แม่3แกนนำร้อง
ยูเอ็น-อียู-สหรัฐ
มะกันออกแถลง
ตร.-22กองร้อย
รับมือม็อบรีเดม

‘เพนกวิน’โพสต์เปิดใจอดอาหารวันที่สี่ ระบุไม่มีแรงที่จะเดิน ลุกนั่งช้า เดินช้า แม้แต่ยกหูโทรศัพท์ ด้านรองอธิบดีกรมคุก แจ้งอาการร่างกายเริ่มอ่อนเพลีย แต่ปฏิเสธให้เจาะเลือดทุกวัน เตรียมทีมให้ความช่วยเหลือทันที พร้อมติดกล้องสังเกตอาการ ด้านครช.เดินสายยื่นหนังสือสถานทูตสหรัฐ-อียู-องค์การสหประชาชาติ พร้อมแม่ 3 แกนนำราษฎรที่ถูกขัง พร้อมมายด์-ภัสราวลี แจ้งสถานการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทย เรียกร้องให้โลกกดดันรัฐบาลยุติโดยทันที ด้านอุปทูตสหรัฐออกแถลงการณ์สถานทูตรับทราบความกังวลในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น บช.น.ระดมตำรวจ 22 กองร้อยรับมือม็อบรีเดมปักหลักสนามหลวงชุมนุมทำกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตย

ครช.ยื่นหนังสืออุปทูตมะกัน

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 มี.ค. ที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน (ครช.) นำโดย รศ.ดร.อนุสรณ์ อุณโณ อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ พร้อมด้วยองค์กรเครือข่าย รวมถึงมารดาของนักกิจกรรมทางการเมือง ได้แก่ นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดานายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน และนางพริ้ม บุญภัทรรักษา มารดาของนาย จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน เข้าพบและยื่นหนังสือต่ออุปทูต รักษาราชการสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศ ไทย มีเนื้อหาร้องเรียนเรื่องการละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย ดังนี้

เรียนนายไมเคิล ฮีธ อุปทูตรักษาราชการสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย

สถานการณ์สิทธิมนุษยชนในประเทศไทยเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่องหลังรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะนอกจากเป็นการแปลงโฉมคณะรัฐประหารผ่านกติกาที่บิดเบี้ยวและวิธีการที่ฉ้อฉล ยังเป็นเงื่อนไขให้การละเมิดสิทธิมนุษยชนเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางผ่านทางหน่วยงานรัฐ กฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือกรณีการชุมนุมที่นำโดยนิสิตนักศึกษาในปี 2563 ที่มีการขัดขวางและสลายการชุมนุมอย่างผิดหลักการและขั้นตอนสากล มีการใช้กำลังอย่างไม่ได้สัดส่วนกับการชุมนุม มีการขู่คุกคามผู้ชุมนุมทั้งในสถานศึกษาและที่พักอาศัย

รวมถึงมีการตั้งข้อหาและดำเนินคดีแกนนำและผู้ชุมนุมด้วยกฎหมายต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116 และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หลังจากเว้นระยะการใช้มาประมาณ 2 ปี

สถานทูตออกแถลง-รับทราบ

เครือข่ายนักวิชาการ นักศึกษา ประชาชน รวมถึงผู้ต้องหาและญาติ จึงเดินทางมายังสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อให้ประเทศสหรัฐอเมริกาในฐานะประเทศที่ส่งเสริมประชาธิปไตย ปกป้องสิทธิและเสรีภาพของประชาชน รวมถึงผดุงไว้ซึ่งหลักนิติรัฐและนิติธรรม ได้ตระหนักในสถานการณ์ละเมิดสิทธิมนุษยชนในประเทศ ไทยโดยเฉพาะที่เกิดขึ้นภายใต้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม และสื่อสารไปยังรัฐบาลไทยให้ยุติการกระทำดังกล่าวในทันที

ต่อมา ฝ่ายสื่อมวลชน และวัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศ ไทย ได้ออกแถลงการณ์จากสถานเอกอัคร ราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย ระบุว่า ในวันศุกร์ที่ 19 มี.ค. อุปทูตรักษาการแทนเอกอัครราชทูต ไมเคิล ฮีธ พบกับมารดาของนักเคลื่อนไหว 3 คนที่กำลังถูกคุมขังอยู่ในขณะนี้ โดยเป็นการพบปะกันตามคำขอของพวกเธอ ซึ่งได้แสดงความเป็นกังวลเกี่ยวกับบุตรของพวกเธอ

อุปทูตฮีธ และเจ้าหน้าที่สถานเอกอัคร ราชทูตสหรัฐ คนอื่นๆ ได้พบปะกับชาวไทยในหลากหลายภาคส่วนอยู่เป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาล เจ้าหน้าที่ทหาร นักธุรกิจ นักวิชาการ หรือผู้นำเยาวชน ทั้งนี้เพื่อให้ทราบถึงเป้าหมาย ความกังวล และประเด็นที่ชาวไทยให้ความสำคัญ การพบปะกันเช่นนี้สะท้อนถึงงานหลักของเจ้าหน้าที่การทูต อันได้แก่ การแสวงหาความเข้าใจเกี่ยวกับมุมมองที่กว้างขวางในด้านเศรษฐกิจ วัฒนธรรม การเมือง และอื่นๆ ของพลเมืองในประเทศที่ประจำการอยู่

แม่แกนนำราษฎร-มายด์พบอียู

ต่อมาเวลา 11.30 น. คณะรณรงค์เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ร่วมกับองค์กรเครือข่าย นำโดย รศ.ดร.อนุสรณ์ พาแม่แกนนำราษฎรที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ ได้แก่ แม่ของเพนกวิน แม่ของไผ่ แม่ของรุ้ง รวมถึง นักกิจกรรมที่เป็นผู้ต้องหาคดี 112 ได้แก่ มายด์-ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล และซัน- วัชรากร ไชยแก้ว เข้าพบอุปทูตที่ปรึกษาด้านการเมือง สหภาพยุโรปประจำประเทศไทย ให้ช่วยคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของผู้ที่มีความคิดต่างทางการเมืองในประเทศไทย

รศ.ดร.อนุสรณ์กล่าวว่า มาที่สหภาพยุโรป เพราะเป็นองค์กรระหว่างประเทศที่มีหลักการปฏิบัติเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน และที่ผ่านมา กรณีของผู้ต้องหาคดีชุมนุมทางการเมือง เจ้าหน้าที่อียูประเทศต่างๆ ก็ไปสังเกตการณ์ในชั้นศาล และยังมีมาตรการคว่ำบาตรผู้ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วย โดยจากการเข้าพบครั้งนี้ อุปทูตจะนำข้อมูลที่ได้เพิ่มเติมในวันนี้ รายงานไปยังสำนักงานใหญ่ของสหภาพยุโรปที่มีอำนาจตัดสินใจ พร้อมยืนยันในหลักการของ อียูที่ไม่ว่ารัฐบาลใดละเมิดสิทธิมนุษยชน จะหารือและดำเนินการ โดยข้อมูลที่ได้รับฟังจากทุกคนวันนี้ ทางอุปทูตเผยว่าบางอย่างไม่เคยได้ยินในชั้นศาลที่ไปสังเกตการณ์มาก่อนด้วย

ตามด้วยหารือจนท.สิทธิฯยูเอ็น

ต่อมาเวลา 14.00 น. ทั้งหมดได้เดินทางไปยังองค์การสหประชาชาติ ในประเทศไทย เพื่อเข้าพบเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชน สำนักงานข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ สำนักงานภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีพันธกิจโดยตรงในการส่งเสริมการปกป้องสิทธิมนุษยชน และมีกลไกดำเนินการ

รศ.ดร.อนุสรณ์เปิดเผยว่า ได้รับทราบจากเจ้าหน้าที่สหประชาชาติว่ากำลังเขียนจดหมายไปยังหน่วยงานที่ยังไม่ขอเปิดเผย ให้คืนสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราวให้กับผู้ถูกคุมขัง โดยวันเดียวกันนี้ได้ร้องเรียนถึงสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราว และหากจะประกันตัวไม่ได้ ก็ขอให้สร้างความปลอดภัยในเรือนจำ ซึ่ง เจ้าหน้าที่ยูเอ็นจะไปประสานส่วนต่างๆ และส่วนกลางองค์การสหประชาชาติที่มีบทบาทด้านกลไกระหว่างประเทศ ให้กระตุ้นเรื่องการใช้กฎหมาย ม.112 ด้วย

‘แม่ไผ่-แม่เพนกวิน’เปิดใจ

นางพริ้ม บุญภัทรรักษา แม่ของไผ่-จตุภัทร์ กล่าวว่า วันนี้มาเรียกร้องสิทธิพื้นฐาน ในเมื่อทำตามกฎหมายแล้วแต่กฎหมายยังไม่เป็นสากล มีการเลือกปฏิบัติ จึงมาที่สำนักงานองค์การสหประชาชาติเพื่อส่งเสียงให้ดังขึ้นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม

นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ แม่ของเพนกวิน-พริษฐ์ กล่าวว่า จากการพูดคุย ได้รู้ว่าเจ้าหน้าที่องค์การสหประชาชาติได้รับข้อมูลจากรัฐไทย ไม่ตรงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง วันนี้จึงได้บอกเล่าความจริงและให้เขาได้หารือว่าจะดำเนินการต่อไปอย่างไร ส่วนสิ่งที่เรียกร้องก็ไม่ได้เกินความสามารถของรัฐบาลไทย

ขณะที่บรรยากาศด้านหน้าองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย ได้มีมวลชนจำนวนหนึ่งมาร่วมให้กำลังใจ และแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการแต่งกายชุดนักโทษ พร้อมชูป้ายข้อความเรียกร้องให้ปล่อยนักโทษทางการเมืองที่ยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดว่ามีความผิด

เผยเพนกวินยังอดอาหาร-เพลีย

วันเดียวกัน นายธวัชชัย ชัยวัฒน์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ฝ่ายบริหาร ในฐานะโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยกรณีนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน แกนนำคณะราษฎร ประกาศอดอาหารเมื่อวันที่ 15 มี.ค.ว่า หลังจากเรือนจำได้รับตัวกลับมาคุมขัง เจ้าหน้าที่ได้เตรียมความพร้อมและได้จัดเตรียมผงเกลือแร่โออาร์เอส นม น้ำหวาน และเครื่องดื่มช็อกโกแลตแก่ผู้ต้องขัง พร้อมจัดเตรียมทีมแพทย์ พยาบาล และนักจิตวิทยาเพื่อเข้าตรวจอาการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมตลอดเวลาหากเกิดความจำเป็นต้องรับการรักษาเร่งด่วน โดยได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในห้องขังเพื่อสังเกตอาการและป้องกันการทำร้ายตัวเอง

สถานการณ์ปัจจุบัน นายพริษฐ์ยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหาร ดื่มเพียงน้ำหวาน นม เครื่องดื่มช็อกโกแลต ส่วนผลการตรวจสุขภาพเมื่อวันที่ 18 มี.ค.พบว่าความดันโลหิต อัตราการเต้นของหัวใจ อุณหภูมิร่างกาย และระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ

นายธวัชชัยกล่าวต่อว่า สภาพร่างกายทั่วไปมีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย และนักจิตวิทยาได้สอบถามการใช้ชีวิต นายพริษฐ์แจ้งว่านอนหลับได้ แต่มีอาการอ่อนเพลียบ้าง สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ปกติ ทั้งนี้ สถานพยาบาลของเรือนจำได้จัดอุปกรณ์สำหรับปัสสาวะไว้ใช้ในเวลากลางคืน เพื่อลดการทำกิจวัตรส่วนตัว และได้แนะนำให้ระมัดระวังการทำกิจกรรมระหว่างวัน เนื่องจากร่างกายอ่อนเพลียอาจเกิดอุบัติเหตุได้ โดยนายพริษฐ์ให้ความร่วมมือในการตรวจสุขภาพเป็นอย่างดี แต่ปฏิเสธที่จะต้องเจาะเลือดทุกวัน

ยันอานนท์ปลอดภัย-ถูกกักโรค

นายธวัชชัยกล่าวถึงประเด็นโพสต์เฟซบุ๊กของนายอานนท์ นำภา ที่ก่อให้เกิดความกังวลใจต่อความปลอดภัยของนายอานนท์พร้อมพวกนั้น ขอชี้แจงว่าปัจจุบันนายอานนท์ พร้อมแกนนำคณะราษฎรทุกคน ยังถูกคุมขังอยู่ในห้องแยกกักกันโรค และได้รับการปฏิบัติจากเจ้าหน้าที่อย่างเท่าเทียมกับผู้ต้องขังคนอื่นตามหลักสิทธิมนุษยชนภายใต้กรอบของกฎหมาย

ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อข่าวลือที่อาจสร้างความเสียหาย และความเข้าใจผิดต่อการทำงานของกรมราชทัณฑ์ และขอยืนยันว่ากรมราชทัณฑ์ไม่มีนโยบายที่จะใช้ความรุนแรง และละเมิดสิทธิของผู้ต้องขัง เพราะการทำร้ายร่างกายถือเป็นการกระทำความผิดทั้งทางวินัยและคดีอาญา ซึ่งไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะในกรอบนโยบายของราชทัณฑ์ยุคใหม่ที่มุ่งเน้นการเป็นองค์กรสมรรถนะสูงด้านการควบคุม และพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังแบบมืออาชีพ บูรณาการ มาตรฐานและนวัตกรรม ที่เน้นการแก้ไข และพัฒนาพฤตินิสัยผู้ต้องขังให้เป็นคนดี มีคุณค่า ไม่ใช่การคุมขังเพื่อแก้แค้นทดแทน

เพนกวินโพสต์-อดข้าววันที่สี่

ผู้สื่อข่าวรายงานในเพจเฟซบุ๊กของเพนกวิน -พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak มีการโพสต์ข้อความระบุ เพนกวิน อดอาหารวันที่สี่

“วันนี้ความหิวโหยเริ่มกัดกินพลังงานของเราให้กร่อนลง ไม่มีแรงที่จะเดิน ลุกนั่งช้า เดินช้า แม้แต่ยกหูโทรศัพท์วันนี้ ได้สัมผัสว่าการเปล่งลมออกมาแต่ละคำนั้น ใช้พลังงานมากเหลือเกิน แต่เราก็รู้สึกดีที่เราได้สัมผัสถึงความเหน็ดเหนื่อย เราจึงได้รู้สึกว่าเรากำลังต่อสู้อยู่ แม้กระทั่งในกรงขังเรายังต่อสู้

ไม่เคยสัมผัสการอ่านนิราศนรินทร์ได้อย่างลึกซึ้งเท่านี้มาก่อน ได้สัมผัสความทุกข์ยาก พลัดพรากจริงๆ”

‘ไบรท์’ทำกิจกรรมหน้าศาลอาญา

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่บริเวณด้านหน้าศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก นายชินวัตร หรือ ไบรท์ จันทร์กระจ่าง แกนนำราษฎรนนทบุรี ได้เดินทางมาจัดกิจกรรมหน้าศาลอาญาเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมขอให้ปล่อยตัวเพื่อนเราออกมาสู้คดี กรณีที่เพื่อนแกนนำกลุ่มราษฎรถูกคุมขังอยู่ภายในเรือนจำทั้งที่ยังไม่มีการตัดสินคดี โดยการเขียนข้อความใส่ลงกระดาษแล้วนำไปแปะติดไว้บนตัวอักษรหน้าศาล

นายชินวัตรกล่าวว่า สำหรับกิจกรรมวันนี้จะทำจนกว่าเพื่อนจะได้ประกันตัวออกมาสู้คดี หรือตนไร้ซึ่งอิสรภาพ เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องสะท้อนสู่สังคมในปัจจุบัน ที่ผ่านมาเพื่อนเราออกมาต่อสู้ ซึ่งไม่ได้ต่อสู้เพื่อตนเอง แต่ทำไปเพื่อเสียสละ เพราะอยากเห็นคนในสังคมนี้ได้รับความเท่าเทียมกัน ดังนั้น จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่ศาลจะไม่ให้ประกันตัว ส่วนกรณีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบเข้าไปในห้องคุมขังกลางดึก โดยอ้างว่าเป็นมาตรการตรวจโควิดนั้น ตนมองว่าเรื่องแค่นี้ไม่น่าจะใช่เรื่องยาก แล้วผู้พิพากษาทำอะไรอยู่ รู้ใช่หรือไม่ว่าประวัติการเสียชีวิตในคุกมีมากมาย ถ้าเพื่อนเราเป็นอะไรไปใครจะรับผิดชอบ ทั้งนี้ ขอแค่ให้เพื่อนของเราได้รับการประกันเพื่อออกมาต่อสู้คดีบ้าง หากยังไม่มีการพิจารณาปล่อยตัวเพื่อนๆ ตนก็จะมาทำกิจกรรมบริเวณหน้าศาลอาญาวันเว้นวัน เนื่องจากตนก็ติดคดีความที่จะต้องไปดำเนินการเช่นกัน

บช.น.ใช้ตร. 22 กองร้อย-รับม็อบ

เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น.โฆษก บช.น. พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. รองโฆษก บช.น. และ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าวความคืบหน้าสถานการณ์การชุมนุมประท้วงของกลุ่มเห็นต่างทางการเมืองและเส้นทางหลีกเลี่ยงการจราจร

พล.ต.ท.ภัคพงศ์เปิดเผยว่า กรณีการประกาศชักชวนให้มีการออกมาร่วมชุมนุมผ่านโซเชี่ยลต่างๆ โดยกลุ่ม REDEM นัดหมายวันเสาร์ที่ 20 มี.ค. เวลา 18.00-21.00 น. ทาง บช.น.ได้จัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนไว้รองรับสถานการณ์ต่างๆ จำนวนทั้งหมด 22 กองร้อย จากการข่าวยังไม่พบความรุนแรงแต่อย่างใด แต่หากการชุมนุมไม่กระทบสถานที่สำคัญก็ไม่ตั้งเครื่องกีดขวาง ส่วนการประสานการชุมนุมนั้น ขณะนี้ห้ามชุมนุมตามประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ซึ่งสนามหลวงเป็นพื้นที่รับผิดชอบกรุงเทพมหานครพิจารณา แต่พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ตามประกาศห้ามชุมนุม โดยเฉพาะการเข้าสอบของนักเรียนในวันที่ 20 มี.ค. เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลให้เกิดความสงบเรียบร้อยมากที่สุด

ส่วนกรณีการจับกุมดำเนินคดีกลุ่มการ์ด วีโว่ พล.ต.ท.ภัคพงศ์กล่าวว่า หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จับกุมนายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ พร้อมพวกรวม 18 คน ดำเนินคดีไปก่อหน้านี้ ในวันดังกล่าวพบว่า 30 คน พนักงานสอบสวน สน.พหลโยธินได้ออกหมายเรียก 26 คน แต่ได้ดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุดังกล่าวทั้งหมด โดยแจ้งข้อหา 4 ข้อหา ประกอบด้วย 1.ข้อหาที่ถูกควบคุมข้อหาฝ่าฝืนข้อกำหนดตาม พ.ร.ก. ฉุกเฉินฯ 2.พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ มาตรา 34 (6), 3.ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 209 ฐานเป็นอั้งยี่ 4.ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210 ซ่องโจร มีผู้ต้องหา 3 คน เป็นผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีมาอยู่แล้ว ซึ่ง ผู้ต้องหา 1 ใน 3 เป็นผู้ต้องหาทำลายทรัพย์สินและทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนวันที่ควบคุมตัวผู้ต้องหาให้การว่าไม่ได้หลบหนีนั้น ตำรวจก็ให้ความเป็นธรรม แต่หากปรากฏว่าใครหลบหนีพบมีหลักฐานก็จะแจ้งข้อหาเกี่ยวกับการหลบหนี รวมถึงหากใครทุบรถตีรถควบคุม ผู้ต้องหา และใช้อาวุธปืนยิงใส่รถเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตชด.ก็ถูกดำเนินคดีต่อไป

เข้มแจกเอกสารเนื้อหาผิดกม.

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า การชุมนุมใน วันเสาร์นี้ หากผู้ชุมนุมมีการแจกจ่ายเอกสาร หรือสื่อสิ่งพิมพ์เนื้อหาที่ผิดกฎหมาย ทั้ง ผู้พิมพ์ ผู้ผลิต ผู้แจกจ่ายและผู้เกี่ยวข้องอื่นๆ ก็ถูกดำเนินคดีด้วย ส่วนการดำเนินคดีกับ ผู้ชุมนุมที่บริเวณศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เมื่อวันที่ 6 มี.ค. มีการจับกุมผู้ก่อเหตุได้ 48 คน โดยระหว่างการควบคุมตัวผู้ชุมนุมและการ์ดวีโว่บางส่วน ได้ทุบทำลายรถเจ้าหน้าที่ ก่อนแย่งชิงตัวผู้ต้องหาจากการควบคุมไป 30 คน ซึ่งในเวลาต่อมาทั้งหมดได้เข้าพบตำรวจเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา พร้อมให้การปฏิเสธ และขอยื่นเอกสารภายในวันที่ 19 เม.ย. 2564 โดยตำรวจได้นัดหมายให้ผู้ต้องหาทั้งหมดมารายงานตัวต่อพนักงานสอบสวนอีกครั้ง วันที่ 29 มี.ค. เวลา 10.00 น.

นศ.มศว จุดเทียนดำสาปแช่ง

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ลานกิจกรรมภายในมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ กลุ่ม มศว คนรุ่นเปลี่ยน นำโดยนายสิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ หรือ ขนุน นักศึกษาคณะสังคมศาสตร์และรัฐศาสตร์ มศว ได้จัดกิจกรรม “นั่งสมาธิ ปราศรัย ร่วมส่งจิตถึงศาลไทยโดยทุกคนเพื่อทุกคน” โดยมีการผลัดเปลี่ยนพูดปราศรัยโจมตีการบริหารงานของรัฐบาลที่บริหารงานล้มเหลว เรียกร้องให้ปล่อยตัวแกนนำและสมาชิกแนวร่วมกลุ่มราษฎร ที่ถูกจับกุมในข้อหา ม.112 อย่างทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข เรียกร้องให้รัฐสภาผลักดันการร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน ไม่เอารัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ คสช. และเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ ก่อนจะจุดเทียนดำกล่าวคำสาปแช่งกระบวนการยุติธรรม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจสน.ทองหล่อ มาคอยดูแลความเรียบร้อย

หลังเสร็จกิจกรรมภายใน มศว กลุ่มม็อบ มศว คนรุ่นเปลี่ยน ได้เดินเท้าไปยังอาคาร ชิโน-ไทย ทาวเวอร์ ถ.อโศกมนตรี ซึ่งเป็นที่ตั้งชองบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นกิจการในครอบครัวของนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข จุดเทียนดำสาปแช่งนายอนุทิน และส.ส.พรรคภูมิใจไทย

ฟ้องโลก – นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ มารดา ‘เพนกวิน’ นางพริ้ม บุญภัทรรักษา มารดา ‘ไผ่ ดาวดิน’ พร้อมคณาจารย์ ครช. เข้ายื่นจดหมายร้องเรียนต่อสถานทูตสหรัฐ กรณีมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนในไทย เมื่อวันที่ 19 มี.ค.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน