ต้นสังกัดอ้างตกตึกเอง
แม่พลฯทอ.พึ่งดีเอสไอ

แม่ชาวตรังหามพลทหารลูกชายเข้ากรุงร้องดีเอสไอ ถูกทำโทษจนเจ็บสาหัสถึงพิการ- เสียสติขณะฝึกในค่ายที่สงขลา ร้องขอความเป็นธรรมมากว่า 3 ปี แต่ต้นสังกัดปัดรับผิดชอบ อ้างตกจากที่สูงเอง ขณะพยายามหลบหนีออกจากที่คุมขังในค่ายทหาร วอนรับเป็นคดีพิเศษยันไม่หวังเอาผิดใครเพียงขอให้มาดูแลเยียวยากันบ้าง

เมื่อวันที่ 4 มี.ค. น.ส.สุพรรษา มะเหร็ม ทนายความของมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ทำงานด้านการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนและการเข้าถึงความยุติธรรม พร้อมนางปพิชญา เอียดนุ่น อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 153/3 ม.11 ต.โคกหล่อ อ.เมือง จ.ตรัง แม่ของพลทหารประจักษ์ หรือนุก แก้วคงธรรม อายุ 26 ปี พลทหารสังกัดกองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 56 จ.สงขลา เผยว่า จัดเตรียมเอกสารเข้ากรุงเทพฯ เพื่อพาลูกชายยื่นหนังสือต่ออธิบดีดีเอสไอ เพื่อให้คณะตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง และรับเป็นคดีพิเศษ กรณี พลฯประจักษ์ถูกทำร้ายร่างกายขณะถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกองบิน 56 โทษฐานหนีทหาร

น.ส.สุพรรษา เผยว่า ทั้งนี้จะให้คณะกรรมการที่กรมสอบสวนคดีพิเศษแต่งตั้งขึ้น เรียกสอบปากคำบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ทั้งผู้บังคับบัญชาของหน่วยงาน ทหาร นายทหาร พลทหาร หรือบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือรับรู้ รวมทั้งพยานหลักฐานทั้งปวงที่เกี่ยวกับการรับ การฝึก การลงโทษ และทำร้ายร่างกาย พลฯประจักษ์ ตลอดจนเรื่องการรักษาที่โรงพยาบาลอย่างละเอียด และหากพบว่ามีการกระทำความผิด ขอให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดทุกนายให้ถึงที่สุด

ด้านนางปพิชญากล่าวว่า หลังเกิดเหตุพยายามร้องเรียนเรียกร้องความเป็นธรรมจากหน่วยงานต้นสังกัด ผ่านสื่อมวลชนและศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดตรัง ให้รับผิดชอบเยียวยาลูกชาย แต่ไร้ผล โดยทางกองทัพปฏิเสธความรับผิดชอบมาโดยตลอด และกล่าวอ้างว่าลูกชายตกจากที่สูง ขณะพยายามหลบหนีออกจากที่คุมขังภายในค่ายทหาร ทำให้เกิดบาดแผลฉกรรจ์บริเวณก้นกบ และศีรษะ สมองกระทบกระเทือน ขาหัก และเป็นผู้ป่วยจิตเวชมาก่อนที่จะกลับเข้าไปรับโทษในค่ายทหาร

นางปพิชญายืนยันว่า ลูกชายเป็นปกติ ทุกประการขณะกลับเข้าไปในค่าย และแผลที่จะเกิดจากการถูกลวดหนามเกี่ยว ควรจะเกิดขึ้นบริเวณด้านหลัง ไม่ใช่บริเวณก้นหรือศีรษะ และแผลฉกรรจ์ที่บริเวณก้นกบนั้น ทะลุเข้าหากันได้ ทั้งนี้ไม่ได้ต้องการจะเอาผิดใคร เพียงแค่ต้องการให้รับผิดชอบ และหันมาดูแลเยียวยาลูกชายและครอบครัวบ้าง เพราะมีลูกชายเพียงคนเดียวเท่านั้น และเดิมมีสภาพปกติทุกอย่าง แต่จู่ๆ ทางค่ายทหารโทรศัพท์มาให้แม่ไปรับลูกชายกลับบ้าน ในสภาพที่ลูกชายบาดเจ็บสาหัส เสียสติ จำแม่ของตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ลูกชายคนนี้ถือเป็นความหวังของตนเองจะได้ดูแลแม่ยามชรา แต่กลับกลายเป็นแม่ต้องมาดูแลลูกแทน

“ส่วนตัวเป็นห่วงลูกชายและหลานชายซึ่งเป็นลูกของพลฯประจักษ์ เพราะหากแม่ไม่อยู่ ลูกและหลานจะอยู่กันอย่างไร ใครจะเป็นคนเลี้ยงดู ส่งเสียให้เรียนหนังสือ เพราะขณะนี้แม่เป็นคนรับผิดชอบเองทั้งหมด จึงต้องการเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาแสดงความผิดชอบดูแลเยียวยาลูก นอกจากนั้น ขณะนี้ลูกชายยังไม่ได้ไปปลดประจำการ เดิมเขาบอกว่าจะให้เมื่อเมษายน 2563 แต่ผ่านมาเกือบปีแล้วก็ยังไม่ได้” แม่ พลฯประจักษ์กล่าว

นางปพิชญากล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ลูกชายมีอาการแทรกซ้อนเพิ่มมากขึ้นบริเวณขาขวา ซึ่งเคยบาดเจ็บสาหัส กระดูกหัก และเดินไม่ถนัดมาตั้งแต่เกิดเรื่อง โดยขณะนี้หมอบอกว่า ลูกชายกระดูกร้าว และกระดูกซ้อนกัน ทำให้ปวดขาขวากว่าเดิม เดินไม่ค่อยได้ โดยแพทย์ได้ให้ไม้เท้าค้ำยันมาช่วยในการเดิน ส่วนอาการทางสมองดีขึ้นตามลำดับ ความจำกลับมาได้ดีขึ้น และสามารถจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้ทั้งหมดแล้ว แต่อาการทางจิตประสาทยังเกิดขึ้นได้บ้างในบางครั้ง โดยเฉพาะล่าสุดเมื่อวันที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา ช่วงเย็นในระหว่างที่ลูกชายอยู่บ้านตามลำพัง พบว่าอาการทางจิตกำเริบ ควบคุมตัวเองไม่ได้ จนต้องออกไปนอนขวางอยู่ริมถนน หวิดถูกรถชน แต่ทั้งนี้ ยังต้องรักษาอาการต่อเนื่อง โดยล่าสุดหมอนัดตรวจอีกครั้งในวันที่ 16 มี.ค.นี้

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกรณีของพลฯประจักษ์ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อปี 2560 หลังจากสมัครเข้าเป็นพลทหารประจำการ ผลัด 2 ภายหลังเข้ารับการฝึก 3 เดือน กองพันทหารอากาศโยธิน กองบิน 56 จะให้พลทหารใหม่ทุกนายกลับบ้าน รอบแรกจำนวน 10 วัน แต่เมื่อครบ 10 วัน พลฯประจักษ์ไม่ได้กลับเข้ากองพันตามกำหนด จนกระทั่งเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2561 จึงกลับเข้าไปประจำการยังกองพันอีกครั้ง

ตลอดระยะเวลาเข้าประจำการร่างกายสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง จนกระทั่งวันที่ 1 พ.ค. 2562 ทางกองพันแจ้งไปยังครอบครัวไปรับตัวพลฯประจักษ์กลับบ้าน ในสภาพอิดโรย นอนจมกองปัสสาวะ อุจจาระ และไม่สามารถจำแม่ของตนได้ ตามร่างกายมีร่องรอยบาดแผล มีรอยฟกช้ำ ไม่ได้สติ และไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามปกติ จนต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลที่ร.พ.ตรัง ถึงปัจจุบัน

ร้องถูกซ้อม – นางปพิชญา เอียดนุ่น แม่พลทหารประจักษ์ แก้วคงธรรม สังกัดกองบิน 56 จ.สงขลา เตรียมพาลูกชายเข้ากรุงเทพฯ ร้องต่อดีเอสไอให้รับเป็นคดีพิเศษ กรณีลูกชายถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสจนพิการ ขณะถูกคุมขังในเรือนจำทหาร โทษฐานหนีราชการทหาร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน