เจ้าสัวดังอุดรฯ
งดแจก‘อั่งเปา’

‘บิ๊กตู่’ เล่น ‘ติ๊กต็อก’ อวยพรวันตรุษจีน เจ้าหน้าที่ติดโคมเต็งลั้ง-ทำ ความสะอาดสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วทำเนียบรัฐบาลรับวันปีใหม่จีน วันจ่ายคึกคักทั่วประเทศ แต่เงียบเหงากว่าทุกปีเพราะพิษโควิดทำเศรษฐกิจทรุด แมสก์กระดาษขายดีลูกหลานซื้อไหว้บรรพบุรุษ ชาวอุดรฯ เซ็ง เจ้าสัวใหญ่งดแจกอั่งเปากลัวทำไวรัสมรณะระบาด

เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 10 ก.พ. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวอวยพรเนื่องในวันตรุษจีนผ่านแอพพลิเคชั่นติ๊กต็อกว่า เนื่องในวันตรุษจีนขออาราธนาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ได้ดลบันดาลพรให้พี่น้องชาวจีนและคนไทยเชื้อสายจีน มีสุขภาพร่างกายและจิตใจที่ แข็งแรง อุดมด้วยลาภยศและบารมีศรีสุขทุกประการ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้

รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์บันทึกคำอวยพรผ่านแอพฯติ๊กต็อก ไว้หลังการประชุม ครม.เมื่อวันอังคารที่ 9 ก.พ.ที่ผ่านมา

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ที่ทำเนียบรัฐบาล ถึงการหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ครั้งที่ 1/2564 ถึงการสื่อสารผ่านแอพฯ ติ๊กต็อก ว่า อยากให้การสื่อสารเข้าถึง ทุกคนทุกกลุ่มทุกระดับ เพราะวันนี้โลกเปลี่ยนแปลง ประชาชนให้ความสนใจ นิยมติดตามในสิ่งใหม่ๆ บางครั้งเสนออะไรไปตรงๆ ทั้งเขียนไป หรือพูดไปก็ไม่ฟัง ลองไปดูได้บางครั้งชี้แจงในเฟซบุ๊ก หรือเว็บไซต์ต่างๆ มีคนเข้ามาดูน้อยมากทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญ ยังไม่รู้ว่าในแอพพลิเคชั่นติ๊กต็อกจะเป็นในลักษณะเดียวกันหรือเปล่า

“แต่ผมยืนยันว่าในติ๊กต็อกของผมซึ่งได้บอกกับฝ่ายประชาสัมพันธ์ไปแล้วด้วยว่าผมจะไม่ทำหน้าด๊อกแด๊กๆ ตามวัยรุ่น ผมไม่ทำ แต่อาจจะมีแอ๊กชั่นประกอบบ้าง เพราะนายกฯ ต้องระมัดระวัง” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทำเนียบรัฐบาลนำโคมจีนเต็งลั้งประดับบริเวณประตูทางเข้า-ออก ใหญ่รอบทำเนียบรัฐบาล จำนวน 6 คู่ 12 โคม ได้แก่ ประตู 1, 2, 3, 4, 5 และ 8 เพื่อต้อนรับเทศกาลตรุษจีนและเพื่อความเป็นสิริมงคล ประจำปี 2564 ซึ่งเป็นประจำทุกปีที่พล.อ.ประยุทธ์ให้นำโคมจีนเต็งลั้งมาประดับร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีน และแสดงความยินดี อวยพรให้คนไทยเชื้อสายจีนมีความสุขสดชื่น

สำหรับโคมเต็งลั้งหรือโคมตรุษจีน ตามความเชื่อของคนจีน ถือเป็นเครื่องชี้นำให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์มองเห็นบ้านที่ห้อยโคมจีนก่อน ช่วยให้คนในบ้านนี้มีความสุขความเจริญความร่ำรวย มีแสงสว่างโชติช่วงชัชวาล โดยโคมเต็งลั้งนี้จะประดับไปจนถึงวันที่ 13 ก.พ.

นอกจากนั้นนายประทีป กีรติเรขา รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ให้เจ้าหน้าที่ทำความสะอาดศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตาศาลยาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชาของทำเนียบรัฐบาล เพื่อต้อนรับตรุษจีน ตามดำรินายกรัฐมนตรีด้วย

วันเดียวกันนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลการสำรวจทัศนคติ พฤติกรรมและการใช้จ่ายช่วงวันวาเลนไทน์ ว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่าง 1,234 ตัวอย่างทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 27 ม.ค.-6 ก.พ. 2564 กลุ่มตัวอย่าง 46.0% ระบุว่าบรรยากาศใน วันวาเลนไทน์ในปี 2564 คึกคักน้อยกว่าปี 2563 โดยเห็นว่าเป็นเพราะเศรษฐกิจแย่ลงถึง 42.9% การแพร่ระบาดของโควิด-19 ถึง 38.3% มีความกังวลเรื่องความปลอดภัย 6.9% รายได้ลดลง 6.6% ราคาสินค้าแพงขึ้น 2.9% ภัยธรรมชาติและฝุ่นละออง 2.4% และกลุ่มตัวอย่างถึง 57.1% ระบุว่าไม่ฉลองวันวาเลนไทน์ ส่วน 12.6% ระบุว่าคึกคักมากกว่าปีที่แล้ว เป็นเพราะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐถึง 67.3% มีสถานที่ ท่องเที่ยวมากขึ้น 24.7% คาดหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น 5.0% ผู้ปกครองไม่อยู่ 3.0%

รวมทั้งพบว่าพฤติกรรมการใช้จ่ายโดยรวมต่อคนในวันวาเลนไทน์ปีนี้อยู่ที่ 1,306.28 บาท ลดลงจากปีก่อนที่ใช้จ่ายโดยรวมต่อ 1,814.01 บาท ซึ่งเป็นการลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปีหรือตั้งแต่ปี 2555 โดยในส่วนนี้จ่ายเพื่อซื้อของขวัญให้คนรัก 966.42 บาทในปีนี้ ลดลงจากปีก่อนที่ใช้จ่ายเพื่อซื้อของขวัญให้คนรัก 1,013.29 บาท ส่งผลให้คาดว่าในวันวาเลนไลน์นี้ทำให้เงินสะพัดที่ 2,560 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนที่มีเงินสะพัด 3,246.97 ล้านบาท หรือลดลงถึง 21.15% ลดลงต่ำสุดในรอบ 15 ปีหรือลดลงต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่มีการสำรวจโพลวันวาเลนไทน์

“การใช้จ่ายในวันวาเลนไทน์เห็นชัดเจนว่าเป็นสถานการณ์ที่ซบเซาและซึมๆ ไม่คึกคักขยายตัวติดลบที่กลุ่มตัวอย่างตอบว่าซื้อของได้น้อยลงเพราะเศรษฐกิจไม่ดี ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 เหมือนกับการใช้จ่ายในช่วงตรุษจีน” นายธนวรรธน์กล่าว

อย่างไรก็ตามพบว่า พฤติกรรมของการใช้จ่ายของกลุ่มตัวอย่างที่มีบ้างเป็นเพราะนโยบายกระตุ้นการจับจ่ายของรัฐบาลซึ่งก็เริ่มเห็นสัญญาณเชิงบวกมากขึ้น ต้องจับตาดูต่อไปว่าผลของมาตรการรัฐจะมีผลอย่างไรบ้างต่อการจับจ่ายของประชาชน ในช่วงเทศกาลต่างๆ โดยในเร็วๆ นี้จะทำการสำรวจการใช้จ่ายในวันมาฆบูชา แต่เท่าที่สังเกตมาตรการของรัฐที่ออกมาขณะนี้ยังไม่มีผลต่อด้านการท่องเที่ยว เพราะผลการสำรวจยังพบว่ากลุ่มตัวอย่างยังไม่มีแผนด้านการท่องเที่ยว หรือมีการเปลี่ยนแผน ยกเลิกแผนการท่องเที่ยว ดังนั้นสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ยังคงมีผลต่อการเดินทางท่องเที่ยวของกลุ่มตัวอย่าง

ที่ จ.นครสวรรค์ บรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยในวันจ่ายเทศกาลตรุษจีนคึกคักแต่เช้ามืด พ่อค้า แม่ค้า ต่างออกมาจำหน่ายสิ่งของจำเป็นในการไหว้ตรุษจีน เช่น ผัก ผลไม้ หมู เป็ด ไก่ ทั้งที่ต้มสุกแล้วและอาหารสด ได้รับความสนใจจากประชาชนที่ออกมาจับจ่ายซื้อของไปไหว้เจ้ากันอย่างคึกคักทุกตลาด โดยเฉพาะร้านที่ร่วมโครงการคนละครึ่งจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ ส่วนร้านจำหน่ายเครื่องไหว้ยังคงคึกคักเหมือนทุกปีแม้บางรายจะลดปริมาณของที่ซื้อลงแต่ก็เป็นส่วนน้อยเนื่องจากถือเป็นประเพณีที่ชาวไทยเชื้อสายจีนยังคงยึดถือปฏิบัติกันมาอย่างยาวนานบรรยากาศทั้งวันผู้คนทยอยกันมาหาซื้อของสำหรับการไหว้เจ้าถวายบรรพบุรุษที่จำเป็นทุกชนิด

บรรยากาศการเลือกซื้อเครื่องเซ่นไหว้เนื่องในวันจ่ายในช่วงเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 2564 ซึ่งพบว่าคนไทยเชื้อสายจีนในเขต จ.ขอนแก่น เลือกซื้อสินค้านานาชนิดกันอย่างคึกคัก ท่ามกลางมาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะที่ตลาดสดบางลำภู และตลาดสดเทศบาล 1 ย่านการค้าชื่อดังของจังหวัด ประชาชนเลือกซื้อสินค้าไม่ว่าจะเป็น หมู เป็ด ไก่ ผลไม้ และเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ คึกคักมาตั้งแต่ช่วงเช้า พบว่าปีนี้หน้ากากอนามัยแบบกระดาษและบ้านกระดาษ ขายดีจนไม่มีสินค้ามาให้บริการในช่วงวันไหว้วันนี้อีกด้วย

ส่วนที่ จ.อุดรธานี พ.ต.อ.วสันต์ ศรีวัชคุณประภา คนสนิทของ เสี่ยใหญ่ นายปรีชา ชัยรัตน์ เจ้าสัวเมืองอุดรธานี เจ้าของกิจการโรงงานน้ำตาลทรายเริ่มอุดม โรงแรมบ้านเชียง ตลาดปรีชา และบริษัทอสังหาริมทรัพย์อีกหลายแห่ง เปิดเผยว่า จากปกติกว่า 30 ปีที่ผ่านมา นายปรีชาเปิดบ้านแจกอั่งเปาให้ชาวบ้านในวันตรุษจีนมูลค่ารวมไม่ต่ำกว่า 3 ล้านบาทเป็นประจำทุกปี ทำให้มีผู้คนจำนวนมากมาเข้าแถวรอรับซองอั่งเปาจำนวนมาก แต่จากสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 นายปรีชาจึงขอระงับการแจกซองแดงใน วันตรุษจีน เพราะเกรงว่าหากประชาชน มาเหมือนเคยเช่นทุกปี และหากเกิดการติดเชื้อโควิด-19 ในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้จะทำให้เชื้อแพร่ระบาด และยากต่อการควบคุม อันจะก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรง

บรรยากาศวันจ่าย เทศกาลตรุษจีนในพื้นที่ จ.นครราชสีมา มีความคึกคักเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะที่ตลาดสดแม่กิมเฮง ภายในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา ประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนจับจ่ายซื้อของเซ่นไหว้เป็นจำนวนมาก เช่น เป็ดพะโล้ ไก่ต้ม ขนมเทียน ขนมแข่ง ขนมปุยฝ้าย กระดาษเงิน กระดาษทอง หัวหมู ส้ม กล้วย และผลไม้มงคลนานาชนิด เป็นต้น ร้านค้าต่างๆ เข้าร่วมโครงการของรัฐบาลผ่านแอพพลิเคชั่นถุงเงิน ส่งผลให้มีประชาชนที่ได้รับสิทธิ์โครงการคนละครึ่งและโครงการอื่น เข้าใช้สิทธิ์เพื่อซื้อสินค้าจำนวนมาก ถือเป็นการกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนอีกทางหนึ่ง แต่โดยภาพรวมลูกค้าส่วนใหญ่เลือกซื้อสินค้าน้อยลงกว่า ทุกปี เลือกแต่สิ่งจำเป็นเท่านั้น ส่งผลให้ยอดขายของบรรดาพ่อค้าแม่ค้าตกลงร้อยละ 20-25

ส่วนการจับจ่ายซื้อทองคำกลับพบเงียบ เหงาเป็นอย่างมาก โดยที่ห้างทองกรุงเทพ ทองเยาวราช 4 ตราหัวใจคู่ ถ.ราชดำเนิน ต.ในเมือง นางยุพา ณัฐกานต์กนก เจ้าของห้างทองฯ เปิดเผยว่า ช่วงตรุษจีนปีนี้ธุรกิจค่อนข้างซบเซา เนื่องจากราคาทองคำพุ่งขึ้นสูง บาทละ 2 หมื่นกว่าเกือบ 3 หมื่นบาท ต่างจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ที่ราคาลดต่ำลงราว 1.8 หมื่นบาท ทั้งนี้น่าจะมาจากสาเหตุสภาวะเศรษฐกิจไม่ดี คนตกงานเยอะ และโควิด-19 แพร่ระบาด ทำให้ประชาชนขาดสภาพคล่องไม่มีกำลังซื้อมากนัก ยอดจำหน่ายตกฮวบ กว่าร้อยละ 40 แต่ลูกค้าบางรายที่มีกำลังซื้อยังคงมาใช้บริการเลือกซื้อทองคำรูปพรรณไปเป็นอั่งเปาของขวัญในช่วงเทศกาลตรุษจีน

ที่ย่านเศรษฐกิจหมูย่างเมืองตรัง ถนนตรัง-พัทลุง ช่วงระหว่าง อ.เมือง และ อ.นาโยง จ.ตรัง ซึ่งมีร้านจำหน่ายหมูย่างเมืองตรังกว่า 30 ร้าน เป็นย่านเศรษฐกิจที่มีเงินค่อนข้างสะพัดเพราะเป็นเส้นทางรอยต่อมีคนผู้คนสัญจรไปมาจำนวนมาก แต่ในวันนี้ค่อนข้างซบเซาร้านจำหน่ายหมูย่างเมืองตรังหลายร้านปิดตัวเกินครึ่ง เนื่องจากเจอพิษ โควิด-19 มีผู้คนและนักท่องเที่ยวเดินทางน้อยลง และในช่วงตรุษจีนลูกค้าหันมาโทร.สั่งจองหมูย่างเป็นตัวและให้จัดส่งให้ก่อนวันไหว้ ทำให้บริเวณย่านการจำหน่ายหมูย่างเงียบเหงาไปถนัดตา

เช่นเดียวกับที่ตลาดอมรนาเกลือ และตลาดใหม่นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี มีประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนได้ออกมาจับจ่ายซื้อของไหว้เจ้ากันตั้งแต่ช่วงเช้ามืด แต่ซื้อกันแบบประหยัดขึ้นเน้นสิ่งของที่จำเป็น ส่วนสินค้าขนมไหว้เจ้าต่างๆ ยังคงที่ใกล้เคียงกับปีที่แล้ว และส่วนใหญ่ประชาชนได้หันไปซื้อแบบจัดเซ็ตสำเร็จไว้อยู่แล้ว แต่เนื่องด้วยประชาชนต้องสู้กับปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 มาเป็นปี รัฐบาลสั่งให้มีการปิดประเทศซึ่งเมืองพัทยาได้รับผล กระทบมาก สถานประกอบการสถานบันเทิงถูกสั่งปิดประชาชนตกงานไม่มีรายได้เศรษฐกิจเมืองพัทยาพังยับเยิน ทำให้ประชาชนจึงจำเป็นต้องลดปริมาณสิ่งของลงเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย

ที่ตลาดสดบ่อบัว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา ประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีนยังคงหลั่งไหลเดินทางมาจับจ่ายซื้อของไหว้กันอย่างคึกคัก หลังจากตลาดบ่อบัวเงียบซบเซามาหลายสัปดาห์ โดยเฉพาะวันนี้เป็นวันจ่าย ทำให้การจราจรบนถนนหลายสายรถติดยาวเหยียด ในขณะที่ราคาสินค้าปีนี้ถือว่าวิกฤต เพราะราคาสินค้าทุกอย่างมีราคาที่เพิ่มสูงขึ้น สวนทางกับเศรษฐกิจที่ถดถอยจากพิษโควิด-19 แต่ประชาชนยังออกมาจับจ่ายซื้อของไหว้อย่างไม่ขาดสาย หลายคนยอมรับว่าเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องไหว้ แค่ลดปริมาณลงและซื้อแต่ของที่จำเป็นเท่านั้น

ส่วนตลาดสดเทศบาล 2 อ.เมือง จ.อ่างทอง ชาวไทยเชื้อสายจีนออกจับจ่ายซื้อของไหว้บรรพบุรุษกันอย่างบางตา และที่ขาดไม่ได้ ปีนี้ ประชาชนมีการหาซื้อแมสก์กงเต๊กในช่วงสถานการณ์การของเชื้อไวรัส โควิด-19 ที่กำลังแพร่ระบาด ลูกหลานได้หาซื้อแมสก์กงเต๊กที่เป็นหน้ากากอนามัยกระดาษ สีสันสวยงามส่งไปให้บรรพบุรุษด้วยความห่วงใย

วันจ่าย – บรรยา กาศวันจ่ายที่ตลาดศาลายา จ.นครปฐม คนไทยเชื้อสายจีนออกมาจับจ่ายเลือกซื้ออาหารสด อาหารแห้ง ขนมและผลไม้มงคล รวมถึงเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ เตรียมไว้สำหรับวันตรุษจีน เมื่อวันที่ 10 ก.พ.

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน