ตร.แถลง
รวบ‘โตโต้’
ผิดซึ่งหน้า

‘ไผ่ ดาวดิน’ นำขบวนเดินทะลุฟ้า 247.5 ก.ม. จากอีสานถึงจุดหมายอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน เดินหน้า 4 ข้อเรียกร้อง ท่ามกลางประชาชนมาให้กำลังใจและทำกิจกรรมคึกคัก ‘รุ้ง ปนัสยา’ รับทราบข้อหาย้ายกระถางต้นไม้รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย กทม.เรียกค่าเสียหาย 5.9 ล้าน เผยศาลนัดฟังคำสั่งฟ้องการชุมนุม 19 กันยายน ทวงอำนาจคืนราษฎรที่ท้องสนามหลวง เผยไม่กังวลใดๆ นอกจากกลัวไม่ได้สอบ ไม่ได้เรียนต่อ แต่ทำใจไว้แล้วเพราะคือเส้นทางการต่อสู้ ผบช.น.แถลงสรุปเหตุการณ์ชุมนุมหน้าศาลอาญาค่ำวันเสาร์ 6 มี.ค. ย้ำจับ‘โตโต้’พร้อมของกลางเป็นความผิดซึ่งหน้า ทนายสิทธิมนุษยชนนำ 27 ผู้ต้องหารุดแจง

ตร.แถลงเหตุการณ์จับโตโต้

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 7 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วยพล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. และพล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงสรุปสถานการณ์การชุมนุมบริเวณหน้าแยกลาดพร้าวต่อเนื่องหน้าศาลอาญา รัชดา เมื่อวันที่ 6 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.ยิ่งยศกล่าวสรุปเหตุการ์ว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมนัดหมายทำกิจกรรมและชุมนุมสาธารณะดังนี้ 1.กลุ่ม REDEM ร่วมกับกลุ่มการ์ดราษฎรบริเวณห้าแยกลาดพร้าวเดินขบวนไปศาลอาญา 2.กลุ่มแนวร่วมแดงก้าวหน้า 63 บริเวณโลตัสรังสิต เดินขบวนไปกรมทหารราบที่ 11 3.กลุ่มมวลชนเดินทะลุฟ้าบริเวณตลาดเซียร์ รังสิต เดินขบวนไปมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ 4.กลุ่มอาชีวศึกษาปกป้องสถาบัน บริเวณแยกราชประสงค์ โดยฝ่ายสืบสวนสืบทราบว่ากลุ่มนายปิยรัฐ จงเทพ แกนนำกลุ่ม WEVO กับพวกนัดหมายรวมตัวกันที่บริเวณลานจอดรถชั้น 5 บนห้างเมเจอร์ รัชโยธิน และมีการนำอาวุธหรือสิ่งของมาใช้ก่อความวุ่นวายหรือสร้างสถานการณ์ในการชุมนุม จึงนำกำลังเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายพบนายปิยรัฐกับพวกพร้อมกระเป๋าเป้ ภายในบรรจุหนังสติ๊ก 15 อัน หัวนอต 50 ชิ้น ลูกแก้ว 300 ลูก ระเบิดควัน 30 ลูก ถุงน้ำ ปลาร้า 30 ถุง หมวกกันกระแทก 13 ใบ เสื้อเกราะ 37 ตัว ท่อเก็บแก๊สน้ำตา 1 อัน ค้อนเหล็ก 1 อัน และโล่ 1 อัน จึงยึดไว้เป็นของกลางและควบคุมตัวนายปิยรัฐกับพวกขึ้นรถผู้ต้องหาจำนวน 3 คัน นำส่ง ตชด.ภ.1 ขณะแล่นออกจากห้างเมเจอร์ รัชโยธินพบกับกลุ่ม REDEM และกลุ่มการ์ดราษฎร ปรากฏว่ากลุ่มผู้ชุมนุมบางส่วนเข้ามาทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ต่อสู้และขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ ทุบรถผู้ต้องหาและพังประตูรถด้านหลัง ทำให้ผู้ต้องหาหลบหนีไปได้บางส่วน เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามตัวและนำส่งตชด.ภ.1 ได้จำนวน 18 คน และดำเนินคดีในข้อหา 1.ร่วมกันจัดการชุมนุมหรือทำกิจกรรมที่มีการรวมคนที่มีความแออัดในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดและอาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 อันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 2.ฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อฯ 3.ฐานเป็นอั้งยี่และซ่องโจร

7 ตร.เจ็บ-สอบ 27 ผู้ต้องหา

โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวต่อว่าในการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ 7 นาย โดย 6 นาย ยังคงพักรักษาอาการบาดเจ็บที่โรงพยาบาลตำรวจ รถควบคุมผู้ต้องหาเสียหาย 9 คัน ประกอบด้วยรถควบคุมผู้ต้องหา 3 คัน รถกระบะ 1 คัน รถบรรทุก 2 คัน รถบัส 3 คัน ต่อมาผู้ต้องหาที่หลบหนีไปบางส่วนเข้ามามอบตัวต่อพนักงานสอบสวนสน.พหล โยธิน จำนวน 27 คน อยู่ระหว่างการสอบสวน โดยบช.น. จะรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้กระทำความผิดในส่วนการช่วยเหลือผู้ต้องหาหลบหนี ต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน ทำลายทรัพย์สินราชการ และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องต่อไป

ผบช.น.เผยเหตุเข้าจับกุมโตโต้

ด้านพล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวว่า สำหรับคำถามว่าทำไมถึงจำเป็นต้องจับกุมนาย ปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ พร้อมพวก ในกรณีนี้เนื่องจากการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานมีพยานหลักฐานยืนยันว่ากลุ่มของนายปิยรัฐนัดรวมตัวบริเวณลานจอดรถชั้น 5 ห้างเมเจอร์ รัชโยธิน โดยกลุ่มนี้มีวัตถุประสงค์ก่อความวุ่นวายในการชุมนุม หลังจากตำรวจรวบรวมพยานหลักฐานได้เดินทางไปพิสูจน์ทราบพบนายปิยรัฐกับพวกจริง ทั้งที่นายปิยรัฐโพสต์โซเชี่ยลว่าจะไม่เข้าร่วมการชุมนุม ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าตรวจสอบมีการต่อสู้ขัดขวางตามที่ปรากฏ เบื้องต้นตำรวจสามารถตรวจค้นของกลางได้หลายรายการ ทั้งนี้ตำรวจจำเป็นต้องเข้าจับกุมเนื่องจากใกล้เวลาที่กลุ่มผู้ชุมนุม REDEM เตรียมเคลื่อนขบวนจากห้าแยกลาดพร้าวมาชุมนุมที่ศาลอาญา เพราะเกรงว่ากลุ่มนี้จะก่อเหตุรุนแรงหรือก่อความวุ่นวายในบริเวณที่ชุมนุมจึงจับกุม ระหว่างนำตัวผู้ต้องหาออกจากที่เกิดเหตุเพื่อนำไปสถานที่ควบคุมมีกลุ่มบุคคลเข้ามาชิงตัวผู้ต้องหา ทำให้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจบาดเจ็บ ทรัพย์สินทางราชการและทรัพย์สินของผู้ต้องหาหลายรายการสูญหายไป

ยันเป็นความผิดซึ่งหน้า

ผู้สื่อข่าวถามว่ามาตรการคุมตัวผู้ต้องหาหละหลวมจนส่งผลให้เกิดเหตุชุลมุนหรือไม่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวว่า การชุมนุมที่หน้ากรมทหารราบที่ 1 มีความรุนแรง เราจึงตัดสินใจจับกุมและพยายามเอาออกให้เร็วที่สุด ระหว่างนั้นมีการปะทะกัน ซึ่งตำรวจถูกทำร้าย ถูกยิงด้วยลูกเหล็กและขว้างปาสิ่งของ ตำรวจพยายามทำอย่างละมุนละม่อมที่สุดก่อนพาตัวผู้ต้องหาออกมา ส่วนกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมระบุว่าไปรับประทานอาหารในห้างนั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวว่า ตำรวจจับกุมในลานจอดรถด้านหลังห้างสรรพสินค้า และมีข้อบ่งชี้ว่าเขาจะไปร่วมชุมนุม เพราะหากไม่ชุมนุมจะนำหนังสติ๊ก ลูกเหล็ก หัวนอต ลูกแก้ว ระเบิดควัน ท่อเก็บแก๊สน้ำตา วิทยุสื่อสาร พกไปด้วยหรือไม่ หรือพกมากินข้าว กรณีไม่มีหมายจับสามารถทำได้ เพราะเป็นความผิดซึ่งหน้า อีกข้อสังเกตหลังชุมนุมมีผู้มาแสดงตนว่าเป็นกลุ่มผู้ต้องหาที่ถูกช่วยเหลือออกจากรถควบคุม 27 คน แต่ตำรวจไม่สามารถแจ้งข้อหากล่าวได้ เพราะไม่ใช่ความผิดซึ่งหน้า จึงต้องรวบรวมพยานหลักฐานให้แน่ใจว่าใช่บุคคลที่หลุดจากรถควบคุมจริงหรือไม่

ชี้เหตุรุนแรงเพราะบุกชิงตัว

ผบช.น.กล่าวต่อว่าเบื้องต้นจับกุมผู้ต้องหาได้ 18 ราย ยังไม่มีใครได้รับการปล่อยตัว เตรียมนำตัวฝากขังที่ศาลอาญาในวันที่ 8 มี.ค. และอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน หากไปถึงใครก็ต้องดำเนินคดี ไม่ได้ตั้งเป้าว่าต้องจับกี่คน แต่เป็นไปตามข้อเท็จจริง ใครทำอะไร พยานหลักฐานถึงใครต้องดำเนินคดีทั้งหมด ย้ำว่าความรุนแรงหรือไม่รุนแรงอยู่ที่กลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ใช่ตำรวจ เหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 มี.ค. หากไม่มีการชิงตัวผู้ต้องหาก็จะไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ส่วนกรณีผู้ชุมนุมนำแผ่นป้ายข้อความไปติดตั้งบนรั้วศาลอาญา การกระทำดังกล่าวเป็นการบุกรุกสถานที่ราชการซึ่งเป็นเขตอำนาจศาล หลังจากนี้ตำรวจต้องประสาน กับศาลอย่างใกล้ชิดว่าจะดำเนินการอย่างไร มีการรวบรวมพยานหลักฐานไว้ทั้งหมด

ทนายสิทธิมนุษยชนรุดสน.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังการจับกุมนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ แกนนำกลุ่มการ์ดวีโว่กับพวก ที่ศูนย์การค้าเมเจอร์ ซีเนเพล็กซ์ สาขารัชโยธิน เมื่อวันที่ 6 มี.ค. ต่อมาเวลา 23.35 น. ที่สน.พหลโยธิน นาย นรเศรษฐ นาหนองตูม ทนายความศูนย์สิทธิเพื่อมนุษยชน นำผู้ถูกคุมตัว 27 คน มาลงบันทึกประจำวันหลังจากทั้งหมดระบุว่าถูกตำรวจคุมตัวโดยไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาและยังถูกยึดทรัพย์สินหลายรายการ จึงต้องการให้ตำรวจสอบสวนรวบรวมหลักฐานและนำทรัพย์สินกลับมาคืนผู้ถูกควบคุมตัวโดยเร็ว พร้อมตรวจสอบกล้องวงจรปิดอย่างละเอียดถึงเหตุการณ์การจับกุมนายปิยรัฐ ทั้งนี้ ตำรวจไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาใดก่อนปล่อยตัวผู้ถูกจับกลุ่มนี้ ขณะที่มีผู้ชุมนุมบางส่วนถูกคุมตัวไปยังกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนภาค 1 จ.ปทุมธานี

หนึ่งในผู้ถูกคุมตัวกล่าวว่าตนเพียงไปห้างเพื่อกินข้าวกับนายปิยรัฐเท่านั้น ก่อนถูกตำรวจคุมตัวที่ลานจอดรถชั้น 5 โดยเจ้าหน้าที่ไม่แสดงตัว ไม่แจ้งสิทธิ์เข้าตรวจค้น ก่อนพาขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหาออกจากห้างทั้งที่ไม่ทราบจุดหมายและไม่ทราบว่าถูกแจ้งข้อหาใด จากนั้นมีทีมการ์ดเข้ามาหยุดรถไว้

คดี 5.9 ล้าน – น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำคณะราษฎร เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเรื่องทำทรัพย์สินเสียหาย จากการเคลื่อนย้ายกระถางต้นไม้รอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อ 13 ก.พ. ทำให้กทม.เสียหายมูลค่าสูงถึง 5.9 ล้านบาท ที่สน.สำราญราษฎร์ เมื่อวันที่ 7 มี.ค.

รุ้งรับทราบข้อหาย้ายกระถาง

เวลา 13.00 น.วันเดียวกัน ที่ สน. สำราญ ราษฎร์ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำคณะราษฎร เข้ารับทราบข้อกล่าวหาเรื่องทำทรัพย์สินเสียหาย จากการเคลื่อนย้ายกระถางต้นไม้รอบอนุสาวรีย์ประชา ธิปไตยในการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 ก.พ.ที่ ผ่านมา น.ส.ปนัสยาให้สัมภาษณ์ว่าพนักงานสอบสวนส่งหมายเรียกให้ตนล่าช้า โดยนัดหมายให้มาในวันที่ 4 มี.ค. แต่ปรากฏว่า หมายเรียกถึงบ้านพักในวันที่ 4 มี.ค.พอดี จึงต้องขอเลื่อนเพื่อมาในวันนี้ ส่วนความผิดที่ได้รับเบื้องต้นทราบว่าคือการฝ่าฝืนพ.ร.ก. ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ความสะอาด พ.ร.บ.ควบคุมโรค และความเสียหายของการเคลื่อนย้ายกระถางต้นไม้ ซึ่งคราวนี้มีมูลค่าสูงถึง 5.9 ล้านบาท เท่าที่ทราบมีเพื่อนๆ อีก 5-6 คน ถูกดำเนินคดีด้วยเช่นกัน แต่ละคนเข้าพบพนักงานสอบสวนแล้ว

สำหรับการชุมนุมในช่วงเย็นวันเดียวกันนี้ น.ส.ปนัสยากล่าวว่าคงไม่ได้ไปเพราะมีธุระต้องอยู่กับครอบครัว เนื่องจากวันที่ 8 มี.ค. ศาลนัดฟังคำสั่งฟ้องในวาระการชุมนุม 19 กันยายน 2563 ทวงอำนาจคืนราษฎรที่ท้องสนามหลวง ซึ่งตนและพวกถูกแจ้งข้อหาตาม ม.112 ม.116 และฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน เกรงว่าศาลจะไม่ให้ประกันตัว จึงขอใช้เวลาอยู่กับครอบครัวก่อน ไม่ได้กังวลใดๆ นอกจากกลัวจะไม่ได้สอบ ไม่ได้ เรียนต่อ แต่ทำใจไว้แล้วเพราะคือเส้นทางการต่อสู้

ทะลุฟ้า – นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ‘ไผ่ ดาวดิน’ นำขบวน ‘เดินทะลุฟ้า’ จากอีสานถึงจุดหมายอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ ก่อนทำกิจกรรมกับมวลชนที่มาให้กำลังใจคึกคัก เมื่อวันที่ 7 มี.ค.

ไผ่เดินทะลุฟ้าถึงอนุสาวรีย์ปชต.

เวลา 13.30 น. ที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเครือข่ายม็อบราษฎรนำโดยนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน ทำกิจกรรม “เดินทะลุฟ้า” วันสุดท้าย เริ่มต้นที่แยกเกษตรสู่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ระยะทาง 15 ก.ม. มีกลุ่มมวลชนร่วมเดินอย่างหนาแน่น ในระหว่างการเดินกลุ่มผู้ชุมนุมตะโกนข้อเรียกร้องทั้ง 4 ข้อ คือ 1.แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2.ปล่อยเพื่อนเรา 3.ยกเลิก 112 และ 4.นายกรัฐมนตรีลาออก นายจตุภัทร์กล่าวว่าเราจะเดินไปกับสองขาและหนึ่งหัวใจไปประกาศจุดยืนที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยพร้อมทำกิจกรรมจนถึง 21.00 น.

ต่อมาเวลา 15.16 น. นายจตุภัทร์เดินมาถึงอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยพร้อมมวลชนที่ร่วมเดินจำนวนมาก โดยมีกลุ่มผู้ชุมนุมส่วนหนึ่งมารอรับที่บริเวณรอบอนุสาวรีย์ประชา ธิปไตย พร้อมตะโกนให้กำลังใจและ ชูสามนิ้ว จากนั้นนายจตุภัทร์ถ่ายรูปพร้อมกลุ่มผู้ชุมนุมที่หน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก่อนนำธงที่ถือมาผูกกับรั้วเหล็กโดยรอบและทำกิจกรรมพร้อมประกาศจุดยืน

เวลา 17.40 น. มีการนำผืนผ้าขนาดใหญ่ของกลุ่มหลากหลายทางเพศปูลงบนผิวการจราจรบริเวณวงเวียนอนุสาวรีย์ประชา ธิปไตยใกล้ซอยดำเนินกลางเหนือ ขณะที่กลุ่มคนเสื้อแดงสวมใส่เสื้อสีแดงและหมวกมีสายคาดข้อความ “แดงทั้งแผ่นดิน” เข้าร่วมฟังการปราศรัยและจับกลุ่มพูดคุยบริเวณหน้าร้านแมคโดนัลด์

ทะลุฟ้า – ประชาชนจำนวนมากร่วมกิจกรรมประกาศจุดยืน ‘เดินทะลุฟ้า’ ที่นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ‘ไผ่ ดาวดิน’ นำขบวนเดินจากอีสานถึงจุดหมายอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 มี.ค.

ฉายรูปอดีตแกนนำ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าบรรยากาศทั่วไปในเวลา 19.30 น. มีผู้ทยอยเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง โดยมีการฉายรูปอดีตแกนนำที่ถูกควบคุมตัวทาบทับลงบนอนุสาวรีย์ประชา ธิปไตย อาทิ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน นายอานนท์ นำภา หรือทนายอานนท์ นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นายปฏิวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ และนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน