รุ้ง-ไมค์-ไผ่อ่วม‘ม.112’
ทำใจคุกซ้ำอานนท์-กวิ้น
จัดเดินโคราชเข้ากรุง
รณรงค์ปล่อยตัวม็อบ

อัยการนัดอีกวันนี้ 18 แกนนำ-แนวร่วมม็อบราษฎร ฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ คดีชุมนุมปักหมุดสนามหลวง ‘รุ้ง-ไมค์-ไผ่’ หนักสุด โดนข้อหา 112 คดีเดียวกับอานนท์ เพนกวิน-สมยศ-แบงค์ ที่ฟ้องศาลแล้วไม่ได้ประกันตัว ‘รุ้ง’ เดินสายยื่นจดหมายเปิดผนึกถึงศาลรัฐธรรมนูญ ศาลอาญา กระทรวงยุติธรรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักนายกฯ เรียกร้องสิทธิ์ประกันตัวผู้ต้องหาคดีการเมืองทั้งหมด ขณะที่ ‘ไผ่’ พร้อมด้วยกลุ่มพีเพิลโกเดินเท้าจากโคราชเข้ากรุง จัดรณรงค์ใหญ่ เดินทะลุฟ้า คืนอำนาจประชาชน ปล่อยเพื่อนเรา และต้องไม่จับเพิ่ม

เมื่อวันที่ 16 ก.พ. ที่ศาลรัฐธรรมนูญ น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และแกนนำราษฎร ยื่นจดหมายเปิดผนึกต่อผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม เพื่อเรียกร้องให้มีความเป็นกลางในการพิจารณาและดำเนินคดี และอนุญาตให้ประกันตัวนายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม 4 ผู้ต้องหาคดีมาตรา 112 ที่ขณะนี้ ถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานคร ระหว่างการพิจารณาชั้นศาล

ร้องยุติธรรม – ‘รุ้ง’ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล แกนนำกลุ่มราษฎร เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม เป็นกลางในการพิจารณาคดี และให้ปล่อยตัวแกนนำ 4 คนที่ถูกควบคุมในเรือนจำ เมื่อวันที่ 16 ก.พ.

จากนั้นน.ส.ปนัสยาอ่านเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึก โดยสรุปว่าขอเรียกร้องให้อนุญาตประกันตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 คน และ ผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวเรียกร้องทางการเมืองทั้งหมด ขอเรียกร้องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลอาญา สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตลอดจนหน่วยงานอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรม ปฏิบัติหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม และคำนึงถึงเกียรติ ศักดิ์ศรีของความเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งจะมีได้ก็ต่อเมื่อปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริตต่อประชาชนเท่านั้น

น.ส.ปนัสยากล่าวเพิ่มเติมว่า โดยส่วนตัวเตรียมใจไว้แล้วในวันที่ 17 ก.พ.นี้ อัยการจะพิจารณาว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ในคดีมาตรา 112 เพราะเป็นคดีเดียวกับ 4 แกนนำ แม้ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำก็ไม่มีผลกระทบมากต่อการเคลื่อนไหวของกลุ่มราษฎร เพราะเราเป็นเพียงฟันเฟืองหนึ่งในกระบวนการนี้ ยังมีคนอื่นที่พร้อมจะออกมาต่อสู้ และยังมีมวลชนอีกมากมาย ที่แม้ไม่มีแกนนำเขาก็พร้อมที่จะออกมาต่อสู้ คาดหวังหากตนเข้าไปอยู่ในเรือนจำ การชุมนุมหลังจากนี้จะไม่มีความรุนแรง

แกนนำราษฎรกล่าวต่อว่า เหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นในการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ก.พ. เป็นเหตุการณ์ที่เราไม่คาดคิด ทำให้จากเดิมที่เตรียมจะเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาฯ ในวันที่ 16 ก.พ.นี้ จึงต้องเลื่อนออกไปก่อน แต่ยืนยันว่าจะมีแน่นอน พร้อมขอโทษต่อเหตุความรุนแรงในวันที่ 13 ก.พ. ยอมรับว่าควบคุมไม่ได้ ยอมรับผิดจริงๆ ที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บของหลายๆ คน แต่หลังจากนี้ทุกอย่างจะรัดกุมและครอบคลุมขึ้น จะทำอย่างดีที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นอีก เรายังยืนยันยังคงยึดมั่นในแนวทางสันติวิธี และ จะยึดมั่นต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าหากต้องเข้าเรือนจำ การชุมนุมวันที่ 20 ก.พ.ที่นัดหมายไว้แล้ว จะมีแนวทางอย่างไร น.ส.ปนัสยากล่าวว่า ยังคงชุมนุม เพราะนัดหมายไว้แล้ว ส่วนรูปแบบและการเคลื่อนไหวจะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น ตอนนี้กำลังพูดคุยถกเถียงเรื่องปรับกลยุทธ์ และยุทธศาสตร์ต่างๆ อย่างไรก็ตามเป็นหน้าที่ของคนที่ยังอยู่จะพาขบวนการไปสู่เป้าหมายให้ได้ ขอโอกาสเชื่อมั่นในตัวเราว่าจะทำอย่างดีที่สุดอย่างแน่นอน

จากนั้น น.ส.ปนัสยา เดินทางไปยื่นจดหมายเปิดผนึกที่กระทรวงยุติธรรม ศาลอาญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสำนักนายกรัฐมนตรี ตามลำดับ

ขณะที่นายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ทนาย ความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวถึงกรณีพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 แจ้งนัดสั่งฟ้องคดีต่อแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎรในวันที่ 17 ก.พ. ว่าผู้ต้องหาที่นัดมีทั้งหมด 18 คน เป็นคดีจากกรณีการชุมนุม 19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย.2563 ในจำนวนนี้มี 3 คน ถูกแจ้งข้อหามาตรา 112 คือ น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง นายภาณุพงศ์ หรือไมค์ จาดนอก และนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ดาวดิน

ผู้สื่อข่าวถามถึงการเตรียมยื่นร้องขอความเป็นธรรมและยื่นประกันตัว นายนรเศรษฐ์กล่าวว่า เตรียมยื่นร้องขอให้สอบสวนพยานเพิ่มเติม ยังไม่ต้องฟ้อง และเตรียมหลักประกัน โดยมีทีมนักวิชาการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และส.ส.พรรคก้าวไกล จะมาประกันตัว เนื่องจากผู้ต้องหาหลายคนไม่มีหลักทรัพย์เพียงพอ

สำหรับแกนนำและแนวร่วมที่อัยการนัดส่งฟ้องนอกจาก 3 คนข้างต้นแล้ว ประกอบด้วยนายชินวัตร หรือไบร์ท จันทร์กระจ่าง, นายชูเกียรติ แสงวงศ์ หรือจัสตินไทยแลนด์, นายธนชัย เอื้อฤาชา, นายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือครูใหญ่ขอนแก่น, นายณวรรษ เลี้ยงวัฒนา, นางสุวรรณา ตาลเหล็ก, นายภัทรพงศ์ น้อยผาง, นายณัทพัช อัคฮาด, นายณัฐชนน ไพโรจน์, นายธานี สะสม, นายอดิศักดิ์ สมบัติคำ, นายสิทธิทัศน์ จินดารัตน์, นายอนุรักษ์ หรือฟอร์ด เจนตวนิชย์, นายธนพ อัมพะวัต และนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธ์ หรือแอมมี่ เดอะบอตทอมบลูส์

ขณะเดียวกัน ที่ลานอนุสรณ์วีรชนคนโคราช ข้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ดาวดิน พร้อมด้วยแนวร่วมกลุ่มพีเพิลโก จำนวนกว่า 100 คน จัดกิจกรรมเดินเท้าไปยังทำเนียบรัฐบาล ภายใต้ชื่อ “เดินทะลุฟ้า คืนอำนาจประชาชน” เพื่อเรียกร้องปล่อยตัว 4 แกนนำ พร้อมยืนกราน 3 ข้อเรียกร้อง คือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายก, และพวกต้องลาออกจากรัฐบาล แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และปฏิรูปสถาบัน จากนั้นคณะทั้งหมดจัดขบวนเดินไปบนถนนราชดำเนิน เลี้ยวเข้าสู่ถนนมิตรภาพ มุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ โดยถือธงสีส้มมีข้อความว่า “ปล่อยเพื่อนเรา และต้องไม่จับเพิ่ม”

นายจตุภัทร์กล่าวว่า กำหนดเดินระยะทาง 247.5 กิโลเมตร เฉลี่ยวันละ 16 กิโลเมตร ใช้เวลา 15 วัน นับตั้งแต่การเดินมิตรภาพก้าวแรกเมื่อต้นปี 2561 เพื่อปลดปล่อยเสรีภาพประชาชนที่ถูกคุมขังโดยรัฐบาลเผด็จการทหารคสช. วันนี้คือก้าวที่ 2 ที่เสรีภาพของเพื่อนเราถูกคุมขังจองจำ จากการออกมาเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญและปฏิรูปสถาบัน และขณะที่เราเดินจากโคราชถึงกรุงเทพฯ เราขอส่งกำลังใจไปถึงพี่น้องบางกลอย จ.เพชรบุรี ที่กำลังต่อสู้อยู่กับการถูกรุกไล่ออกจากใจแผ่นดิน ขอให้ประสบผลสำเร็จ หากมีผลตรงข้ามกัน ก้าวที่ 3 ของเราจะเดินไปให้ถึงใจแผ่นดิน เพื่อปกป้องพี่น้องบางกลอยให้กลับไปอยู่ที่ใจแผ่นดินอย่างสุขสงบ

ส่วนที่ สภ.เมืองเชียงใหม่ กลุ่มนักวิชา การ นักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และประชาชนที่ออกมาชุมนุมขับไล่เผด็จการ รวมทั้งหมด 37 คน เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อรายงานตัวรับทราบข้อกล่าวหา หลังถูกออกหมายเรียกคดีฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ สืบเนื่องจากร่วมชุมนุมที่ข่วงประตูท่าแพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 29 ก.พ.2563 โดยมีมวลชนมาร่วมให้กำลังใจ พร้อมทั้งเคาะกระบอกไม้ไผ่และเคาะกระทะ

พ.ต.อ.ภูวนาท ดวงดี ผกก.สภ.เมืองเชียงใหม่ กล่าวว่าจะสอบสวนเบื้องต้นก่อนปล่อยตัวทั้งหมดโดยไม่มีเงื่อนไข หลังจากนี้จะทยอยนัดหมายเข้าสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง

รับข้อหำ – นักวิชาการและนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รวมทั้งกลุ่มคนเสื้อแดงรวม 37 คน เข้ารายงานตัวที่สภ.เมืองเชียงใหม่ เมื่อวันที่ 16 ก.พ. หลังถูกหมายเรียกข้อหาความผิดตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพ.ร.บ.โรคติดต่อ กรณีชุมนุมแฟลชม็อบ ที่ลานอเนกประสงค์ข่วงประตูท่าแพ เมื่อ 29 ก.ค.2563

ที่รัฐสภา นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส. พิษณุโลก พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร รับเรื่องร้องเรียนจากองค์การบริหาร องค์การนิสิต มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน และกลุ่มนิสิตมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์เพื่อประชาธิปไตย เพื่อขอให้ตรวจสอบตำรวจสลายการชุมนุม และทีมแพทย์อาสาถูกตีบาดเจ็บ เมื่อวันที่ 13 ก.พ.

นายภควัต มิคสิรกุล เลขาธิการองค์การบริหาร องค์การนิสิตฯ อ่านแถลงการณ์ว่าทางกลุ่มเล็งเห็นถึงความสำคัญของการเคารพต่อการปฏิบัติตามหลักการอันเป็นสากล และตระหนักถึงความเสียสละของเจ้าหน้าที่อาสาผู้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละเพื่อส่วนรวม แต่กลับได้รับบาดเจ็บจากการกระทำอันไร้จิตสำนึกแห่งความเป็นมนุษย์ของเจ้าหน้าที่ อีกทั้งยังตระหนักถึงความยุติธรรมที่เจ้าหน้าที่ ประชาชน และแพทย์อาสาสมควรได้รับ ดังนั้น จึงขอเรียกร้องให้ตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐต่อเหตุการณ์ในครั้งนี้ แล้วขอเรียกร้องให้สอบสวนตำรวจที่กระทำเกินกว่าเหตุ

เดินทะลุฟ้า – ไผ่ ดาวดิน แกนนำคณะราษฎร พร้อมแนวร่วมกลุ่มพีเพิลโก (PEOPLE GO) กว่า 100 คน จัดกิจกรรม ‘เดินทะลุฟ้า คืนอำนาจประชาชน’ เดินเท้าจากโคราชเข้ากทม. เพื่อเรียกร้องปล่อยตัว 4 แกนนำ เมื่อวันที่ 16 ก.พ.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน