จากเหตุลิ่มเลือดอุดตัน
‘สธ.’สั่งป้องกันไว้ก่อน
รอตรวจสอบ2สัปดาห์
แอสตราฯยันปลอดภัย
นายกฯอ้าง-ไม่ได้กลัว
แต่ต้องฟังหมอเตือน
‘บิ๊กตู่-ครม.’ ระงับฉีดด่วนวัคซีน ‘แอสตราเซเนกา’ หลังในยุโรปฉีดแล้วเสียชีวิต จากเหตุลิ่มเลือด อุดตัน สธ.ถกด่วน ทีมแพทย์ก่อนสั่งชะลอฉีดทั้งหมด รอผลตรวจสอบจากยุโรปอีก 2 สัปดาห์ เบื้องต้นชี้ไม่น่าจะเกิดจากวัคซีนตัวนี้ แต่ป้องกันไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัย ‘บิ๊กตู่’ ลั่นไม่กลัว แต่ต้องทำตามหมอแนะนำ ขณะที่แอสตราเซเนกายืนยันวัคซีนของตนเองปลอดภัย ศบค.พบไทยติดเชื้อเพิ่มอีก 81 ราย ด้านผู้ว่าฯสมุทรสาครจ่อออกจากโรงพยาบาล 19 มี.ค.นี้
วัคซีนวุ่น‘บิ๊กตู่’เลื่อนฉีด
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีมีการแชร์ข่าวกระทรวงสาธารณสุขของเดนมาร์ก ประกาศระงับการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของบริษัทแอสตราเซเนกาเป็นการชั่วคราว หลังมีรายงานกรณีการเกิดภาวะลิ่มเลือด อุดตันในผู้ที่ได้รับวัคซีนบางราย เพื่อรอการตรวจสอบรายงานที่เกิดขึ้น
ขณะเดียวกันมีอีก 6 ชาติในยุโรปที่ระงับการฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาเช่นกัน โดยวัคซีนดังกล่าวเป็นตัวเดียวกับที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จะฉีดเข็มแรกตามกำหนดการกับรัฐมนตรีคนอื่นๆ ในเวลา 09.00 น. วันเดียวกันนี้ แต่เมื่อเวลา 08.20 น. นพ.อภิชาติ วชิรพันธ์ ผอ.สถาบันบำราศ นราดูร แถลงขอเลื่อนการฉีดวัคซีนวันนี้ โดยจะยกเลิกทั้งหมดคือทั้งของแอสตรา เซเนกา และซิโนแวค
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดช่วงเช้า ก่อนจะมีการประกาศเลื่อนการรับวัคซีนของนายกฯ และครม. เจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขและคณะแพทย์ ทยอยมาเตรียมความพร้อมและคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ประชุมกันตั้งแต่เวลา 06.30 น. อย่างเคร่งเครียด
เลื่อนฉีด – คณะแพทย์แถลงข่าวเลื่อนการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา ให้กับนายกรัฐมนตรี และรมต. หลังประเทศในทวีปยุโรปพบผู้ป่วยลิ่มเลือดอุดตันหลังได้รับวัคซีน ที่กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 12 มี.ค.
ทีมหมอถกเครียด-ก่อนสั่งชะลอ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงเช้า กระทรวงสาธารณสุขเชิญคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาหารือถึงการรายงานเรื่องลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ หลังมีการฉีดวัคซีนของ แอสตราเซเนกาในยุโรป
จากนั้นเวลา 09.00 น. นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์และแผนงานการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019, ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, ศ.พญ.กุลกัญญา โชคไพบูลย์กิจ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, ศ.พญ.สมศรี เผ่าสวัสดิ์ นายกแพทยสภา และนพ. เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดแถลงข่าวเกี่ยวกับการเลื่อนฉีดวัคซีนโควิดให้กับนายกฯ และครม. ที่สถาบันบำราศ นราดูร เนื่องจากยุโรปมีรายงานเกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำและชะลอการฉีดวัคซีนของแอสตราเซเนกา
นพ.ปิยะสกลกล่าวว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องชะลอการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกาไปก่อน เนื่องจากเมื่อคืนมีการประกาศจากประเทศเดนมาร์ก ออสเตรีย และประเทศในยุโรปที่เอาวัคซีนของแอสตราฯ ไปฉีดนับล้านโดส แต่เจอผลข้างเคียง ทำให้เลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ มีผลไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น ดังนั้น เดนมาร์กประกาศชะลอการฉีด วัคซีนแอสตราฯ ไปก่อน คณะแพทย์และทีมงานด้านการฉีดวัคซีนต้องนำมาพิจารณา คือการฉีดวัคซีนให้คนไทย สธ.และทีมคณะแพทย์หวังอย่างเดียวว่า วัคซีนต้องปลอดภัยที่สุดสำหรับประชาชน เมื่อมีเหตุไม่พึงประสงค์จึงไม่ต้องรีบฉีด แม้วัคซีนแอสตราฯ จะมีคุณภาพและประสิทธิภาพที่ดี เมื่อมีคนบอกให้ชะลอ เราก็ควรรอฟังผล การไปสืบค้นสาเหตุว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ ประเทศไทยควรใช้โอกาสให้ความปลอดภัยประชาชนมากสุดชะลอไว้ แล้วรอผลการสืบค้นว่าเกี่ยวกับวัคซีนหรือไม่
“ความปลอดภัยของประชาชนคือเป้าหมายสูงสุดของสธ. เพราะฉะนั้นวัคซีนของแอสตราฯ ไม่ใช่วัคซีนที่ไม่ปลอดภัย ฉีดทั้งโลกแล้ว 34 ล้านโดส มีผลข้างเคียงบ้าง แต่มีการสืบค้นอยู่เพื่อความปลอดภัย เราต้องรอฟัง ก็ชะลอไปอย่างมาก 1-2 สัปดาห์ ถ้าผลออกมาถูกต้อง ก็ยิ่งสร้างความมั่นใจว่า วัคซีนที่ฉีดประชาชนได้รับการยืนยันชัดเจนว่าปลอดภัย ถึงเอามา ฉีดประชาชนของเรา” นพ.ปิยะสกลกล่าว
ผวายุโรปตายจากลิ่มเลือดอุดตัน
ด้านศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าข้อมูล ไม่ได้ถูกยืนยันชัดเจนว่าคืออะไร จะทำให้ตื่นตระหนกและสับสน เรื่องนี้สืบเนื่องจาก แอสตราฯ ส่งวัคซีนรุ่นผลิต “ABV5300” จำนวน 1 ล้านโดส ให้แก่ 17 ประเทศในสหภาพยุโรป มีการทยอยฉีด สิ่งที่เกิดขึ้น คือเดนมาร์กมีผู้ป่วย 1 รายเสียชีวิต และมีผู้ป่วยหลายรายเกิดลิ่มเลือดเกิดขึ้น รัฐบาลเดนมาร์กจึงประกาศชะลอการฉีด 2 สัปดาห์ แต่ยัง ไม่ได้บอกว่าเกี่ยวข้องกับวัคซีน แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ตามปกติจะชะลอการฉีดเพื่อสืบค้นว่าเกี่ยวกับวัคซีนหรือไม่ นอกจากนี้ ไอซ์แลนด์ และนอร์เวย์ ก็ประกาศหยุดการใช้ โดยไอซ์แลนด์แจ้งว่าไม่ได้เกิดเหตุการณ์ลิ่มเลือด แต่ประกาศชะลอเพื่อความปลอดภัยและรอดูผลขององค์กรหนึ่ง คือ European Medicine Agency (EMA) ทำหน้าที่สืบค้น ซึ่งเมื่อวาน EMA ประกาศว่า ไม่ได้ให้หยุดการใช้ วัคซีนแอสตราฯ ปลอดภัย แต่เมื่อ เกิดเหตุการณ์ก็ต้องลงไปตรวจสอบอีกครั้ง
“ประเทศต่างๆ ที่ชะลอใช้วัคซีน คือออสเตรีย เอสโตเนีย ลิทัวเนีย ลักเซมเบิร์ก ลัตเวีย เพราะมีการใช้วัคซีนในรุ่นเดียวกัน โดยขอดูการคอนเฟิร์มอีกครั้งจาก EMA ส่วนวัคซีนแอสตราฯ ของไทยไม่ได้เอามาจากแหล่งเดียวกัน จึงขอสรุปสั้นๆ ว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นหลังฉีดวัคซีนจะมีการสืบค้น EMA ได้ไปประเมินอุบัติการณ์การเกิดลิ่มเลือดและเทียบกับคนไม่ได้ฉีดวัคซีนในกลุ่มประเทศทางยุโรป พบว่าตัวเลขไม่แตกต่างกัน จึงเป็นเหตุผล EMA บอกว่าไม่ควรสัมพันธ์กับการฉีดวัคซีนตัวนี้ แต่เพื่อความปลอดภัย ไม่ว่าใช้ยาหรือวัคซีนเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้จะมีการหยุดการใช้ก่อนและสืบค้นจนกว่าจะชัดเจน” ศ.นพ.ประสิทธิ์กล่าว
‘หมอยง’ชี้เกิดแค่ 7 ในล้าน
ส่วนศ.นพ.ยงกล่าวว่า การฉีดวัคซีนจำนวนมากโอกาสเกิดอาการไม่พึงประสงค์หรืออาการอื่นๆ ร่วมกับการฉีดวัคซีนเกิดขึ้นได้ เมื่อเกิดขึ้นจะต้องพิสูจน์ว่าโรคหรืออาการนั้นเกี่ยวข้องกับวัคซีนหรือไม่ และมีการสอบสวน ส่วนกรณีการชะลอการใช้วัคซีนหลังเกิดลิ่มเลือด ต้องอธิบายว่า ลิ่มเลือดนั้นเกิดขึ้นได้ในยามปกติ โดยเฉพาะการนั่งนานๆ หรือผู้สูงอายุที่นอนนานๆ มีโอกาสเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดดำ และมีโอกาสหลุดไปอุดในปอด เพราะเลือดดำไหลเข้าปอด ทำให้เลือดกลับเข้าปอดไม่ได้ โดยเฉพาะก้อนใหญ่ๆ อาจทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิต อุบัติการณ์นี้พบมากในคนเชื้อชาติ แอฟริกันและยุโรปมากกว่าเอเชีย โดยยุโรปพบมากกว่าเอเชียถึง 3 เท่า เชื่อว่ามาจากปัจจัยทางพันธุกรรม จะเห็นว่าเวลาขึ้นเครื่องบินถึงมี คำแนะนำให้ต้องขยับ และดื่มน้ำมากๆ
“กรณีที่เกิดขึ้นมีการฉีดวัคซีนไป 3 ล้านโดส มีผู้ป่วยเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ 22 ราย จำนวนนี้เสียชีวิต 1 ราย อุบัติการณ์ประมาณ 7 ในล้านราย จึงต้องมีการสอบสวนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดในภาวะปกติ ในคนธรรมดาที่แม้ไม่ฉีดวัคซีนก็เกิดหรือไม่ เท่ากันหรือไม่ ถ้าบอกว่าฉีดแล้วเกิดมากกว่าในภาวะปกติ ก็ต้องหาสาเหตุว่าวัคซีนไปทำให้เกิดอะไรถึงทำให้ลิ่มเลือดแข็งตัวได้ง่าย อย่างกรณีนอร์เวย์ที่ฉีดของไฟเซอร์แล้วมีผู้เสียชีวิต 28 คน ต่อมาพบว่าส่วนใหญ่เกิดในผู้สูงอายุ สถานพักคนชรา อายุมากกว่า 80 ปี เมื่อตรวจสอบลงลึกไม่เกี่ยวข้องกับวัคซีน เมื่อใดมีอุบัติการณ์เกิดขึ้นต้องสงสัยไว้ก่อน” ศ.นพ.ยงกล่าว
ศ.นพ.ยงกล่าวด้วยว่า การเลื่อนการฉีดวัคซีนครั้งนี้ไม่ได้บอกว่าวัคซีนไม่ดี หรือมีปัญหา แต่เพื่อดูสถานการณ์ให้พิสูจน์ว่าเกี่ยวข้องหรือไม่ เฉพาะรุ่นนั้นหรือไม่ เพราะรู้ว่าวัคซีนที่ใช้ในยุโรปกับที่เราใช้คนละรุ่นกัน เพราะของยุโรปใช้ที่ผลิตในยุโรป ของเราได้จากโรงงานในเอเชีย เราชะลอเพื่อตรวจให้แน่นอน และไทยไม่ได้เป็นประเทศเสี่ยงสูง การชะลอฉีดไป 5-7 วัน หรือ 2 สัปดาห์ก็ ไม่ได้เกิดผลกระทบอะไร แต่เพื่อความปลอดภัย คณะกรรมการเห็นว่าควรให้ชะลอก่อนและรอผล ไม่ได้บอกว่ายุติการฉีด
ชี้เกิดกับชาวยุโรปมากกว่าเอเชีย
“การแข็งตัวของเลือดปัจจัยสำคัญคือ เชื้อชาติ คนยุโรปและแอฟริกันเป็นมากกว่าเอเชีย พันธุกรรมมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่เหตุการณ์ แข็งตัวของเลือดไม่เคยเกี่ยวข้องกับวัคซีนตัวใดมาก่อน แต่วัคซีนตัวนี้เป็นวัคซีนใหม่ หรือมาดูส่วนผสมในตัวยาในนั้น ไม่มีตัวยาไหนที่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ไปกระตุ้นการแข็งตัวของเลือดผิดปกติ ไม่มี แต่เป็นการศึกษาด้านระบาดวิทยาเท่านั้น
‘อนุทิน’ชะลอเพื่อความปลอดภัย
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าฟังแถลงข่าวถึงสาเหตุการเลื่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกาที่เดิมจะฉีดให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเข็มแรกช่วงเช้า วันที่ 12 มี.ค. ว่า เราต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน นายกฯ ก็เป็นประชาชนคนหนึ่งที่จะเข้ารับการฉีดวัคซีน เมื่อตนทราบข่าวก็ เชิญคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญประชุมตั้งแต่ก่อน 07.00 น. และมีข้อสรุปว่าเพื่อความปลอดภัยและความมั่นใจของประชาชน ประกอบกับสถานการณ์ โควิด-19 ในไทยไม่รุนแรงและควบคุมได้ ก็มีความเหมาะสมที่เราจะรอดูการสืบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุโรป เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันเดียวกัน ผู้บริหาร สธ. เข้ารับวัคซีนของซิโนแวคด้วย อาทิ นพ. สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย และพญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก
‘บิ๊กตู่’แจงทำตามหมอแนะนำ
เมื่อเวลา 15.20 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังคณะแพทย์มีความเห็นให้เลื่อนการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตรา เซเนกาออกไปก่อนว่า ตนเห็นดราม่ากันไปเรื่อย คณะแพทย์แถลงมาเข้าใจหรือไม่ ซึ่ง มันจะทำให้เกิดปัญหาวุ่นวายในอนาคตต่อไปอีก เราต้องฟังคณะแพทย์ และวันนี้เขา แถลงไปแล้ว ก็ต้องรอสักระยะหนึ่งในการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มาจากต่างประเทศ
“สำหรับผมพร้อม เมื่อเช้าก็เตรียมตัวที่จะมาฉีด จะไปฉีดอยู่แล้ว แต่พอดีมีการแจ้งมาก็เลยไปไม่ได้เท่านั้นเอง อย่างไรก็ตามขอให้กำลังใจคณะแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข อธิบดีที่เกี่ยวข้อง ช่วยทำเรื่องนี้ให้เรียบร้อย โดยเฉพาะเรื่องการบริหารการฉีดวัคซีน ซึ่งผมเร่งไปแล้วฉีดวัคซีนให้มากยิ่งขึ้นใน แต่ละวัน” นายกฯกล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า อยากให้ประชาชนมั่นใจ เพราะสิ่งนี้คือสิ่งที่รัฐบาลให้ความสำคัญมาก ในการจะฉีดหรือไม่ฉีดก็ตามรัฐบาลก็หวังให้ประชาชนปลอดภัย ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีคนเดียวที่มีความสำคัญ แต่ประชาชนทุกคนมีความสำคัญ
ยันไม่ได้กลัวฉีดวัคซีนโควิด
ผู้สื่อข่าวถามว่าจากปัญหาวัคซีนดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับวัคซีนแอสตราเซเนกาในอนาคตที่จะเข้ามาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ก็รอฟังหมอ เมื่อถามอีกว่าเมื่อช่วงเช้าที่เลื่อนฉีดวัคซีน ไม่ใช่เป็นเพราะกลัวตามที่มีข่าวในต่างประเทศออกมาใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ผมอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ผมกลัวอะไรล่ะ ต้องกลัวอะไรอีกล่ะ”
พร้อมทิ้งท้ายว่า “เรื่องวัคซีนอย่าทำให้ดราม่ามันเสียหายไปหมด ผมว่าพอได้แล้ว”
อียูชี้วัคซีนไม่เกี่ยวลิ่มเลือดอุดตัน
วันเดียวกัน สำนักงานยายุโรป (EMA) ของสหภาพยุโรป(อียู) แถลงว่า ไม่มีข้อบ่งชี้ว่ามีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่อลิ่มเลือด โดยจำนวนผู้ได้รับวัคซีนและเป็นลิ่มเลือดไม่สูงกว่าประชากรทั่วไป แม้ว่านานาประเทศระงับวัคซีนแอสตราเซเนกาไว้ชั่วคราว ไม่ว่า เดนมาร์ก นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ ส่วนอิตาลีและออสเตรีย หยุดการใช้วัคซีนชุดที่มีอยู่ ซึ่งวัคซีนของอิตาลีและออสเตรียเป็นคนละชุดกัน ด้านเอสโตเนีย ลัตเวีย และลักเซมเบิร์กระงับการใช้วัคซีน ซึ่งเป็นชุดเดียวกับออสเตรีย และโรมาเนีย ระงับการใช้วัคซีน 4,200 เข็มที่มาจากชุดเดียวกับอิตาลี
แถลงการณ์ของ EMA เกิดขึ้นหลังจากพบกรณีมีคนจำนวนไม่มากเป็นลิ่มเลือดอุดตันหลังได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกา เช่น ชายวัย 50 ปี เสียชีวิตในอิตาลี หลังลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำส่วนลึก พยาบาลหญิงที่ประเทศออสเตรีย อายุ 49 ปี เสียชีวิตด้วยภาวะเลือดแข็งตัวรุนแรง และหญิงอายุ 60 ปี เสียชีวิตในเดนมาร์ก
แอสตราฯยันวัคซีนปลอดภัย
ด้านบริษัทแอสตราเซเนการะบุว่า ความปลอดภัยของวัคซีนได้รับการศึกษาอย่างครอบคลุมในการทดลองคลินิก “หน่วยงานกำกับดูแลมีมาตรฐานประสิทธิภาพและความปลอดภัยชัดเจนและเข้มงวดสำหรับการอนุมัติยาชนิดใหม่ๆ” โฆษกแอสตราเซเนกากล่าว
ส่วนออสเตรียตัดสินใจระงับการใช้วัคซีน หลังจากที่ผู้หญิงรายหนึ่งเสียชีวิต 10 วัน หลังฉีดวัคซีน เนื่องจากปัญหาการแข็งตัวของเลือดอย่างรุนแรง
ไทยติดเชื้อโควิดเพิ่ม 81
วันเดียวกัน ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.พรรณประภา ยงค์ตระกูล ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค. แถลงสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า ทั่วโลกมีผู้ติดเชื้อสะสม 119.1 ล้านราย เพิ่มขึ้น 4.77 แสนราย เสียชีวิตสะสม 2.64 ล้านราย เพิ่มขึ้น 9,626 ราย ส่วนไทยพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 81 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 67 ราย และเดินทางมาจากต่างประเทศ 14 ราย ไม่มีเสียชีวิตเพิ่ม รักษาหาย 56 ราย ทำให้มีผู้ป่วยสะสม 26,679 ราย รักษาหายแล้ว 26,056 ราย เหลือรักษา 538 ราย เสียชีวิตสะสม 85 ราย ส่วนระลอกใหม่ติดเชื้อสะสม 22,442 ราย หายสะสม 21,879 ราย เสียชีวิตสะสม 25 ราย
ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อในประเทศมี 3 กลุ่ม ได้แก่สมุทรสาคร 35 ราย, กทม. 5 ราย และจังหวัดอื่นๆ 27 ราย เมื่อแยกตามประเภทผู้ติดเชื้อพบว่า โดยมาจาก 1.ระบบเฝ้าระวัง 30 ราย ได้แก่ กทม. 5 ราย ปทุมธานี 7 ราย เพชรบุรี 2 ราย ตาก 2 ราย และสมุทรสาคร 14 ราย 2.คัดกรองเชิงรุกในชุมชน 37 ราย ได้แก่ ตาก 3 ราย ปทุมธานี 13 ราย และสมุทรสาคร 21 ราย และ 3.เดินทางมาจากต่างประเทศ 14 ราย ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อังกฤษ ประเทศละ 2 ราย เนเธอร์แลนด์ สวิตเซอร์แลนด์ คาซัคสถาน สหรัฐอเมริกา เบลเยียม ฟินแลนด์ และฟิลิปปินส์ ประเทศละ 1 ราย และมาจากพม่าเข้าทางช่องทางธรรมชาติ 3 ราย เป็นคนพม่า ตรวจพบไม่มีอาการ เข้ารับการรักษาที่ร.พ.ประจวบคีรีขันธ์
ผู้ว่าฯมหาชัยจ่อออกร.พ.19มี.ค.
วันเดียวกัน ศ.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า ขณะนี้อาการของนายวีระศักดิ์ วิจิตรแสงศรี ผู้ว่าฯสมุทรสาคร ดีขึ้นมาก ฟื้นฟูกำลังกล้ามเนื้อแขนขาดีขึ้น ดำเนินชีวิตได้ตามปกติ คาดว่าจะสามารถออกจาก ร.พ.ได้ใน 1-2 สัปดาห์นี้ เพื่อกลับไปพักฟื้นฟูที่บ้าน และยังคงต้องขอให้งดเยี่ยมต่อไป
ทั้งนี้ วันที่ 19 มี.ค. คณะแพทย์ศิริราช เตรียมแถลงข่าวอาการผู้ว่าฯสมุทรสาคร และเตรียมออกจากร.พ.ในเวลา 10.00 น. ที่ห้องประชุมใหญ่ตึกอำนวยการ ร.พ.ศิริราช
