ลั่นเด็กมาเองไม่ได้แน่
ยังกั๊กว่าความให้ลุงพล

ทนายตั้มพร้อมลุงพลนำคณะสื่อมวลชนขึ้นภูเหล็กไฟจุดพบศพน้องชมพู่ พบเป็นทางชันและมีหินจำนวนมากเดินเท้านานกว่าชั่วโมงครึ่งจึงถึงจุดพบศพ ทนายตั้มมั่นใจเด็กขึ้นมาเองไม่ได้แน่ เชื่อมีคนพาขึ้นมา เผยอยากสอบถามแม่น้องชมพู่อีกรอบ ก่อนตัดสินใจว่าจะเป็นทนายให้ลุงพลหรือไม่ และไม่อยาก ฟันธงว่าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง ด้านลุงพลตอนแรกที่ขึ้นภูยังร้องเพลงยิ้มแย้ม แต่พอมาถึงจุดพบศพเริ่มซึมน้ำตาคลอเบ้า ระบุภาพวันพบศพหลานยังติดตา

เมื่อเวลา 09.05 น. วันที่ 6 ก.พ. ที่สวนป่า ยางพาราหลังบ้านน้องชมพู่ บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ และทนายรัชพล ศิริสาคร พร้อมด้วยนายไชย์พล วิภา ลุงของน้องชมพู่ และเหล่ายูทูบเบอร์จำนวนมาก เดินเท้าขึ้นภูเหล็กไฟ ซึ่งเป็นจุดพบศพ น้องชมพู่ เลือกใช้เส้นทางบริเวณสวนป่ายางหลังบ้านของน้องชมพู่ ลัดเลาะขึ้นไป ซึ่งจุดนี้ลักษณะเป็นทางดิ่ง ระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร เป็นส่วนหนึ่งที่ทนายตั้ม จะพิจารณาว่าจะรับทำคดีช่วยลุงพลหรือไม่ เพราะยังมีความสงสัยเรื่องปมการเสียชีวิตอยู่ว่าน้องชมพู่จะเดินไปเสียชีวิตยังจุดที่พบศพได้จริงหรือไม่ ส่วนในระหว่างการเดินขึ้น เขานั้น ลุงพลร้องเพลง “ความจริงในใจ” อยู่ตลอดด้วยท่าทางยิ้มแย้มสดใส

จุดแรกที่ทางทีมงานทนายไปสำรวจคือจุดที่พบรถแบ๊กโฮของเล่น และโขดหินที่พบ กางเกงของน้องชมพู่ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร และห่างจากจุดพบศพประมาณ 500-600 เมตร รวมทั้งสอบถามย่าน้อยอชิ เจ้าของรถของเล่น ที่น้องอชิและน้องชมพู่มาเล่นด้วยกันเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2563 ก่อนที่ น้องชมพู่จะหายตัวไปและเกิดเหตุร้ายขึ้น จากนั้นมาถึงจุดพบศพน้องชมพู่ เจ้าหน้าที่ป่าไม้อธิบายว่าศพของน้องอยู่ในลักษณะนอนเอียงอยู่ตรงกลางระหว่างร่องหิน จากนั้น มายังจุดพบศพของน้องชมพู่ ใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมดราว 1 ชั่วโมง 30 นาที

นายษิทรา หรือทนายตั้ม กล่าวว่าตอนแรก ใครหลายคนร่วมทั้งลุงพล บอกว่าเด็ก ไม่สามารถขึ้นได้เพราะทางขึ้นมันลำบาก และมีทางชัน แต่ตนฐานะที่เป็นทนายอยากจะเห็นด้วยตาตนเอง ว่าเด็กสามารถขึ้นได้หรือไม่ เมื่อวันนี้ได้มาดูแล้วที่เจ้าหน้าที่ พาขึ้นมา น้องชมพู่ไม่สามารถเดินมาถึงจุดนี้ ได้อย่างแน่นอน ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็บอกว่า ทางขึ้นมามีทั้งหมด 4 เส้นทาง แต่ทุกเส้นทาง ต้องมาเจอผาที่มีความสูงชันก่อนที่จะขึ้นไปพบศพน้องชมพู่ เชื่อว่าต้องมีคนพาน้องขึ้นมา เพราะทั้งสภาพโขดหินและเส้นทางลาดชันยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าน้องชมพู่มาเอง ไม่ได้ และการเสียชีวิตของน้องชมพู่มีเงื่อนงำ ส่วนตัวยังยืนยันว่าตอนนี้ไม่ได้รับเป็นทนายความในคดีนี้ แต่หากอนาคตรับทำ ก็ต้องเตรียมหลักฐานให้มากกว่านี้เพื่อจะสู้คดี และต้องขึ้นภูเหล็กไฟเพื่อเก็บหลักฐานอีกรอบ

“ชัดเจนแล้วแหละว่าน้องไม่สามารถขึ้นไปเองได้ ส่วนทนายรัชพล วิเคราะห์ว่า น้องชมพู่ยังไม่เสียชีวิตขณะขึ้นมาถึงจุด พบรถของเล่นดังกล่าว แต่มองว่าต้องรอผลตรวจดีเอ็นเอจากทางเจ้าหน้าที่ หากเป็นคันเดียวกัน มีโอกาสเป็นไปได้ จากการลงพื้นที่ เก็บข้อมูลไปแล้ว 40 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือคือพยานที่ใกล้ชิดน้องชมพู่ โดยเฉพาะในระหว่าง ที่น้องชมพู่หายไป มีใครพบเห็นอะไรบ้าง ยังไม่อยากตัดสินใจว่าใครผิด ต้องให้เจ้าหน้าที่ ดำเนินการ จากการลงพื้นที่บ้านกกกอก ช่วง 2 วันที่ผ่านมา ยอมรับว่ามีข้อสงสัยหลายอย่าง ขอเวลาตามหาความจริงคนที่น่าจะอยู่ในช่วงเวลาน้องหาย ก็ไม่ทราบว่าเขาให้การไปหรือยัง และให้การอย่างไร มีพิรุธตรงไหนหรือไม่ อาจขอให้ตำรวจสอบปากคำเพิ่มเติม ส่วนการพูดคุยกับแม่น้องชมพู่นั้น อยากจะรู้ไทม์ไลน์ของแม่น้อง ซึ่งทราบว่าแม่น้องชมพู่ เคยให้การกับตำรวจ ไปแล้ว ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าแม่น้องชมพู่จะรังเกียจมั้ยที่จะคุยกัน” ทนายตั้มกล่าวปิดท้าย

ด้านนายไชย์พล หรือลุงพล เปิดเผยด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือและน้ำตาซึมเมื่อมาถึงจุดพบศพของน้องชมพู่ ว่าดีใจที่วันนี้ทนายตั้มขึ้นมายังจุดพบศพพิสูจน์ด้วยตัวเอง ภาพวันพบศพของหลานยังติดตา เพราะตนถือเป็นญาติคนแรกที่มาพบศพ ตอนนี้ยังคิดถึงหลาน และสะเทือนใจ พูดอะไรไม่ออก รวมถึงไม่ขอ ตอบอะไร

จากนั้นทนายตั้มและลุงพลเดินลงภูเหล็กไฟ ในเส้นทางอีกเส้นทางหนึ่ง เพื่อสำรวจ ในหลายๆ เส้นทาง เพื่อประเมินในการพิจารณา รับทำคดี ซึ่งทนายตั้งระบุว่าอยากคุยกับพยานสำคัญอีกคนหนึ่ง คือแม่ของน้องชมพู่ หากได้คุยกับแม่น้องชมพู่แล้วถึงให้คำตอบได้ว่าจะรับทำคดีให้กับลุงพลหรือไม่

เดินขึ้นภู – นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล พร้อมด้วยนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม และนายรัชพล ศิริสาคร เดินเท้าขึ้นไปดูจุดพบศพน้องชมพู่ บน ภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร เมื่อ 6 ก.พ.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน