ลวงขอบัตรปชช.
38ชาวขอนแก่น
แอบอ้างใช้สิทธิ์
มีครูสาวร่วมมือ
ผวจ.สั่งขยายผล

ตำรวจภาค 4 และขอนแก่น เร่งขยายผลเครือข่ายครูร่วมกันทุจริตโครงการคนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกัน หลังจับกุมได้2 รายงาน เป็นครูผู้หญิง และดร.ครูชำนาญการพิเศษ หลอกแจกเงินชาวบ้านแลกกับขอสำเนาบัตรประชาชน ความแตกเพราะชาวบ้านจะใช้สิทธิ์ ‘เราชนะ’ แต่ถูกปฏิเสธเพราะใช้สิทธิ์คนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกันไปแล้ว จึงรวมตัวแจ้งความ ตร.สืบสวนก่อนจับกุมได้ 2 ราย ผบช.ภาค 4 เร่งขยายผลสอบเพิ่มหาผู้ร่วมขบวนการ ด้านผู้ว่าฯ ขอนแก่นสั่งสอบวินัยซ้ำ ชี้คาดมีผู้เกี่ยวข้อง 3-4 คน และให้ทุกอำเภอตรวจสอบว่ามีทุจริตลักษณะเดียวกันหรือไม่

จากกรณีที่ชาวบ้านโนนค้อ หมู่ 2 ต.โคกงาม อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น จำนวน 38 คน เข้าแจ้งความกับตำรวจสภ.บ้านฝาง ว่ามีครูโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บ้านฝาง และเครือข่ายข้าราชการครูในพื้นที่ อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น นำเงินมาแจกชาวบ้านคนละ 200 บาท พร้อมขอถ่ายภาพบัตรประจำตัวประชาชน อ้างว่าเป็นเงินช่วยเหลือจากภาครัฐในโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ต่อมาเมื่อมีโครงการ “เราชนะ” ชาวบ้านจำนวนหนึ่งไปลงทะเบีบนขอรับสิทธิ์ แต่ระบบแจ้งว่าได้ลงชื่อรับสิทธิ์โครงการคนละครึ่ง และเราเที่ยวด้วยกันไปแล้ว จึงไม่ได้สิทธิ์ในโครงการเราชนะ ชาวบ้านเกิดความสงสัยเพราะไม่เคยลงทะเบียนรับสิทธิ์โครงการทั้งสองจึงไปที่ธนาคารกรุงไทยเพื่อขอตรวจสอบข้อมูล พบว่าหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชนได้ผูกกับหมายเลขโทรศัพท์ที่ไม่เคยรู้จัก ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 6 ก.พ. พล.ต.ต.พุฒิพงษ์ มุสิกูล ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เดินทางเข้าสอบปากคำ ว่าที่ร.ต.ดร.ภูผาภูมิ โมรีย์ อยู่บ้านเลขที่ 111/127 ม.17 ต.บ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น ครูชำนาญการพิเศษ โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองเรือ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่นที่ จ 26/2564 ลงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2564 ในข้อหาเอาไปเสีย หรือไว้ ซึ่งบัตรหรือใบรับรอง หรือใบแทนใบรับรองของผู้อื่น เพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ, ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ซึ่งเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคดีนี้มีผู้ต้องหาคือครูฝน ที่ช่วยรวบรวมสำเนาบัตรประชาชนของชาวบ้าน ซึ่งเมื่อวันที่ 5 ก.พ.ที่ผ่านมา ครูฝนเข้าพบตำรวจเพื่อให้ปากคำนานกว่า 10 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีข้อหาร่วมกัน ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ก่อนเสนอศาลขอหมายจับร.ต.ดร.ภูผาภูมิ

ต่อมาเจ้าหน้าที่นำหมายจับเข้าตรวจค้น 3 จุด ประกอบด้วย บ้านพักร.ต.ดร.ภูผาภูมิ บ้านมารดา และบ้านครูฝน ได้หลักฐานซึ่งเป็นเอกสารและสมุดบัญชีรายชื่อของชาวบ้านโนนค้อ จึงตรวจยึดไว้เป็นของกลาง และจับกุมร.ต.ดร.ภูผาภูมิได้ที่บ้านพัก จึงควบคุมตัวไว้ที่กก.สส.3 บก.สส.ภ.4 เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม

รายงานข่าวแจ้งว่าก่อนหน้านี้ ร.ต.ดร.ภูผาภูมิ และครูฝนนัดชาวบ้านมาเจรจา โดยเสนอจ่ายเงินชดเชยคนละ 1,000-2,000 บาท แต่ชาวบ้านยืนยันดำเนินคดี

วันเดียวกัน พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภาค 4 เปิดเผยว่า ในทางคดีมีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบปากคำชาวบ้านที่เข้าแจ้งความรวมทั้งบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด พร้อมทั้งตรวจสอบข้อมูลภายในโทรศัพท์ของครูฝนเพื่อเร่งรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ให้ครอบคลุมมากที่สุด หลักฐานเชื่อมโยงใครจะเรียกมาสอบปากคำด้วย เบื้องต้นพบหลักฐานที่เชื่อมโยงกันทางโซเชี่ยลมีเดียที่ครูฝนพูดคุยกับดร.ภูผาภูมิถึงการดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวกับการจ่ายเงินให้ชาวบ้าน ซึ่งบางส่วนตรงกับที่ได้จากชาวบ้าน จึงต้องขอหมายค้นจากศาลจังหวัดขอนแก่นเพื่อเข้าตรวจค้นจุดที่เกี่ยวข้องกับการเกิดเหตุทั้งหมด เพื่อเก็บหลักฐาน

ผบช.ภ.4 กล่าวต่ออีกว่า คณะทำงานร่วมกันทั้งกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4, ตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่น และสภ.บ้านฝาง เร่งสืบสวนสอบสวนเพื่อคลี่คลายคดีโดยเร็ว เนื่องจากเป็นคดีที่สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเชื่อมโยงกับพื้นที่อื่นหรือไม่นั้นอาจเป็นไปได้ แต่ทั้งนี้ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นจะสืบสวนสอบสวนอย่างรัดกุมรอบคอบให้ได้พยานหลักฐานละเอียด ที่สุดเพื่อดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ด้านนายสมศักดิ์ จังตระกุล ผวจ.ขอนแก่น เปิดเผยว่าได้รับรายงานกรณีดังกล่าวแล้ว พบว่าการกระทำความผิดมีมูล จึงขอความร่วมมือให้กับประชาชนที่ได้รับความเสียหายทยอยเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวนในพื้นที่ให้ครบทุกคน ขณะที่ข้อมูลยืนยันชัดเจนว่ามีผู้ร่วมขบวนการนี้ประมาณ 3-4 คน มีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ดังนั้น ในเรื่องคดีความเป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนการดำเนินการทางวินัยว่าเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องขยายผลถึงใครและหน่วยงานใด จังหวัดจะดำเนินการตามระเบียบและข้อบังคับอย่างเด็ดขาดทันที และหากสาวถึงใครจะเอาผิดทั้งหมดไม่ว่าจะอยู่กระทรวงใดหรือพื้นที่ใด

“คดีนี้รัฐเป็นผู้เสียหายเพราะมีกลุ่มบุคคลกระทำผิดต่องบประมาณของรัฐ จึงมอบหมายให้คลังจังหวัดลงพื้นที่ประสานการทำงานร่วมกับฝ่ายปกครองและตำรวจเพื่อตรวจติดตามขบวนการดังกล่าวนี้และแยกรายละเอียดให้ชัดเจน เพื่อนำไปสู่แนวทางการจับกุมผู้กระทำความผิดและสรุปยอดรวมของมูลค่าความเสียหายของรัฐทั้ง 2 โครงการ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการที่ผู้เสียหายต้องให้ความร่วมมือกับทางการในการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ชัดเจน และมอบเอกสารหลักฐานต่างๆ ให้กับเจ้าหน้าที่เพื่อรักษาสิทธิ์ของตนและจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป” นาย สมศักดิ์กล่าวและว่า สั่งการให้ทั้ง 26 อำเภอของขอนแก่นตรวจสอบพื้นที่อย่างละเอียดว่ามีการกระทำผิดในลักษณะดังกล่าวอีกหรือไม่ เพื่อสรุปรวบรวมความเสียหายที่รัฐเป็นผู้เสียประโยชน์ โดยที่ประชาชนไม่ได้รับประโยชน์ เพื่อดำเนินคดีเพิ่มเติม

สวมสิทธิ์ – ว่าที่ ร.ต.ดร.ภูผาภูมิ โมรีย์ ครูชำนาญการ โรงเรียนแห่งหนึ่งในอ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ถูกตำรวจจับกุมแล้ว หลังชาวบ้าน 38 รายแจ้งดำเนินคดี นำสำเนาบัตรประชาชนไปสวมสิทธิ์รับเงินโครงการคนละครึ่งและเราเที่ยวด้วยกัน จนชวดสิทธิ์ในโครงการเราชนะ ถูกคุมตัวมาสอบสวนที่บช.ภาค 4 จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 6 ก.พ.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน