‘ลุงพล’ ประกาศบวชนุ่งขาวห่มขาว ถือศีล 8 ปฏิบัติธรรม เผยตั้งใจมานานแล้ว พอพระอาจารย์ แนะนำก็เลยอยากถือศีล ขณะที่ ‘ทนายตั้ม’ รับทำ ‘คดีน้องชมพู่’ วันจันทร์นี้ไปบ้านกกกอกพูดคุยกับลุงพล ส่วน ‘พ่อแบม’ หนึ่งในพยานคดีชมพู่ กังวลความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว หลังไปให้การตร.และเข้าเครื่องจับเท็จ ขณะที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้เตรียมตรวจสอบ ‘วังพญานาค’ ของลุงพล ก่อสร้างรุกป่าหรือไม่

เมื่อวันที่ 22 ม.ค. ที่บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ลุงของน้องชมพู่ที่เสียชีวิตปริศนานานกว่า 8 เดือน กล่าวถึงกรณีจะให้นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม มาทำคดีหากถูกตำรวจออกหมายจับคดีน้องชมพู่ว่า วันจันทร์ ที่ 25 ม.ค. ทนายตั้มจะมาคุยเรื่องคดีที่บ้านกกกอก หากพบทนายตั้มก็จะพาไปดูสถานที่และให้พักแถวเต่างอย จ.สกลนคร หลังจากนั้นตนจะไปปฏิบัติธรรมที่สำนักสงฆ์ โดยห่มขาวและถือศีล 8 พร้อมกับยูทูบเบอร์บางส่วน สาเหตุที่บวชถือศีล เพราะตั้งใจมานานแล้วเนื่องจากยังไม่เคยบวช และพระอาจารย์แนะนำมานานแล้ว เมื่อถึงเวลาก็เลยอยากถือศีล

ต่อข้อถามถึงกรณีถูกแจ้งความดำเนินคดีบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติเพื่อสร้างวังพญานาคที่บ้านกกกอก ลุงพลกล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นพื้นที่ป่าสงวนฯ หรือไม่ แต่ติดต่อผู้ใหญ่ให้ช่วยตรวจสอบก่อน และเมื่อถามถึงกรณีผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ที่มีเรื่องกันเตรียมแจ้งความลักทรัพย์กรณีแย่งไมค์ ลุงพลกล่าวว่าต้องดูว่าเราไปลักทรัพย์อะไร

ส่วนนายษิทรา หรือทนายตั้ม โพสต์เฟซบุ๊กยืนยันเตรียมเดินทางไปบ้านกกกอกเพื่อช่วยเหลือเรื่องคดีน้องชมพู่ให้ลุงพล

ขณะที่นายวัชรินทร์ คงแก่นเท้า หรือพ่อแบม หนึ่งในพยานคดีน้องชมพู่ กล่าวถึงกรณีตำรวจเชิญไปเข้าเครื่องจับเท็จเมื่อวันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า มีความกังวลเรื่องของความปลอดภัยของคนในครอบครัวจากการให้ปากคำกับตำรวจ เกรงว่าสิ่งที่พูดออกไปจะเกิดอะไรขึ้นกับตนและครอบครัวหรือไม่ เนื่องจากไม่รู้ว่าคนร้ายคดีน้องชมพู่เป็นใคร อยู่ที่ไหน หากคนร้ายทราบข่าวจะกลับมาทำร้ายตนหรือคนในครอบครัวหรือไม่ แม้จะมีตำรวจมาคอยดูแลความปลอดภัยให้อยู่ก็ตาม

นายวัชรินทร์กล่าวต่อว่า ส่วนก่อนหน้านี้ที่เคยออกมาพูดว่าเห็นลุงพลกรีดยางอยู่ที่สวนยางในวันที่น้องชมพู่หายตัวไปนั้น ในวันที่ไปเข้าเครื่องจับเท็จก็ยังคงให้การยืนยันเป็นข้อเท็จจริงเช่นเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เจ้าหน้าที่ยังสอบถามประเด็นอื่นด้วยนอกจากประเด็นพบลุงพลในสวนยาง เมื่อได้สัมผัสพบเห็นการทำงานของตำรวจในการสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ แล้วเชื่อมั่นว่าตำรวจจะจับคนร้ายและปิดคดีน้องชมพู่ได้ในเร็ววันอย่างแน่นอน

วันเดียวกัน ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรม ช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำเอกสารหลักฐานเป็นพิกัดของสิ่งปลูกสร้างในเขตป่าดง ภูพาน จ.มุกดาหาร เข้าพบพ.ต.อ.กฤษณะสุขสมบูรณ์ รองผบก.ปทส. พ.ต.อ.ธณัชชนม์ เก่งกสิกิจ ผกก.3 ปทส. และพนักงานสอบสวน บก.ปทส. เพื่อดำเนินคดี นาย ไชย์พลและผู้สนับสนุน ตามความผิดฐานพ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ มาตรา 14 กรณีร่วมกันก่อสร้างวังพญานาค และสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ จนเป็นต้นเหตุให้ป่าสงวนแห่งชาติ เสื่อมเสียสภาพป่า

พ.ต.อ.กฤษณะกล่าวว่า พนักงานสอบสวนกำลังรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อติดตามตัว ผู้กระทำความผิดทุกฝ่ายมาดำเนินคดี หากหลักฐานแน่ชัดก็ดำเนินการได้ในทันที หลังจากนี้ ปทส.จะประสานไปยังกรมป่าไม้เพื่อร่วมตรวจสอบอีกครั้ง หากตรวจพบมีความเชื่อมโยงก็จะออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามา สอบปากคำเพิ่มเติม คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 เดือนเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง

ด้านนายวีระ ใสแก้ว เจ้าพนักงานป่าไม้ชำนาญงาน สำนักงานจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 7 (ขอนแก่น) กล่าวว่าจากข้อมูลเบื้องต้นหมู่บ้านกกกอกอยู่ในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าดงภูพาน แต่สำหรับพื้นที่ของลุงพลที่ใช้ในการก่อสร้างวังพญานาคตามที่ถูกแจ้งความดำเนินคดี จะเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ซึ่งลุงพลไม่ได้มีสิทธิ์ถือครองที่ดินตามมติของครม.เมื่อวันที่ 30 มิ.ย.2541 หรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่ป่าไม้จะลงพื้นที่ตรวจสอบพิกัดและเอกสารที่เกี่ยวข้องในเร็ววันนี้

ลุงพลอีกคดี – วังพญานาคอยู่ระหว่างก่อสร้าง ซึ่ง‘ลุงพล’นายไชย์พล วิภา จัดสร้างขึ้นในที่ดินบ้านกกกอก จ.มุกดาหาร ล่าสุดเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบว่าอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหรือป่าสงวนหรือไม่ เมื่อวันที่ 22 ม.ค.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน