ร่วมกันเผาป้ายหน้าคุก
ศาลเบิกไผ่-ไมค์-โตโต้
ไต่สวน-ส่งผิดเรือนจำ

หมายจับเพิ่มอีกคดี 112 เพื่อนสาวคนสนิทแอมมี่โดนด้วย ฐานร่วมกันวางเพลิงเผาพระบรมฉายาลักษณ์และป้ายหน้าคุกคลองเปรม พนักงานสอบสวนสน.ประชาชื่นยื่นร้องขอเป็นครั้งที่ 2 ระบุผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี ส่วนอีกคนออกหมายเรียกมาให้ปากคำ เจ้าตัวรุดพบตำรวจแล้ว ด้านผบช.น.เตรียมรับมือม็อบเดินทะลุฟ้า 2 วันเสาร์นี้ เคลื่อนขบวนไปปักหลักทำเนียบรัฐบาล พร้อมส่งกำลังดูแลอ้างเป็นสถานที่ห้ามชุมนุม ศาลเบิกตัวไผ่-ไมค์-โตโต้ มาไต่สวน หลังทนายความสิทธิมนุษยชนยื่นร้องราชทัณฑ์ส่งไปคุมขังไม่เป็นไปตามคำสั่งศาล นัดฟังคำสั่งวันจันทร์นี้

เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. กล่าวถึงความคืบหน้าคดีนายไชยอมร แก้ววิบูลย์พันธุ์ หรือแอมมี่ นักร้องชื่อดัง ถูกจับกุมคดี 112 หลังก่อเหตุวางเพลิงเผาทรัพย์สินราชการ ที่หน้าเรือนจำกลางคลองเปรมว่า คดีมีความคืบหน้าพนักงานสอบสวนสน.ประชาชื่น รวบรวมพยานหลักฐานไปขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับ ผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 คนเป็นหญิงสาวคนสนิทของนาย ไชยอมร ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และร่วมกันวางเพลิง เผาทรัพย์ นอกจากนี้ ยังออกหมายเรียกผู้ร่วม ก่อเหตุอีก 1 คน มาให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนสน.ประชาชื่น ในวันที่ 12 มี.ค.ด้วย

ผบช.น. เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้พนักงานสอบสวนขอศาลอนุมัติหมายจับสาวคนสนิทคนดังกล่าว แต่ศาลยกคำร้อง โดยให้ออกหมายเรียกแทน จากนั้นพนักงานสอบสวนจึงรวบรวมพยานหลักฐานใหม่ พร้อมระบุว่า ผู้ต้องหามีพฤติการณ์หลบหนี เตรียมการ เดินทางออกนอกประเทศ ต่อมาศาลจึงอนุมัติเป็นหมายจับ ขณะนี้ชุดสืบสวนบช.น.อยู่ระหว่างการติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป

ส่วนการเตรียมความพร้อมดูแลกลุ่ม ผู้ชุมนุมนัดเดินทะลุฟ้า 2 ที่จะเดินทางไปทำเนียบรัฐบาล ในวันที่ 13 มี.ค.นั้น พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวว่า ทำเนียบรัฐบาลเป็นสถานที่ห้ามชุมนุมอยู่แล้ว การรักษาความสงบเรียบร้อยดูการข่าวเป็นหลัก ต้องให้เขาทำตามกรอบของกฎหมาย ถ้าไม่เคลื่อนได้ก็ไม่เคลื่อน เขายืนยันว่าจะเคลื่อนขบวน เราพยายามจะจัดเส้นทางเลี่ยง และจำกัดพื้นที่ชุมนุมให้เดือดร้อนน้อยที่สุด ขึ้นอยู่กับ ผู้ชุมนุมถ้าไม่ใช้ความรุนแรง เราก็ไม่รุนแรง ถ้ามีการข่าวว่ากลุ่มบุคคลจะสร้างความรุนแรง ตำรวจนครบาลก็ต้องดำเนินการ ขณะนี้ยังไม่มีการข่าวความรุนแรงดังกล่าว

มีรายงานข่าวแจ้งว่ากรณีการจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำอัน มิบังควรต่อสถาบันและทำลายทรัพย์สินราชการว่า คดีดังกล่าวตำรวจชุดสืบสวน กก.3 บก.ส.1 และบช.ส. จับกุมนายพรชัย วิมล ศุภวงศ์ อายุ 38 ปี ชาว จ.แม่ฮ่องสอน ได้ที่หน้าอาคารชุดยูดีไลท์ รัตนาธิเบศร์ ซอยรัตนา ธิเบศร์ 1 ถนนรัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี ผู้ต้องหา หลังพนักงานสอบสวนสภ.แม่โจ้ ขออนุมัติหมายตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ที่ 537/2563 ข้อหาดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ กระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจาหนังสือหรือวิธีอื่นใด อันมิใช่เป็นการกระทำภายในความมุ่งหมายแห่งรัฐธรรมนูญ หรือมิใช่เพื่อแสดงความคิดเห็นหรือติชมโดยสุจริต เพื่อให้เกิดความปั่นป่วนหรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชน ถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบขึ้นในราชอาณาจักร และนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง แห่งราชอาณาจักร

พล.ต.ท.ภัคพงศ์เปิดเผยว่า ชุดสืบสวนบช.น. และตำรวจสันติบาล จับกุมผู้ต้องหา 1 ราย ตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ดูหมิ่นอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ข้อหานำเข้าข้อมูลเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์มันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ผู้ต้องหาก่อเหตุที่หน้าสภ.แม่โจ้ จ.เชียงใหม่ และเป็นผู้ชุมนุมร่วมกับกลุ่มราษฎร เคยก่อเหตุพ่นสีรั้วสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อวันที่ 18 พ.ย.63 และเป็นผู้เผาทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ และสิ่งของที่หน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 6 ม.ค. หลังก่อเหตุทุกครั้งได้นำภาพและคลิปวิดีโอลงเผยแพร่ในเฟซบุ๊ก โดยใช้ชื่อว่ามาริโอ้ ชินร์เซ (Mario Chinrxe) และยังเคยกระทำความผิดในลักษณะเดียวกันที่จ.ยะลา สอบสวนนายพรชัยให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและไม่ให้การใดๆ จึงนำตัวส่งสภ.แม่โจ้ ส่วนคดีที่เกิดขึ้นในกทม.ทั้งสองคดี อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานขออำนาจศาลอาญาออกหมายจับก่อนอายัดตัวมาดำเนินคดี

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายจักรพงศ์ กลิ่นแก้ว ตัวแทนศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และเครือข่ายปกป้องสถาบัน ได้ยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ผ่านนายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกฯ เรื่องการปกป้องซึ่งพระเกียรติยศของสถาบัน จากกรณีเผาพระบรมฉายาลักษณ์ ที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก

นายจักรพงศ์อ้างว่า ต้นเหตุของปัญหาชุมนุมดังกล่าวเกิดจากการยุยง ปลุกปั่น เสี้ยมสอนจากอาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีแนวคิดล้มสถาบัน และล้มล้างการปกครอง ที่ฝังตัวอยู่ตามมหาวิทยาลัยต่างๆ มีการกลั่นแกล้งนักศึกษาที่ไม่เข้าร่วมขบวนการ ถือเป็นภัยความมั่นคงของชาติอย่างใหญ่หลวง จึงอยากให้นายกฯ ลงไปแก้ไขปัญหาโดยด่วน ให้นำมหาวิทยาลัยของรัฐบาลทั้งหมด เข้ามาอยู่ ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด หรือพิจารณาให้อาจารย์ที่มีแนวคิดล้มล้างสถาบันพ้นสภาพการเป็นอาจารย์ และขอให้พิจารณาร่างหลักสูตรการศึกษาของเด็กนักเรียน ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงมัธยมปลาย และเพิ่มวิชาการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ความกตัญญูต่อบิดามารดา ความรักชาติศาสนา และพระมหากษัตริย์

วันเดียวกัน พรรควิฬาร์ได้เชิญชวนพี่น้องชาวเชียงใหม่และใกล้เคียง ที่ทนไม่ได้กับการบริหารประเทศที่ย่ำเเย่ของรัฐบาลสืบทอดอำนาจของ คสช. สาเหตุของการขับไล่ประยุทธ์ จันทร์โอชา ครั้งนี้สืบเนื่องมาจาก 1.การบริหารราชการแผ่นดินที่ล้มเหลว 2. เเทรกแซงอำนาจตุลาการ และ 3.ทำลายความเป็นประชาธิปไตยในประเทศ

ทั้งนี้จะมีกิจกรรมตื่นเต้น, การเเสดงฟรีอาร์ต, กิจกรรมเเจกของที่ระลึก“คณะราษฎร” และกิจกรรมไคลแม็กซ์อีกมากมาย โดยเชิญ ผู้มีใจรักในประชาธิปไตยทุกท่าน วันอาทิตย์ที่ 14 มีนาคม 2564 ณ สนามหญ้า หน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ตรงข้ามกาดมาลิน พลาซ่า ในเวลา 17.00 น. เป็นต้นไป

วันเดียวกัน ที่ห้องพิจารณา 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลไต่สวนกรณีทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เข้ายื่นคำร้องขอให้ศาลออกคำสั่งให้นำตัว นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ แกนนำกลุ่ม Wevo (ผู้ต้องหา คดีอั้งยี่), นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน และนายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ แกนนำกลุ่มราษฎร (จำเลยคดีหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ป.อาญา ม.112) ซึ่งไม่ได้รับการประกันตัวถูกนำไปคุมขัง ย้ายจากเรือนจำพิเศษธนบุรีมาคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานคร ให้ตรงกับหมายขังระหว่างสอบสวนและพิจารณาคดี หลังจาก เมื่อวันที่ 10 มี.ค. ศาลได้ไต่สวนทั้งสาม และเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ผ่านระบบวิดีโอ คอนเฟอเรนซ์ แต่ยังไม่เสร็จสิ้น

วันนี้ ศาลจึงให้เบิกตัวนายปิยรัฐ, นาย จตุภัทร์ และนายภาณุพงศ์ จากเรือนจำพิเศษธนบุรีมาศาลอาญา เพื่อไต่สวนต่อ โดยเมื่อเบิกตัวมาถึง ทั้งสามซึ่งถูกควบคุมตัวลงจากรถตู้เรือนจำเข้าห้องคุมขังใต้ศาล ได้ชูสามนิ้วทักทายผู้ที่เดินทางมาให้กำลังใจจำนวนหนึ่ง ขณะที่ในการไต่สวนมีญาติผู้ใกล้ชิดทนายความ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า เดินทางมาร่วมรับฟังการไต่สวน อย่างไรก็ตาม ศาลไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้ารับฟังการไต่สวนในครั้งนี้

หลังเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า วันนี้ศาลเบิกตัวโตโต้, ไผ่ และไมค์ จากเรือนจำพิเศษธนบุรีมาไต่สวนตามที่เราได้ยื่นคำร้องไว้ ซึ่งภายหลังไต่สวนเสร็จแล้ว ศาลนัดฟังคำสั่งวันที่ 15 มี.ค.นี้ เวลา 11.00 น. เรื่องนี้เกิดขึ้นจากเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2564 ที่มีการยื่นฟ้องแล้วศาลไม่ให้ประกัน ไผ่, ไมค์ และน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็ ได้พาทั้งสามคนไปคุมขัง โดยส่งรุ้งไปที่ทัณฑสถานหญิงกลาง ถ.งามวงศ์วาน

ขึ้นศาล – เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ คุมตัว ‘ไผ่’ จตุภัทร์, ‘ไมค์’ ภาณุพงศ์ และ ‘โตโต้’ ปิยรัฐ แกนนำม็อบราษฎร มายังศาลอาญา เพื่อไต่สวนเรื่องขอย้ายจากเรือนจำพิเศษธนบุรีมาคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 11 มี.ค.

หลังจากนั้น รถได้อ้อมพาไผ่และไมค์ไปที่เรือนจำพิเศษธนบุรี นี่เป็นคำบอกเล่าจาก ตัวจำเลย ซึ่งทนายความและญาติไม่มีใครทราบ จนมาทราบข่าวจากที่ผู้บัญชาการเรือนจำแถลงว่า เพื่อลดความแออัด จึงนำทั้งสองไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษธนบุรี ซึ่งตนมาดูหมายขังของศาลระบุว่า ให้นำทั้งสองไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ และตาม ป.วิ.อาญา ก็บัญญัติไว้ว่าให้ขังยังสถานที่ซึ่งศาลออกหมายขัง แต่สอบถามไปยังเรือนจำพิเศษธนบุรี ก็ได้ความว่ามีการโอนย้ายไป คุมขัง เมื่อวันที่ 8 มี.ค. และตรวจสอบพบว่า ผู้บัญชาการเรือนจำเพิ่งทำหนังสือแจ้งศาลเมื่อวันที่ 10 มี.ค. หลังจากเราได้ยื่นไต่สวนคำร้องแล้ว เราก็ค้านไว้ว่าตามกฎหมายจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาล

นายกฤษฎางค์กล่าวต่อว่า ราชทัณฑ์ได้อ้างในการไต่สวนว่า ถ้าหากมีเหตุจำเป็นสามารถย้ายผู้ถูกคุมขังได้ แล้วค่อยรายงานศาล หากเป็นเหตุด่วนให้ย้ายได้ ถ้าอ้างความปลอดภัย ก็แปลว่าเรือนจำพิเศษธนบุรีมีความปลอดภัยมากกว่าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ใช่หรือไม่ ทั้งที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นเรือนจำชั้นหนึ่งแล้ว ตรงนี้เป็นเรื่องน่าสงสัยที่เราตั้งข้อสังเกต โดยวันที่ 15 มี.ค.นี้ ที่ศาลนัดฟังคำสั่ง ยังเป็นวันนัดพร้อมตรวจพยานหลักฐานคดีแกนนำราษฎรชุมนุมวันที่ 19-20 ก.ย.2563 พนักงานอัยการได้ยื่นขอรวมสำนวนระหว่างจำเลยที่ถูกฟ้องชุดแรก คือกลุ่มนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ กับพวกรวม 4 คน กับชุดราษฎร 18 คน ที่ฟ้องเมื่อวันที่ 8 มี.ค. ซึ่งทนายความคงไม่คัดค้านการรวมสำนวน เพราะเห็นว่าเป็นพยานหลักฐานชุดเดียวกัน ตรงนี้ยิ่งแสดงให้เห็นว่า เมื่อพยานหลักฐานชุดเดียวกันต้องคุมขังไว้เรือนจำเดียวกัน เพื่อจะได้ปรึกษากันเวลาทนายความไปเยี่ยม จะได้เบิกตัวมาคุยเรื่องคดีด้วยกัน ส่วนที่ราชทัณฑ์อ้างเรื่องเพื่อความปลอดภัย ตนว่าฟังไม่ขึ้น ตรงนี้เป็นการละเมิดสิทธิ เราจึงมาร้องศาล

เมื่อถามถึงข้อสงสัยว่าราชทัณฑ์อาจจะเกรงเรื่องม็อบชุมนุมหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ นายกฤษฎางค์กล่าวว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นราชทัณฑ์ก็ต้องมาขออนุญาตต่อศาล อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 12 มี.ค. จะมายื่นประกันตัวจำเลยกลุ่มราษฎรที่ไม่ได้ประกันตัว โดยใช้หลักทรัพย์เดิมอีกครั้ง

ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า วันเดียวกันนี้ที่สน.ประชาชื่นเวลา 10.30 น. นายธนพัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 18 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย โรงเรียนแห่งหนึ่ง เดินทางเข้ารับทราบข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ และมาตรา 217 วางเพลิงเผาทรัพย์ตามหมายเรียกของสน. ประชาชื่น เหตุวางเพลิงเผาพระบรมฉายาลักษณ์ บริเวณด้านหน้าเรือนจำกลางคลองเปรม ในช่วงเช้ามืดวันที่ 28 ก.พ.

ทั้งนี้ นายธนพัฒน์ให้การปฏิเสธตลอด ข้อกล่าวหา และประสงค์ให้ดำเนินการพิจารณาในกระบวนการยุติธรรมแบบเยาวชน และดำเนินการพิจารณาคดีที่ศาลเยาวชนและครอบครัว เนื่องจากเพิ่งอายุ 18 ปี 9 วันในวันที่เกิดเหตุ เมื่อกระบวนการสอบสวนเสร็จสิ้นได้รับการปล่อยตัวในชั้นสอบสวน โดยไม่ต้องวางหลักประกัน เนื่องจากได้มาปรากฏตัวต่อหน้าพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ไม่มีเหตุให้ควบคุมตัว

จัดต่อเนื่อง – กลุ่มผู้ชุมนุมจัดกิจกรรมหน้าสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อโศก กทม. ภายใต้แคมเปญราษฎรเอ้ย 3 วันไม่พอสำหรับเรา ต่อด้วยการส่งเสียงเรียกร้องต่อเนื่องทุกวัน โดยเรียกร้องปล่อยตัวแกนนำ และโจมตีรัฐบาลใช้มาตรา 112 ดำเนินคดีกับผู้เห็นต่าง เมื่อวันที่ 11 มี.ค.

เวลา 17.00 น. ที่สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อโศก แยกอโศก-มนตรี กลุ่มประชาชนได้นัดรวมตัวกันมาชุมนุม ภายใต้แคมเปญราษฎรเอ้ย 3 วันไม่พอสำหรับเรา ต่อด้วยการส่งเสียงเรียกร้องต่อเนื่องทุกวัน ซึ่งผู้ชุมนุมประมาณ 200 คน ปราศรัยเกาะกลางหน้าห้างเทอร์มินอล 21 โดยสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัย เรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำที่ถูกจับกุมและไม่ได้ประกันตัว และวิจารณ์การกระทำของรัฐบาล ที่นำมาตรา 112 มาใช้ดำเนินคดีกับผู้เห็นต่างทางการเมือง และกล่าวถึงคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย

สำหรับบรรยากาศเป็นไปด้วยความเรียบร้อย ไม่ได้มีการปิดถนน หรือขัดขวางการจราจรแต่อย่างใด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจคอยดูแลและอำนวยความสะดวก

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน