4รมต.เข้าถวายสัตย์แล้ว
โทนี่โชว์กึ๋น-ชี้ทางออกศก.
จี้รัฐจัดแหล่งทุนให้คนจน

ในหลวงพระราชทานพระบรมราโชวาท 4 รมต.ใหม่เข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ก่อนเข้ารับตำแหน่ง ด้าน‘ทักษิณ’ โชว์กึ๋น แนะทางรอดเศรษฐกิจ ซัดรัฐจัดงบซื้ออาวุธพุ่งหนุน ‘โสเภณี-บ่อน-หวย’ ถูกกฎหมาย ชี้อย่าดัดจริต ‘ชัชชาติ’ย้ำลงอิสระ ชิงผู้ว่าฯ กทม. ลั่นไม่ได้ท้าชน ‘บิ๊กแป๊ะ’ ปชป.เล็งแก้ม.256 และปิดสวิตช์ส.ว. วอนทุกฝ่ายร่วมมือ เพื่อไทยอัดรัฐบาลเตะถ่วงร่างพ.ร.บ.ประชามติ ปูดส.ว.กลุ่มใหญ่จ่อโหวตคว่ำ ส.ว.วันชัยยันกฤษฎีกาแก้เสร็จแล้ว มั่นใจไม่ขัดรธน. แต่ห้ามไม่ได้ถ้าจะมีคนยื่นตีความ อาจารย์ราชภัฏแจ้งจับส.ส.แปดริ้ว พปชร. ชกหน้าในร้านอาหาร ‘อมรัตน์’เข้ารับทราบข้อหาหมิ่น‘บิ๊กตู่’ ยันสู้คดีถึงที่สุด รวบหัวคะแนนซื้อเสียงเลือกตั้งเทศบาลเมืองระยอง กกต.เผยเรื่องร้องเรียนอื้อ มั่นใจคนใช้สิทธิ์ร้อยละ 75

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งใหม่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ เมื่อวันที่ 27 มี.ค.

‘บิ๊กตู่’นำ 4 รมต.ใหม่ถวายสัตย์

เมื่อเวลา 18.30 น. วันที่ 27 มี.ค. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออก ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม แต่งตั้งใหม่ เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ดังนี้ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.คมนาคม นายสินิตย์ เลิศไกร รมช.พาณิชย์

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระราชทานพระราชดำรัสเพื่อเป็นกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ด้วย ความว่า ขออำนวยพรให้มีกำลังใจ กำลังกาย กำลังปัญญา ในการปฏิบัติหน้าที่ให้ดี เชื่อว่าการปฏิบัติหน้าที่คงจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยทั้งต่อประเทศชาติและประชาชน

เล็งเข้ากระทรวงวันจันทร์นี้

ก่อนหน้านี้เวลา 15.45 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก รัฐมนตรีใหม่ทยอยเดินทางมาถ่ายรูปทำบัตร ครม. และเตรียมตัวเดินทางไปเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ก่อนเข้ารับหน้าที่ โดยนาย สินิตย์มาถึงเป็นคนแรก ผู้สื่อข่าวถามว่า ตื่นเต้นหรือไม่ นายสินิตย์ยอมรับว่าตื่นเต้น

จากนั้นนายวีรศักดิ์เดินทางมาถึง ต่อด้วยนายชัยวุฒิ และ น.ส.ตรีนุช โดยนายวีรศักดิ์กล่าวว่า ตนจะเข้ากระทรวงคมนาคม เวลา 09.00 น. วันที่ 29 มี.ค. ส่วนจะประชุมร่วมกับนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคมหรือไม่นั้น ยังไม่มีการนัดหมาย และยังไม่ได้พูดคุยถึงงานที่จะให้ตนรับผิดชอบ ทั้งนี้ การทำงานที่กระทรวงคมนาคมไม่มีปัญหาเพราะไม่ว่าจะไปอยู่ที่ไหน ตนก็ทำงานเหมือนกับที่กระทรวงพาณิชย์

ด้านนายชัยวุฒิกล่าวว่า ตนจะเข้ากระทรวงดีอีเอสในช่วงบ่ายวันที่ 29 มี.ค. คาดว่าวันที่ 31 มี.ค. หรือ 1 เม.ย. จะเข้ามอบนโยบายให้ข้าราชการประจำกระทรวงดีอีเอส เมื่อถามว่านอกจากงานที่จะต้องสานต่อจากรัฐมนตรีคนเก่าแล้ว มีโครงการใหม่จะต้องเร่งดำเนินการหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ยังไม่มี ขอเข้าไปดูงานที่กระทรวงก่อน ใจเย็นๆ ยังมีเวลาเยอะ เมื่อถามว่ารู้สึกตื่นเต้นในการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ นายชัยวุฒิกล่าวว่าไม่ตื่นเต้น

‘ชัยวุฒิ’โวลั่นไม่กดดัน

เมื่อถามว่าการเป็นรัฐมนตรีดีอีเอสในช่วงการชุมนุมเข้มข้น เป็นงานหนักและกดดันหรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า หนักอย่างไร ไม่เห็นมีอะไร กระทรวงอื่นหนักกว่านี้อีก ดีอีเอสเป็นกระทรวงที่แก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจยุคใหม่ และเรื่องปัญหาสังคม ความมั่นคง ซึ่งหลายเรื่องทำมาได้ดีแล้ว ตนก็สานต่อให้ดียิ่งขึ้น อาจมีบางเรื่องที่ยังไม่เด็ดขาด ยังไม่จบ การติดในข้อกฎหมายและเงื่อนไขบางอย่าง เรามาดูว่าจะทำอะไรได้บ้าง ทั้งการแก้ปัญหาเรื่องเว็บต่างๆ ทราบว่าบางเรื่อง อำนาจรัฐหรือการดำเนินคดีต่างๆ ยังไม่รวดเร็วหรือเป็นรูปธรรมเท่าไร ก็ต้องหาวิธีต่อไป เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุขที่สุด

เมื่อถามว่าจะทำให้เฉียบขาดมากขึ้นใช่หรือไม่ นายชัยวุฒิกล่าวว่า ต้องมาคุยกันว่าทำได้มากน้อยแค่ไหน เพราะหากเฉียบขาดมาก ก็อาจกระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชน ต้องหาความพอดีที่จะทำให้บ้านเมืองสงบสุข และประชาชนมีความสุขด้วย

ขณะที่ น.ส.ตรีนุชกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสว่า ตนจะเดินทางเข้ากระทรวงในเวลา 08.00 น. วันที่ 29 มี.ค. และจะมอบหมายงานในทันที

‘ชัชชาติ’ชี้หมดยุคอัศวินม้าขาว

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่ห้องประชุมเทพลีลา โรงแรมเอสซี ปาร์ค กลุ่มเชนจ์เมกเกอร์ พรรคเพื่อไทย จัดบรรยายในหัวข้อ มิติของการคิดเชิงอนาคต โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ อดีต รมว.คมนาคม กล่าวในหัวข้อ Future of people ตอนหนึ่งว่า ถ้าเปลี่ยนประเทศได้อย่างหนึ่ง อยากเปลี่ยนเรื่องความเหลื่อมล้ำ ตนคงเปลี่ยนกทม.คนเดียวไม่ได้ ต้องมาเป็นทีม หมดยุคที่จะมีอัศวินม้าขาวแล้ว แต่ต้องขับเคลื่อนเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลงร่วมกัน ขอให้มาช่วยกัน เพราะความเปลี่ยนแปลงต้องการพลัง และวิสัยทัศน์ของตนคือทำอย่างไรให้กทม.เป็นเมืองน่าอยู่สำหรับทุกคน

ลงชิงผู้ว่าฯ – นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ประกาศพร้อมลงสู้ ศึกชิงผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามผู้สมัครอิสระ ระหว่างไปเป็นวิทยากรบรรยายให้เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการเดอะ เชนจ์ เมกเกอร์ ที่โรงแรมเอสซีปาร์ค เมื่อวันที่ 27 มี.ค.

ย้ำลงอิสระชิงผู้ว่าฯกทม.

จากนั้นนายชัชชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวจะหลีกทางให้กับพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ที่เตรียมลงสมัครผู้ว่าฯกทม.ว่า ตนยืนยันจะลงสมัครรับเลือกตั้งในนามอิสระ ซึ่งมีทีมงานช่วยคิดนโยบาย ลง พื้นที่อยู่ตลอด และไม่ได้พูดคุยกับพรรค เพื่อไทย อย่างไรก็ตาม ตนไม่ได้ท้าชนพล.ต.อ.จักรทิพย์ ตนไม่ได้แข่งกับใคร แต่เสนอความหวังเป็นทางเลือกให้ประชาชน เราเตรียมตัวมาปีกว่าแล้ว ตอนนี้สบายๆ ไม่ใช่แข่งขันเอาเป็นเอาตาย แต่แข่งกันหาความหวังให้ประชาชนดีกว่า ส่วนที่โพลระบุว่าตนมีคะแนนนำ แต่มีคนที่ยังไม่ตัดสินใจจำนวนมากนั้น ตอนนี้รอให้มีตัวเลือกที่ครบก่อน อาจมีคนที่เก่งหรือดีกว่าตน ซึ่งไม่ได้กังวลจุดนั้น ยิ่งมีตัวเลือกมาก ยิ่งเป็นความสวยงามของระบอบประชาธิปไตย ตนไม่ได้มุ่งมั่นที่จะเอาชนะ แต่มุ่งมั่นหาคำตอบสร้างความหวังให้ประชาชนมากกว่า

โชว์กึ๋น – นายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 2 อดีตนายกรัฐมนตรี ร่วมเซลฟี่แบบออนไลน์ หลังนายทักษิณบรรยายหัวข้อ ‘ชวนคิดใหม่ วางอนาคตเศรษฐกิจไทยในเวทีโลก’ ให้เยาวชนที่เข้าร่วมโครงการเดอะ เชนจ์ เมกเกอร์ เมื่อวันที่ 27 มี.ค.

ทักษิณซัดงบซื้ออาวุธพุ่ง

ต่อมาเวลา 15.00 น. นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ หรือ Tony Woodsome ได้เข้ามาบรรยาย หัวข้อ ชวนคิดใหม่ วางอนาคตเศรษฐกิจไทยในเวทีโลก” ตอนหนึ่งว่า สิ่งที่ตนห่วงคือ เรื่องนโยบายการเงินและนโยบายการคลัง ซึ่งเรากำลังมีปัญหาในการพัฒนาประเทศ เพราะกำลังซื้อของคนไทยลดลงเมื่อเทียบกับคนอื่น นอกจากนี้ รายได้ที่ต่างกันระหว่างคนจนกับคนรวยทำให้เคลื่อนตัวลำบาก มันลากไปไม่ไหว ขณะที่นโยบายการบริหารงบประมาณ เรามีแต่นักใช้งบมา บริหารประเทศ ไม่ได้คิดว่าทำอย่างไรให้งบสมดุลหรือลดการขาดดุล อีกทั้งการเข้าหาแหล่งทุนประชาชนเข้าหาไม่ค่อยได้ เราต้องสร้างให้คนที่ต้องการพ้นจากความยากจนเข้าหาแหล่งทุนให้ได้ และธนาคารแห่งประทศไทยต้องนั่งคิดแล้วว่า วันนี้ต้องสร้างโอกาสให้คนระดับล่างได้มีโอกาสทำมาหากินได้ เพราะถ้าไม่มีทุนก้าวหน้าไม่ได้ ระบบของประเทศต้องเปิดกว้างให้คนเข้าหาแหล่งเงินได้ทุกระดับอาชีพ

นายทักษิณ กล่าวด้วยว่า ตอนนี้เราถูกปกครองโดยทหาร ทำให้งบทหารเพิ่มตลอด เราก็ยังซื้ออาวุธแบบเก่า ซึ่งการรบแบบเก่าเกิดเฉพาะชายแดน แต่วันนี้เป็นการรบแบบใหม่ที่รบด้วยเทคโนโลยี ต้องทำให้คนไปสู่จุดนั้น เช่น การรบด้วยหุ่นยนต์ ด้วยโดรน แต่การซื้ออาวุธวันนี้ยังเป็นแบบเดิมเพราะมีค่าคอมมิชชั่นดี และยิ่งค้างสต็อกเยอะ ค่าคอมมิชชั่นก็จะยิ่งดีขึ้นกว่าเดิม

รธน.สืบทอดอำนาจทำลายปท.

นายทักษิณ กล่าวว่า ส่วนรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีไว้เพื่อสืบทอดอำนาจ แต่ในทางตรงข้าม กลับทำลายประเทศมหาศาล ความน่าเชื่อถือ กระบวนการยุติธรรมของประเทศ ถ้าไม่แก้ สิ่งเหล่านี้คงลำบาก เพราะรัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระ กระบวนการยุติธรรม เป็นหัวใจสำคัญ การแก้ไขกฎหมายต้องแก้เพื่อประชาชนส่วนใหญ่ อย่าถือเป็นเรื่องเล็ก บางทีออกกฎหมายมาเพื่อรักษาคณะผู้ปกครอง แบบนี้ไม่ได้ ต้องหาผู้ปกครองที่มาใช้กระบวนการยุติธรรมให้คนในชาติ เพราะคณะผู้ปกครองที่ทำงานอยู่ในขณะนี้ ต้องแก้กฎหมายเพื่อประชาชนส่วนใหญ่ ถ้าแก้เพื่อปกป้องตัวเองอย่างเดียว ทุกอย่างพัง

อดีตนายกฯ กล่าวว่า ตามหลักกฎหมายแล้ว ผู้ที่ถูกกล่าวหาเราถือว่ายังบริสุทธิ์ หากคดียังไม่ตัดสินจนถึงที่สุด แต่วันนี้การทำหน้าที่ของกระบวนการยุติธรรมถูกตั้งคำถามจากต่างชาติมาก ทำให้เขาไม่กล้าเข้ามาลุงทุน ทั้งนี้ สมัยตน รัฐธรรมนูญที่คนอื่น เขียนและตนมาใช้เป็นรัฐธรรมนูญที่ดี รัฐธรรมนูญปี 2540 ทำให้ไม่มีการต่อรอง การทำงานจึงราบรื่น แต่ตอนหลังเขากลัวพรรคเพื่อไทย(พท.) จะชนะอีก จึงออกกฎหมายให้พรรคเป็นเบี้ยหัวแตก มีการต่อรองกันจนบ้านเมืองไม่แข็งแรงเหมือนอย่างวันนี้ แม้บางพรรคจะจ่ายเงินกันเยอะ แต่สุดท้ายพท.ก็ชนะเป็นพรรคที่มี ส.ส.อันดับ 1 ทั้งนี้ เมื่อบ้านเมืองไม่แข็งแรง ภาคราชการก็จะแข็งแรง อย่างที่เขาเรียกพรรคราชการ ตอนนั้นนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ก็ยังช่วยทำเรื่องปฏิรูประบบราชการ แต่ตอนหลังมา หลังจากปฏิวัติตนมาก็เปลี่ยนไปเยอะ ซึ่งต้องปฏิรูประบบราชการจริงๆ เพราะราชการเขาพร้อม เขาแล้วแต่นายว่าจะให้ไปทางไหน

ด่าไทยดัดจริตไม่รับความจริง

นายทักษิณ กล่าวอีกว่า รายได้จากการ ท่องเที่ยววันนี้เฉา ถ้าฟื้นไม่ทัน ต.ค.นี้ก็เรียบร้อย ทั้งที่เรื่องอาหาร วัฒนธรรม สิ่งดีๆ แบบนี้ในโลกมีเยอะ แต่นักท่องเที่ยวเขาไม่ไป เพราะคนไทยมีน้ำใจดูแลผู้คนสูงกว่าคนอื่น โรงแรมเราก็ถูกและดี อาหารเราก็อร่อย แต่จะทำอย่างไรให้คนอยู่นานๆ

ผู้เข้าอบรมถามว่าในช่วงพรรคไทยรักไทยจนถึงพท.เป็นรัฐบาล มองว่ามีอะไรผิดพลาดที่นำไปสู่การรัฐประหาร นายทักษิณ กล่าวว่า เป็นคำถามที่ดีแต่ตอบยาก มีอะไรซับซ้อนเยอะ เพราะกล่าวหากันง่ายมาก ลองไปอ่านหนังสือเรื่อง “thailand’s deep state” ที่เขียนโดยภรรยานายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า

เมื่อถามว่ากรณีประเทศไทยมีเรื่องค้าประเวณี แต่เหมือนเรายอมรับไม่ได้ว่ามันมีจริง นายทักษิณ กล่าวว่าเราเป็นประเทศดัดจริต มีกฎหมายปราบการค้าประเวณี กลัวว่าจะรู้ว่ามีโสเภณี วันนี้เราต้องอยู่บนโลกแห่งความเป็นจริง ถ้าทุกอย่างขึ้นมาอยู่บนโต๊ะ มันจะควบคุมและตรวจสอบได้หมด แต่เราไม่ชอบ ตนเอาหวยใต้ดินขึ้นมาบนดิน ส่งเด็กคนจนเรียนฟรีเมืองนอกปีละ 900 คนเขาก็บอกไม่ดี บ่อนการพนัน กาสิโนไม่ดี แต่บ่อนมีเต็มเมือง

‘ปู-ลูกสาว’โผล่ร่วมเฟรม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกจากจะมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมอย่างคึกคักแล้ว ยังมีแกนนำพท. และส.ส.เข้าร่วมด้วย รวมถึงน.ส.พินทองทา น.ส.แพรทองธาร ชินวัตร บุตรสาวของนายทักษิณ มาร่วมรับฟังการบรรยายด้วย โดยนายทักษิณ ได้กล่าวทักทายทั้งสองคนว่า “นี้คือกำลังใจสำคัญของผม” ขณะที่น.ส.พินทองทา ตอบว่า “วันนี้มาให้กำลังใจ ปลื่มใจที่ทุกคนมีพลังงานที่ดีมาร่วมกันแชร์กับพี่โทนี่ เป็นกำลังใจให้กับพี่โทนี”

เมื่อบรรยายจบ นายทักษิณ ร่วมถ่ายภาพกับผู้ร่วมกิจกรรม โดยบอกว่าวันนี้มี แขกพิเศษที่จะมาร่วมถ่ายรูปด้วย จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ยืนอยู่หลังกล้อง ก็ออกมายืนคู่กับนายทักษิณ ทำให้ผู้ร่วมกิจกรรมส่งเสียงดีใจร้องเฮกันทั้งงาน

ปชป.โหวตหนุนกม.ประชามติ

ที่สนามบินภูเก็ต นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ซึ่งคณะกรรมการกฤษฎีกาจะส่งเรื่องมาที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.) และจะนำเข้าสู่การพิจารณาในการประชุมร่วมรัฐสภาสมัยวิสามัญครั้งที่ 2 ในวันที่ 7-8 เม.ย.นี้ว่า เท่าที่ตรวจสอบเบื้องต้นจากกมธ. ในส่วนปชป.คิดว่าไม่น่ามีปัญหา ทุกอย่างเดินหน้าต่อไปได้ จนจบถึงวาระ 3 ซึ่งปชป.จะให้การสนับสนุน เพราะเราต้องการให้มีกฎหมายประชามติเกิดขึ้นโดยเร็ว เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวถามว่าหวั่นใจหรือไม่ว่าจะซ้ำรอยการลงมติวาระ 3 การแก้รัฐธรรมนูญ หัวหน้าปชป. กล่าวว่า ตอบล่วงหน้าไม่ได้ แต่ปชป.พร้อมสนับสนุน เท่าที่คุยกันในวิปรัฐบาลตั้งแต่ต้น อย่างน้อยทุกพรรครัฐบาลก็ควรสนับสนุน ทราบว่าพรรคอื่นๆ ก็พร้อมสนับสนุน เมื่อถามว่าหากพรรคแกนนำรัฐบาลไม่เอาด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญ จะทำอย่างไร นายจุรินทร์กล่าวว่า วิปจะเป็น ผู้ไปคุยกัน เพื่อให้เดินหน้าตามนโยบายรัฐบาลได้ ที่สำคัญเราต้องไม่ทิ้งฝ่ายค้าน และไม่ทิ้งส.ว.ด้วย เพราะจะแก้รัฐธรรมนูญสำเร็จได้ 3 ส่วนนี้จำเป็นต้องร่วมมือกัน จะขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไม่ได้

เดินหน้ายกร่างแก้รายมาตรา

ส่วนพรรคร่วมได้พูดคุยกันหรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า ความจริงได้พูดกันชัดเจนแล้ว นายกฯ ก็ย้ำว่าสนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาล ซึ่งเรามีหน้าที่ต้องทำทั้ง 2 เรื่องควบคู่กัน เพื่อไม่ให้เรื่องการเมืองเป็นอุปสรรคในการแก้เศรษฐกิจ และไม่ให้การแก้รัฐธรรมนูญ ทำให้การแก้ปัญหาการเมืองชะงัก และส่งผลต่อการแก้ปัญหาเศรษฐกิจด้วย

ผู้สื่อข่าวถามว่าอายุรัฐบาลเหลือเวลาเพียง 2 ปี การเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญจะทำได้มากน้อยแค่ไหน หัวหน้า ปชป. กล่าวว่า เชื่อว่าเดินหน้าได้ ถ้าทุกฝ่ายร่วมมือกัน เวลา 2 ปี ไม่เป็นอุปสรรคเลย ถ้าเรานับหนึ่งตั้งแต่ เดี๋ยวนี้ และได้สั่งให้ยกร่างแล้ว เชื่อว่าจากนี้จะไปหารือกับพรรคร่วมรัฐบาล

ชงแก้ ม.256-ปิดสวิตช์สว.

นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช ปชป. ให้สัมภาษณ์ว่า นายจุรินทร์ได้ให้ฝ่ายกฎหมายเตรียมยกร่างแก้ไขเป็นรายมาตรา เพื่อเสนอในที่ประชุมของพรรคร่วมรัฐบาล มี 3 หลักการใหญ่ คือ 1.ปชป.เห็นว่าต้องเน้นเรื่องการส่งเสริมการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ยกเว้นหมวด 1-2 และมาตราที่เกี่ยวกับพระราชอำนาจ 2.ปชป.เห็นว่าควรแก้ไขมาตรา 256 จากแก้ไขยากให้เป็นแก้ไขง่าย เพราะการใช้เสียงข้างน้อยมาครอบงำเสียง ข้างมาก จะมีผลเหมือนที่ผ่านมาและผิดหลักสากล 3.เห็นว่าควรแก้ไขมาตรา 272 เพราะจะไม่ให้ส.ว.มีสิทธิ์ที่จะลงมติเลือกนายกฯ เนื่องจากส.ว.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ควรมีอำนาจหน้าที่กลั่นกรองกฎหมายเท่านั้น

นายชินวรณ์กล่าวต่อว่า ส่วนรายละเอียดจะเสนออย่างไรนั้น คิดว่ามี 2 วิธีคือ 1.เสนอเป็นรายมาตราทีละฉบับ เพื่อทำความเห็นพ้องให้ได้มากที่สุด 2.ต้องเร่งให้พ.ร.บ.ประชามติผ่าน เพราะหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ต้องทำประชามติอยู่

กมธ.เชื่อกม.ประชามติไม่สะดุด

นายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ในฐานะโฆษก กมธ.วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติ กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการกฤษฎีกาและฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้แก้ไขปรับปรุงเนื้อหามาตราต่างๆ เสร็จแล้ว สอดรับกับมาตรา 9 ตามที่ประชุมรัฐสภาเห็นชอบให้แก้ไข ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลทั้งประเด็นความขัดแย้งระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหาร หรือประเด็นจะขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น กฤษฎีกาได้แก้ไขปรับปรุงจนปัญหาเหล่านี้หมดสิ้นไป จนไม่มีปัญหาใดๆ จะนำเข้าที่ประชุมกมธ.ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ และจะได้ข้อสรุปเป็นที่ยุติได้ร่วมกันในวันที่ 1 หรือ 2 เม.ย. เพื่อนำเข้าที่ประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญในวันที่ 7-8 เม.ย.ต่อไป ยืนยันจะไม่มีปัญหา ทำให้ร่างกฎหมายสะดุดหยุดลง

เมื่อถามว่าเนื้อหาที่แก้ไข จะไม่นำไปสู่การยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความแล้วใช่หรือไม่ นายวันชัยกล่าวว่า เนื้อหาที่กฤษฎีกาแก้ไข มีความสอดรับกับมาตรา 9 และอุดช่องโหว่เรื่องความขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญแล้ว ถือว่าแก้ปัญหาได้เรียบร้อย แต่จะเป็นที่พอใจของทุกฝ่ายหรือไม่ ต้องรอดู เป็นเรื่องห้ามไม่ได้ หากใครจะยื่นตีความ

ก้าวไกลเล็งโละอำนาจส.ว.

นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราว่า พรรคร่วม ฝ่ายค้านยังไม่ได้หารือร่วมกัน ต้องรอให้แต่ละพรรคคุยกันก่อน ซึ่งเรายืนยันว่ารัฐสภามีอำนาจจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ตรงกับที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความไว้ ดังนั้น เราคงไม่จำกัดอยู่ที่การแก้ไขรายมาตรา หากเราต้องการจะเปลี่ยนผ่านจากรัฐธรรมนูญ 2560 ที่มีปัญหา ก็ต้องแก้รายมาตราทั้งฉบับ ถ้าเป็นแบบนั้นก็มีปัญหาอีก ดังนั้นเราต้องหาวิธีทำรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอยู่ดี

เมื่อถามว่าจะเริ่มแก้รายมาตราในประเด็นใดก่อน นายรังสิมันต์กล่าวว่า ประเด็นแรกสุดที่ตนคิดว่า ส.ส.รัฐบาลน่าจะเอาด้วยคือ มาตรา 272 เรื่องอำนาจของส.ว. โหวตเลือกนายกฯ จึงต้องเจรจากับพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค นอกจากนี้พรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องการแก้เรื่องระบบเลือกตั้ง ซึ่งต้องคุยกันว่าจะแก้ไขเป็นระบบใด

ชี้รัฐบาลไม่กล้าคว่ำกม.ประชามติ

เมื่อถามถึงร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่กฤษฎีกาพิจารณาเสร็จแล้ว กังวลว่าจะถูกคว่ำเหมือนร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ความจริงต้องบอกว่ามีความพยายามจะทำให้เป็นแบบนั้น แต่เรามองว่าหากทำให้ล้ม รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้ เพราะตามประเพณีของการเมืองไทยคือ หากรัฐบาลไม่สามารถผ่านกฎหมายที่ตัวเองเสนอได้ จะต้องยุบสภา หรือลาออก

เพื่อไทยปูดส.ว.จ่อตีตกวาระ 3

ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค เพื่อไทย (พท.) แถลงถึงร่าง พ.ร.บ.ประชามติว่า นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กำหนดวันเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ วันที่ 7-8 เม.ย.นี้ เพื่อพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวต่อในวาระ 2 แต่ในการประชุม ครม.วันที่ 23 มี.ค. นายกฯ และ ครม.เงียบ ไม่ยอมเสนอเรื่องนี้เข้าที่ประชุม เพื่อทูลเกล้าฯ ขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เป็นการเตะถ่วงและยื้อเวลา เพราะร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ต้องผูกโยงกับการแก้รัฐธรรมนูญ ทั้งแบบรายมาตราและทั้งฉบับ

“ทราบว่า ขณะนี้มี ส.ว.กลุ่มใหญ่เตรียมคว่ำ พ.ร.บ.ฉบับนี้ แม้จะโหวตผ่านในวาระ 2 ก็จะคว่ำในวาระ 3 ทั้งนี้ หากร่าง พ.ร.บ.นี้ถูกคว่ำ รัฐบาลมี 2 ทางคือ ยุบสภาหรือลาออก เนื่องจากเป็นร่างที่รัฐบาลเสนอ และเป็น พ.ร.บ.ที่มีความสำคัญ และการจะแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องทำประชามติก่อน” นาย ยุทธพงศ์กล่าว

แฉซื้อเก้าอี้รองอธิบดีกรมชล

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า มีหนังสือร้องเรียนมาว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะมีการแต่งตั้งรองอธิบดีกรมชลประทาน 2 คนคือ ฝ่ายก่อสร้างและฝ่ายบริหาร โดยมีข่าวว่าฝ่ายบริหารมีการเสนอเรียกร้องผลประโยชน์ในราคา 110 ล้านบาทในการวิ่งเต้นตำแหน่งนี้ รวมทั้งแคนดิเดตคนนี้ ได้ประกาศว่าจะใช้เงิน 110 ล้านบาทเพื่อเข้าสู่ตำแหน่งรองอธิบดีกรมชลฯ ดังนั้น วันที่ 31 มี.ค. ตนจะยื่นหนังสือถึงนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ ให้ตรวจสอบว่ามีการวิ่งเต้นเป็นเงินถึง 110 ล้านบาทเลยหรือไม่ และมีข้อมูลมาว่า แคนดิเดตคนนี้ได้นำเงินไปสร้างบ้านรับรองที่กรมชลประทานปากเกร็ด ซึ่งเป็นที่หลวงและสร้างไว้เป็นที่สำหรับดื่มสุรา

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า ทราบมาว่า มีการพา ส.ส.พรรคหนึ่งไปดื่มสุราด้วย โดยอ้างว่าสร้างไว้สำหรับข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ไปพักผ่อนด้วย ทั้งนี้ บ้านหลังนี้ไม่ได้ใช้เงินหลวงสร้าง แต่กลับสร้างบนที่ดินหลวง สิ่งที่จะให้นาย เฉลิมชัยตรวจสอบคือเอาเงินที่ไหน และอำนาจใดมาสร้าง หากนายเฉลิมชัยไม่ตรวจสอบ ทำเป็นนิ่ง ตนจะตรวจสอบนายเฉลิมชัยต่อไป ทั้งนี้ หากนายเฉลิมชัยไม่ดำเนินการ ตนจะนำหลักฐานเด็ดมาแฉและจะส่งเรื่องถึงนายกฯ หากนายกฯ ไม่ดำเนินการ จะยื่นเรื่องถึงคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป

หมิ่น‘บิ๊กตู่’ – นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีวิจารณ์การทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 มี.ค.

อมรัตน์พร้อมสู้คดี‘ตู่’ฟ้องหมิ่น

เมื่อเวลา 13.00 น. ที่สน.นางเลิ้ง นาง อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เข้าพบ พ.ต.ท.อธิชย์ ดอนนันชัย รอง ผกก.(สอบสวน) สน.นางเลิ้ง เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาดูหมิ่นเจ้าพนักงาน และหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรณีวิจารณ์การทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์

นางอมรัตน์กล่าวว่า วันที่ 26 มี.ค. ได้รับแจ้งจากทนายความว่า ได้รับหมายเรียกรับทราบข้อกล่าวหาฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน หรือหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ซึ่งมีนาย อภิวัฒน์ ขันทอง กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เป็นผู้ฟ้อง ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเป็นการกระทำผิดจากการโพสต์ข้อความทางโซเชี่ยล หรือการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตไว้ว่านายกฯ ไม่เสียภาษี และรับเงินเกิน 3,000 บาท แต่ไม่กังวล เพราะทนายแจ้งว่าเป็นโทษปรับ และจะต่อสู้คดีในชั้นศาลจนถึงที่สุด

มั่นใจวิจารณ์ตามกรอบกฎหมาย

นางอมรัตน์กล่าวอีกว่า มองว่าเป็นการกระทำตามขอบเขตกฎหมายที่ ส.ส.พึงกระทำได้ ในการวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและนายกฯ ตามปกติ เช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป เพราะเห็นว่าการทำงานตลอด 7 ปีไม่มีอะไรดี ทุกสิ่งที่ตนเสนอ ไม่ว่าช่องทางใดก็ทำด้วยความระมัดระวัง ใครจะแจ้งความก็เป็นสิทธิ์ แต่อยู่ที่พนักงานสอบสวนและอัยการจะพิจารณาพยานหลักฐาน

ด้านพ.ต.ท.อธิชย์กล่าวว่า กรณีนี้นาง อมรัตน์ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ส่วนตัว ซึ่งเป็นหลักฐานประกอบการออกหมายเรียกมารับทราบข้อกล่าวหาในวันนี้ โดยรายละเอียดอยู่ระหว่างการสอบปากคำ

ส.ส.ชกหน้า – ผศ.นพพร ขุนค้า อาจารย์ ม.ราชภัฏราชนครินทร์ (รูปขวา) แจ้งความสภ.เมืองฉะเชิงเทรา ให้ดำเนินคดีกับนายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ (รูปซ้าย) หลังทำร้ายร่างกาย จนได้รับบาดเจ็บ ที่ร้านตรงข้ามสถานีรถไฟฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ 27 มี.ค.

อาจารย์ม.ดังแจ้งจับสส.พปชร.

นายนพพร ขุนค้า อาจารย์สาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ประธานสภาคณาจารย์และข้าราชการ มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ เข้าแจ้งความ ที่สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เมื่อเวลา 00.05 น. ได้ถูกนายชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ทำร้ายร่างกาย จนได้รับบาดเจ็บ ที่ร้าน 13 november ตรงข้ามสถานีรถไฟฉะเชิงเทรา

นายนพพรกล่าวว่า เหตุการณ์เกิดที่หน้าห้องน้ำในร้านอาหารดังกล่าว โดยไม่ได้มีปัญหาความขัดแย้งกันมาก่อน ตนได้ยกมือไหว้ทักทาย แต่ถูกนายชัยวัฒน์พูดสวนมา “มึงช่วยนายก สิงห์ (นายยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ ผู้สมัคร นายกอบจ.ฉะเชิงเทรา คณะก้าวหน้า) หาเสียงใช่ไหม” ตนตอบไปว่าไม่ได้ช่วย เพราะตนเป็นข้าราชการเจ้าหน้าที่รัฐ แค่ช่วยเสนอไอเดียเรื่องนโยบายหาเสียงให้ ก่อนที่นายชัยวัฒน์จะต่อยตนหลายหมัดและถีบหน้าอก ตนจึงเข้าแจ้งความ แต่หลักฐาน ซึ่งเป็นกล้องวงจรปิดของร้านได้ถูกถอดออกไปอย่างรวดเร็ว

กกต.เผยมีเรื่องร้องเรียนอื้อ

ที่ศาลา 60 พรรษามหาราช เทศบาล เมืองกาญจนบุรี จ.กาญจนบุรี นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและสังเกตการณ์การแจกวัสดุอุปกรณ์ประจำหน่วยเลือกตั้ง ส่งมอบให้กับกรรมการประจําหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลและนายกเทศมนตรี ในวันอาทิตย์ที่ 28 มี.ค.

นายอิทธิพรกล่าวว่า จนถึงขณะนี้ทั่วประเทศมีเรื่องร้องเรียน 255 เรื่อง กรณีการปฏิบัติฝ่าฝืนกฎหมาย ให้ของ แจกเงิน หลอกลวง ใส่ร้าย มหรสพ มีครบหมด ยืนยันทุกพื้นที่มีความพร้อมให้ประชาชนมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยตั้งเป้าผู้มาใช้สิทธิ์ ร้อยละ 75-80

แจงชื่อคนตายโผล่บัญชีเลือกตั้ง

นายกิตติพงษ์ บริบูรณ์ รองเลขาธิการกกต. กล่าวกรณีพบชื่อคนตายปรากฏในบัญชีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งนายกเทศมนตรีและสมาชิกสภาเทศบาล ในพื้นที่จ.ปทุมธานีว่า กรณีดังกล่าวเกิดจากเจ้าบ้านไม่ได้แจ้งจำหน่ายชื่อคนตาย ออกจากทะเบียนบ้าน จึงยังทำให้ชื่อค้างอยู่ และเมื่อจัดทำบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งทุกครั้งจะปรากฏชื่อบุคคล ดังกล่าวเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งอยู่ในบัญชี

“รายที่เป็นข่าวว่าเสียชีวิตมา 20 ปีแล้ว พบว่าเสียชีวิตนอกท้องที่ที่คนตายมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน และเวลานั้นระบบฐานข้อมูลทะเบียนยังไม่ใช้ออนไลน์ เมื่อเจ้าบ้านไม่นำใบมรณบัตรไปแจ้ง เพื่อขอจำหน่ายชื่อออกจากทะเบียนบ้าน ทำให้ชื่อค้างอยู่อย่างนั้น ดังนั้น การจะบอกว่าเป็นความผิดพลาดของ เจ้าหน้าที่ทะเบียน คงไม่ได้ เพราะเขาก็ไม่รู้ถ้าเจ้าบ้านไม่ไปแจ้งขอจำหน่ายชื่อออก” รองเลขาธิการกกต. กล่าวและว่า กรณีที่เกิดขึ้น ไม่ทำให้เกิดการทุจริตสวมสิทธิ์ได้ง่าย เพราะเวลาใช้สิทธิเลือกตั้ง กปน. จะมีวิธีตรวจสอบหลักฐาน การทุจริตโดยการสวมสิทธิ์จึงทำได้ยาก

จับซื้อเสียง – นายพิพัฒน์ รุ่งเจริญอารีย์จิต ถูกเจ้าหน้าที่คุมตัวส่ง สภ.เมืองระยอง ดำเนินคดีหลังนำเงินไปจ่ายตามรายชื่อเพื่อซื้อเสียงให้ผู้สมัครรายหนึ่งในเทศบาลตำบล ทับมา เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 26 มี.ค.

ระยองจับหัวคะแนนซื้อเสียง

นายปิติฉัตร ธนนวนนท์ ผู้อำนวยการการเลือกตั้ง(ผอ.กต.)ระยอง เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งจากนายสุจินต์ สาครเสถียร ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลทับมา จ.ระยอง ว่าได้พบผู้ซื้อเสียง ภายในหมู่บ้านการเคหะ จ.ระยอง ม.2 ต.ทับมา อ.เมือง จ.ระยอง จึงประสาน พ.ต.อ.เฉลิมเดช เฉลิมวงศ์ ผกก.สส.ภ.จว.ระยอง เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อถึงจุดเกิดเหตุ พบนายพิพัฒน์ รุ่งเจริญอารีย์จิต อายุ 52 ปี ถูกนายสุจินต์พร้อมลูกทีมควบคุมตัวไว้ พร้อมหลักฐานเงินสดและโพยรายชื่อ 6 คน โดยนายพิพัฒน์รับสารภาพว่าเป็นพ่อค้าขายหมูทอดภายในหมู่บ้าน ได้รับเงิน 3,000 บาทจากเจ้ขวัญ ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล ให้นำไปจ่ายคนรู้จัก 6 คนตามรายชื่อในโพย คนละ 500 บาท โดยได้รับเงินค่าจ้าง 50 บาทต่อคน เพื่อให้ลงคะแนนเสียงให้กับผู้สมัครนายกเทศมนตรี เบอร์ 1 คือ นายประเสริฐ วงศ์ศรี อดีตนายกเทศมนตรี เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนายพิพัฒน์ดำเนินคดีที่สภ.เมืองระยอง ในข้อหาความผิดตามพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น และผู้บริหารท้องถิ่น มาตรา 65(1) ส่วนการเอาผิดผู้สมัครที่ถูกกล่าวอ้างว่าเป็นคนให้ซื้อเสียงนั้น ต้องสอบสวนตามพยานหลักฐาน หากพบว่ามีหลักฐานเชื่อมโยงชี้ชัดว่าเกี่ยวข้อง จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายเลือกตั้งต่อไป

มาบตาพุดจับ-ตระเวนแจกเงิน

ร.ต.อ.รพีพงศ์ สีดา รองสวป.สภ.มาบตาพุด อ.เมืองระยอง พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ และนายจักรวาล จิตดล ผู้สมัคร สท.เมืองมาบตาพุด ร่วมกันตรวจยึดรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า 1 คัน ทะเบียน กนต 490 ปราจีนบุรี เงินสดจำนวน 10,500 บาท พร้อมนำตัวนายนิพนธ์ (สงวนนามสกุล) ส่งพนักงานสอบสวน สภ.มาบตาพุด สอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย

สืบเนื่องนายจักรวาลทราบข่าวว่า นายนิพนธ์ขับขี่รถจักรยานยนต์ออกซื้อสิทธิ์ขายเสียงให้กับผู้สมัครนายกเทศมนตรีคนหนึ่งและผู้สมัครส.ท.เขต 2 ได้นำเงินไปวางไว้บนหม้อร้านขายโจ๊ก บริเวณหน้าเสาโทรศัพท์ ถนนโขดหิน-เขาไผ่ จึงได้ติดตามไปถึงหมู่บ้านแฮปปี้โฮม ถนนโขดหิน-เขาไผ่ ต.เนินพระ เห็นนายนิพนธ์ เลี้ยวเข้าบ้านเลขที่ 10/62 จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.มาบตาพุด มาตรวจยึดของกลางพร้อมเงินสด นำตัวนายนิพนธ์ไปสอบสวนข้อเท็จจริงเพื่อดำเนินคดี

พิจิตรสะพัดจ่ายหัวละ 300-1 พัน

ร.ต.อ.สุชีพ จาดย่านขาด ผอ.กต.พิจิตร กล่าวว่า ขณะนี้มีการแจ้งเรื่องซื้อเสียงเข้ามาจำนวนมาก ซื้อเสียงหัวละ 300-500-1,000 บาท นอกจากนี้เทศบาล ตำบลวังตระกูซื้อเสียง 1,000 บาท บางส่วนจ่ายกันก่อนคืน หมาหอน บางส่วนเพิ่งจ่ายก็มี ซึ่งหลังจากได้รับแจ้ง กกต.พิจิตรพร้อมด้วยชุดเคลื่อนที่เร็วได้ลงไปในพื้นที่ แต่ลงไปแล้วก็ไม่สามารถจับได้เนื่องจากประชาชนไม่ให้ความร่วมมือ คาดว่าการเลือกตั้งเทศบาลทั้ง 28 แห่ง น่าจะนับคะแนนเสร็จ ทราบผลเวลา 23.00 น. คาดว่าจะมีผู้มาใช้สิทธิ์ร้อยละ 70 มากกว่าการ เลือกตั้ง อบจ.พิจิตร

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน