‘บางกลอย’ลั่น
ถ้า30วันไม่จบ
เจอชุมนุมใหญ่

‘บางกลอย’ พอใจข้อตกลงเบื้องต้น แต่ติดใจท่าที ‘บิ๊กตู่’ บอกชาวบ้านไม่มีสิทธิ์กลับ ‘ใจแผ่นดิน’ ฉะไม่เข้าใจปัญหาความเดือดร้อนชาวบ้าน ไร้วิสัยทัศน์ใหม่ๆ ลั่นภายใน 30 วันจะลงพื้นที่จับตาการทำงานของคณะกรรมการที่รัฐบาลแต่งตั้งขึ้น รวมถึงการคุกคามละเมิดสิทธิมนุษยชนของเจ้าหน้าที่ หากตระบัดสัตย์ หรือมีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อการแก้ปัญหาอีกพร้อมจะยกระดับการเคลื่อนไหวทั้งช่องทางออนไลน์และภาคพื้นสนาม

เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาของขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม หรือ พีมูฟ ครั้งที่ 1/2564 เพื่อสรุปผลการจัดทำบันทึกข้อตกลงแนวทางการแก้ไขปัญหาพีมูฟ และการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน รวมทั้งการพัฒนาและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่บ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี โดยใช้เวลา 1 ชั่วโมง

ร.อ.ธรรมนัสให้สัมภาษณ์หลังประชุมว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปตามที่กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ลงนามบันทึกข้อตกลงไว้ 7 เรื่อง และมีมติให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมีกรอบเวลาดำเนินการ 30 วัน มีตัวแทนทั้งภาครัฐ พีมูฟ และกลุ่มบางกลอย ซึ่งตัวแทนที่เสนอมาเป็นไปตามนั้น ไม่ปรับเปลี่ยน โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการพีมูฟชุดใหญ่จะนำเสนอพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ลงนามแต่งตั้งในวันที่ 16 มี.ค.นี้ และจะเริ่มประชุมคณะกรรมการชุดนี้ทันทีหลังนายกฯ ลงนาม

รมช.เกษตรฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ จะรายงานการแก้ปัญหาบางกลอยให้ครม.รับทราบเกี่ยวกับเรื่องคดีความที่พนักงานสอบสวนจะนำสำนวนส่งอัยการ โดยมอบหมายให้พล.ต.ท.ไกรบุญ ทรวดทรง ผู้ช่วยผบ.ตร.ชะลอการดำเนินคดีไว้ก่อนจนกว่าคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นจะทำงานเสร็จ ทั้งนี้ ตัวแทนพีมูฟและบางกลอยจะไปแจ้งผลการประชุมให้ผู้ชุมนุมทราบ และจะเดินทางกลับบ้านบางกลอยภายในวันที่ 16 มี.ค.

จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ลงนามในคำสั่ง สํานักนายกรัฐมนตรีที่ 67/2564 แต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยและที่ทำกิน รวมทั้งการพัฒนาและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตของชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่บ้านบางกลอย อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน และขจัดความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ตลอดจนประชาชนสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข อาศัยตามความในมาตรา 11 (6) แห่งพ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 และที่แก้ไขเพิ่มเติม

โดยคณะกรรมการดังกล่าวมี 28 คน นำโดยร.อ.ธรรมนัสเป็นประธาน นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงานเป็นรองประธาน ร่วมกับปลัดกระทรวงที่เกี่ยวข้อง โดยมีอำนาจหน้าที่ศึกษารวบรวมปัญหา และตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวกะเหรี่ยง และเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่เกี่ยวข้องกับคดีปกครอง คดีอาญา และคดีแพ่ง ที่เกี่ยวข้องกับชุมชนชาวกะเหรี่ยงในพื้นที่บางกลอย พร้อมเสนอแนวทางที่เหมาะสมในการแก้ปัญหาตามกฎหมายและระเบียบมติครม.ที่เกี่ยวข้อง

ต่อมาพล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลัง ประชุมครม.ถึงการแก้ปัญหาพีมูฟและบางกลอยว่า วันนี้กลุ่มผู้ชุมนุมจะทยอยกลับแล้ว เขามาแสดงความต้องการ ซึ่งก็ได้พูดคุยหารือกัน ทั้งหมดก็รับไว้พิจารณา จะแก้กันด้วย ปากต่อปากไม่ได้ หลายอย่างต้องมีกลไก กระบวนการ และกฎหมาย สร้างความเข้าใจกันไปก่อน รัฐบาลรับทราบความเดือดร้อนและจะนำไปสู่การพิจารณาแก้ปัญหาเป็นขั้นเป็นตอนต่อไปกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายกฯ กล่าวต่อว่า กรณีบางกลอยขณะนี้กำลังเร่งรัดพัฒนาแหล่งน้ำให้ ได้รับรายงานว่าทุกอย่างก็ดีขึ้น และที่ย้ายมาพื้นที่ตรงนี้ส่วนใหญ่ก็มีความพึงพอใจ ขาดเหลืออะไรก็เติมให้เขา แต่การจะกลับไปอยู่ใจกลางอุทยานที่เรียกว่าหัวใจแผ่นดินมันจะได้หรือไม่ แล้วคนอื่นอยู่ได้หรือไม่ ก็ไม่มีใครอยู่ได้ทั้งนั้น เราก็ดูแลให้เขามีสิทธิ์ในที่ทำกินต่างๆ ขณะที่บางคนของเรายังไม่มีที่ทำกินสักตารางนิ้วใช่หรือไม่ แต่เราต้องดูแลเขาในเมื่อเขาอยู่ในประเทศไทย เป็นคนไทย ก็ต้องดูตามกฎหมาย

ที่พรรคพลังประชารัฐ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวถึงการแก้ปัญหากะเหรี่ยงบางกลอยว่า วันที่ 18 มี.ค. ตนพร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะลงพื้นที่ ตามที่นายกฯ ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงภายใน 30 วัน และสามารถขยายเวลาได้ หากยังไม่ได้ข้อสรุป

ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มพีมูฟและภาคีเซฟบางกลอย ที่ปักหลักชุมนุมอยู่ข้างทำเนียบรัฐบาลนั้น ในช่วงบ่ายภายหลังทราบผลนายกฯ ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหาฯ แล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมจัดพิธีส่งชาวบ้านบางกลอยกลับบ้าน อ.แก่งกระจาน โดยมอบดอกกุหลาบขาว และผูกข้อไม้ข้อมือ จากนั้นเก็บสัมภาระขึ้นรถบัสที่รัฐบาลจัดเตรียมไว้ให้ โดยตัวแทนชาวบ้านย้ำว่าหากภายใน 30 วันยังไม่มีอะไรคืบหน้าตามที่รัฐบาลสัญญาไว้จะกลับมาชุมนุมหน้าทำเนียบอีกครั้ง

ค่ำวันเดียวกัน ภาคีเซฟบางกลอยออกแถลงการณ์เรื่องชาวบางกลอยมีสิทธิ์กลับใจแผ่นดิน พร้อมยกระดับการเคลื่อนไหวหากรัฐตระบัดสัตย์ โดยระบุว่าแม้บรรลุข้อเรียกร้องในเบื้องต้นแต่ยังปรากฏท่าทีของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ระบุว่าชาวบ้านบางกลอยไม่มีสิทธิ์กลับใจแผ่นดิน ไม่ควรอ้างสิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว แต่ต้องดูกฎหมายลูกประกอบ การแถลงข่าวเช่นนี้ของพล.อ.ประยุทธ์เป็นการตระบัดสัตย์ แสดงให้เห็นถึงความไม่เข้าใจในปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ไร้วิสัยทัศน์ใหม่ๆ ในการมองปัญหาสู่หนทางแก้ไขอย่างยั่งยืน อ้างแต่กฎหมายลูก กล่าวหาว่าชาวบ้านอ้างแต่รัฐธรรมนูญ

ทั้งที่รัฐธรรมนูญคือกฎหมายแม่ คือกฎหมายลำดับสูงสุดของประเทศ ถ้าไม่ให้พวกเราประชาชนยืนยันรัฐธรรมนูญจะให้ไปยืนยันกฎหมายไหน เราไม่อาจยอมรับพ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 ที่ผ่านการพิจารณาออกมาจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ของท่านในช่วงรัฐบาลเผด็จการที่มาจากการยึดอำนาจรัฐประหารได้ ภายใน 30 วันนับจากวันนี้หลังจากแต่งตั้งคณะกรรมการแก้ไขปัญหา พวกเราภาคีเซฟบางกลอยจะติดตามและตรวจสอบการทำงานแก้ไขปัญหาของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด

แถลงการณ์ระบุต่อว่า หากรัฐมีท่าทีที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการแก้ไขปัญหาอีก พวกเราพร้อมจะยกระดับการเคลื่อนไหวทั้งทางช่องทางออนไลน์และภาคพื้นสนาม โดยในช่วง 30 วันนี้เราจะลงพื้นที่ร่วมกับชาวบ้านบางกลอยเพื่อจับตาการทำงานของรัฐบาล รวมถึงการคุกคามละเมิดสิทธิมนุษยชนของเจ้าหน้าที่รัฐที่บ้านบางกลอยล่าง และมีกิจกรรมการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาในประเด็นนี้ พวกเราพร้อมกลับมาชุมนุมที่ทำเนียบรัฐบาลตามปฏิบัติการยุทธการไทยคู่ฟ้าเหมือนที่ท่านใช้ยุทธการตะนาวศรี และยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชรกระทำกับชาวบางกลอย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน