จ่อเปิดประเทศตุลาฯนี้
‘ปู’ฉีดแล้ววัคซีนเข็ม2

ศบค.ชุดเล็กประชุมวันนี้กำหนดมาตรการเล่นสงกรานต์ ระบุสาดน้ำอย่างอิสระแบบเดิมไม่ได้แล้วต้องเล่นน้ำวิถีใหม่ เตรียมออกกฎต้องใส่หน้ากากเล่นสาดน้ำ ห้ามกิจกรรมเปิดหน้ากาก-ประแป้ง เล็งเปิดประเทศเดือนต.ค.นี้หลังสถานการณ์โควิด-19 ดีขึ้น เตรียมชงศบค.ชุดใหญ่เคาะ 19 มี.ค. คาดผ่อนคลายมาตรการอีก 1 เม.ย.ทั่วประเทศ ศบค.ไทยติดเชื้ออีก 39 ราย ที่มหาชัยเยอะสุด 19 ราย ด้าน‘ปู-ยิ่งลักษณ์’ฉีดวัคซีนโควิดเข็ม 2 แล้ว เผยคลายกังวลมากขึ้น ไม่มีอาการปวด ขณะที่กรมบังคับคดีเผยโครงการไกล่เกลี่ยทั่วไทยช่วยลูกหนี้จาก โควิด-19 ประสบความสำเร็จกว่า 91%

ไทยติดเชื้อโควิดเพิ่ม 39

เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 10 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน ว่า มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 39 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 34 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 21 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 13 ราย นอกจากนี้เป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 5 ราย ทำให้มียอดผู้ติดเชื้อสะสม 26,540 ราย หายป่วยสะสม 25,946 ราย อยู่ระหว่างรักษา 509 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ยอดเสียชีวิตสะสมคงที่ 85 ราย

“ภาพรวมวันนี้ติดเชื้อ 7 จังหวัด ส่วนปราจีนบุรีที่มีผู้ค้าอาหารในโรงงานติดเชื้อ 3 ราย วันที่ 8 มี.ค. จากการติดตามมีผู้สัมผัสยังไม่มีรายงานติดเชื้อเพิ่มเติม ตอนนี้การติดเชื้อสัปดาห์นี้ยังอยู่ที่ 10 จังหวัด” พญ.อภิสมัยกล่าว

ขณะที่สถานการณ์โลก มีผู้ติดเชื้อสะสม 118,155,658 ราย เสียชีวิตสะสม 2,622,036 ราย ขณะนี้มีการฉีดทั่วโลกไปทั่วแล้ว 114 ประเทศ รวม 300 ล้านโดส ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 7 ล้านโดสต่อวัน จึงเป็นผลทำให้ผู้ติดเชื้อทั่วโลกลดลง ส่วนอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย เมียนมา กัมพูชา มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม เริ่มทยอยฉีดวัคซีนแล้ว ส่วนลาวจะเริ่มฉีดในเดือนมี.ค. เช่นกัน

ศบค.ถกผ่อนคลาย 19 มี.ค.

พญ.อภิสมัยกล่าวต่อว่า วันนี้ศบค.ชุดเล็กประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ร่วมกับทีมสมุทรสาคร คือรองผู้ว่าฯ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด และคณะทำงานภาครัฐและเอกชน โดยมีการรายงานว่าสถานการณ์ในสมุทรสาครดีขึ้นและควบคุมได้ ทั้งตัวเลขติดเชื้อจากเดิมหลักหลายร้อยรายก็เหลือ 2 หลัก วันนี้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่แค่ 19 ราย ตัวเลขสะสมในพื้นที่มีผู้ติดเชื้อ 16,684 ราย รักษาหายแล้ว 16,386 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 291 ราย แม้แนวโน้มจะดีขึ้น แต่การ์ดไม่ตก การตรวจเชิงรุกยังทำต่อเนื่อง วันนี้ตรวจ 724 ตัวอย่าง เจอ 6 ราย ตรวจเชิงรุกทั้งหมด 211,764 ราย พบติดเชื้อ 13,957 ราย ขณะที่ผู้ติดเชื้อรักษาหาย 16,386 ราย ผลการเฝ้าระวังเชิงรุก ทั้งโรงงาน ตลาด และชุมชน ตรวจ 112,959 ราย ได้ถึงกว่า 90% ที่ตั้งเป้าไว้แล้ว เชื่อว่าสัปดาห์นี้ตรวจครบ 100% พบอัตราติดเชื้อ 0.87%

ส่วนมาตรการบับเบิล แอนด์ ซีล ให้พนักงานคนงานอาศัยในโรงงาน หรือจัดขนส่งไปกลับหอพัก-ที่ทำงาน ไม่แวะที่ไหน เพื่อให้ยังทำงานได้ ป้องกันการติดเชื้อ ทั้งนี้ คนงานที่อยู่ในโครงการบับเบิล แอนด์ ซีล ทั้งหมด 50,474 คน ตรวจพบติดเชื้อ 10% ตอนนี้อยู่มาครบ 14 วันแล้ว วันนี้เป็นวันสุดท้ายของมาตรการ ผลการตรวจภูมิคุ้มกันหรือแอนติบอดี พบถึง 70% คือติดเชื้อ ร่างกายเกิดภูมิตามธรรมชาติตามทฤษฎี ก็น่าจะยุติวันนี้แล้วให้ผู้อยู่ในบับเบิล แอนด์ ซีล กลับบ้านในชุมชน แต่แม้จะเปิดบ้านเปิดเมืองแล้ว จังหวัดการ์ดก็ยังไม่ตก โดยร.พ.สนามยังไม่ยุบทั้งหมด เผื่อสถานการณ์เปลี่ยนแปลง ร.พ.พร้อมตั้งรับ โดยเสริมมาตรการเฝ้าระวังเชิงรุก อย่างโรงงานที่ตรวจแล้ว มีคนติดเชื้อและหายแล้ว มีภูมิแล้วก็จะตรวจซ้ำ โดยจะนำเสนอแผนในโอกาสต่อไป

“สมุทรสาครได้รับวัคซีนโควิด 7 หมื่นกว่าโดส ตั้งใจกระจายให้เสร็จใน 3 สัปดาห์ ตอนนี้ผ่านไป 1 สัปดาห์ก็ทำเกินแผนอย่างรวดเร็ว ครอบคลุม มีประสิทธิภาพ ยังไม่พบเหตุการณ์แพ้รุนแรง ถ้าเป็นไปตามแผนนี้ สมุทรสาครจะกระจายวัคซีนครอบคลุมและปลอดภัยยิ่งขึ้น จึงนำไปสู่การนำเสนอมาตรการผ่อนคลาย ซึ่งศบค.ชุดใหญ่จะประชุมวันที่ 19 มี.ค. โดยเตรียมเสนอว่าผ่อนปรนผ่อนคลายพื้นที่เหลือ สีส้มต้องรอติดตาม หรือผ่อนปรนเดินทางนอกพื้นที่ ซึ่งต้องรอการประชุมคณะกรรมการชุดเฉพาะกิจ และเสนอศบค.ชุดใหญ่ต่อไป”

จ่อเปิดประเทศเดือนต.ค.

ผู้ช่วยโฆษกศบค. กล่าวต่อว่า การประชุมวันที่ 19 มี.ค.ไม่เฉพาะสมุทรสาครเท่านั้น แต่ยังรวมถึงมาตรการผ่อนคลายจังหวัดอื่นด้วย ทั้งประเทศจะพิจารณามาตรการผ่อนคลายร่วมกัน รองรับวันที่ 1 เม.ย.ซึ่งอีกไม่นานก็จะถึงสงกรานต์ โดยวันที่ 11 มี.ค.ศบค.ชุดเล็กจะหารือตัวแทน 2 กระทรวง คือกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงวัฒนธรรม โดยมีตัวแทนสาธารณสุขเข้าร่วม เนื่องจากหลายท่านรอคอยสงกรานต์จะมีกิจการกิจกรรมอะไรจัดได้หรือไม่ได้ สาดน้ำได้หรือไม่ จะมีการหารือกันเป็นมาตรการที่ปลอดภัยไม่ให้เกิดยอดติดเชื้อเกิดขึ้น เพราะยังต้องคงให้การติดเชื้อลดลงต่อเนื่อง เพื่อผ่อนคลายตอนเดือนต.ค.อาจมีการเปิดประเทศ ซึ่งทั้งภาครัฐ ผู้ประกอบการและประชาชนต้องร่วมมือกันยกการ์ดสูง

ชงสวมหน้ากากเล่นสงกรานต์

“เรามีคำกล่าวว่าคนเราสวมหน้ากากเข้าหากันดูความหมายไม่ดี ไม่จริงใจ แต่วันนี้เราต้องเอาวัฒนธรรมนี้มาใช้ สวมหน้ากากเข้าหากัน สู่วิถีชีวิตใหม่ อาจเฉลิมฉลองร่วมกันโดยสวมหน้ากากใส่กัน เชื่อว่าพรุ่งนี้กิจกรรมที่ทุกคนตั้งตารอจะเสนอมาตรการสงกรานต์อย่างไร อยากเชิญชวนพื้นที่จังหวัด ผู้ประกอบการ ผู้จัดกิจกรรม อยากเห็นพื้นที่ท่านเป็นอย่างไร การสาดน้ำอิสระเป็นไปไม่ได้แน่นอน แต่จะรดน้ำอย่างปลอดภัยสวมหน้ากากไปไหว้ผู้ใหญ่ หรือจัดเทศกาลดนตรีอย่างไรให้ปลอดภัย เล่นโฟมได้ไหม ก็ต้องถามกลับว่าถ้าอยากจัดกิจกรรมได้ผ่อนคลายได้ ก็ต้องเสนอมาตรการมาด้วย เพื่อทุกคนจะได้เฉลิมฉลองอย่างมีความสุข” พญ.อภิสมัยกล่าว

จ่อห้ามสาดน้ำถนนข้าวสาร

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภา ความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์ โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมศปก.ศบค.ว่า ที่ประชุมหารือกับกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุข เกี่ยวกับมาตรการป้องกันโควิด-19 มาตรการป้องกันโควิด-19 ช่วงเทศกาลสงกรานต์ในรูปแบบวิถีใหม่ เพื่อนำเสนอที่ประชุมศบค.ชุดเล็กเห็นชอบในวันที่ 11 มี.ค.นี้ และเสนอเข้าที่ ประชุมศบค.ชุดใหญ่ ในวันที่ 19 มี.ค. ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะผอ.ศบค.ชุดใหญ่ พิจารณา กำหนดนโยบายให้ผ่อนคลายมาตรการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยต้องดูสถานการณ์แพร่ระบาดประกอบว่าจะผ่อนคลายได้ถึงจุดไหน ต้องรอบคอบเพื่อให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้ และประชาชนปลอดภัยจากโควิด-19 ซึ่งประชาชนยังเป็นห่วงว่าหากจัดเทศกาลสงกรานต์จะทำให้เกิดการแพร่ระบาดขึ้นอีก และจะทำให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจตามมา

พล.อ.ณัฐพลกล่าวต่อว่า สำหรับข้อเสนอที่จะหารือในศบค.ชุดเล็ก คือ อนุญาตให้กิจกรรมและท่องเที่ยว ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ยังสวมหน้ากากอนามัย สามารถทำได้ เช่น รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ สรงน้ำพระ ส่วนกิจกรรมเล่นสงกรานต์ ที่ต้องถอดหน้ากากอนามัย เช่น การสาดน้ำ ประแป้ง และกิจกรรมบนถนนข้าวสาร อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยง ยังไม่สามารถทำได้ แต่จะต้องหารือและขึ้นอยู่กับกระทรวงสาธารณสุขว่าจะอนุญาตให้มากน้อยเพียงใด

‘มหาชัย’ผ่อนคลาย 1 เม.ย.

ผู้สื่อข่าวถามถึงความกังวลเรื่องการเคลื่อนย้ายและเดินทางกลับภูมิลำเนาของประชาชนในช่วงสงกรานต์ สามารถทำได้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า ไม่มีความเป็นห่วง เพราะคนไทยให้ความร่วมมือทำตามมาตรการ รวมถึงภาครัฐและผู้จัดกิจกรรมก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ซึ่งอาจจะทำให้เราสามารถผ่อนคลายได้เพิ่มขึ้นและประชาชนสามารถเดินทางได้

เมื่อถามว่าจะผ่อนคลายให้จัดกิจกรรม สงกรานต์ในจ.สมุทรสาครได้หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า กำลังพิจารณาอยู่ และจากการประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กับจ.สมุทรสาคร มีข้อเสนอขอให้ผ่อนคลายมาตรการลงซึ่งผ่อนคลายได้ แต่อาจจะไม่ทั้งหมด หรือเทียบเท่าจังหวัดอื่น โดยจะเริ่มผ่อนคลายในวันที่ 1 เม.ย. แต่ยังอยู่ในมาตรการเฝ้าระวัง เช่นเดียวกับจ.ปทุมธานี แต่หากสถานการณ์ดีขึ้น ก็จะเฝ้าระวังเฉพาะ จ.สมุทรสาคร เท่านั้น โดยขึ้นอยู่กับกระทรวงสาธารณสุขพิจารณา ก่อนนำเข้าศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 19 มี.ค.นี้ เห็นชอบ

เมื่อถามย้ำว่าจ.สมุทรสาครไม่สามารถจัดกิจกรรมสงกรานต์ได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ณัฐพลกล่าวว่า อาจจะจัดได้ระดับหนึ่ง หรือจัดโดยใช้มาตรการสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ และการคัดกรองอุณหภูมิ หากประชาชนคงมาตรการเหล่านี้ไว้ เราก็จะผ่อนคลายมาตรการลงเรื่อยๆ

รง.ปราจีนฯไม่มีติดเชื้อเพิ่ม

วันเดียวกัน นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการแทน ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวโรค โควิด-19 และการฉีดวัคซีนโควิด-19 ในไทย ว่า ขณะนี้การติดเชื้ออยู่ในหลักสิบ จำนวน ไม่มาก วันนี้เพียง 39 ราย ยังมีการค้นหาเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง เช่น อ.แม่สอด จ.ตาก แม้ภาพรวมคงตัว แต่ยังตรวจคัดกรองแรงงานต่างด้าวขึ้นทะเบียนรายใหม่ โดยวันที่ 15-28 ก.พ. ตรวจ 1,233 ราย พบเชื้อ 4 ราย วันที่ 1-7 มี.ค. ตรวจ 1,806 ราย พบเชื้อ 2 ราย ส่วนวันที่ 8-9 มี.ค. ตรวจ 724 ราย ไม่พบการ ติดเชื้อ

สำหรับจ.ปทุมธานี พบผู้ติดเชื้อกลุ่มก้อนแรกในตลาด จากนั้นพบอีกก้อนหนึ่งในโรงชำแหละเนื้อสุกร พบผู้ติดเชื้อรายสุดท้ายวันที่ 28 ก.พ. หลังจากนั้นไม่มีรายที่เกี่ยวข้องเพิ่มอีก พื้นที่ได้จัดมาตรการลดความแออัดในตลาด ออกใบรับรองปลอดเชื้อโควิด แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ หากมีอาการสงสัยทางพื้นที่ก็พร้อมจะเข้าไปดูแลทันที ส่วนกรณีการติดเชื้อกลุ่มปราจีนบุรี-นครนายก มีการติดเชื้อ 5 ราย ยังไม่พบการติดเชื้อเพิ่ม ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 23 ราย ไม่พบเชื้อ รอผลการตรวจรอบ 2 ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 33 ราย ไม่พบเชื้อทั้งหมด ส่วนการสุ่มตรวจในโรงงานที่ร้านอาหารของผู้ติดเชื้อตั้งขาย 1,422 ราย ไม่พบเชื้อ เหลือตรวจวันที่ 9 มี.ค. อีก 57 ราย

นพ.เฉวตสรรกล่าวต่อว่า สำหรับผู้เดินทางเข้าประเทศไทยและรับการกักกันสะสม 256,705 ราย จาก 99 ประเทศ พบติดเชื้อ 2,262 ราย จาก 85 ประเทศ คิดเป็น 0.8% โดยสถานกักกันโรคที่รัฐจัดให้ (SQ) มีผู้เดินทาง 116,501 ราย ติดเชื้อ 1,208 ราย คิดเป็น 1.04% สถานกักกันโรคท้องถิ่นของรัฐ (LQ) 40,130 ราย ติดเชื้อ 184 ราย คิดเป็น 0.47% สถานกักกันโรคทางเลือก (ASQ) 90,253 ราย ติดเชื้อ 165 ราย คิดเป็น 0.81% สถานกักกันโรคทางเลือกท้องถิ่น (ALQ) 750 ราย ติดเชื้อ 16 ราย คิดเป็น 6.13% สถานกักกันโรคทางเลือกในสถานพยาบาล (AHQ) 4,220 ราย ติดเชื้อ 7 ราย คิดเป็น 1.54% และสถานกักกันโรคของหน่วยงาน (OQ) 4,851 ราย ติดเชื้อ 2 ราย คิดเป็น 0.41% แม้บางสถานกักกันการติดเชื้อสูงเกิน 1% แต่การพบผู้ติดเชื้อในพื้นที่กักตัวที่ควบคุมดูแลตามมาตรฐาน ไม่มีการไปสัมผัสคนอื่น เมื่อเจอติดเชื้อส่งเข้ารักษาตามแนวทาง จึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลแต่อย่างใด

ฉีดวัคซีนแล้ว 3.3 หมื่น

นพ.เฉวตสรรกล่าวต่อว่า ผู้ได้รับวัคซีน โควิด-19 เมื่อวันที่ 9 มี.ค. จำนวน 3,721 ราย สะสมตั้งแต่ 28 ก.พ.-9 มี.ค. จำนวน 33,621 ราย พบผู้ที่มีอาการข้างเคียง 2,984 ราย คิดเป็น 8.8% เมื่อเทียบกับผลการศึกษาวิจัยวัคซีนในมนุษย์ระยะที่ 2 พบว่ามีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งสูงถึงร้อยละ 30 ดังนั้นตัวเลขจากระบบรายงานดูเหมือนสูง แต่เป็นอาการข้างเคียงที่ไม่รุนแรง สามารถหายได้เองไม่ต้องการรักษา ไม่ต้องเข้านอนโรงพยาบาล ทั้งนี้กลุ่มผู้ได้รับวัคซีนมากที่สุดคือบุคลากรทางการแพทย์ สาธารณสุข อสม. 85% เจ้าหน้าที่อื่นๆ ที่มีโอกาสสัมผัสผู้ติดเชื้อ 13% ผู้มีโรคประจำตัว 1% และประชาชนในพื้นที่เสี่ยง 1%

“กรณีศูนย์ควบคุมโรคสหรัฐฯ ระบุว่า ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบ 2 โดสแล้วพบปะกับคนอื่นได้โดยไม่ต้องสวมหน้ากาก เป็นนโยบายของแต่ละประเทศที่ต่างกันตามหลักฐานทางวิชาการ แต่เรื่องนี้มีข้อด้อยอย่างหนึ่งคือ คนที่เราไปพบ เราไม่รู้ว่าได้รับวัคซีนครบ 2 โดส หรือไม่ หรือยังไม่ได้รับวัคซีน ถือเป็นความเสี่ยง ดังนั้นประเทศส่วนใหญ่ยังระมัดระวังในเรื่องนี้ องค์การอนามัยโลกก็ย้ำได้รับวัคซีนครบแล้ว ยังต้องสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ เนื่องจากต้องใช้เวลาในการเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ครอบคลุมสูง รวมถึงโรคนี้แพร่เชื้อได้ตั้งแต่ยังไม่แสดงอาการ และผลของวัคซีนป้องกันการเสียชีวิต ป้องกันการป่วยหนัก แต่การป้องกันติดเชื้อและแพร่เชื้อต้องติดตามระยะยาว ประเทศไทยใช้วัคซีนเป็นมาตรการเสริม ขออย่าเพิ่งหย่อนการ์ด” นพ.เฉวตสรรกล่าว

เข็มสอง – น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ฉีดวัคซีนโควิด เข็มที่ 2 โดยมีนายทักษิณ ชินวัตร พี่ชาย ให้กำลังใจอยู่เคียงข้าง ส่วนภาพซ้ายฉีดเข็มแรกเมื่อ 17 ก.พ. ทั้งนี้อดีตนายกฯหญิงสนับ สนุนให้มีวัคซีนพาสปอร์ต ในการเดินทางไปประเทศ ต่างๆ เมื่อ 10 มี.ค.

‘ยิ่งลักษณ์’ฉีดวัคซีนโควิดเข็มสอง

วันเดียวกันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ภาพลงเฟซบุ๊ก ถ่ายคู่กับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชาย ระหว่างรับวัคซีนโควิด เข็มที่สอง พร้อมข้อความระบุว่า “สองสามวันก่อนดิฉันไปรับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มที่สองแล้วค่ะ ครั้งนี้มีคุณโทนี่พี่ชายที่แสนดี มาคอยให้กำลังใจดิฉันเช่นเคย

ดิฉันรับวัคซีนของซิโนฟาร์ม (Sinopharm) ค่ะ ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับเข็มแรกที่ฉีดไป ความรู้สึกตอนฉีดระหว่างเข็มแรกกับเข็มสองนั้นไม่ต่างกัน แต่เข็มแรกอาจจะมีความกังวลว่าจะมีอาการแพ้ไหม และรู้สึกหนักที่ต้นแขนที่ฉีดยามากหน่อย เพราะร่างกายเรายังไม่คุ้นเคย ทำให้รู้สึกเพลียบ้างเล็กน้อย แต่สำหรับเข็มที่สองความกังวลลดลงไป หลังฉีดเสร็จส่วนตัวดิฉันรู้สึกว่าไม่ค่อยปวด เพียงแขนรู้สึกหนัก เมื่อยล้าเล็กน้อย สักพักก็กลับไปเหมือนปกติ ทั้งนี้ร่างกายหลังฉีดวัคซีนอ่อนเพลียและง่วงซึมบ้าง ดังนั้นหลังการฉีดจึงควรพักผ่อนให้เพียงพอ

หลังจากนี้อีกประมาณ 1 เดือน แพทย์จะให้ดิฉันตรวจ Anti Body หรือ การตรวจระดับภูมิคุ้มกันต่อเชื้อโควิด-19 อีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายเรามีภูมิคุ้มกันเพียงพอแล้ว เพราะตามทฤษฎีร่างกายควรจะมีภูมิคุ้มกันหลังจากฉีดเข็มที่สอง แต่อย่างไรก็ตามเพื่อไม่ให้เกิดความประมาท เรายังคงต้องกินของร้อน ใช้ช้อนส่วนตัว ล้างมือบ่อยๆ ใส่หน้ากากอนามัย และเว้นระยะห่างเหมือนเดิมค่ะ

ในอนาคตอันใกล้ทุกประเทศจะทยอยให้ประชาชนของตนเองได้ฉีดวัคซีน เพื่อได้เปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวโดยไม่ต้องกักตัว ส่งผลให้เศรษฐกิจดีขึ้น สร้างรายได้ให้กับประชาชน ดิฉันเชื่อว่าใบรับรองการฉีดวัคซีน หรือ วัคซีนพาสปอร์ต คงจะเป็นเอกสารอีกหนึ่งชิ้นที่เราจะต้องแสดงคู่กับหนังสือ เดินทาง เพื่อเป็นใบเบิกทางในการเดินทางไปยังประเทศต่างๆ ได้ นี่คืออีกวิถีชีวิตหนึ่งของเราที่เปลี่ยนแปลงไปหลังการระบาดของ โควิด-19 ค่ะ”

ไกล่เกลี่ยหนี้โควิดสำเร็จ 91.51%

วันเดียวกัน นางอรัญญา ทองน้ำตะโก อธิบดีกรมบังคับคดี เปิดเผยถึงผลการช่วยเหลือลูกหนี้ในกระบวนการบังคับคดี จากการจัดโครงการไกล่เกลี่ยทั่วไทยร่วมใจช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ว่า สำหรับโครงการไกล่เกลี่ยทั่วไทยร่วมใจช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะช่วยเหลือประชาชนและภาคธุรกิจจากปัญหาหนี้สิน โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตที่ไม่สามารถหาเงินมาชำระแก่เจ้าหนี้ได้ ซึ่งกรมบังคับคดีจัดให้มีโครงการดังกล่าวระหว่าง วันที่ 1 ก.พ.-31 มี.ค.2564 ที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท กรมบังคับคดีและสำนักงานบังคับคดีจังหวัด/สาขา ทั่วประเทศ 116 แห่ง โดยให้เจ้าหนี้และลูกหนี้เจรจากัน ให้ลูกหนี้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ต้องถูกบังคับคดีหรือถูกฟ้องล้มละลาย

นางอรัญญากล่าวต่อว่า กรมบังคับคดี ร่วมกับสถาบันการเงิน บริษัทบัตรเครดิต บริษัทลิสซิ่งเช่าซื้อ โดยผลการจัดโครงการดังกล่าว ในเดือนก.พ.2564 มีเรื่องเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย 459 เรื่อง ทุนทรัพย์ 214,489,235.06 บาท ผลไกล่เกลี่ยสำเร็จ 345 เรื่อง ทุนทรัพย์ 147,935,604.71 บาท ความสำเร็จของการไกล่เกลี่ยฯ คิดเป็นร้อยละ 91.51

ทั้งนี้กรมบังคับคดียังได้ยกระดับการให้บริการ ด้วยการเปิดบริการยื่นคำร้องขอไกล่เกลี่ยข้อพิพาททางอิเล็กทรอนิกส์ ที่เว็บไซต์ของกรมบังคับคดี www.led.go.th การไกล่เกลี่ยข้อพิพาทออนไลน์ผ่านแอพพลิเคชั่น Session Call โดยผู้ประสงค์จะเข้าไกล่เกลี่ย สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกรมบังคับคดี โทร.0-2881-4840, 0-2881-4940, 0-2887-5072 หรือสายด่วนกรมบังคับคดี 1111 กด 79 และสำนักงานบังคับคดีจังหวัด/สาขาทั่วประเทศ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน