น

ที่รัฐสภา นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะเลขานุการคณะกรรมาธิการ(กมธ.)พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่…) พ.ศ…. (แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ว่าด้วยการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) รัฐสภา กล่าวว่า ในการประชุมกมธ. วันที่ 21 ม.ค. จะทบทวนปฏิทินการทำงาน ตามที่นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานกมธ. ในฐานะประธานวิปรัฐบาล ได้ตกลงร่วมกับวิปฝ่ายค้าน ว่าจะนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เข้าที่ประชุมรัฐสภา วันที่ 23-25 ก.พ.เพื่อให้ที่ประชุมพิจารณาในวาระ 2 ดังนั้น กมธ.ต้องปรับตารางการทำงานเพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาดังกล่าว แต่ตนตอบไม่ได้ว่า การพิจารณาจะเสร็จเมื่อใด พราะต้องให้ที่ประชุมกมธ.พิจารณาให้ความเห็น

นายนิกรกล่าวว่า สำหรับการพิจารณาลงมติเพื่อตัดสินในรายละเอียดนั้น เชื่อว่าจะใช้วิธีลงคะแนนตัดสิน เบื้องต้นมี 3 กรอบใหญ่ที่ต้องลงมติ คือ 1.เกณฑ์การออกเสียงเห็นชอบต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในการแก้ไขมาตรา 256 2.ที่มาของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) และ 3.การออกเสียงประชามติหลังจากจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จ

เชื่อผ่านฉลุย-ส.ส.ร.ยกร่างใหม่








Advertisement

เลขานุการกมธ. กล่าวว่า เชื่อว่าในประเด็นสำคัญคือการให้มีส.ส.ร. จะไม่มีปัญหาในกมธ. เพราะต่างเห็นชอบกับหลักการใหญ่ที่ให้มีส.ส.ร. ทำหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนรายละเอียดที่เกี่ยวข้องนั้น ถือเป็นประเด็นปลีกย่อย จากนั้นจึงลงรายละเอียด หรือคุยกันให้ครบทุกประเด็นของร่างแก้ไข ก่อนนัดลงมติ รวมถึงการเสนอคำแปรญัตติของสมาชิกรัฐสภาทั้ง 103 คน ที่จะพิจารณาว่าจะเป็นช่วงเวลาใดและใช้การจัดกลุ่มรูปแบบใด

เมื่อถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ว่า การนัดลงมติจะเกิดขึ้นช่วงสัปดาห์แรกของเดือนก.พ. นายนิกรกล่าวว่า ต้องให้กมธ.พิจารณาอีกครั้ง ในฐานะฝ่ายเลขานุการ ได้จัดเตรียมความพร้อมการประชุม โดยเฉพาะการใช้ห้องประชุมงบประมาณต่อเนื่อง ไปจนถึงวันสิ้นสุดการทำงานของกมธ.แล้ว ส่วนจะขยายวันพิจารณาเพื่อเร่งทำงานให้เสร็จ เชื่อว่าทำได้ไม่มีปัญหา

พิธาอัด‘บิ๊กตู่’ต้องมีภาวะผู้นำ

ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม สั่งดำเนินคดีผู้ที่ให้ข้อมูลบิดเบือนเรื่องการจัดหาวัคซีนว่า ท่ามกลางวิกฤต โควิด-19 ที่สังคมมีความสับสน และความ เครียด ขอเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ มีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำ เพราะสังคมไม่ต้องการคนที่หัวร้อนกระฟัดกระเฟียด โดยย้ำว่าประชาชนทุกคนไม่ว่าตนหรือนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า มีสิทธิ์ตั้งคำถามถึงงบประมาณจัดหาวัคซีนกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นภาษีของประชาชน สำคัญ ต่อชีวิตและเศรษฐกิจ เมื่อประชาชนตั้งคำถาม พล.อ. ประยุทธ์ ก็แค่ตอบ เรื่องมันก็ควรจะจบ แต่นายกฯเลือกที่จะหัวร้อน กระฟัด กระเฟียด ไม่ตอบคำถาม

นายพิธากล่าวอีกว่า วัคซีนมีหลายรูปแบบ ซึ่งหลักการสำคัญในการบริหารจัดการวัคซีนคือความโปร่งใส และการกระจายความเสี่ยง ขณะที่หลายประเทศกระจายความเสี่ยง โดยจัดหาวัคซีนจากหลายบริษัท แต่ประเทศไทยผูกขาดกับบริษัท แอสตร้า เซนเนก้า ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ หากจัดการกับเชื้อโควิด-19 ได้ไว จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นในช่วงแรก ซึ่งหวังว่า 3-4 เดือน จะจัดการได้ แต่ถ้าจัดการไม่ได้ จีดีพีก็จะติดลบ นอกจากนี้ นายกฯและรัฐบาล ควรเอาเวลาไปจัดการความสิ้นหวังที่กัดกินประชาชน ควรแก้ไขปัญหาและอธิบายต้นตอของปัญหาที่มาจากธุรกิจสีเทา บ่อน การบริหารแรงงานข้ามชาติที่ผิดพลาด ตรงนี้น่าจะเรียกความมั่นใจจากประชาชนได้มากกว่าไปฟ้องประชาชน

เร่งยกเครื่องใหม่-ส่ง 350 เขต

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรค และ น.ส.อรุณี กาสยา นนท์ โฆษกพรรค ร่วมกันแถลงข่าวแต่งตั้งคณะกรรมการประสานพื้นที่เขตเลือกตั้งมอบหมายผู้ดูแลพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ

โดยนายสมพงษ์กล่าวว่า พท.ได้ปรับปรุงโครงสร้าง เพื่อให้เกิดความแข็งแกร่ง เราได้ตั้งคณะกรรมการประสานงานพื้นที่เขตเลือกตั้งมอบหมายผู้ดูแลพื้นที่ต่างๆ ซึ่งจะทำงานประสานงานและพัฒนาพื้นที่เลือกตั้ง พร้อมสรรหาตัวบุคลากร รวมถึงร่วมรับฟังปัญหาของประชาชนเพื่อพรรคจะนำมาปรับปรุงเป็นนโยบายต่อไป เราคาดหวังว่าเราจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในอนาคตทั้ง 350 เขต ไม่มีพรรคเสริม ไม่มีพรรคอื่น มีเพียงพท.พรรคเดียวเท่านั้นทั้ง 350 เขต

แบ่ง 21 โซน-ดึงรุ่นใหม่เสริมทัพ

นายประเสริฐกล่าวว่า คณะกรรมการประสานพื้นที่เขตเลือกตั้ง หรือเรียกสั้นๆ ว่าคณะกรรมการประสานโซน ประกอบด้วย 21 พื้นที่โซน ได้แก่ ภาคเหนือ 2 โซน ภาคอีสาน 4 โซน ภาคกลาง 5 โซน ภาค กทม. 6 โซน และภาคใต้ 4 โซน มีกรอบภารกิจสำคัญที่คณะกรรมการชุดนี้จะไปดำเนินการ คือ 1.ค้นหาคนการเมืองใหม่ๆ หรือสมาชิกใหม่ที่อุดมการณ์เดียวกันมาเสริมทัพ หรือเป็น “แมวมอง” และ 2.รับฟังเสียงประชาชนเพื่อรวบรวมข้อมูล นำมาสู่กระบวนการจัดสร้างนโยบาย ที่ตรงกับปัญหาของประชาชน และทำได้จริง ขณะนี้พรรคมีศูนย์นโยบายวิชาการ ภายใต้การกำกับของคณะกรรมการนโยบายวิชาการ เพื่อรองรับข้อมูลที่ได้รวบรวมมาจากพื้นที่โซนต่างๆ แล้ว

นายประเสริฐกล่าวอีกว่า พรรคจะเริ่มการทำงานแบบมิติคู่ขนาน ระหว่างพื้นที่โซนและส่วนกลางจากพรรค การออกไปขยายฐานสมาชิก การไปรับฟังเสียงประชาชน การทำกิจกรรมในพื้นที่โซน และการจัดตั้งตัวแทนพรรคประจำเขตเลือกตั้งให้ครบตามเป้าหมาย 350 เขต ทั้งหมดนี้จะไม่ใช่ภาระของคณะประสานโซนเพียงลำพัง แต่พรรคจะจัดคณะทำงานส่วนกลาง จัดเตรียมหน่วยคาราวานเคลื่อนที่ ประสานกับเทคโนโลยี เพื่อช่วยลงเสริมในพื้นที่ เพิ่มความแข็งแรงให้แต่ละโซนด้วย เบื้องต้นพรรคเตรียมลงพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสานหลังปิดสมัยประชุมสภา

เหลิมฉะคนลาออก-ต้องมีมารยาท

ด้านร.ต.อ.เฉลิมกล่าวถึงการแบ่งโซนให้แกนนำพรรคดูแลว่า คาดว่าวันที่ 21 ม.ค. ทุกอย่างจะชัดเจน เช่น ตนดูพื้นที่ กทม.เขต ฝั่งธนฯ ทั้งนี้ พรรคมีนโยบายและถ้าเป็นไปได้ ตั้งใจจะบริหารประเทศพรรคเดียว ยืนยันว่าพรรคไม่มีนอมินี ไม่มีพรรคเล็กพรรคน้อย ฝันของพท.จะสำเร็จหรือไม่ อยู่ที่ประชาชน ที่สำคัญที่สุด พื้นที่ กทม.มีผู้สมัครส.ส. 30 คน พรรคมองว่าจะให้คนหนึ่งคนใดมารับผิดชอบคงไม่ชนะ จึงตัดสินใจแบ่งการดูแลเป็น 6 โซน ส่วนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. พรรคคิดอยู่ แต่ยังไม่ได้สรุป แต่ส.ก.ของพรรคจะส่งในนามพรรคทุกเขต ใครที่อยู่ให้แจ้งความประสงค์มา แต่ใครที่จะไปก็ไป จะได้หาคนใหม่

เมื่อถามว่าพท.มีนโยบายชัดเจนว่าไม่แตกแบงก์พัน แต่สมาชิกที่ลาออกไป ยังทำกิจกรรมร่วมกับส.ส.ของพท.อยู่ ร.ตอ.เฉลิมกล่าวว่า อย่าไปเอ่ยชื่อว่าใครลาออก แต่คนที่ลาออกไปแล้วไม่ใช่พท. ส่วนจะไปทำกิจกรรมร่วมกัน ถ้าไม่ขัดระเบียบหรือข้อบังคับ พรรคก็ไม่ตำหนิ แต่มารยาททางการเมือง คนคนนั้นต้องไม่มายุ่งกับคนของพรรค การไปๆ มาๆ แบบนี้เรียกไม่สง่างาม เท่ากับคนนั้นกินยาผิดซอง สุดท้ายทุกคนต้องชัดเจน สมาชิกคนไหนไม่ชัดเจน พรรคไม่บังคับ ดังนั้น เลือกเถอะ ยืนยันว่าพท.ไม่มีแตกแบงก์พันหรือแบงก์ย่อย มีเพียงแบงก์เดียวคือ แบงก์พท.

‘วรงค์’ตั้งพรรคชูป้องสถาบัน

ที่สำนักงานไทยภักดี ถ.พระราม 5 นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม แกนนำกลุ่มไทยภักดี แถลงข่าวตั้งพรรคไทยภักดีว่า ตลอด 5 เดือนที่ตั้งกลุ่มไทยภักดีขึ้น ทางกลุ่มต้องต่อสู้เพื่อปกป้องสถาบัน อันเป็นที่รักของคนไทย และอยากมีเครือข่ายต่อสู้เพื่อสถาบันทั่วประเทศ ตอนนี้ถึงเวลาต้องประกาศจัดตั้งพรรคไทยภักดี เพื่อต่อสู้กับกลุ่มที่เคลื่อนไหวมุ่งร้ายต่อสถาบัน ทั้งพรรคก้าวไกล คณะก้าวหน้า และม็อบสามนิ้ว เนื่องจากมองว่าทั้ง 3 กลุ่มนี้ มีการทำงานที่ประสานสอดคล้องกัน ยืนยันว่าพรรคไทยภักดีไม่มีกลุ่มทุน นายทุนและเจ้าของพรรค ทุกอย่างอยู่ที่ประชาชนจะให้โอกาสทำหน้าที่ โดยกลุ่มมีเป้าหมายชัดเจนจะต่อสู้กับกลุ่มที่จ้องล้มล้างสถาบัน

นพ.วรงค์กล่าวด้วยว่า พรรคไทยภักดีเป็นของคนทุกกลุ่ม เมื่อก่อตั้งแล้วต้องมีการเลือกตั้ง หลังจากนี้จะดำเนินการตามรูปแบบพรรคการเมืองที่ กกต.กำหนด ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ อาจใช้เวลาอีกหลายเดือน เบื้องต้น ตนจะรับตำแหน่งรักษาการหัวหน้าพรรค ก่อนจะประชุมหารือกันอีกครั้ง ขอเชิญชวนบุคคลที่มีอุดมการณ์เหมือนกับกลุ่มไทยภักดี มาร่วมสมัครเป็นสมาชิกพรรค ทั้งนี้ แนวทางการต่อสู้จะยกระดับความเข้มข้นเพิ่มขึ้น เน้นเรื่องกฎหมายและการตีแผ่ความจริง อย่างไรก็ตาม เราประเมินว่าวันนี้เราจะตั้งรับและปกป้องอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องรุก ต่อสู้เพื่อสถาบัน

ปิยบุตรซัดอ้างเพื่อทำลายผู้อื่น

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ระบุกรณีนพ.วรงค์ ประกาศจัดตั้งพรรคไทยภักดี เพื่อรวบรวมเครือข่ายประชาชนผู้จงรักภักดีต่อสถาบัน ต่อสู้กับม็อบสามนิ้ว พรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้าว่า การตั้งพรรคโดยชูเรื่องปกป้องสถาบัน ไม่ว่าหวังดีต่อสถาบัน หรืออ้างเพื่อทำลายผู้อื่น แต่ทั้งหมดคือ การนำสถาบันเข้ามาอยู่ใน “แดนทางการเมือง” หากประชาชนเลือกพรรคนั้นน้อย จะหมายความอย่างไร การปกป้องสถาบันที่ถูก ต้องช่วยกันรักษาสถานะความเป็นกลางทางการเมืองของสถาบัน

แอมเนสตี้จี้ไทยยุติโทษคุก-ม.112

นางยามินี มิชรา ผอ.ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า การที่ศาลไทยสั่งลงโทษจำคุกสูงถึง 87 ปี ต่อนาง อัญชัญ ปรีเลิศ หลังพบว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ คดีที่น่าตกใจเช่นนี้ นับเป็นการโจมตีอย่างร้ายแรงอีกครั้งต่อพื้นที่ของสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกที่กำลังหดหายไปในไทย ซึ่งจำนวนบุคคลที่ถูกดำเนินคดี เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมทั้งที่ถูกควบคุมตัวตามกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ สะท้อนให้เห็นความพยายามอย่างไม่หยุดยั้งของทางการไทยที่จะปิดปากผู้เห็นต่าง บทลงโทษที่รุนแรงอย่างมากในวันนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันข้อเท็จจริงดังกล่าว และแสดงให้เห็นว่ากฎหมายนี้ไม่สอดคล้องกับกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ

การหมิ่นประมาทไม่ควรนำไปสู่การลงโทษอาญาอยู่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงว่าเป็นการจำคุกเป็นเวลานานมาก ดังเช่นคำตัดสินนี้ ซึ่งนางอัญชัญ ได้รับการปฏิบัติที่เลวร้ายตั้งแต่ถูกจับกุมเมื่อปี 2558 รวมทั้งการถูกควบคุมตัวระหว่างรอการพิจารณาเป็นเวลาหลายปี ในบางช่วง ห้ามไม่ให้ติดต่อกับโลกภายนอกด้วย

“ลักษณะการกำหนดโทษยังน่าตกใจ เนื่องจากทางการพยายามลงโทษให้หนักสุด คูณจำนวนกรรมของการกระทำความผิดกับโทษจำคุกแต่ละกรรม ส่งสัญญาณชัดเจนว่าเป็นการป้องปราม ข่มขู่ผู้ใช้อินเตอร์เน็ต 50 ล้านคนในไทย ดังนั้น ทางการไทยต้องยุติการปราบปรามผู้เห็นต่างอย่างสงบ รัฐบาลต้องยกเลิกหรือแก้ไขเนื้อหาสาระสำคัญของกฎหมายที่จำกัดสิทธิในเสรีภาพการแสดงออก ทั้งในชีวิตจริงและในพื้นที่ออนไลน์ รวมทั้งความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ที่ใช้ตัดสิน” นางยามินีกล่าว

พปชร.ส่อร้าว-ส่งชิงผู้ว่าฯกทม.

แหล่งข่าวระดับสูงในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงการส่งผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงปลายปี 2564 ว่า ใน พปชร.ยังมีปัญหาไม่ลงตัวเรื่องการตัวผู้สมัคร เนื่องจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯและหัวหน้าพรรคและแกนนำพรรค อาทิ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ให้การสนับสนุน พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ลงสมัครผู้ว่าฯกทม. ในนามพปชร. ขณะที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ และรองหัวหน้าพรรค แกนนำกลุ่มกทม. เตรียมจะผลักดันนางทยา ทีปสุวรรณ ภรรยาและอดีตรองผู้ว่า กทม. ลงสมัครเช่นกันไม่ว่าจะลงในนามพรรค หรือลงในนามอิสระ

แหล่งข่าวระดับสูง กล่าวว่า นายณัฏฐพล ได้เรียกประชุม ส.ส.กทม.บางส่วน อาทิ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ นายประสิทธิ์ มะหะหมัด นายจักรพันธ์ พรนิมิต นายชาญวิทย์ วิภูศิริ และส.ก. 35 เขต เพื่อขอให้สนับสนุนนางทยา ลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. มาแล้วเมื่อช่วงปลายปี 2563 และล่าสุด ค่ำของวันที่ 19 ม.ค. นายณัฏฐพล ได้นัดส.ส.กทม. 6 คน ส.ก. 35 เขต ผู้สมัคร ส.ส.กทม. หารือครั้งที่ 2 ที่โรงแรมแห่งหนึ่งใจกลางกทม. เพื่อขอให้สนับสนุนนางทยา เช่นเดิม และในเร็วๆ นี้ นายณัฏฐพล จะเสนอให้มีการประชุมกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) เพื่อขอมติที่ประชุมโหวตให้นางทยา ลงสมัครผู้ว่าฯกทม. เพื่อเตรียมเปิดตัวในเดือนก.พ. แต่ถ้ากก.บห.ไม่เลือกนางทยา ก็จะลาออกจากกก.บห.เพื่อลงไปช่วยภรรยาหาเสียงอย่างเต็มตัวในนามอิสระ

‘ป้อม’หวั่นขัดแย้ง-ไม่ส่งชิงกทม. รายงานข่าวจากพปชร. แจ้งว่า พล.อ.ประวิตร เตรียมเรียกประชุม กก.บห. ในเร็วๆนี้ เพื่อหารือถึงการส่งผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ซึ่งมีแนวโน้มว่าอาจจะไม่ส่งใครลงสมัครในนามพรรค เหมือนกับการเลือกตั้งนายก อบจ. เพื่อป้องกันไม่ให้เข้าข่ายความผิดพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ว่าด้วยการห้ามข้าราชการเมือง ส.ส. ส.ว.หรือเจ้าหน้าที่รัฐ ช่วยผู้สมัครหาเสียง ตามมาตรา 34 รวมถึงแก้ปัญหาขัดแย้งภายในพรรค โดยพรรคจะหารือและมีมติพรรคออกมาเป็นทางการ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ที่พล.ต.อ.จักรทิพย์ จะลงในสมัครผู้ว่าฯกทม. ในนามอิสระ

ดัน‘ทยา’ลงชน‘บิ๊กแป๊ะ’

“ในการประชุมกับกลุ่มส.ส.ช่วงหนึ่ง มีการระบุว่า ถ้าพปชร.ยืนยันจะส่งพล.ต.อ.จักรทิพย์ ก็จะให้นางทยา ลงชนในนามอิสระ แต่ถ้าพรรคไม่ส่งลงก็จะให้นางทยา ลงสมัคร ผู้ว่าฯกทม. ในนามอิสระเช่นกัน เพราะมีความพร้อมมาก ทั้งเงินทุนหาเสียง และจะมีส.ก.มาเพิ่มอีก 15 เขตจากที่มีอยู่ 35 เขต รวมเป็น 50 เขต และอีก 2 สัปดาห์ จะขอนัดคุยกับส.ส.กลุ่มดาวฤกษ์ และจะขอเข้าพบพล.อ.ประวิตร และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เพื่อชี้แจงความพร้อมในการส่งนางทยา ลงสมัครผู้ว่าฯกทม. โดยครั้งหน้าหากพล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่เล่นการเมืองแล้ว ก็ไม่รู้จะมีพปชร.อีกหรือไม่ ตอนนี้พวกเรา ก็มองเรื่องจดตั้งพรรคใหม่ไว้แล้ว” แหล่งข่าวระดับสูงระบุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พปชร.มีส.ส. กทม. 12 คน แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ส.ส.กทม. ในสังกัด นายณัฐพล และนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองหัวหน้าพรรค นายสกลธี ภัททิยกุล กก.บห. จำนวน 6 คนได้แก่ น.ส.พัชรินทร์ น.ส.กานต์กนิษฐ์ นายกษิดิ์เดช นายประสิทธิ์ นายจักรพันธ์ และนายชาญวิทย์

2.ส.ส.กทม.กลุ่มดาวฤกษ์ 5 คน ได้แก่ น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา น.ส. ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ และนายศิริพงษ์ รัสมี และ 1 เสียงของ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. ซึ่งขึ้นตรงกับพล.อ.ประวิตร

ภท.จี้‘ตู่’แก้ปัญหาสิทธิ์‘เราชนะ’

เมื่อเวลา 16.00 น. ที่รัฐสภา นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย(ภท.) พร้อมส.ส.พรรค แถลงว่า ภท.ขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาการเข้าถึงสิทธิ์โครงการเราชนะ เนื่องจากมีประชาชนจำนวนมากที่ไม่ได้รับสิทธิ์ดังกล่าว เพราะต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์หรือแอพพลิเคชั่น ต้องใช้คอมพิวเตอร์หรือสมาร์ตโฟน ซึ่งพรรคได้ตรวจสอบไปยัง กสทช.ว่าปัจจุบันยังมีผู้ใช้โทรศัพท์แบบอนาล็อก 2.5 ล้านคน ซึ่งรัฐบาลต้องไม่ปล่อยปละละเลยกลุ่มคนจำนวนนี้ พรรคจึงจะส่งหนังสือไปยังนายกฯ ลงนามโดย 61 ส.ส. ขอให้เร่งแก้ปัญหานี้อย่างเร่งด่วน เพื่อให้โครงการนี้มีความเสมอภาค เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน

จัดทัพใหม่ – นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการกิจการพิเศษพรรค และน.ส.อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรค ร่วมแถลงแต่งตั้งคณะกรรมการประสานพื้นที่เขตเลือกตั้ง เตรียมส่งเลือกตั้งทั่วประเทศทั้ง 350 เขต ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 20 ม.ค.

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน