รมต.เปิดติวเข้ม
ไม่เลื่อนซักฟอก

 

‘เอ๋ ปารีณา’ เครียด วอนศาลเมตตา อ้างเป็นเกษตรกรเลี้ยงไก่ก่อนเป็นส.ส. ระบุหากตัวเองผิดนักการเมือง-ขรก.หลายคนก็ผิดด้วย ด้านทนาย ขอดูข้อกฎหมายก่อนแถลงแนวทางสู้คดี ป.ป.ช.เร่งส่งสำนวนให้ศาลฎีกาภายใน 30 วัน เผยมีส.ส.หลายพรรค ถูกร้องผิดจริยธรรมร้ายแรง-ถือครองที่ดินมิชอบ ประธานวิปรัฐบาลยัน ศึกซักฟอกไม่เลื่อน เปิดโรงแรมติวเข้มรัฐมนตรีเป้าเชือด มั่นใจพรรคร่วมยังเหนียวแน่น เชื่อพปชร.ไม่มีแทงกันข้างหลัง ฝ่ายค้านลั่นจัดหนัก ซัด ‘บิ๊กตู่’ ไม่จริงใจแก้รธน. ที่ปรึกษาก้าวไกลแจง 9 ส.ส.ไม่ลงชื่อแก้มาตรา 112 แค่เห็นต่าง ไม่ใช่งูเห่าภาค 2

 

‘เอ๋’จี้ปปช.ลงดาบเสรีพิศุทธ์

วันที่ 11 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส. ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุกรณีถูกคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดจริยธรรมร้ายแรง รุกที่ดินของรัฐกว่า 711 ไร่ ที่ม.6 ต.รางบัว อ.จอมบึง จ.ราชบุรี เมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมาและเตรียมส่งให้ศาลฏฎีกาพิจารณาว่า เมื่อป.ป.ช. ชี้มูลความผิดจริยธรรมร้ายแรง กรณีถือครอง ภ.บ.ท.5 ที่ดินประเภท ส.ป.ก.4-01 โดยแสดงไว้ในบัญชีทรัพย์สินนักการเมือง และข้าราชการที่เคยเสียภาษี ภ.บ.ท.5 ทุกคน จะมีความผิดจริยธรรมเช่นกัน

น.ส.ปารีณาระบุด้วยว่า ขอยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวได้ซื้อต่อมาจากเกษตรกรรายอื่น ตามเอกสาร ภ.บ.ท.5 และได้มาทำกินโดยเป็นอาชีพสุจริตคือเลี้ยงไก่ อย่างเปิดเผยและถูกต้องตามกฎหมาย มีการเสียภาษี และขอใบรับรองมาตรฐานฟาร์ม มาก่อนเป็น ส.ส. วันนี้ตนถูกกล่าวหาเช่นเดียวกับพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ที่ถูกกล่าวหาว่าบุกรุกป่า ซึ่งทั้ง 2 คดี ศาลยังไม่ตัดสิน คดียังไม่สิ้นสุดเลย เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมอยู่เลย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์จึงสมควรถูกชี้มูลความผิดจริยธรรมร้ายแรงเช่นเดียวกับตน เพื่อไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ

ขอศาลเมตตา-เลี้ยงไก่ก่อนเป็นส.ส.








Advertisement

น.ส.ปารีณา ระบุว่า เมื่อป.ป.ช.ส่งศาล ก็เป็นดุลพินิจของศาลที่จะให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราวหรือไม่ จึงขอกราบศาลได้เมตตา เกษตรกรคนนี้ที่เลี้ยงไก่มาก่อนมาเป็นส.ส. ซึ่งนายทศพล เพ็งส้ม ทนายความ ขอไม่ให้แถลงข่าวและให้สัมภาษณ์ เป็นคดีแรกของประเทศไทย อยู่ระหว่างศึกษาและเตรียมดำเนินการโดยละเอียดอยู่ ตนดื้อ จึงขอแสดงออกความรู้สึกเรื่องนี้แต่เพียงครั้งเดียวเท่านี้ และปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย จะไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ อีก ตามที่นายทศพลขอ หากสื่อมวลชนต้องการสัมภาษณ์หลังจากนี้ กรุณาติดต่อนายทศพล ทนายเทวดา

สีหน้าเครียดเข้าประชุมสภา

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า น.ส.ปารีณาเดินทางมาประชุมสภาผู้แทนราษฎรตามปกติ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ร่าเริงเหมือนเคย โดยปฏิเสธที่จะพูดถึงคดีดังกล่าว และยืนยันเช่นเดิมว่า ขอพูดคุยรายละเอียดกับทนายความก่อน เพราะเป็นคดีแรกในประเทศไทย ขอเวลาให้ทนายความดูรายละเอียดข้อกฎหมายก่อน ตอนนี้ยังไม่อยากพูดอะไร

เมื่อถามว่าเมื่อคืนนี้นอนหลับหรือไม่ น.ส.ปารีณา ตอบเพียงสั้นๆ ว่า ก็โอเค อย่างไรก็ตาม ระหว่างเดินเข้ามาที่อาคารรัฐสภา มีเพื่อนส.ส.ต่างแวะทักทายและให้กำลังใจ

ทนายขอดูข้อกฎหมายสู้คดี

นายทศพล เพ็งส้ม ทนายความน.ส.ปารีณา กล่าวถึงแนวทางการต่อสู้คดีว่า ยังไม่มีกำหนดแถลงชี้แจงรายละเอียดในเร็วๆนี้ เนื่องจากต้องพิจารณาข้อกฎหมายในแต่ละประเด็นให้รอบคอบก่อน และยังมีหลายเรื่องที่ต้องทำในช่วงนี้ เช่น เตรียมข้อมูลเพื่อยื่นอุทธรณ์คำสั่งศาลอาญายกคำร้องของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ไม่ระงับการเผยแพร่คลิปไลฟ์ เฟซบุ๊กเกี่ยวกับเรื่องวัคซีนของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เป็นต้น ส่วนคดีของน.ส.ปารีณา ต้องใช้เวลาดูข้อมูลก่อนจะชี้แจงต่อไป

ปปช.เร่งส่งสำนวนศาลใน 30 วัน

รายงานข่าวจากป.ป.ช. แจ้งว่า ภายหลังคณะกรรมการป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด น.ส.ปารีณา ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง กรณีถือครองที่ดินของรัฐโดยมิชอบแล้วนั้น ถึงแม้ ในมาตรา 87 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยป.ป.ช. พ.ศ.2561 จะไม่ได้ระบุกรอบเวลาเอาไว้ แต่ได้ระบุถึงการเสนอเรื่องต่อศาลฎีกาตามวรรคหนึ่ง และการพิจารณาพิพากษาของศาลฎีกาว่าให้เป็นไปตามระเบียบของที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกา ซึ่งต้องกําหนดให้ใช้ระบบไต่สวนและให้ดําเนินการโดยรวดเร็ว ป.ป.ช.จึงจะดำเนินการให้เสร็จภายใน 30 วัน เพื่อให้เกิดความรวดเร็ว

เผย 13 ส.ส.ถูกร้องผิดจริยธรรม

นอกจากนี้ ยังมีการยื่นร้อง ส.ส. นักการเมืองอีกหลายสิบราย เกี่ยวกับการถือครองที่ดินลักษณะเดียวกับน.ส.ปารีณา ในข้อกล่าวหากรณีฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง ที่ร้องมายังป.ป.ช. โดยหนึ่งในนั้น มีคำร้องของนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ที่ยื่นให้ตรวจสอบส.ส. 13 ราย ถือครองที่ดินที่ส่อว่าจะผิดกฎหมาย ตามที่ปรากฏในแบบแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินที่ยื่นไว้ต่อป.ป.ช.ว่าได้ครอบครองที่ดินประเภท ภ.บ.ท.5 และ ส.ป.ก.4-01 ได้แก่ 1.นายโชติพิพัฒน์ เตชะโสภณมณี ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล 2.นายศักดินัย นุ่มหนู ส.ส.ตราด พรรคก้าวไกล 3.พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีตส.ส.กำแพงเพชร พปชร. 4.น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ส.ส.เพชรบูรณ์ พปชร.

5.นายวุฒิพงษ์ นามบุตร ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) 6.นายสุพล จุลใส ส.ส.ชุมพร ปชป. 7.นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ปชป. 8.นายมานพ ศรีผึ้ง ส.ส.นครสวรรค์ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) 9.นายสฤษดิ์ บุตรเนียร ส.ส.ปราจีนบุรี ภท. 10.นายสนอง เทพอักษรณรงค์ ส.ส.บุรีรัมย์ ภท. 11.นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย (พท.) 12.นายสุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา พท. และ13.นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พท. ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ป.ป.ช.

ป้อมตั้งอนุชาแม่ทัพเลือกตั้งนคร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการเลือกตั้งแทนตำแหน่งที่ว่าง ส.ส.เขต 3 นครศรี ธรรมราช ซึ่งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มีมติส่งนายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ อดีต ผู้สมัครส.ส.นครศรีธรรมราช ลงสมัครอีกครั้ง โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้ลงนามแต่งตั้ง นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะเลขาธิการพรรค เป็นผอ. ดูแลการเลือกตั้ง เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและบรรลุวัตถุประสงค์ของพรรค โดยวันที่ 12 ก.พ. เวลา 13.30 น. นายอนุชา พร้อมด้วยส.ส.ภาคใต้ จะนำ นายอาญาสิทธิ์ ไปสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 3 นครศรีธรรมราช ที่สำนักงาน กกต.นครศรีธรรมราช

รมต.เปิดโรงแรมเก็งข้อสอบ

เมื่อเวลา 11.30 น. ที่รัฐสภา นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. ในฐานะคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) แถลงถึงการเตรียมพร้อมรับมือการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ในวันที่ 16-20 ก.พ.ของพรรคฝ่ายค้านว่า เราจะมีการซักซ้อมผู้ที่จะถูกอภิปราย ที่โรงแรม แบงค็อก แมริออท สุขุมวิทซอย 22 ในวันที่ 13 ก.พ. จะเริ่มเวลา 12.00-20.00 น. และวันที่ 14 ก.พ. จะเริ่มเวลา 09.00 น. โดยมีวิทยากรรับเชิญคือ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ จะมาช่วยแนะแนวการตอบคำถามให้รัฐมนตรี ขณะที่ส.ส.รัฐบาลเตรียมซักถามตรงประเด็น ถ้าตอบไม่กระจ่าง จะให้รัฐมนตรีนำข้อมูลมาเพื่อเตรียมการตอบฝ่ายค้าน ถือว่าพรรคร่วมรัฐบาลยินดีและพร้อมจะชี้แจงข้อสงสัยต่างๆ

ยันญัตติไพบูลย์แค่ป้องปราม

เมื่อถามถึงญัตติของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พปชร. ที่ยื่นขอให้สภาพิจารณาส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อเบรกญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน นายวิรัชกล่าวว่า ยืนยันว่า 1.จะไม่มีการเลื่อนญัตติดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาก่อน และ 2.ให้ฝ่ายค้านเตรียมอภิปรายไม่ไว้วางใจให้ดี ไม่ต้องห่วงว่ารัฐบาลจะเลื่อนญัตตินี้ขึ้นมาพิจารณา ทั้งนี้ ญัตติที่นายไพบูลย์ยื่น ถือเป็นสัญลักษณ์ในการป้องปราม หากมีการพูดหรืออภิปราย ที่เกี่ยวกับสถาบัน อย่างไรก็ตาม หากฝ่ายค้านอ่านญัตติข้ามเรื่องสถาบัน หรือไม่อภิปราย เรื่องสถาบัน ฝ่ายรัฐบาลก็ไม่รู้จะประท้วงอะไร แต่หากฝ่ายค้านยังอ่านและอภิปรายเรื่อง ดังกล่าว ก็ต้องดำเนินการกันต่อไป

เมื่อถามว่าญัตติของนายไพบูล เป็นการยื่นขู่หรือไม่ นายวิรัชกล่าวว่า ถือเป็นการป้องปราม

ยันพรรคร่วมเหนียวแน่น

นายวิรัชกล่าวอีกว่า ส่วนที่มีข่าวความไม่สามัคคีในพรรคร่วมรัฐบาล และพปชร.นั้น ตนในฐานะประธานวิปรัฐบาลได้ประสานกับทุกพรรค ยืนยันว่าพรรคร่วมรัฐบาลยังเหนียวแน่นและเดินในทิศทางเดียวกัน ส่วนที่ พปชร.ก็มีข่าวแตกแยกนั้น หามีอะไรเป็นเรื่องไม่สบายใจกับรัฐมนตรีในพรรคก็คุยกันตลอด แต่อาจจะใกล้อภิปรายไม่ไว้วางใจ จึงอาจจะคุยกันนานหน่อย จึงเป็นข่าวออกมา ซึ่งพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค ย้ำให้มีความรักสามัคคีกัน และร่วมแรงร่วมใจกันสนับสนุนรัฐบาลสู้กับฝ่ายค้าน

เมื่อถามว่าในการลงมติหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะมีการแทงกันเอง หรือการเอากันคืนระหว่างพปชร.หรือไม่ เพราะตอนนี้มีการแบ่งเป็นก๊กเป็นเหล่า นายวิรัชกล่าวว่า มีก๊กเดียวคือก๊กของพล.อ.ประวิตร ไม่มีการแทงกันข้างหลังแน่นอน เพราะเห็นข้างหน้าอย่างเดียว

จัดคิวติวเข้มรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 13-14 ก.พ. ครม. วิปรัฐบาลและแกนนำส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล มีกำหนดการสัมมนาดังนี้ วันที่ 13 ก.พ. เวลา 13.00 น. ประเด็นของนายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน เวลา 15.00 น. ประเด็นของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข เวลา 16.30 น. ประเด็นและข้อมูล ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เวลา 18.00 น. ประเด็นของพล.อ.ประวิตร

วันที่ 14 ก.พ. เวลา 09.00 น. เริ่มจากนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ตามด้วยนายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เและในช่วงบ่ายจะเป็นพล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ ก่อนจะสรุปการเตรียมการอภิปรายและปิดสัมนนาในเวลา 18.00 น.

ชทพ.ขอฟังข้อมูลในสภาก่อน

นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) เปิดเผยว่า ชทพ.จะส่งตัวแทนเข้าร่วมสัมมนา 3 คน คือ นาย วราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์ของพรรค นายเสมอกัน เที่ยงธรรม ส.ส.สุพรรณบุรี และตน ในฐานะวิปรัฐบาล โดยจะไปให้กำลังใจและรับฟังข้อมูล อย่างไรก็ตาม การอภิปายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ ไม่สามารถประเมินก่อนได้ว่าใครจะพูดเรื่องไหน เพราะตามข้อบังคับของสภา ผู้อภิปรายไม่ต้องยื่นข้อมูลแสดงต่อประธานสภาก่อนเหมือนในอดีต เพื่อป้องกันข้อมูลรั่วไหลก่อนอภิปราย ดังนั้น ผู้ที่อภิปรายต้องรับผิดชอบข้อมูลหลักฐานที่จะหยิบยกมาใช้ นอกจากโทษทางอาญาแล้วยังมีโทษทางจริยธรรมของสภาด้วย เราจึงต้องไปดูและฟังกันหน้างาน

พท.เย้ยรัฐบาลเจอจัดหนักแน่

ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลว่า หากรัฐบาลไม่โกงกิน ไม่ได้เป็นคนชั่วอย่างที่ถูกกล่าวหา ก็ไม่ควรกังวล ควรปล่อยให้กระบวนการซักฟอกรัฐบาลและครม.เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย จึงขอฝากไปยังนายกฯ ว่าอย่าปากกล้าขาสั่น ฝ่ายค้านได้เตรียมข้อมูลไว้พร้อมแล้ว การจะมีไอ้โม่ง อีแอบ คนหลังบ้านเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตประพฤติมิชอบมากน้อยขนาดไหน ก็เป็นหน้าที่ของครม.จะต้องชี้แจง

นายจิรายุกล่าวว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านโดยเฉพาะพท. พร้อมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมีคนพยายามจะวิ่งล็อบบี้พรรคฝ่ายค้านให้อภิปรายเบาๆ รวมถึงการเสนอนั่นนู่นนี่ให้ ซึ่งเรายืนยันว่าฝ่ายค้านพร้อมจัดหนักจัดเต็มชุดใหญ่ไฟกะพริบ เนื่องจากปีที่ผ่านมา นายกฯและรัฐมนตรีปฏิบัติตนลุแก่อำนาจหลายเรื่อง บางเรื่องทุจริตเชิงนโยบาย มีพยานหลักฐานมัดชัดเจน ดังนั้น ในวันที่ 16 ก.พ. ขอให้นายกฯ และครม.เตรียมตัวให้พร้อม

ซัด‘บิ๊กตู่’ตบตาประชาชน

นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านหรือวิปฝ่ายค้าน กล่าวถึงที่ประชุมร่วมรัฐสภาลงมติเห็นชอบให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ ตีความหน้าที่และอำนาจการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐสภา ตามที่ส.ส.พปชร. และส.ว.เสนอว่า จากนี้ต้องรอว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยอย่างไร ถ้าศาลบอกว่าสามารถแก้ไขได้ก็เดินต่อ แต่หากศาลบอกว่าไม่สามารถแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับได้ ทุกอย่างที่ทำมาก็พังหมด ทั้งที่รัฐบาลรับปากแล้ว สุดท้ายรัฐบาลเลือกประโยชน์ตัวเอง และตั้งใจโกหกประชาชน

“หลายคนบอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีปัญหา แต่พอจะแก้จริงก็ไม่เอาด้วย ที่เป็นเช่นนี้เพราะรัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ไม่มีความจริงใจแก้ไขรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้น พล.อ.ประยุทธ์ เล่นละครหลอกประชาชน เป็นรัฐบาลไก่สามอย่าง คือ คิดอย่าง ทำอย่าง พูดอีกอย่างทำอีกอย่าง สุดท้ายรัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ์ เลือกประโยชน์ของตัวเอง เพราะหากแก้ไข จะส่งผลให้พล.อ.ประยุทธ์ไม่สามารถกุมอำนาจเหนือประชาชนไว้ได้ ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ตั้งใจเล่นละครตบตาประชาชน ไม่มีความจริงใจจะแก้รัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้น” นายสมคิดกล่าว

ก้าวไกลแจงไม่ร่วมลงชื่อแก้ 112

นายจิรวัฒน์ อรัณยกานนท์ ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล ชี้แจงกรณีเป็น 1 ใน 9 ส.ส.ที่ไม่ได้ร่วมลงชื่อเสนอแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 ว่า ตนเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 แต่มีมิติบางมุมในเนื้อหา และวิธีการแก้ไข ซึ่งเห็นต่างจากพรรค ตนเห็นว่าถ้าเราจะแก้มาตรา 112 ควรจะยังคงมาตรา 112 ไว้ก่อนแล้วลดโทษลงมา ส่วนจะยกหมวดหรือแยกหมวด เราต้องพูดคุยกันในวาระต่อไป ซึ่งเป็นการพิจารณาทางกฎหมาย ที่สำคัญกฎหมายจะผ่านหรือไม่ ต้องผ่านทั้งฝ่ายค้าน รัฐบาล และส.ว. รวมถึงต้องรอดพ้นจากการตีความของศาลรัฐธรรมนูญด้วย ดังนั้น ในทางการเมือง ตนมองเรื่องความเป็นไปได้ ต้องใช้การประนีประนอม

นายจิรวัฒน์กล่าวว่า ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ไม่มีนโยบายแตะมาตรา 112 แต่สถานการณ์ปัจจุบันมีการใช้มาตรา 112 ที่ผิดวัตถุประสงค์ ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพ และใช้ในลักษณะละเมิดสิทธิมนุษยชน รัฐบาลนำมาตรา 112 มาจัดการกับผู้ชุมนุม จึงเกิดกระแสการแก้ไขมาตรา 112 พรรคก้าวไกลจึงเห็นว่าต้องแก้ไข แต่ไม่กระทบในมิติของสถาบัน เพียงแต่เห็นว่าการนำมาตรา 112 ต้องไม่กระทบต่อสิทธิเสรีภาพของผู้ชุมนุมและประชาชน

กุนซือยันไม่ใช่งูเห่าภาค 2

นายอำนาจ สถาวรฤทธิ์ ที่ปรึกษา พรรคก้าวไกล กล่าวถึงพรรคยื่นเสนอแก้ไขชุดกฎหมายคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน รวมถึงมาตรา 112 แต่มีสมาชิก 9 คน ไม่ร่วมลงชื่อว่า ตนได้พูดคุยโดยตรงกับผู้ที่ไม่ได้ลงชื่อเกือบทุกคน จึงรับทราบและเข้าใจดีถึงเหตุผลที่แตกต่างกัน เช่น บางคนยังขอสงวนสิทธิไว้เพราะเรื่องเทคนิคหรือรายละเอียดทางกฎหมายที่ยังมองต่างกัน บางคนมีเงื่อนไขการทำงานในพื้นที่เลือกตั้ง ซึ่งทุกคนรับรู้ในรายละเอียดว่ามีจำนวนรายชื่อเพียงพอต่อการเสนอแก้ไขกฎหมายแล้ว จึงขอใช้เอกสิทธิ์ตัดสินใจ

“สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงวัฒนธรรมประชา ธิปไตยภายในพรรคที่เราทำกันมาตลอด ยืนยันว่ากรณีนี้ไม่ใช่งูเห่าภาคสอง เพราะแตกต่างจากการขับ 4 ส.ส.พ้นพรรคในสมัยเป็นพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งบุคคลเหล่านั้น ทำให้พรรคเสียหาย มีการว่าร้ายและป้ายสี ทำให้เพื่อนสมาชิกและพรรคถูกตั้งคำถามด้วย ข้อกล่าวหาที่ร้ายแรงต่อสาธารณะ ซึ่งหากมีกรณีแบบนี้เกิดขึ้นก็จะดำเนินการในลักษณะเดียวกัน แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องความคิดต่างกันภายในพรรค ขอเรียกร้องให้ทุกคนนำความคิดเห็นมาพูดในพรรค เพื่อความสามัคคี เป็นเอกภาพ เราจะร่วมสู้ไปด้วยกัน เพื่อสร้างสังคมอันงดงาม” นายอำนาจกล่าว

จี้ชี้แจงปรับพื้นที่อนุสาวรีย์ปชต.

เมื่อวันที่ 11 ก.พ. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภา เป็นประธานการประชุม ก่อนเข้าสู่วาระ ได้เปิดให้สมาชิกหารือถึงปัญหาต่างๆ ในพื้นที่ โดยนางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล หารือว่าขอถามไปยังผู้ว่าฯ กทม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการดูแลอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สถานที่สำคัญสัญลักษณ์แห่งการเปลี่ยนแปลงการปกครองของไทยในปีพ.ศ.2475 ไม่แน่ใจว่าสถานที่แห่งนี้กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานไว้หรือไม่ แต่เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา กทม.นำแผ่นเหล็กยาง และโครงเหล็กถาวรมาตั้งปกคลุมโดยรอบลานอนุสาวรีย์ จนประชาชนมีคำถามต่อสิ่งแปลกปลอมนี้ที่นำมาติดตั้ง พร้อมกับนำกระถางต้นไม้จำนวนมากมาวางปกคลุมจนแน่นพื้นที่เพื่ออะไร เพราะกระถางต้นไม้จะสวยงาม ถ้าถูกวางในสถานที่ที่ถูกต้องเหมาะสม และมีรสนิยม กทม.ยังมีเกาะกลาง มีพื้นที่ที่ควรจะนำกระถางต้นไม้ไปวางไว้อีกมาก ไม่ใช่ที่ลานรอบอนุสาวรีย์ สถานที่ประกอบกิจกรรมทางประชาธิปไตยเช่นนี้

“จึงขอถามถึงเจตนาเบื้องหลังผู้ว่าฯ กทม. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน แต่มาจากการแต่งตั้งของคสช.ว่า ท่านมีเจตนาเบื้องหลังอย่างไร ซึ่งเคยปรากฏพฤติกรรมมาแล้วจากการชุมนุมหลายครั้งในบริเวณนี้ ท่านได้กระทำการเลือกปฏิบัติต่อม็อบราษฎร ทั้งเรื่อง รถสุขา และเคยนำกระถางต้นไม้มาวางกีดกันการชุมนุมมาแล้ว” นางอมรัตน์กล่าว

นางอมรัตน์กล่าวต่อว่า สถานที่แห่งนี้ถูกออกแบบให้มีลานโล่ง และมีบันไดทางเดินรอบเพื่อให้เดินชมประติมากรรมที่ทรงคุณค่า ทุกสัดส่วนล้วนมีความหมายสำคัญแฝงเร้นเอาไว้ และเป็นพื้นที่เพื่อประกอบกิจกรรมต่างๆ จึงอยากขอร้องให้ท่านออกมาชี้แจงให้ประชาชนทราบถึงความประสงค์เบื้องหลัง อย่าให้ประชาชนต้องไปร้องที่ศาลปกครองเลย เพราะเสียเวลา

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน