ยืนยันสิทธิ์ในแอพไม่ได้
แห่ติดต่อแน่นกรุงไทย
ปู่81ติดโควิด-ดับราย72
ไอคอนสยามสั่งปิด2ร้าน
แบรนด์ดัง-พนง.ติดเชื้อ
เร่งจัดบิ๊กคลีนนิ่งทั้งห้าง

คุณปู่วัย 81 ดับเพิ่มอีกรายที่ 72 ติดโควิด-19 จากญาติชาวมหาชัยที่ไปร่วมงานบวช เป๋าตังก็วุ่นคนที่ลงทะเบียนรอบเก็บตก 1.34 ล้านคน ไม่สามารถถ่ายรูปเพื่อยืนยันตัวตนเพื่อใช้สิทธิ แห่ไปติดต่อแบงก์กรุงไทยตามห้าง ทำผู้คนหวั่นเสี่ยง ต่อการแพร่ระบาดไวรัสมรณะ สมาคมภัตตาคารขอยืดเวลานั่งกินที่ร้านถึง 5 ทุ่ม

ไทยดับเพิ่มอีก 1

เมื่อวันที่ 23 ม.ค. พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 (ศบค.) แถลงข่าวประจำวัน ว่า สถานการณ์โรคโควิด 19 ทั่วโลกสะสม 98.74 ล้านกว่าราย เพิ่มขึ้น 6.52 แสนกว่าราย เสียชีวิต 1.59 หมื่นราย รวม 2.11 ล้านราย ประเทศไทยเพิ่มขึ้น 198 ราย ทำให้ตัวเลขสะสมรวม 13,302 ราย หากนับเฉพาะระลอกใหม่ ติดเชื้อสะสม 9,065 ราย หายป่วยสะสม 6,508 ราย

เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย เสียชีวิตสะสม 17 ราย เป็นชายไทยอายุ 81 ปี มีโรคประจำตัวเบาหวาน ไตวายเรื้อรัง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ภูมิลำเนา จ.พิจิตร สัมผัสผู้ติดเชื้อในครอบครัวมาจากสมุทรสาคร วันที่ 31 ธ.ค. รักษาใน ร.พ.ด้วยอาการหน้ามืด วันที่ 2 ม.ค. มีไข้ ไอ เสมหะ ถ่ายเหลว ตรวจพบเชื้อมีอาการเหนื่อยมากขึ้น วันที่ 4 ม.ค. ผลเอกซเรย์พบปอดอักเสบรุนแรง อาการมากขึ้นใส่ท่อช่วยหายใจ วันที่ 9 ม.ค.อาการดีขึ้นจนเอาเครื่องช่วยหายใจออกได้ แต่ยังต้องใช้ออกซิเจนเข้มข้นสูง จนวันที่ 15 ม.ค. กลับมามีไข้ ไอ เหนื่อยมากขึ้นอีก ต้องใส่ท่อช่วยหายใจใหม่ อาการแย่ลง ไม่ตอบสนองการรักษาและเสียชีวิตวันที่ 22 ม.ค. เวลา 22.30 น.

ทั้งนี้ ผู้ติดเชื้อรายใหม่แบ่งเป็น 1.ติดเชื้อในประเทศ 180 ราย โดยมาจากระบบเฝ้าระวัง 69 ราย ได้แก่ สมุทรสาคร 56 ราย กทม.และสมุทรสงคราม จังหวัดละ 5 ราย อ่างทอง สมุทรปราการ และระยอง จังหวัดละ 1 ราย ส่วนการคัดกรองเชิงรุกในชุมชน 111 ราย ได้แก่ สมุทรสาคร 107 ราย และ กทม. 4 ราย และ 2.เดินทางมาจากต่างประเทศ 18 ราย ได้แก่ สหราชอาณาจักร 5 ราย บาห์เรน 4 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 ราย สวีเดน อินเดีย อิตาลี อียิปต์ รัสเซีย สหรัฐอเมริกา และสวิตเซอร์แลนด์ ประเทศละ 1 ราย

“10 จังหวัดที่มีการติดเชื้อสูงสุดยังคงเดิม มากที่สุดคือสมุทรสาคร พบรายใหม่ 163 ราย สะสม 5,184 ราย ถือว่าเกินครึ่งของผู้ติดเชื้อระลอกใหม่ และยังคงพบผู้ติดเชื้อรวม 63 จังหวัดเท่าเดิม สำหรับกรณีผู้ประกาศสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีติดเชื้อนั้น ในส่วนของ ผู้ดำเนินรายการ คือปวีณา ฟักทอง และศุภนันท์ ฤทธิมนตรี เป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูงวงที่ 1 ผลการตรวจหาเชื้อเป็นลบ ยังต้องกักตัวอยู่ ส่วนนพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. และทีมงาน เป็นผู้สัมผัสของผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ถือเป็นวงที่สอง มีความเสี่ยงต่ำ ต้องหลีกเลี่ยงไม่ไปในที่ชุมชนและสวมหน้ากากตลอดเวลา ไปตรวจแล้วผลเป็นลบเช่นกัน โดยจะกลับมาปฏิบัติงานในต่อในเร็วๆ นี้” พญ.พรรณประภากล่าว

ระยองผวาแม่ค้าติดเชื้อจากบ่อน

วันเดียวกัน นายอนันต์ นาคนิยม รอง ผวจ.ระยอง พร้อมนพ.ประภาส ผูกดวง รอง สสจ.ระยอง นายพิเชษฐ์ ทองพันธ์ จัดหางานจังหวัดระยอง ร่วมแถลงความคืบหน้าสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันของ จ.ระยอง ที่ห้องอินทรวิชิต ศูนย์ราชกาจังหวัดระยอง โดยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 1 ราย รวมผู้ติดเชื้อสะสม 573 คน สำหรับผู้ติดเชื้อรายล่าสุดเพศหญิง วัย 51 ปี เป็นแม่ค้าขายผักลงพื้นที่คัดกรองกลุ่มเสี่ยงที่สัมผัสผู้ติดเชื้อทันที

นพ.ประภาส กล่าวว่า วันนี้ยังไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ แม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อจะเริ่มลดลงจนเป็นศูนย์ แต่วันนี้กลับพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีก 1 ราย จึงจำเป็นต้องตรวจหาเชื้อในกลุ่มเสี่ยง รวมถึงสถานที่แออัดทุกพื้นที่ สำหรับผู้ติดเชื้อ 1 รายวันนี้ จากการสอบสวนโรค พบว่า เดินทางมาจากพัทยา จ.ชลบุรี ช่วงกลางเดือนธ.ค. 2563 เข้าออกบ่อนพนันในพัทยาหลายครั้ง ยังไม่สามารถชี้ชัดว่าติดมาจากที่ใด

“แต่คาดว่าอาจจะติดเชื้อโควิดมาจากบ่อนพนัน เพราะจากการตรวจพบว่าเชื้อเริ่มอ่อนลงอาจเป็นได้ว่าติดเชื้อมานานแล้วแต่ไม่แสดงอาการกระทั่งมาตรวจพบ ส่วนอีกประเด็นคือติดเชื้อมาจากตลาด เบื้องต้นมีสามีและบุตรเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิด โดยมีไทม์ไลน์ที่น่าเป็นห่วงคือผู้ติดเชื้อเป็นแม่ค้าขายผักไปขายในตลาด 3 แห่ง คือตลาดลาวชากใหญ่ ตลาดลุงจำรัส (บ้านดอน) และตลาดสตาร์ เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่คัดกรองผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อค้นหากลุ่มเสี่ยงต่อไปอีกด้วย พร้อมทั้งส่งเจ้าหน้าที่ลงไปฉีดยาฆ่าเชื้อทั้ง 3 ตลาด”

ด้านชาวบ้านในพื้นที่ซึ่งไปจับจ่ายสินค้าในตลาดทั้ง 3 แห่ง ต่างอยู่ในความหวาดผวา หวั่นเกรงว่าจะติดเชื้อไปด้วย นอกจากนั้น ยังไม่มั่นใจในการคัดกรอง เนื่องจากตลาด ดังกล่าวมีมาตรการเข้มงวด แต่กลับพบผู้ติด เชื้ออีก

พิจิตรแจงผู้เสียชีวิตรายล่าสุด

ส่วนที่ จ.พิจิตร นพ.กมล กัญญาประสิทธิ์ สสจ.พิจิตร กล่าวว่า จากกรณีที่ครอบครัวของคุณตา วัย 81 ปี พร้อมด้วยคุณยายวัย 84 ปี และลูกชายที่เป็นครู และภรรยา ลูกชาย รวม 5 คน เป็นชาว ต.บางลาย อ.บึงนาราง ติดเชื้อโควิด-19 เข้ารักษาตัว ที่ร.พ.พิจิตร 1 คน คือคุณตา วัย 81 ส่วนคุณยาย ลูกชาย ภรรยา ลูกชาย หลานชาย เข้ารักษาตัวที่ร.พ.ตะพานหิน ทั้งหมด ติดเชื้อโควิด มาจากญาติคือลูกสาว-ลูกชาย และญาติๆ รวม 6 คน จาก จ.สมุทรสาคร ที่เดินทางมาร่วมงานบวช เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 2563 โดยเข้าพักรักษาตัวเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมา

“ล่าสุด ได้รับรายงานจากทางการแพทย์ ว่าคุณตาวัย 81 ปี เนื่องจากติดเชื้อโควิดแล้วมีโรคแทรกซ้อน ติดเชื้อแบคทีเรียเข้าปอด ติดเชื้อในกระแสเลือด เพิ่มเติม และมีโรคแทรกขึ้นมาอีกคือ โรคหัวใจ โรคความดัน โรคไตเสื่อม ประกอบกับผู้ป่วยมีอายุมากแล้วได้เสียชีวิต ช่วงเวลา 22.30 น. วันที่ 22 ม.ค. ในส่วนคุณยายที่อายุ 84 ปี อาการดีขึ้น ส่วนลูกชาย-หลานชาย อาการดีขึ้นแต่ยังรักษาตัวที่ร.พ.ตะพานหิน” สสจ.พิจิตร กล่าว

รายงานแจ้งว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ จ.พิจิตร เป็นการแพร่ระบาดระลอกใหม่ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา พบผู้ป่วยติดเชื้อ โควิดจำนวน 10 ราย ล้วนเกี่ยวข้องกับ จ.สมุทรสาคร จากนั้นจังหวัดปฏิบัติการป้องกันเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น ในรอบ 20 วันที่ผ่านมา ไม่พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มเติมแล้ว

ระดมตรวจ – สำนักงานสาธารณสุขตรัง ระดมตรวจเชื้อกลุ่มเสี่ยงนับร้อยราย ที่เข้าไปเที่ยวสถานบันเทิงน็อกซ์ ผับ หลังไทม์ไลน์ของนักเรียนชั้นมัธยมที่ติดเชื้อโควิด-19 เข้าไปเที่ยวที่สถานบันเทิงดังกล่าว วอนให้ข้อมูลที่ชัดเจน อย่าปิดบัง เมื่อวันที่ 23 ม.ค.

ตรังเร่งตรวจเชื้อคนเที่ยวผับดัง

วันเดียวกัน นพ.บรรเจิด สุขพิพัฒปานนท์ สสจ.ตรัง หนึ่งในคณะกรรมการควบคุมโรคติดต่อจังหวัดตรัง กล่าวว่าในขณะนี้ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง จัดพื้นที่บริเวณสำนักงาน เพื่อตรวจกลุ่มเสี่ยงที่เดินทางไปเที่ยวสถานบันเทิงน็อกซ์ผับ เมื่อวันที่ 6 และ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องมาจากไทม์ไลน์ของนักเรียนชั้นมัธยมแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เมือง ติดเชื้อโควิด-19 ไปเที่ยวที่สถานบันเทิงดังกล่าว

“ขอให้ผู้ที่เดินทางไปเที่ยวสถานบันเทิงเข้ารับการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดตรัง โดยเจ้าหน้าที่จะดำเนินการตรวจวัดไข้ การสอบถามข้อมูลทุกคนที่เข้าไปในสถานบันเทิง การสวอปหาเชื้อโควิด-19 ทุกคน โดยจะสามารถรู้ผลประมาณ 24 ชั่วโมง ขณะนี้มีกลุ่มเสี่ยงมารับการตรวจกว่า 100 คนแล้ว ดังนั้นหากคนที่ไปเที่ยวสถานบันเทิงดังกล่าวให้รีบมารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ ข้อสำคัญคือต้อง ให้ข้อมูลที่แท้จริง อย่าปิดบังข้อมูลกับ เจ้าหน้าที่ หากปิดบังข้อมูลแล้วเกิดมีการติดเชื้อจะทำให้ยากลำบากในการดำเนินงานของเจ้าหน้าที่” สสจ.ตรัง กล่าว

เป๋าตังวุ่น – ประชาชนจำนวนมากแห่ไปยืนยันสิทธิ์โครงการคนละครึ่ง เฟส 2 รอบตกค้างที่ธนาคารกรุงไทย จนแน่นทุกสาขา หลังไม่สามารถยืนยันตัวตน ผ่านแอพพลิเคชั่น เป๋าตังในโทรศัพท์ มือถือได้ เมื่อวันที่ 23 ม.ค.

คนละครึ่งยังวุ่นไม่จบ

วันเดียวกัน รายงานข่าวแจ้งว่า กลุ่มผู้ลงทะเบียนมาตรการคนละครึ่งรอบเก็บตก 1.34 ล้านคน พบปัญหาไม่สามารถถ่ายรูปยืนยันตัวตนผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตังได้ จึงเดินทางไปที่สาขาของธนาคารกรุงไทย ตามห้างสรรพสินค้าเป็นจำนวนมาก บางสาขามีจำนวนคนต่อคิวกว่า 100 คิว อาจจะมีความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดโควิด-19 อย่างไร ก็ดี ธนาคารกรุงไทยยังไม่ได้มีชี้แจงต่อกรณีดังกล่าว

จากข้อมูลที่เว็บไซต์คนละครึ่ง แจ้งว่าในกรณีที่ลูกค้าไม่สามารถถ่ายรูปเพื่อยืนยันตัวตนเพื่อใช้สิทธิโครงการคนละครึ่งผ่านแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง เพื่อผูก G-Wallet หรือสแกนใบหน้าไม่สำเร็จนั้น สามารถลองใหม่โดยถ่ายรูปบัตรประชาชนในที่ที่มีแสงสว่าง และไม่มีเงาบนหน้าบัตร และการถ่ายรูปตนเองต้องมีแสงสว่างพอดี ไม่สว่างหรือมืดเกินไป แต่หากยังไม่สามารถยืนยันตัวตนได้ แนะนำให้ไปยืนยันตัวตนที่สาขา และยืนยันตัวตนผ่านแอพพลิเคชั่นอีกครั้ง

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า คนละครึ่งเฟส 2 รอบเก็บตก 1.34 ล้านคน กำหนดให้เริ่มใช้จ่ายได้ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.นี้ รัฐบาลจะจ่ายให้ 3,500 บาท และช่วยลดค่าใช้จ่ายร้อยละ 50 แต่ไม่เกิน 150 บาทต่อวัน โดยผู้ที่ลงทะเบียนสำเร็จแล้ว กังวลว่า หากไม่ใช้สิทธิ์ในวันที่ 25 ม.ค.นี้ จะมีปัญหาถูกริบสิทธิ์จึงเดินทางไปที่สาขาของธนาคารในช่วงวันหยุด เพื่อให้สามารถใช้แอพพลิเคชั่นเป๋าตังได้

ด้าน น.ส.กุลยา ตันติเตมิท รักษาการ ผู้อำนวยการเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า คนละครึ่งรอบเก็บตกสามารถใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. เป็นต้นไป โดยกำหนดให้ใช้จ่ายครั้งแรกภายใน 14 วัน หรือวันที่ 8 ก.พ. จึงขอให้ผู้ที่ได้สิทธิ์ ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกริบสิทธิ์คืน

ทูตเมียนมาเยี่ยมแรงงาน

วันเดียวกัน นายเมียว เมียน ตัน เอกอัครราชทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย พร้อมคณะ และพ.ต.อ.สุรพงษ์ ไทยประเสริฐ รองผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร นาง อัธยา อ่ำหนองโพ จัดหางานจังหวัดสมุทรสาคร ผู้แทนภาครัฐ ภาคเอกชน ไปที่ตลาดกลางกุ้ง ต.มหาชัย อ.เมือง เยี่ยมให้กำลังใจทุกภาคส่วนทั้งในส่วนของแรงงานชาวเมียนมาในพื้นที่ และเจ้าหน้าที่หน่วยร่วมปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง โดยเอกอัครราชทูตเมียนมานำเครื่องอุปโภคบริโภคมามอบให้กับแรงงานชาวเมียนมา พร้อมเยี่ยมเยียนเพื่อเป็นขวัญกำลังใจ นอกจากนี้ยังให้ความมั่นใจว่าทางการไทยจะดูแลชาวเมียนมาเป็นอย่างดีและทางสถานทูตเองพร้อมที่จะให้การช่วยเหลือกับทางแรงงานเมียนมาอย่างเต็มที่เช่นกัน หากต้องการได้รับความช่วยเหลือสิ่งใด ขอให้ร้องขอไปที่สถานเอกอัครราชทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย

ด้านนายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผวจ.สมุทรสาคร วางแนวทางในการคุมคนที่พักอาศัยภายในหอพักของตลาดกลางกุ้ง พบว่ามีประชากรอาศัยกันอยู่อย่างหนาแน่นมากเกินไป ดังนั้นจะทำอย่างไรเพื่อกระจายคนไม่ให้อาศัยอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะการพักอาศัยต้องไม่อยู่กันอย่างแออัด เพื่อรองรับมาตรการทางด้านสาธารณสุขก่อนที่จะอนุญาตให้เปิดตลาดกลางกุ้งได้นั้น

นายมานะ เปาทุย สาธารณสุขอำเภอเมืองสมุทรสาคร เผยว่า หลังจากรับทราบนโยบายของทางจังหวัดแล้วนั้น แรงงานต่างด้าวและเจ้าหน้าที่สาธารณสุขที่อยู่ในตลาดกลางกุ้งร่วมมือกันวางแผนจัดระเบียบหอพักหรือที่อยู่อาศัย เบื้องต้นเร่งดำเนินการสำรวจความหนาแน่นของประชากร เนื่องจากไม่เคยสำรวจและไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนในการที่จะนำมาวางแผน ดังนั้น การสำรวจทะเบียนราษฎร์หรือสำมะโนประชากรจึงต้องมีการดำเนินการไว้ เผื่อมีประเด็นปัญหาด้านสุขภาพที่ต้องดูแล จะได้รู้ว่าเกิดอะไรตรงไหนอย่างไร และจะได้เข้าถึงได้ไว เป็นการสร้างความมั่นใจให้กับคนที่พักในตลาดกลางกุ้ง เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยเข้าหาหมอ เขาจะได้ค้นหาโรคและระวังตั้งแต่เริ่มต้น ไม่เช่นนั้นก็อาจจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยจนต้องปิดตลาดอีก อาจจะไม่ใช่โควิด แต่เป็นโรคอื่นที่อุบัติใหม่ในอนาคตแล้วจะทำให้ตลาดแย่ได้อีก

จัดระเบียบหอพักตลาดกุ้ง

สำหรับหอพักภายในตลาดกลางกุ้งมีด้วยกันทั้งหมด 4 ตึก มีห้องพักประมาณ 1,200-1500 ห้อง มีประชากรประมาณ 2,500-2,700 คน หลังจากที่สำรวจจำนวนที่ชัดเจนแล้วจะนำไปสู่การวางแนวทางในการจัดระเบียบของหอพัก และเป็นส่วนหนึ่งในการพิจารณาเปิดตลาดกลางกุ้งต่อไป

ด้านแรงงานข้ามชาติที่พักอาศัยในตลาดกลางกุ้ง เผยว่า พอแรงงานทุกคนรู้ว่าจะมีการเปิดตลาดเพื่อให้ได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ทุกคนรู้สึกดีใจเป็นอย่างมาก และพร้อมที่จะทำตามมาตรการที่กำหนด ซึ่งหลังจากเกิดสถานการณ์โควิด 19 ที่ผ่านมา ทุกคนหันมาร่วมมือกันในการรักษาความสะอาดของที่อยู่อาศัยและบริเวณโดยรอบ อีกทั้งยังมีป้ายเขียนเตือนไว้ในแต่ละหอพักด้วยว่า ห้ามบ้วนน้ำลาย หรือน้ำหมาก ทั้งนี้เพื่อช่วยกันทำให้พื้นที่ตลาดกลางกุ้งปลอดภัย และจะได้กลับมาทำงานกันได้เหมือนเดิม

ส.ภัตตาคารขอยืดเวลานั่งกิน

วันเดียวกัน นางฐนิวรรณ กุลมงคล นายกสมาคมภัตตาคารไทย ทำหนังสือยื่นถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ขอผ่อนปรนให้ร้านอาหารนั่งได้ถึงเวลา 23.00 น. โดยหนังสือดังกล่าวระบุว่า เนื่องด้วยคําสั่งของศบค. ฉบับล่าสุดอนุญาตให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารในร้านได้ถึงเวลา 21.00 น. ยังสร้างผลกระทบให้กับยอดขายของร้านอาหารตั้งแต่ระดับร้านอาหารริมทางจนถึงร้านอาหารภัตตาคาร ในแง่ของจิตวิทยาและสภาพชีวิตการทํางานของลูกค้าทําให้ลูกค้าไม่สะดวกและตัดสินใจไม่นั่งรับประทานอาหารในร้านอาหารด้วยเงื่อนไขของเวลา

จาก 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาภายใต้คําสั่ง ดังกล่าว ทําให้ยอดขายของร้านอาหารหายไปไม่ต่ำกว่า 70 % ทําให้รายได้ไม่เพียงพอต่อการดําเนินธุรกิจและจะมีผลต่อการว่าจ้างงานภายในสิ้นเดือนม.ค.นี้ ซึ่งจะทําให้เกิดการเลิกว่าจ้างงาน พนักงาน และลดเงินเดือนของพนักงานอย่างแน่นนอน ประกอบกับรัฐบาลยังไม่ได้มีมาตราการใดๆ ออกมาเพื่อช่วยเหลือ ผู้ประกอบการ SME ใดๆ เลยทั้งสิ้น แต่ผู้ประกอบการร้านอาหารพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าสามารถปฏิบัติตามมาตรการมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขได้เป็นอย่างดี ร่วมมือกับกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาออกตรวจสอบมาตรฐานความปลอดภัยโดยตลอด ซึ่งจากการรายงานของ ศบค.ไม่มีผู้ติดโควิดที่สาเหตุต้นกําเนิดมาจากร้านอาหารเลย

ผู้ประกอบการร้านอาหารมั่นใจเกิน 100% ว่าไม่ได้เป็นและจะไม่เป็นแหล่งแพร่กระจายเชื้อโควิด-19 เพราะเนื่องจากมูลเหตุดังนี้

1.ทุกร้านสามารถปฏิบัติตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุขได้เป็นอย่างดี 2.กลุ่มลูกค้าของร้านอาหารเป็นกลุ่มลูกค้าที่ไม่ได้หลากหลาย ตัวอย่างเช่น 50% เป็นกลุ่มครอบครัวเดียวกัน 30% เป็นกลุ่มพนักงานหรือกลุ่มหน่วยงานที่ทํางานร่วมกัน และอีก 20% เป็นกลุ่มลูกค้าเพื่อนสนิท ซึ่งทั้งหมดมีไทม์ไลน์ ที่ไม่ได้เป็นอันตรายหรือสุ่มเสี่ยง

ดังนั้น สมาคมภัตตาคารไทยจึงใคร่ขอความกรุณาท่านนายกฯ-คณะกรรมการ ศบค.และผู้ว่าฯกทม.ได้โปรดผ่อนปรนให้ร้านอาหารสามารถเปิดให้นั่งรับประทานได้ถึงเวลา 23:00 น.เพื่อเป็นการประคับประคองระบบเศรษฐกิจภาค SME ธุรกิจร้านอาหาร และพนักงานลูกจ้างให้มีชีวิตอยู่ได้และยังสามารถควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อโควิด-19 ควบคู่กันไป

หญิงไทยติดเชื้อหลังได้รับวัคซีน

สำนักข่าวบีบีซีไทย รายงานว่า นางนันทา ฮอคนีย์ ชาวไทย อายุ 40 ปี อาศัยอยู่ทางเหนือของมณฑลลินคอล์นเชียร์ ประเทศอังกฤษ เผยป่วยเป็นโรคโควิด-19 แต่มีอาการเพียงเล็กน้อย โดยตรวจพบว่าติดเชื้อโรคโควิด-19 หลังจากได้รับวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์-ไบออนเท็ค เข็มแรก เมื่อวันที่ 29 ธ.ค. 2563 โดยนางนันทาทำงานดูแลผู้สูงอายุที่สถานดูแลผู้สูงอายุแห่งหนึ่งมากว่า 5 ปี ขณะนี้ต้องพักรักษาอาการป่วยด้วยโรคโควิด-19 หลังจากตรวจพบว่าติดเชื้อเมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา อาการมีเสมหะในคอเพียงเล็กน้อย ไม่อยากทานอาหาร ดูแลตัวเองด้วยการดื่มน้ำอุ่น น้ำขิง กับยาฟ้าทะลายโจร

หญิงไทยคนดังกล่าวได้รับวัคซีนเข็มแรกเมื่อปลายปีที่แล้ว และยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มที่สองตามที่กำหนดไว้เมื่อวันที่ 19 มกราคม โดยได้รับแจ้งว่าต้องเลื่อนการให้วัคซีนเข็มที่สองเพราะรัฐบาลต้องการฉีดวัคซีนเข็มแรกให้ครอบคลุมผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงจำนวนมากขึ้น

วันเดียวกัน นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้ความรู้เรื่องวัคซีนโควิด ผ่านเฟซบุ๊ก Yong Poovorawan ความว่า วัคซีนโควิด-19 ทำไมถึงไม่ฉีดให้ในเด็ก วัคซีนโควิด พัฒนาขึ้นมาอย่างเร่งรีบ ยังไม่มีการศึกษาใด ในการให้วัคซีนในกลุ่มเด็กอายุน้อยกว่า 18 ปี การขึ้นทะเบียนจึงยังให้กับผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปี ขึ้นไปทุกชนิดของวัคซีน จนกว่าจะมีการศึกษาถึงผลการใช้ขนาดในเด็ก จึงจะมีการนำมาใช้ได้ น่าจะมีข้อมูลปลายปีหรือปีหน้า

โควิด 19 ติดเชื้อในเด็กส่วนมากเกือบทั้งหมดอาการไม่รุนแรง และมีอัตราตายที่ต่ำมากมาก จะเป็น 1 ในพันหรือหมื่นทีเดียว ถึงแม้ว่าจะเป็นเด็กเล็ก นอกจากนี้ การติดเชื้อในเด็ก ขณะนี้พบน้อยมากเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ มีการศึกษาการติดเชื้อในเด็กในครอบครัวที่มีผู้ป่วยโควิด พบว่าเด็กมีโอกาสติดเชื้อน้อยกว่าในผู้ใหญ่ถึง 3 เท่า ด้วยเหตุผลดังกล่าว วัคซีนโควิด 19 ยังไม่ให้ในเด็ก ที่มีอายุน้อยกว่า 18 ปี และน่าจะเป็น กลุ่มสุดท้ายที่จะได้รับวัคซีน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน