ลุ้นศาลรธน.ชี้ขาดวันนี้
ปมสภาแก้รัฐธรรมนูญ
ฝ่ายค้านหอบหลักฐาน
ยื่นสอย‘นายก-อู๊ดด้า’
‘ป้อม’ฟุ้งครม.ใหม่ไม่ยี้
สื่อนอกตีข่าวลั่นโลก นายกฯไทยฉีดสเปรย์แอลกอฮอล์ใส่นักข่าว หมอชี้สุดอันตราย ผิดทั้งวิธีและกาลเทศะ ‘บิ๊กตู่’ บ่น แค่อยากเล่นกับสื่อ เป็นเรื่องจนได้โปรดเกล้าฯเปิดสภาสมัยวิสามัญ 17 มี.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยวันนี้ ปมแก้ไขรธน. เลขาฯเพื่อไทยยังมั่นใจรัฐสภามีอำนาจ ฝ่ายค้านยื่นป.ป.ช.สอย ‘ประยุทธ์-จุรินทร์’ กรณีทุจริตถุงมือยาง จ่อเชือดรมว.ศึกษาธิการ คิวต่อไป ‘ประวิตร’ แย้มครม.ใหม่หน้าตาดี ‘ชัยวุฒิ’ ยอมรับมีชื่อเป็นแคนดิเดต รอเคาะนั่งกระทรวงไหน ปชป.-ภท. ดีลลงตัว สลับรมช.คมนาคม-พาณิชย์ ป.ป.ช.ส่งศาลฎีกา ฟัน ‘ปารีณา’ ผิดจริยธรรมร้ายแรง คดีรุกที่ป่าสงวน
สื่อนอกตีข่าว‘บิ๊กตู่’ฉีดสเปรย์
วันที่ 10 มี.ค. จากกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) และถูกนักข่าวถามเรื่องการปรับครม. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 9 มี.ค. โดยหลังจากตอบคำถามแล้ว นายกฯ ได้ใช้ สเปรย์แอลกอฮอล์ฉีดใส่นักข่าวที่มารอทำข่าวตลอดทั้งแถวด้านหน้านั้น สื่อทั่วโลกต่างรายงานเหตุการณ์ดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น แชนแนลนิวส์เอเชีย สื่อสิงคโปร์ ที่พาดหัวข่าวว่า “นายกฯ ไทยฉีดยาฆ่าเชื้อใส่นักข่าว” พร้อมระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นชื่อเรื่องการมีพฤติกรรมที่คาดเดาไม่ได้
ด้าน ดิ อินดีเพนเดนต์ ของอังกฤษ รายงานข่าว พล.อ.ประยุทธ์ฉีดแอลกอฮอล์ใส่นักข่าวด้วยเช่นกัน โดยพาดหัวว่า “นายกฯ ไทยปิดการแถลงข่าวด้วยการฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อใส่นักข่าว” ขณะที่ ไฟแนนเชี่ยล รีวิว สื่อออสเตรเลีย พาดหัวข่าวว่า “นักข่าวไทยต้องรับมือกับสเปรย์เมื่อนายกฯ ฉีดน้ำยาฆ่าเชื้อใส่พวกเขา”
เทียบพฤติกรรม‘ทรัมป์นักบุญ’
ส่วน เดอะซัน สื่ออังกฤษลงคลิปวิดีโอผ่านช่องยูทูบ โดยใช้ชื่อคลิปว่า “นายกฯไทยฉีดสเปรย์ล้างมือใส่นักข่าวหลังจากถูกถามเรื่องการปรับครม.” โดยมีคอมเมนต์หนึ่งระบุว่า “ว้าว พฤติกรรมของเขาทำให้โดนัลด์ ทรัมป์ ดูเป็นนักบุญไปเลย” เช่นเดียวกับสื่อสหรัฐอย่าง สกายนิวส์ ที่รายงานกรณีดังกล่าว โดยโพสต์คลิปวินาทีที่พล.อ.ประยุทธ์ฉีด สเปรย์ใส่นักข่าว พร้อมกับพาดหัวว่า “นายกฯ ไทยเดินออกจากการแถลงข่าวและฉีดสเปรย์ใส่แถวนักข่าว”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเว็บไซต์ ทวิตเตอร์แฮชแท็ก #ประยุทธ์ออกไป ได้พุ่งติดเทรนด์ทวิตเตอร์อีกครั้ง โดยพุ่งขึ้นสูงถึงอันดับที่ 2 ในประเทศไทยแล้ว ขณะที่มีการรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวเพิ่มทั้งในสถานีโทรทัศน์ในประเทศบราซิล และเม็กซิโก
หมอเพจดังฉะ‘ผิดวิธี-กาลเทศะ’
เพจ เรื่องเล่าจากโรงพยาบาล ซึ่งเขียนขึ้นจากหมอ แสดงความคิดเห็นว่า “กรณีที่เกิดขึ้น การใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ ฉีดเข้าใส่กลุ่มสื่อมวลชนระหว่างแถลงข่าว เป็นอีกครั้งที่แสดงให้เห็นว่า ท่านผู้นำ คิด…..ได้น้อยเหลือเกิน คงตั้งใจจะหยอกล้อ ทำเป็นเรื่องขำๆ แต่ผิดทั้งวิธีที่ทำ ผิดทั้งกิริยาท่าทาง ผิดทั้งกาลเทศะ”
นพ.ทศพร เสรีรักษ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะจักษุแพทย์ โพสต์เฟซบุ๊กถึงอันตรายของแอลกอฮอล์ เมื่อเข้าสู่ดวงตาว่า สารเคมีไม่ว่าจะเป็นในรูป น้ำ ไอ หรือสเปรย์ จะเป็นกรด เป็นด่าง หรือเป็นแอลกอฮอล์ ล้วนมีอันตรายต่อดวงตา ทำให้เกิดการระคายเคือง กระจกตาอักเสบ กระจกตาถลอก หรืออาจทำให้กระจกตาเป็นฝ้าขาวไปเลย หรือทะลุเข้าไปในลูกตาได้ ขึ้นอยู่กับชนิด และความเข้มข้น
“เห็นภาพนายกฯของไทย ถือขวดสเปรย์เดินฉีดใส่หน้าผู้สื่อข่าวเป็นที่สนุกสนาน แล้วเป็นห่วง พ่อแม่ทุกคนควรจะเผยแพร่คลิปนี้ออกไปแล้วสอนลูกหลาน ครูทุกท่านก็ช่วยสอนนักเรียน อย่าเอาอย่างนายกฯ แล้วนายกฯเอง ก็เลิกเล่นเป็นเด็กๆ เสียที โตแล้ว รักและเป็นห่วง”
‘ปารีณา’ป้อง-ยันแค่หยอกเล่น
น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ ฉีดสเปร์ยแอลกอฮอล์ใส่สื่อมวลชนจนเป็นข่าวดังทั่วโลกว่า เมื่อเครื่องพ่นฆ่าเชื้อที่ทำเนียบเสีย ก็เป็นเรื่องที่นายกฯ จะแสดงความรักและห่วงใยต่อสื่อมวลชน สื่อฮานายกฯ เมื่อนายกฯรักหลอกถึงหยอกเล่น พร้อมติดแฮชแท็ก พล.อ.ประยุทธ์ นายกฯขวัญใจสื่อ
‘ตู่’งดจ้อ-บ่นเป็นเรื่องจนได้
ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ที่ตึกภักดีบดินทร์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ โดยหันมาโบกมือทักทายสื่อมวลชน พร้อมกล่าวว่า “บ๊ายบาย” ก่อนเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าในทันที ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ สำนักโฆษกฯ ไม่มีการเตรียมตั้งโพเดียมจุดแถลงข่าวเหมือนที่ผ่านมา โดยแจ้งว่า วันนี้ นายกฯ จะไม่ให้สัมภาษณ์เพราะได้ชี้แจงมา 2 วันแล้ว
ด้านทีมงานนายกฯ ระบุถึงสาเหตุนายกฯไม่ให้สัมภาษณ์ว่า นายกฯไม่ได้งอน แต่มอบให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสากิจ (สคร.) เป็นผู้แถลงผลการประชุม
รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ปรารภกับคนใกล้ชิด ถึงการนำสเปรย์แอลกฮอล์ฉีดใส่ผู้สื่อข่าวว่า “แค่จะเล่นกับสื่อ เป็นเรื่องจนได้”
ฝ่ายค้านยื่นสอย‘บิ๊กตู่-อู๊ดด้า’
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) น.ส.ชนก จันทราทอง ส.ส.หนองคาย พท. น.ส.อรุณี กาสยานยท์ โฆษกพท. นาย สุพจน์ อาวาส โฆษกพรรคประชาชาติ (ปช.) และนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ได้มายื่นร้องให้ป.ป.ช. ตรวจสอบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม และนายจุรินทร์ ลักษณ วิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์
นายประเสริฐกล่าวว่า เรานำเอกสาร 32 หน้า พร้อมพยานหลักฐาน 47 รายการ เช่น คลิปเสียงการประชุมร่วมกันของผู้เกี่ยวข้องความยาวกว่า 3 ชั่วโมง โดยพวกตนกล่าวหา 1.พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ เป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย กรณีจงใจร่วมกับนายจุรินทร์ ปกปิดการ กระทำทุจริตในหน่วยงานของรัฐ และละเว้นไม่ระงับยับยั้งความเสียหายอันเกิดจากการทุจริต ทำให้ผู้กระทำผิดยักย้าย ซ่อนเร้น จำหน่ายจ่ายโอนเงินที่ทุจริตไปจนสิ้น ทั้งที่อยู่ในวิสัยและอำนาจหน้าที่จะระงับยับยั้งความเสียหายได้แต่ละเว้นไม่กระทำการ ทั้งที่พล.อ. ประยุทธ์ รู้เรื่องการทุจริตว่าก่อนหน้าวันที่ 14 ก.ย. 2563 แต่กลับร่วมปกปิดการทุจริตในเรื่องนี้ ทำให้สูญเงินของรัฐที่จะระงับยับยั้งได้ไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท
ปกปิดทุจริตจัดซื้อถุงมือยาง
นายประเสริฐกล่าวอีกว่า 2.นายจุรินทร์ ในฐานะผู้กำกับดูแลองค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ กรณีเอื้อประโยชน์แต่งตั้งคนสนิทและผู้ช่วย ส.ส. โดยไม่มีคุณสมบัติ ความรู้ ความสามารถเฉพาะตำแหน่งตามที่กฎหมายกำหนดให้เป็นประธานคณะกรรมการ อคส. และหลังแต่งตั้งมีการจัดทำสัญญาลวงซื้อขายถุงมือยางของ อคส. มูลค่า 112,500 ล้านบาท มูลค่าความเสียหาย 2,000 ล้านบาท โดยมีพยานหลักฐานเป็นรายงานการประชุมและคลิปเสียงของนายสุชาติ เตชจักรเสมา ประธาน อคส. พาดพิงนายจุรินทร์ และเห็นว่านายจุรินทร์ ละเว้นการจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายต่อกรณีดังกล่าว แต่กลับร่วมปกปิดการทุจริตในเรื่องนี้ ทำให้สูญเงินของรัฐที่จะระงับยับยั้งได้ไม่น้อยกว่า 400 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีพฤติกรรมหลายประการที่ ป.ป.ช. ต้องสอบสวนว่านายจุรินทร์ ส่อว่ารู้เห็นเป็นใจกับประธานบอร์ด อคส. อันเป็นความผิดต่ออำนาจหน้าที่ตามพ.ร.ก.จัดตั้งองค์การคลังสินค้า (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2535 และปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมาย และมีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2542
‘สุชาติ-รุ่งโรจน์’โดนหมด
3.นายสุชาติ เตชจักรเสมา เป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อกฎหมาย และมีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ. 2542 โดยมีข้อเท็จจริงจากคำซัดทอดของ พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ รักษาการแทน ผอ.อคส. และกรรมการ อคส. เป็น เจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อกฎหมาย และมีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ กรณีทราบเรื่องการจัดทำสัญญาซื้อขายถุงมือยาง เมื่อวันที่ 26 ส.ค.2563 จากรายงาน พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ แล้วกระทำผิดหน้าที่ตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ร.ฎ.จัดตั้งองค์การคลังสินค้า (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2535
4.พ.ต.อ.รุ่งโรจน์ พุทธิยาวัฒน์ ในฐานะเป็นเจ้าพนักงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อกฎหมาย และมีความผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ร.ฎ.จัดตั้งองค์การคลังสินค้า (ฉบับที่ 6) กับพวกอีกหลายราย ในลักษณะแบ่งแยกหน้าที่กันกระทำ
จ่อเชือดรมว.ศธ.ปมตั้งเลขาสกสค.
เมื่อถามว่าการยื่นครั้งต่อไปจะเป็นคิวของรัฐมนตรีคนใด นายประเสริฐกล่าวว่า ครั้งต่อไปพรรคจะได้ยื่นรมว.ศึกษาธิการ ตอนนี้ข้อมูลหลักฐานใกล้เสร็จแล้ว ซึ่งจะยื่นกรณีแต่งตั้งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่แต่งตั้งจากบุคคลที่ขาดคุณสมบัติ คาดว่าจะยื่นภายในสัปดาห์หน้า และภายในเดือนมี.ค. คงได้ดำเนินการยื่นหลายคน
ตั้งวอร์รูมติดตามคำสั่งศาลรธน.
นายประเสริฐกล่าวถึงศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยกรณีประธานรัฐสภา ขอให้ศาลพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภาในวันที่ 11 มี.ค.ว่า เราได้ทำความเห็นไปในนามฝ่ายค้านทั้งหมด 7 ข้อ เพื่อให้ศาลได้รับฟังข้อมูลรอบด้าน คงต้องรอติดตามผลการวินิจฉัย แต่เรายังมั่นใจว่าอำนาจการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นอำนาจของรัฐสภา ทั้งนี้ พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ตั้งวอร์รูมเวลา 14.00 น. วันที่ 11 มี.ค. เพื่อติดตามคำวินิจฉัยของศาล
เมื่อถามว่าฝ่ายค้านมีการพูดคุยเรื่องแผนสำรองหรือไม่ ถ้าตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ไม่ได้ นายประเสริฐกล่าวว่า เรายังไม่ได้คุยกันอย่างเป็นทางการ ต้องรอดูทิศทางคำวินิจฉัยของศาลก่อนแล้วค่อยมาหารือร่วมกันอีกครั้ง
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า ศาลไม่ควรเข้ามาก้าวล่วงอำนาจของรัฐสภา เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐสภาที่จะดำเนินการอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม พรรคร่วมฝ่ายค้านจะนัดประชุมกันวันที่ 12 มี.ค.นี้ เพื่อเตรียมรองรับการแก้ไขปัญหา หากศาลชี้ว่าไม่สามารถแก้ไขทั้งฉบับได้ อย่างไรก็ตาม ตนมองว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องได้รับการแก้ไขเพราะเป็นรัฐธรรมนูญที่เลวที่สุด เอาเปรียบกันมากที่สุด
ศาลไม่นั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 11 มี.ค. เวลา 09.30 น. ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นัดประชุมเพื่อพิจารณาคำร้องที่ประธานรัฐสภาขอให้ศาลวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 210 วรรคหนึ่ง (2) กรณีมีปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของรัฐสภา ในการเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของสมาชิกรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 256 (1) โดยตุลาการจะแถลงด้วยวาจา ปรึกษาหารือ และลงมติ แต่จะไม่มีการออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัย เป็นเพียงการประชุมภายใน และหลังจากได้ผลการพิจารณาแล้ว สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จะส่งรายละเอียดการพิจารณาและมติ เป็นเอกสารข่าวแจกสื่อมวลชน
สำหรับบรรยากาศที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีการจัดเตรียมสถานที่เหมือนวันที่องค์คณะตุลาการจะออกนั่งบัลลังก์เพื่ออ่านคำวินิจฉัย และโดยรอบอาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ (อาคาร A) ที่ตั้งของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่มีการติดตั้งแผงรั้วเหล็ก หรือเตรียมกำลังเสริมจากเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นพิเศษ มีเพียง เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตามปกติเท่านั้น นอกจากนี้ยังไม่มีรายงานว่า จะมีกลุ่มการเมืองใดๆ มาเคลื่อนไหว ในบริเวณศาลรัฐธรรมนูญด้วย

สอบนายกฯ – ตัวแทนพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นร้องป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ กรณีปล่อยปละละเลยให้มีทุจริตซื้อขายถุงมือยางขององค์การคลังสินค้า (อคส.) มูลค่า 112,500 ล้านบาท ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 10 มี.ค.
ปปช.ส่งศาลฎีกาเอาผิด‘ปารีณา’
นายนิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการป.ป.ช. ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าการเอาผิดทางจริยธรรมร้ายแรงกับ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พปชร. กรณีบุกรุกพื้นที่ป่าสงวนว่า อยู่ในขั้นตอนการเซ็นรับรองมติของป.ป.ช. และการรับรองรายงานการประชุม เพื่อเตรียมส่งเอกสารให้กับศาลฎีกาดำเนินการเอาผิดกับน.ส.ปารีณา ซึ่งคาดว่าจะยื่นต่อศาลได้ในวันที่ 11 มี.ค. หรือช้าสุดต้นสัปดาห์หน้า ซึ่งยังอยู่ในกรอบเวลา 30 วันตามที่กฎหมายกำหนดไว้
นายนิวัติไชยกล่าวอีกว่า ส่วนส.ส.ราย อื่นๆ อีกกว่า 10 คน ที่เข้าข่ายถูกตรวจสอบความผิดทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงเช่นเดียว กับน.ส.ปารีณา อยู่ระหว่างการหาข้อมูลเพิ่มเติม และส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีรายใดรวบรวม หลักฐานได้ครบถ้วนจนสามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมป.ป.ช.ชุดใหญ่
‘ป้อม’ฟุ้งครม.ใหม่เป็นคนดี
ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและหัวหน้า พปชร. กล่าวถึงความคืบหน้าการปรับครม.ว่า ขณะนี้ตนได้ส่งรายชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีไปให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม เรียบร้อยแล้ว ตนส่งแล้ว เป็นเรื่องของตน
เมื่อถามว่าหน้าตาของรัฐมนตรีใหม่จะออกมาดีหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ต้องดีสิ จะไม่ดีได้อย่างไร จะเป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ
ไม่รู้‘ธรรมนัส’นั่งดีอีเอส
ต่อข้อถามว่าร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ จะไปนั่ง รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) จริงหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ตนไม่รู้ ต้องถามนายกฯ ที่เป็นคนจัดว่าใครอยู่กระทรวงไหน ตนส่งแต่รายชื่อให้พิจารณา หน้าที่ตนคือส่งคนที่มีความรู้ความสามารถไปเท่านั้น ทุกอย่างเป็นอำนาจของนายกฯคนเดียว ซึ่งไม่ได้มาปรึกษาตน เป็นความรับผิดชอบของใครของมัน และที่ผ่านมาก็ไม่ได้ปรึกษาว่าตนจะส่งใคร
เมื่อถามว่ารายชื่อที่ส่งไปตรงตามที่ปรากฏในสื่อหรือไม่ เช่น นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ไปเป็นรมว.ศึกษาธิการ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะไปรู้ได้อย่างไร ตนแค่ส่งชื่อ เมื่อถามว่าพรรคร่วมรัฐบาลได้หารือกับพปชร. เพื่อขอสลับเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่มี
‘ชัยวุฒิ’รับมีชื่อเป็นแคนดิเดต
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.สิงห์บุรี และรองเลขาธิการ พปชร. ให้สัมภาษณ์ถึงข่าวยอมรับว่าผู้ใหญ่ในพรรคระบุจะได้เป็นรัฐมนตรีว่า ตนไม่ได้พูดว่าได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างแน่นอน เพียงแต่ทราบข่าวว่าพปชร.ได้เสนอชื่อให้นายกฯ พิจารณา ส่วนจะได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับนายกฯ และจะอยู่กระทรวงไหนก็ไม่รู้ จนถึงขณะนี้ยังไม่มีผู้ใหญ่แจ้งอะไรมาให้ทราบ สำหรับตน หากผู้ใหญ่มอบหมายไม่ว่าอยู่ตรงไหน พร้อมทำงานเต็มที่ทุกบทบาทอยู่แล้ว
ปชป.ย้ำจำนวนรมต.เท่าเดิม
ที่กระทรวงพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณ วิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงการปรับครม.ว่า โควตาพรรคยังเหมือนเดิม พรรคจะประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) และประชุมส.ส.ในวันที่ 12 มี.ค.นี้ เพื่อพิจารณาบุคคลที่ เหมาะสม ก่อนเสนอรายชื่อให้กับนายกฯ ส่วนที่จะสลับเก้าอี้กับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ระหว่างรมช.พาณิชย์ กับรมช.คมนาคมนั้น ได้มอบให้นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค เป็นผู้พิจารณา แต่ยืนยันว่าพรรคจะได้จำนวนเก้าอี้รัฐมนตรีเหมือนเดิม โดยหลังประชุมพรรคก็จะได้ข้อยุติ
นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษก ปชป. กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านยื่นตรวจสอบนายจุรินทร์ ต่อป.ป.ช. กรณีปล่อยให้มีการทุจริตในอคส.นั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวเนื่องจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นไปตามกระบวนการ ซึ่งพรรคพร้อมชี้แจง เราเชื่อมั่นในความซื่อสัตย์สุจริตและไม่มีสิ่งใดน่ากังวล เพราะข้อมูลที่นาย จุรินทร์ชี้แจงตอนอภิปราย เป็นฐานข้อมูลที่สำคัญและทีมกฎหมายพรรคได้เตรียมข้อมูลเอกสารหลักฐานต่างๆ เอาไว้มากพอสมควร จึงไม่กังวลใดๆ และน้อมรับการตรวจสอบ
ยอมแลกรมช.พณ.กับคมนาคม
รายงานข่าวจากปชป. แจ้งว่า ชัดเจนแล้วว่า ปชป.จะสลับเก้าอี้รัฐมนตรีกับภท. คือรมช.พาณิชย์ กับรมช.คมนาคม โดยภท.เป็นฝ่ายเสนอมา และแกนนำปชป.ก็เห็นด้วย เนื่องจากทราบว่าช่วงที่นายถาวร เสนเนียม เป็นรมช.คมนาคม มีอุปสรรคหลายอย่างจึงส่งผลให้ทำงานได้ไม่เต็มที่ จึงคิดว่าถ้ารมว.กับรมช.มาจากพรรคเดียวกัน จะทำให้การทำงานราบรื่นขึ้น สำหรับรายชื่อแคนดิเดตของพรรคเหลืออยู่ 3 คนคือ นายสินิตย์ เลิศไกร ส.ส.สุราษฎร์ธานี นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง และนายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช
กดดันเปลี่ยนตัว‘คุณหญิงกัลยา’
ขณะเดียวกันยังเกิดแรงกระเพื่อมในปชป.อีกครั้ง มีส.ส.บางกลุ่ม เห็นว่าน่าจะถึงรอบของการประเมินผลงานของรัฐมนตรีของพรรคบางคน ที่ไม่ปรากฏผลงานเป็นรูปธรรมจับต้องได้ ซึ่งพุ่งเป้าไปที่คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศึกษาธิการ และรองหัวหน้าพรรค เนื่องจากผลงานไม่เป็นที่ประจักษ์ และไม่ดูแลส.ส.เขต รวมถึงในการลงพื้นที่ไปช่วยรณรงค์หาเสียง ก็จำชื่อส.ส.หรือจำจังหวัดของส.ส.เขตสลับกัน ทำให้ส.ส.จำนวนหนึ่งกดดันไปถึงผู้บริหารพรรคหรือ กก.บห.ให้พิจารณาปรับเปลี่ยนตัวผู้เป็นรมช.ศึกษาธิการด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับที่ประชุม กก.บห.ว่าจะหยิบยกเรื่องนี้มาพิจารณาด้วยหรือไม่
วีรศักดิ์พร้อม-รอ‘อนุทิน’ตัดสิน
นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ และแกนนำ ภท. กล่าวถึงข่าวโยกไปเป็นรมช.คมนาคมว่า ไม่ทราบและยังไม่มีการคุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรค ซึ่งการตัดสินใจสลับเก้าอี้รัฐมนตรี ขึ้นกับหัวหน้าพรรค หากโยกย้ายไปจริงก็ไม่มีปัญหา ตนพร้อมทำงานเพื่อพรรคและพรรคร่วมรัฐบาล แต่ขณะนี้ตนยังทำงานอยู่กระทรวงพาณิชย์
โปรดเกล้าฯเปิดสภาสมัยวิสามัญ
วันเดียวกัน เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) เรียกประชุมสมัยวิสามัญรัฐสภา พ.ศ. 2564 ความว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดี ศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้า เจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่มีความจำเป็นเพื่อประโยชน์แห่งรัฐ สมควรที่จะเรียกประชุมรัฐสภาเป็นการประชุมสมัยวิสามัญ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 122 และมาตรา 175 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตราพ.ร.ฎ. เรียกประชุมสมัยวิสามัญแห่งรัสภา ตั้งแต่วันที่ 17 มี.ค. 2564 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ

ไม่พูด – พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โบกมือไม่ให้สัมภาษณ์ หลังถูกวิจารณ์หนักเป็นข่าวอื้อฉาวถึงต่างประเทศ จากการใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ไล่ฉีดใส่สื่อมวลชน ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 10 มี.ค.