สภา-ถกวาระ3วันนี้
คดีปารีณาถึงศาลแล้ว

‘บิ๊กตู่’ ออกตัว ไม่เกี่ยวแก้รธน.ชะงัก ฝ่ายกฎหมายสภายันไม่ควรลงมติวาระที่ 3 ‘ชวน’ ให้ที่ประชุมรัฐสภาชี้ขาด เดินหน้าต่ออย่างไร ‘วิษณุ’ ติงให้ผ่านวาระ 3มีปัญหาแน่ ปัดส่งซิกงดออกเสียง ส.ว.แนะ 2 ทางออก เสนอญัตติโหวตคว่ำ-ประธานสภาใช้อำนาจตีตก ฝ่ายค้านดันโหวต นายกฯได้รายชื่อว่าที่รัฐมนตรีใหม่ครบทุกพรรคแล้ว ปชป.ไม่อยากสลับเก้าอี้รมช.กับภท. ‘ป้อม’ โต้ดัน ‘ตรีนุช’ เพราะเป็นหลาน ‘ป๋าเหนาะ’ ปัดบูลลี่ราชภัฏ ปมดราม่าจบมหาวิทยาลัย ‘ปารีณา’ ระทึก ป.ป.ช.ยื่นคำร้องคดีรุกป่า-ผิดจริยธรรมร้ายแรงแล้ว ศาลฎีกานัดฟังคำสั่งรับไม่รับใน 7 วันทำการ

‘ตู่’ออกตัวไม่เกี่ยวแก้รธน.ชะงัก

เวลา 13.30 น. วันที่ 16 มี.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญเผยแพร่คำวินิจฉัยกลางกรณีชี้ขาดอำนาจรัฐสภาในการยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ว่า วันนี้ได้ฟังคำวินิจฉัยกลางรวมทั้งการหารือของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กับวิป 3 ฝ่าย และวันที่ 17 มี.ค. วิปรัฐบาลจะหารือกัน นายกฯก็ทำหน้าที่ของนายกฯแล้ว คือการนำเข้าสู่การพิจารณาของสภา

“ผมสนับสนุนตามนโยบายของรัฐบาล ส่วนจะแก้หรือไม่แก้ หรือแก้กันอย่างไรอยู่ที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ถ้ามีปัญหาอะไรก็ไปถึงฝ่ายตุลาการ ผมไปก้าวล่วงใครไม่ได้เลย แต่ยืนยันว่ารัฐบาลจะมุ่งมั่นสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส่วนจะแก้ได้อย่างไรก็ไปทำกันมาแล้วกัน อย่ามากล่าวอ้างว่าผมไปมีคำตอบ เซ็นคำสั่งอะไรไป ผมทำไม่ได้อยู่แล้วแบบนี้มันอันตราย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

ได้โผรมต.ใหม่ครบแล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการตรวจสอบคุณสมบัติรายชื่อของว่าที่รัฐมนตรีใหม่ว่า วันนี้ตนได้รายชื่อครบหมดแล้ว อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง จากนั้นจะดำเนินการให้จบสิ้นโดยเร็ว แต่ละพรรคได้เสนอเข้ามาแล้ว แต่จะอยู่กระทรวงไหนเป็นเรื่องของตนจะตัดสินใจ เมื่อถามว่าสัปดาห์นี้จะได้เห็น ครม.ชุดใหม่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะครบขั้นตอนเมื่อมีการถวายสัตย์ฯ เดี๋ยวสื่อก็รู้ก่อนอยู่แล้ว

ทั้งนี้ หลังการแถลงข่าว พล.อ.ประยุทธ์ ได้หารือกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกฯ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และรองนายกฯจากพรรคร่วมรัฐบาล ที่ห้องรับรองสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ประมาณ 20 นาที คาดเป็นเรื่องรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีใหม่

ปชป.ไม่อยากสลับกระทรวง

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เผยว่า ได้ส่งชื่อรัฐมนตรีให้นายกฯแล้ว เป็นไปตามมติพรรค จากนี้เป็นดุลพินิจของ นายกฯ ส่วนการสลับเก้าอี้กับพรรคภูมิใจไทย(ภท.) ตนได้พูดคุยกับนายกฯว่าเป็น กระทรวงเดิมที่เป็นอยู่จะดีที่สุด เพราะการผสมผสานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลทำงานในกระทรวงเดียวกัน สามารถบริหารจัดการและทำงานได้อย่างดี เช่น รมช.พาณิชย์ จากภท. ก็ช่วยงานตนเป็นอย่างดี ทำงานกันได้ไม่มีปัญหา แต่อยู่ที่ดุลพินิจของนายกฯ

อนุทินถกตู่-สลับเก้าอี้

รายงานข่าวจากที่ประชุมครม. แจ้งว่า ก่อนประชุม พล.อ.ประวิตร นำดอกไม้พร้อมเป็นตัวแทนกล่าวอวยพร พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะมีอายุครบ 67 ปี ในวันที่ 21 มี.ค. บรรยากาศการประชุมเป็นไปด้วยดี พล.อ.ประยุทธ์ อารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ

ช่วงพักเบรก นายอนุทิน เข้าพบ พล.อ. ประยุทธ์ ในห้อง หารือเรื่องการสลับเก้าอี้ รมช. กับปชป. ก่อนให้คนมาตาม นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ จากภท. ที่มีข่าวจะถูกสลับไปนั่ง รมช.คมนาคม เข้าไปพบในห้อง โดยใช้เวลาหารือ 10 นาที ซึ่ง.ให้เป็นอำนาจ นายกฯ ตัดสินใจเช่นกัน

ป้อมแจงตั้ง‘ตรีนุช’นั่งรมต.

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงรายชื่อรัฐมนตรีที่จะมีการปรับเปลี่ยนส่วนของพรรคว่า ส่งให้ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งนานแล้ว ส่วนนายกฯเห็นด้วยหรือไม่นั้นไม่รู้ แต่ไม่เห็นส่งกลับมา ส่วนที่หลายคนมองว่าที่มีรายชื่อ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว เพราะรู้จักเป็นการส่วนตัวนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ผมจะรู้เรื่องอะไร เทียนทอง ผมรู้จักแต่นายเสนาะ คนเดียว ผมยังไม่รู้จัก น.ส.ตรีนุช เลย แต่ไม่เกี่ยวกับนายเสนาะ ไปเกี่ยวได้อย่างไร ความรู้ความสามารถเขาดี ส่วนจะเหมาะนั่งกระทรวงไหนนั้นต้องถามนายกฯ”

โต้บูลลี่สื่อ-จบสถาบันไหน

เมื่อถามถึงความเหมาะสมของนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองเลขาฯพปชร. พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า นายชัยวุฒิจบวิศวะ จุฬาฯ ปริญญาโท แล้วย้อนถามผู้สื่อข่าวว่า “แล้วคุณจบอะไร จบมหาวิทยาลัยราชภัฎหรือ” เมื่อ ผู้สื่อข่าวตอบว่าจบโท ม.ธรรมศาสตร์ พล.อ. ประวิตร จึงกล่าวว่า แล้วจะเอายังไง

จากนั้นขึ้นไปห้องทำงานบนตึกบัญชาการ ต่อมาก่อนขึ้นรถไปร่วมประชุม ครม.ที่ตึกสันติไมตรี พล.อ.ประวิตรขอชี้แจงประเด็นที่ระบุถึงมหาวิทยาลัยราชภัฎ (มรภ.) ว่า “ไม่ว่าจะจบราชภัฏ หรือจบที่ไหน ทุกคนก็มีความสามารถด้วยกันทั้งนั้น” และหลังประชุมครม. พล.อ. ประวิตร ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสดราม่าดังกล่าวอีกครั้งว่า ได้ชี้แจงไปแล้ว ไม่มีเจตนาบูลลี่คนเรียนจบราชภัฏ ไม่ได้ว่าอะไร ตนแหย่ผู้สื่อข่าว

ขณะเดียวกัน พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษกประจำรองนายกฯ ชี้แจงผู้สื่อข่าวผ่านไลน์อีกด้วย

พปชร.มีมติงดออกเสียงแก้รธน.

พล.อ.ประวิตร ยังให้สัมภาษณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญออกคำวินิจฉัยกลาง ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ได้อ่านแล้ว พปชร.พร้อมแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่หากโหวตวาระ 3 จะผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งจะนำไปหารือในที่ประชุมพรรคช่วงบ่ายวันนี้

เมื่อถามว่ามีข่าวว่า พปชร.ต้องการยื้อการแก้รัฐธรรมนูญ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะไปยื้อได้อย่างไรเพราะมันเป็นเรื่องผิด ทำไม่ได้ ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญบอกไว้ หากจะสถาปนาทั้งฉบับต้องถามประชาชนก่อน แต่การไปแก้ไขแล้วตั้ง ส.ส.ร.อย่างนี้ มันทำไม่ได้ ส่วนการแก้ไขเป็นรายมาตรานั้น ได้เลย เพราะเป็นเรื่องของรัฐสภาอยู่แล้ว รัฐสภาแก้ได้อยู่แล้ว

ที่ทำการ พปชร. น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โฆษกพรรค แถลงผลประชุมพรรคว่า พรรคมีมติเบื้องต้นให้งดออกเสียงร่างแก้ไข วาระ 3 และรอดูว่าประธานสภาจะหารือกับทีมกฎหมายสภาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อ หลังศาลมีคำวินิจฉัยกลางออกมา

วิษณุชี้โหวตวาระ 3 มีปัญหา

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงคำวินิจฉัยกลางว่า ตนได้อ่านแล้ว โดยเฉพาะหน้า 10, 11 และ 2 ย่อหน้าสุดท้ายไปอ่านให้เข้าใจและเชื่อว่าควรจะเข้าใจได้ เมื่อถามว่ารัฐสภาโหวตแก้วาระ 3 ได้หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ทราบและไม่กล้าตอบ แต่ตนเข้าใจเรื่องแล้ว และเชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาอ่านแล้วคงจะเข้าใจเพราะไม่ใช่กระรอก ไม่จำเป็นต้องชี้โพรง

หลังประชุมครม. นายวิษณุ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการพิจารณาวาระ 3 ว่า แล้วแต่รัฐสภาว่าจะโหวตหรือไม่ จากที่อ่านคำวินิจฉัยกลางพบมีประโยคที่เพิ่มเติมขึ้นมาจากคำวินิจฉัยแรก ระบุว่าการแก้หมวด 15/1 เป็นการยกเลิกรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ประโยคนี้ถือว่ามีนัยและมีความหมาย เมื่อถามย้ำว่าหมายถึงหากรัฐสภาโหวตผ่านวาระ 3 จะมีปัญหา นายวิษณุ พยักหน้ารับพร้อมกล่าวว่า ใช่ แต่ถึงอย่างไรก็ต้องโหวตวาระ 3 อยู่ดี เมื่อถามว่าถ้าไม่อยากให้มีปัญหาให้งดออกเสียง รองนายกฯ กล่าวว่า ไม่ขอพูดแล้วเดี๋ยวหาว่าส่งซิก

‘ชวน’รับคำวินิจฉัยกระทบโหวต

เวลา 10.00 น. ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เป็นประธานการประชุมร่วมวิป 3 ฝ่าย พรรครัฐบาล พรรคฝ่ายค้าน และส.ว. ผู้เข้าร่วม อาทิ นายวิรัช รัตนเศรษฐ กก.บห.พปชร. ประธานวิปรัฐบาล นายสุทิน คลังแสง รองหัวหน้า พท. ประธานวิปฝ่ายค้าน นายสมชาย แสวงการ เลขานุการวิปวุฒิสภา ที่ประชุมหารือถึงคำวินิจฉัยกลางของศาลรัฐธรรมนูญ เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที

นายชวน เผยว่า หลังมีคำวินิจฉัยกลางออกมา ส่งผลให้เหตุผลที่ต้องนัดประชุมวันที่ 17 มี.ค.เปลี่ยนแปลงไป เพราะศาลมองว่าการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นการจัดทำฉบับใหม่ เมื่อถามว่าเกิดเหตุการณ์แบบนี้การลงมติวาระ 3 ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ใช่หรือไม่ นายชวน ยอมรับว่าแนวโน้มต้องมีการเปลี่ยนแปลง ฝ่ายกฎหมายรัฐสภาต้องพิจารณายึดตามคำวินิจฉัยของศาล เพราะมีผลผูกพันทุกองค์กร จะเห็นด้วยหรือไม่ก็ต้องปฏิบัติตาม ไม่มีทางเลือกอื่น ต้องรอฝ่ายกฎหมายของรัฐสภาพิจารณาอีกครั้งว่าจะเดินหน้าลงมติในวาระ 3 ต่อไปได้หรือไม่ จะชัดเจนเย็นวันนี้

โยนรัฐชี้ขาด-เดินหน้าต่อยังไง

เวลา 18.15 น. นายชวนให้สัมภาษณ์หลังประชุมฝ่ายกฎหมายสภา ว่า เป็นการสรุปความเห็นแต่ละฝ่าย ฝ่ายกฎหมายได้เจาะลึกในถ้อยคำว่าความประสงค์ของศาลรัฐธรรมนูญคืออะไร เมื่อถามว่ามีการสรุปหรือไม่ว่า 17 มี.ค.จะโหวตวาระ 3 หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ระเบียบวาระยังไม่เปลี่ยนแปลงแต่จะลงมติได้หรือไม่ไว้ว่ากันในวันที่ 17 มี.ค. เมื่อถึงจุดๆ หนึ่ง ตนต้องอธิบายให้สมาชิกฟังว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไปอย่างไร เมื่อผลคำวินิจฉัยศาลออกมาตอนแรกฝ่ายกฎหมายสภาว่าอย่างไร ฝ่ายกฎหมายไม่ได้มีผลประโยชน์เกี่ยวข้องเรื่องนี้ น้ำหนักความเห็นของฝ่ายกฎหมายสภาจะมีความหมายมากจึงต้องรายงานให้ที่ประชุมทราบ ทั้งนี้ จากการนำข้อแนะนำของหลายฝ่ายมากลั่นกรองก็ไม่ตรงกันสักคน ส่วนจะโหวตอย่างไรไว้รอดูวันที่ 17 มี.ค.

ฝ่ายกฎหมายชี้ไม่ควรลงมติ

นายชวน ให้สัมภาษณ์อีกครั้งที่พรรค ปชป.ว่า ฝ่ายกฎหมายสภาใช้เวลาหารือ 2 ชั่วโมงเต็ม มีความเห็นที่เปลี่ยนไปหลังจากมีคำวินิจฉัยกลางออกมา โดยเห็นว่าไม่ควรลงมติร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ควรต้องทำประชามติก่อน ส่วนจะทำประชามติในขั้นตอนใดนั้นต้องหารือในที่ประชุมวันที่ 17 มี.ค. โดยจะเปิดโอกาสให้สมาชิกแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ ก่อนตัดสินใจว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร

นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล กล่าวว่า ได้สอบถามสภาและส.ว.แล้วมีความเห็นเป็น 2 ทาง ถ้าลงมติอาจขัดคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ และถ้าไม่ลงมติวาระ3 จะเดินกันอย่างไร จะนำร่างแก้ไข ออกจากระเบียบวาระก็ทำไม่ได้ ถอนออกเรื่องนี้ก็ยังคาอยู่และพร้อมกลับเข้ามาบรรจุในระเบียบวาระใหม่ได้

สว.ยันโหวตวาระ 3 ไม่ได้

นายสมชาย แสวงการ เลขาฯวิปวุฒิสภา กล่าวว่า ร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่จะลงมติวาระ 3 ถือว่าเป็นโมฆะเรียบร้อยแล้ว ถ้าดูจากคำวินิจฉัยกลางศาลวินิจฉัยชัดเจนว่าเป็นการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งทำไม่ได้ ทางออกขณะนี้คือหาวิธีให้ร่างแก้ไขดังกล่าวเป็นโมฆะตกไปโดยสมบูรณ์ อาจเสนอเป็นญัตติให้ที่ประชุมรัฐสภาโหวตให้ร่างดังกล่าวตกไปเลยตามคำวินิจฉัย หรือให้ประธานรัฐสภาใช้ดุลยพินิจชี้ขาดให้ร่างตกไป แต่ไม่สามารถใช้วิธีแช่แข็งร่างแก้ไขให้ค้างวาระไว้ไปรอทำประชามติ เพราะร่างเป็นโมฆะไปแล้ว

พล.อ.สิงห์ศึก สิงห์ไพร รองประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ท่าทีของวุฒิสภาเชื่อว่าจะลงมติตามเอกสิทธิ์ และคำนึงถึงคำวินิจฉัย เป็นไปได้ว่าจะเสนอให้ผู้เสนอญัตติถอนเรื่อง หรือให้ที่ประชุมพิจารณาให้ตกไป การลงมติวาระ 3 นั้นเป็นไปไม่ได้ เว้นแต่ดื้อดึงให้โหวต บุคคลนั้นต้องรับผิดชอบ

ฝ่ายค้านดันสภาลงมติ

เวลา 12.00 น. ที่รัฐสภา นายสุทิน คลังแสง ประธานวิปฝ่ายค้าน แถลงหลังประชุมวิปฝ่ายค้านว่า ที่ประชุมวิป 3 ฝ่าย ให้ฝ่ายกฎหมายสภาไปหาทางออกเรื่องคำวินิจฉัยกลางว่าจะเดินหน้าโหวตวาระ 3 ได้หรือไม่ ถ้าให้โหวตได้ก็เดินหน้าโหวต แต่ถ้าเห็นว่าไม่สามารถโหวตได้เชื่อว่าจะมีสมาชิกบางส่วนเสนอให้ถอนวาระร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมโดยใช้มติที่ประชุมรัฐสภา แต่ฝ่ายค้านจะสู้เต็มที่เพื่อเดินหน้าโหวตวาระ 3

เราไม่เห็นด้วยให้ถอนวาระออก ถึงฝ่ายค้านจะแพ้เสียงข้างมากก็จะรณรงค์ต่อไปว่าหากให้ถอนร่างแก้ไขแล้วจะดำเนินการอย่างไรต่อ จะยกร่างใหม่ได้หรือไม่ และใครจะเป็นคนยกร่าง การยกร่างใหม่จะแก้ทั้งฉบับหรือรายมาตรา ที่สำคัญกลัวว่าเมื่อถอนเรื่องไปแล้วจะอ้างอิงรัฐธรรมนูญบทใดมายกร่างใหม่ ถ้าไม่มีใครให้คำตอบได้ แสดงว่าการแก้รัฐธรรมนูญจบ ไม่สามารถเดินได้ทั้งการยกร่างใหม่ทั้งฉบับและรายมาตรา

เชื่อ 17 มี.ค. 2 สภาถกเดือด

ฝ่ายค้านยังเชื่อโดยสุจริตใจว่า คำวินิจฉัยกลางที่ระบุให้ทำประชามติก่อนนั้น หมายถึงให้ทำประชามติหลัง มีส.ส.ร.แล้ว ไม่ใช่ก่อนจะยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมที่ทำอยู่ขณะนี้ เรายืนยันให้เดินหน้าโหวตวาระ 3 เชื่อว่าจะมีการถกเถียงในที่ประชุมวันที่ 17 มี.ค. อย่างเข้มข้นแน่นอน

ส่วนการพิจารณาร่างพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ วันที่ 17 มี.ค.นั้น ฝ่ายค้านมีข้อกังวลในเนื้อหากฎหมายที่ระบุการทำประชามติ ต้องมีผู้มาใช้สิทธิออกเสียงประชามติเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั่วประเทศ ขณะนี้มีผู้มีสิทธิออกเสียงทั่วประเทศ 50 ล้านคน จึงต้องมีผู้มาใช้สิทธิเกิน 25 ล้านคน จึงจะทำให้การทำประชามติมีผล ซึ่งเป็นไปได้ยาก เพราะกังวลว่าจะเปิดช่องให้ล้มประชามติได้ง่าย

จึงเห็นว่าควรแก้ไขใหม่โดยให้ใช้เสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิลงคะแนนเท่านั้น เพราะเกรงว่าผู้ไม่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญอาจไปรณรงค์ให้ประชาชนนอนอยู่บ้านเฉยๆ เป็นการล้มการทำประชามติจนมีผลกระทบต่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำให้การแก้ไขล้มไปด้วย

ปชป.ให้งดออกเสียง

วันเดียวกัน นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้า ปชป. เป็นประธานที่ประชุมส.ส.หารือถึงการโหวตวาระ 3 ซึ่งยังไม่มีข้อยุติ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน เห็นว่าควรรอฝ่ายกฎหมายสภามีข้อยุติก่อน แต่ส่วนตัวคิดว่าพรรคต้องยึดจุดยืนแก้ไขรัฐธรรมนูญ เดินหน้าโหวตเห็นชอบวาระ 3 ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ประกาศในที่ประชุมว่าพรรคมีจุดยืนเดิมคือเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญจนสุดทางเท่าที่รัฐธรรมนูญเปิดให้ดำเนินการได้ และพรรคต้องลงมติไปในทิศทางเดียวกัน

ขณะที่การประชุมส.ส.พปชร. ได้แสดงความกังวลในการลงมติ หากจะโหวตผ่านหรือไม่เห็นด้วย เนื่องจากมีคำวินิจฉัยกลางปรากฏชัดในเรื่องอำนาจและหน้าที่ ส.ส.บางส่วนจึงเสนอว่าขอแค่เข้าไปลงชื่อเพียงแต่ไม่ร่วมโหวต แต่ที่ประชุมเห็นว่าเมื่อเป็นส.ส.พรรครัฐบาลควรลงมติ แต่หากกังวลว่าจะมีความผิดก็เห็นตรงกันว่าควรงดออกเสียง

ปารีณาลุ้น-ศาลรับคดีรุกป่า

ที่ศาลฎีกา สนามหลวง ป.ป.ช.ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยการฝ่าฝืน หรือ ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง กรณีน.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พปชร. บุกรุกพื้นที่ป่าสงวนใน จ.ราชบุรี อันเป็นการขัดกันระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและส่วนรวม ภายหลังมี ป.ป.ช.มีมติชี้มูลเรื่องดังกล่าว โดยท้ายคำร้อง ป.ป.ช.ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่ง 1.ให้น.ส.ปารีณา หยุดปฏิบัติหน้าที่ นับแต่วันที่ศาลฎีกาประทับรับฟ้อง จนกว่าจะมีคำพิพากษา 2.ให้พ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ และให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งและเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมี กำหนดเวลาไม่เกิน 10 ปี

ต่อมาศาลฎีกาบันทึกคำร้องของ ป.ป.ช.ไว้ในสารบบคดีหมายเลขดำ คมจ.1/2564 และนัดฟังคำสั่งชั้นรับคำร้องว่าจะรับหรือไม่รับคดีนี้ต่อไปภายใน 7 วันทำการ นับจากวันที่รับคำร้องและเสนอสำนวนให้เลขานุการศาลฎีกาทราบแล้ว

ทั้งนี้ ข้อ 12 วรรคสอง ของระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง พ.ศ.2561 บัญญัติว่า เมื่อศาลมีคำสั่งรับคำร้องแล้ว ผู้คัดค้านต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา เว้นแต่ศาลจะมีคำสั่งเป็นอย่างอื่น และให้ศาลแจ้งคำสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทราบ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน