สานต่อเจตนารมณ์เสื้อแดง
ตื้นตันคำพูดเพนกวินในคุก
ม็อบบ้านทะลุฟ้าฮือไล่ตู่ต่อ

‘ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ’ ประกาศจุดยืนเดิม ยันอยู่เคียงข้างม็อบเยาวชนนิสิตนัก ศึกษาที่กำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย เปิดแถลงข่าวหลังคืนสู่อิสรภาพพ้นโทษคดีบุกบ้านป๋าเผยบทสนทนากับ‘เพนกวิน’ในเรือนจำ ลั่นขอยืนหยัดเคียงข้างการต่อสู้ของคนหนุ่มสาว พร้อมเรียกร้องให้เอาเยาวชนออกจากกรงขังทั้งหมด ม็อบบ้านทะลุฟ้าเคลื่อนทัพสู่หน้าทำเนียบอีกครั้งหลังถูกสลาย-จับกุม จัดโต๊ะถือรูปผู้ต้องขังมาตรา 112 ถ่ายภาพคู่ขนานกับที่ประยุทธ์จัดฉากถ่ายกับครม.ใหม่

ตรึงเข้มทำเนียบ-ใช้แค่ประตู 5

เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น. กล่าวถึงการดูแลรักษาความปลอดภัยกลุ่มผู้ชุมนุมนัดชุมนุมกันที่บริเวณทำเนียบรัฐบาลว่า เนื่องจากวันที่ 30 มี.ค.มีการ ประชุมครม.ที่ทำเนียบ บช.น.จัดกำลังไปดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย เพราะมีกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยเดินทางมาชุมนุม และขอให้ผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่เข้าไปทำงานในทำเนียบได้

ส่วนเครื่องกีดขวางใช้เพื่อป้องกันสถานที่พยายามไม่ให้กลุ่มคนกับเจ้าหน้าที่กระทบกระทั่งกันใช้ตามความจำเป็นและตามสถานการณ์ ตอนนี้มีประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน การชุมนุมก็ทำไม่ได้ จุดประสงค์เราไม่ได้มาจับกุมผู้ชุมนุม ต้องการขอให้ปฏิบัติตามกฎหมาย การที่จะให้เขาทำตามกฎหมายเราคำนึงถึงความสงบเรียบร้อย ถ้าเกิดความรุนแรงก็ไม่ทำ เน้นเรื่องการทำความเข้าใจขอความร่วมมือ ถ้าการชุมนุมก่ออันตราย สร้างความเดือดร้อนต้องจำเป็นปฏิบัติตามกรอบของกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า หลังจากกลุ่มผู้ชุมนุมบ้านทะลุฟ้าประกาศนัดรวมตัวกันในเวลา 14.00 น.เพื่อมาถ่ายรูปกับ ครม.และตะโกนไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหมออกไป โดยพล.อ.ประยุทธ์นัดถ่ายรูปหมู่ครม.เพื่อต้อนรับ 4 รัฐมนตรีใหม่ในช่วงเช้านั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรวจ พร้อมนำตู้คอนเทนเนอร์จากบริเวณถนนลูกหลวงมาตั้งขวางหัวถนนพระราม 5 เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ และมี เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนเตรียมกำลังให้การสนับสนุน

สำหรับการรักษาความปลอดภัยในทำเนียบรัฐบาล เจ้าหน้าที่ตำรวจตรึงกำลังอยู่ตามจุดทางเข้าออกต่างๆ โดยเจ้าหน้าที่ ข้าราชการ และผู้มาติดต่อจะใช้เส้นทางประตู 5 และประตูน้ำพุเท่านั้น ทุกคนจะต้องติดบัตรแสดงตน รวมถึงยานพาหนะที่จะนำเข้ามาต้องมีบัตรประจำหรือต้องแลกบัตรทางการเท่านั้น

ไล่ประยุทธ์ – กลุ่มผู้ชุมนุมนอนไขว่ห้างชู 3 นิ้ว เผชิญหน้าตำรวจบนสะพานชมัยมรุเชฐ หน้าทำเนียบรัฐบาล เปิดปราศรัยโจมตีรัฐบาล และ ขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เมื่อวันที่ 30 มี.ค.

วางคอนเทนเนอร์-ล้อมรั้วเหล็ก

เมื่อเวลา 13.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลประตู 4 เจ้าหน้าที่ตำรวจติดตั้งแนวป้องกันด้วยตู้คอนเทนเนอร์ ทำให้ปิดเส้นทางจากเเยกสวนมิสกวันถึงเเยกพาณิชยการไม่สามารถใช้เส้นทางได้ และปิดถนนพระรามที่ 5 หน้าศาลกรมหลวงชุมพรฯ ถึงเชิงสะพานอรทัย ถนนลูกหลวง ติดตั้งตู้คอนเทนเนอร์ปิดหัว-ท้าย ประตูทางเข้าทำเนียบด้านสะพานอรทัยล้อมด้วยลวดหนาม

ต่อมาเวลา 13.20 น. บริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ถนนพระรามที่ 5 เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนพร้อมโล่จำนวน 50 นาย เข้าดูแลความเรียบร้อยในพื้นที่บนทางเท้าหน้าพณิชยการพระนคร ขณะที่มวลชนทยอยเข้าพื้นที่อย่างต่อเนื่องบริเวณป้ายรถเมล์ หน้าวิทยาลัยพณิชยการพระนคร

ที่บริเวณด้านข้างทำเนียบรัฐบาล ฝั่งถนนพระราม 5 ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านทะลุฟ้า ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังกลุ่มเรียกตัวเองว่าหมู่บ้านทะลุฟ้านัดรวมตัวทำกิจกรรมไปถ่ายรูปกับครม. ตะโกน “ประยุทธ์ออกไป!!” นั้น ช่วงบ่ายวันนี้มวลชนทยอยเดินทางมาจัดกิจกรรมดังกล่าวท่ามกลางอากาศที่ร้อนจัด โดยกลุ่มผู้ชุมนุมชูป้ายขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ และข้อความอื่นๆ เช่น ปล่อยเพื่อนเรา, ยกเลิก 112, เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ตำรวจควบคุมฝูงชนมายืนปิดกั้นเป็นแนว พร้อมวางรั้วเหล็กบริเวณถนนตรงถนนพระรามที่ 5 ช่วงปากซอยเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ และนำตู้คอนเทนเนอร์มาปิดบริเวณที่เคยเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านทะลุฟ้า

ถือรูปผู้ต้องหาคดี 112-ถ่ายภาพ

ต่อมามีหญิงรายหนึ่งจะนำสติ๊กเกอร์ข้อความว่า ตามหาประชาธิปไตย มาติดที่โล่ของเจ้าหน้าที่คฝ. แต่เจ้าหน้าที่ชักกลับและถอยหลัง หญิงรายนี้จึงนำสติ๊กเกอร์ดังกล่าวติดไว้ที่เสาป้ายถนนพระราม 5 ที่อยู่ใกล้ๆ แทน

เวลา 14.30 น. มวลชนได้ตั้งขบวนบริเวณหน้าพณิชยการพระนคร ถนนพิษณุโลกขาเข้า ก่อนเดินเท้ามายังบริเวณแยกพาณิชยการ เชิงสะพานชมัยมรุเชฐ มวลชนได้นำพรมแดงมาปูแล้วนำเก้าอี้มาวางให้มวลชนมานั่งเก้าอี้ พร้อมถือรูปนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นายอานนท์ นำภา และน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือ รุ้ง พร้อมตะโกน “ปล่อยเพื่อนเรา เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ยกเลิก 112 ประยุทธ์ออกไป”

กลุ่มผู้ชุมนุมได้กล่าวโจมตีรัฐบาลที่เข้าสลายหมู่บ้านทะลุฟ้าเพราะต้องการให้ครม.ชุดใหม่ถ่ายรูป จับพวกเราไปมากกว่า 100 คน ยึดโทรศัพท์มือถือ ไม่มีแม้แต่หมายศาลคุกคามสารพัด ทำทุกอย่างเพื่อให้ครม.ชุดใหม่ได้ถ่ายรูป วันนี้พวกเราเลยมาที่หน้าทำเนียบ ปูพรมแดง ให้ครม.ฉบับประชาชนได้นั่งถ่ายภาพเป็นที่ระลึก ที่มาในวันนี้เพื่อยืนยันสิทธิและเสรีภาพของเราในการมาชุมนุมอย่างสันติ ทำตามข้อกฎหมายทุกอย่าง แต่สุดท้ายรัฐบาลก็มาสลายการชุมนุมของเรา สำหรับบรรยากาศโดยรอบแยกพาณิชย์กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มายืนตั้งแถวหน้ากระดาน 3 ชั้นบนสะพานชมัยมรุเชฐ

ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมครม.ถึงการเคลื่อนไหวชุมนุมของกลุ่มบ้านทะลุฟ้าและแนวร่วมในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ว่า “ก็ให้เขาปฏิบัติตามขั้นตอนตามกฎหมาย ผมไปห้ามใครไม่ได้อยู่แล้ว”

เตรียมรถควบคุมตัว-รถฉีดน้ำ

ในส่วนของเจ้าหน้าที่นั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการเตรียมรถติดเครื่องขยายเสียงของตำรวจนครบาลไว้ 2 คัน รถควบคุมตัว ผู้ต้องหาขนาดใหญ่ 2 คัน รถฉีดน้ำแรงดันสูง หรือจีโน่ 1 คัน รถสำรองน้ำ 1 คัน จอดพักคอยอยู่ที่ประตู 4 ของทำเนียบ ริมถนนพิษณุโลก มุ่งหน้าแยกสวนมิกสกวัน ส่วนที่สะพานชมัยมรุเชฐ มีตู้คอนเทนเนอร์สูง 2 ชั้น วางปิดพื้นถนน 3 ช่องทาง เปิดให้ผู้ที่ขับรถมาจากแยกนางเลิ้งมุ่งหน้าไปแยกมิกสกวันได้ 2 ช่องทางเท่านั้น

นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดควบคุมฝูงชนยืนประจำการอยู่บริเวณถนนพระรามที่ 5 ริมคลองผดุงกรุงเกษม ข้างทำเนียบรัฐบาลและบนสะพานชมัยมรุเชฐอีกหลายนาย สำหรับภาพรวมในขณะนี้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย

ต่อมาเวลา 15.25 น.ผู้ชุมนุมพากันนำรูปแกนนำและแนวร่วมกลุ่มราษฎรที่ถูกฝากขังในเรือนจำ อาทิ นายพริษฐ์ หรือเพนกวิน น.ส.ปนัสยา หรือรุ้ง นายอานนท์ นำภา ฯลฯ ไปติดที่โล่ของตำรวจคฝ.ด้วย

ตู่เลี่ยงเผชิญหน้า-ใช้ประตู 4

เวลา 16.00 น. ที่แยกพาณิชยการ ถ.พระราม 5 ฝั่งศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทางกลุ่มเดินทะลุฟ้า กว่า 100 คน ย้ายการชุมนุมขึ้นมาชุมนุมที่บริเวณเชิงสะพานชมัยฯ หันหน้าเผชิญกับทางตำรวจควบคุมฝูงชนที่ยืนแถวอยู่บริเวณดังกล่าว โดยผู้ชุมนุมคล้องแขนกัน และตะโกนต่อว่านายกฯ และครม.

เวลา 16.45 น. พล.อ.ประยุทธ์เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลเพื่อกลับบ้านพัก โดยขบวนรถใช้เส้นทางประตู 4 ออกสู่ถนนพิษณุโลกตรงข้ามสำนักงานก.พ.เดิม เลี้ยวซ้าย มุ่งหน้าถนนราชดำเนิน เพื่อเลี่ยงการเผชิญหน้ากับกลุ่มผู้ชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้า และม็อบอาชีวะที่มาดักตะโกนไล่ออกจากตำแหน่ง ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวด

ก่อนหน้านี้เพจหมู่บ้านทะลุฟ้าประกาศขอยุติการชุมนุม แล้วไว้พบกันใหม่ในทะลุฟ้าวี 3 เพื่อต่อสู้ในข้อเรียกร้อง ปล่อยเพื่อนเรา เขียนรัฐธรรมนูญใหม่ ยกเลิก 112 ประยุทธ์ออกไป ประยุทธ์ต้องออกไป ประยุทธ์ต้องออกไปโดยทันที

ขบวนทะลุฟ้าต่อสู้อยู่บนการใช้แนวทางแบบสันติวิธี ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่ยั่วยุ มิใช่การกีดกันพี่น้องประชาชน แต่เป็นการ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดความรุนแรงต่อทุกคน

รมต.สั่งดูแลเข้มกรณีอดอาหาร

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีร.ต.ธนกฤติ จิตรอารีย์รัตน์ เลขานุการรมว.ยุติธรรม ประสานมารดานายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน แกนนำกลุ่มราษฎร ให้เลิกอดอาหารเพราะเป็นห่วงสุขภาพว่า ทุกคนให้ความเป็นห่วง นายพริษฐ์ เพราะถ้าเกิดเจ็บป่วยขึ้นมาจะเกิดปัญหาตนกำชับไปแล้ว ต้องไม่มีเหตุอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น โดยสัปดาห์นี้จะวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ให้ผอ.เรือนจำทั้งหมดรับทราบนโยบายและเรียนรู้สิ่งที่เกิดขึ้นให้ทันต่อเหตุการณ์ ไม่ใช่ว่าช้า ถามข้อมูลอะไรก็ไม่ทันการณ์ จะเกิดความเสียหาย และต้องปฏิบัติตามระเบียบเป็นไปตามสิทธิมนุษยชน ซึ่งต้องมีความละเอียดไม่ให้มีเรื่องของความไม่เข้าใจเกิดขึ้นและต่อความยาวสาวความยืดกัน

เมื่อถามว่าหากนายพริษฐ์เจ็บป่วยขึ้นมาโรงพยาบาลของกรมราชทัณฑ์มีมาตรฐานเพียงพอหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เรื่องมาตรฐานของโรงพยาบาลดีเหมือนกันหมดไม่มีปัญหา เพียงแต่เจ้าหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์มีจำกัดเพียง 1 คน ต่อนักโทษ 33 คนซึ่งตนจะกำชับให้ดูแลละเอียดขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะป้องกันอย่างไรไม่ให้เกิดพฤติกรรมเลียนแบบ เพราะล่าสุดน.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง แกนนำกลุ่มราษฎร ประกาศจะอดอาหารบ้าง นาย สมศักดิ์กล่าวว่า ป้องกันอะไรไม่ได้ แต่เราระมัดระวังอย่าให้เขาเป็นอันตรายก็ทำให้ดีที่สุดและไม่ปล่อยปละละเลย โดยเฉพาะข้อมูลต้องประสานกันให้รวดเร็ว เพื่อป้องกันความไม่เข้าใจ เพราะบางครั้งก็เป็นข่าวไปหลายวันสร้างความสับสน ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่มีอะไรรุนแรง เมื่อถามว่าลำบากใจหรือไม่ที่นักโทษในเรือนจำอดอาหาร ซึ่งไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน นายสมศักดิ์กล่าวว่า ผู้คุมก็ต้องดู เพราะเป็นความรับผิดชอบ

เผยอาการล่าสุดของเพนกวิน

เมื่อถามถึงกรณี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ถอดกำไลอีเอ็ม นายสมศักดิ์กล่าวว่า มีอีเอ็มก็เป็นเครื่องเตือนใจ ถอดแล้วก็แสดงว่าหมดเวลาของพันธนาการแล้วเข้าสู่โหมดการใช้ชีวิตไปไหนมาไหนได้ปกติ ส่วนจะไปทำกิจกรรมทางการเมืองได้หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบต้องไปดูคำสั่งศาล

รายงานข่าวจากกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงอาการนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ซึ่งถูกคุมขังอยู่ที่สถานกักขังกลางจังหวัดปทุมธานีว่า เมื่อเวลา 07.35 น. เจ้าหน้าที่พยาบาลตรวจติดตามอาการพบว่าผู้ต้องกักขังนอนหลับพักได้ อาการอ่อนเพลียเล็กน้อย และยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหาร ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำและดื่มเกลือแร่ทดแทน ริมฝีปากไม่แห้ง น้ำหนัก 103 กิโลกรัม สัญญาณชีพโดยทั่วไปปกติ อุณหภูมิร่างกาย 36.5 องศาเซลเซียส อัตราเต้นของหัวใจ 68 ครั้งต่อนาที อัตราการหายใจ 18 ครั้ง/นาที ความดันโลหิต 112/66 มิลลิเมตรปรอท ปฏิเสธการเจาะเลือดตรวจน้ำตาลจากปลายนิ้ว ไม่มีอาการหน้ามืดเวียนศีรษะ ผื่นคันบริเวณหน้าอก ผื่นที่หลังลดลง เหตุการณ์ทั่วไปปกติ

ก้าวไกลอัดรัฐ 2 มาตรฐานชัด

นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และรองประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน และกองทุน กล่าวถึงการดำเนินคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมตลอด 1 ปีที่ผ่านมา และการสลายการชุมนุมและจับกุมผู้ชุมนุมกลุ่ม REDEM ที่สนามหลวง ในวันที่ 20 มี.ค. รวมถึงการสลายการชุมนุมหมู่บ้านทะลุฟ้า ในวันที่ 28 มี.ค. ว่า มีผู้ถูกจับกุมถึง 99 คน ทั้งๆ ที่เป็นการชุมนุมที่ขออนุญาตและเป็นการชุมนุมโดยสงบ จึงได้สร้างความไม่เชื่อมั่นของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่ในการบังคับใช้กฎหมายและปฏิบัติการที่รุนแรงเกินกว่าเหตุ

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่าเจ้าหน้าที่ต้องเคารพสิทธิการแสดงความคิดเห็นและการแสดงออกของประชาชนที่ได้รับการรองรับตามรัฐธรรมนูญ ยิ่งเป็นการชุมนุมที่แจ้งขออนุญาตตาม พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 แล้ว แต่เจ้าหน้าที่กลับอ้างการควบคุมโรคระบาด และใช้กฎหมายอื่นๆ เช่น พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.ความสะอาดฯ มาดำเนินการกับผู้ชุมนุมโดยไม่เป็นไปตามกฎหมาย เช่น สลายการชุมนุมโดยไม่ได้ขอคำสั่งศาลก่อน ในขณะที่การรวมตัวกันของผู้คนจำนวนมาก เช่น งาน “รัตนโกเซิร์ฟ” ที่มีศิลปิน นักแสดงไปร่วมงานไถสเกต ไม่ไกลจากหมู่บ้านทะลุฟ้าโดยไม่มีการใส่หน้ากากอนามัย กลับสามารถจัดได้และไม่มีใครถูกดำเนินคดีเหมือนกันกับ ผู้ชุมนุม ทำให้ถูกมองว่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติ 2 มาตรฐานหรือเลือกใช้กฎหมายกับเฉพาะ บางกลุ่ม

ส่วนการนำผู้ถูกจับกุมไปควบคุมตัวที่ บก.ตชด.ภ.1 หรือที่ บก.ปส. ทั้งๆ ที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.83 ระบุไว้ชัดเจนว่าให้นำตัวผู้ถูกจับไปยังที่ทำการของพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่ถูกจับโดยทันที แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีคำอธิบายจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร

พร้อมสู้ – นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. แถลงเปิดใจการคืนสู่อิสรภาพ ถอดกำไล อีเอ็ม ประกาศเคลื่อนไหวทางการเมือง สนับสนุนการชุมนุมของเยาวชนรุ่นใหม่ ที่ยูดีดีนิวส์ ชั้นใต้ดิน อาคารเอเวอรี่มอลล์ จ.นนทบุรี เมื่อ 30 มี.ค.

ณัฐวุฒิประกาศอยู่เคียงข้างน.ศ.

เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ที่ทำการยูดีดีนิวส์ ห้างเอเวอรี่มอลล์ เลขที่ 57 ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง แถลงข่าวการคืนสู่อิสรภาพ พร้อมด้วยนายแพทย์เหวง โตจิราการ นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ นายก่อแก้ว พิกุลทอง ซึ่งเป็นการแถลงหลังถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 2 ปี 8 เดือน โดยคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 26 มิ.ย. 2563 ในคดีการชุมนุมหน้าบ้านสี่เสาเทเวศร์ เมื่อปี 2550 และต่อมานายณัฐวุฒิได้รับการพักโทษเป็นกรณีพิเศษ

นายณัฐวุฒิกล่าวว่า การที่ตนได้รับการพักโทษนั้น เป็นไปตามระเบียบของกรมคุมประพฤติที่กำหนดไว้ ไม่ได้มีอภิสิทธิ์ใดๆ ซึ่งแม้ว่าจะได้รับอิสรภาพมาแล้วแต่ก็ยังคงมีอีกหลายคดีรออยู่ ทั้งคดีการชุมนุมในปี 52 และ 53 ซึ่งสถานะจากที่เป็นผู้ถูกจำคุกโดยศาลฎีกา ทำให้ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี ไม่สามารถลงสมัครการเมืองระดับใดได้ทั้งสิ้น แม้ว่าจะถูกตัดสิทธิ์ไปก็ตาม แต่ตนไม่เคยลืมจุดยืนเมื่อที่ได้ประกาศพูดไว้ในวันแรกคือการต่อสู้ตามแนวทางประชาธิปไตย ต้องการเห็นบ้านเมืองเป็นของประชาชน อำนาจการปกครองเป็นของประชาชน คนเราต้องเท่าเทียมกัน

นายณัฐวุฒิกล่าวถึงเรื่องการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาว่า ตนเคารพนักศึกษาพวกเขาเหล่านี้ในฐานะนักต่อสู้ ซึ่งพวกเขาต้องแลกมาด้วยชีวิต อิสรภาพ และต้องเผชิญกับความท้าทายที่ต้องแบกรับไว้อีกมาก และขอย้ำจุดยืนของตนว่าขอยืนยันเคียงข้างกับนิสิต นักศึกษา ประชาชน ไม่มีเปลี่ยนแปลง พวกเราในฐานะคนเสื้อแดงที่ต่อสู้มานับ 10 ปี และทุกวันนี้ก็ยังต่อสู้อยู่

เปิดใจ-พร้อมต่อต้านเผด็จการ

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า เด็กพวกนี้พวกเขาต้องอยู่ในห้องเรียนไม่ใช่อยู่ในห้องขัง คนรุ่นเราต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายออกมารับผิดชอบที่เป็นต้นเหตุทำให้พวกเขาต้องออกมาต่อสู้ในวันนี้ ชะตากรรมของเด็กๆ ที่เกิดขึ้น คนรุ่นเราต้องร่วมกันรับผิดชอบเอาเด็กๆ ออกมาจากห้องขังและมาหาแนวทางแก้ไขเพื่อบ้านเมือง ไม่ใช่เอาเด็กไปขังแล้วบอกเป็นการแก้ปัญหา เราควรดูได้แล้วว่า ตอนนี้เด็กๆ คนรุ่นใหม่ส่งสัญญาณอะไรถึงคนรุ่นเรา อย่าไปกลัวความเปลี่ยนแปลงเพราะมันคือสัจธรรมทุกสิ่งทุกอย่างในโลกล้วนแล้วแต่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อย่าดูถูกดูแคลนคนรุ่นใหม่เหล่านี้ว่าถูกใครล้างสมองมา เพราะผมเชื่อว่าไม่มีใครสามารถไปล้างสมอง จิตวิญญาณของคนหนุ่มสาวเหล่านี้ไปได้ ควรจะยอมรับความจริงในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเพื่อไม่ให้บ้านเมืองเสียหายมากไปกว่านี้

“ดังนั้นผมขอประกาศจุดยืนตรงนี้ว่า ในฐานะมนุษย์ด้วยกัน ผมทิ้งพวกเขาไม่ได้ และทุกวันนี้ผมก็ยังคงเป็นคนเสื้อแดงอยู่ ไม่เคยรู้สึกเสียใจใดๆ ที่ได้ต่อสู้ในอุดมการณ์นี้มานับ 10 ปี ผมมีโลกเพียงใบเดียวคือการต่อต้านเผด็จการ ดังนั้นถ้าต่อต้านเผด็จการในพม่า ก็ต้องต่อต้านเผด็จการในประเทศไทยด้วยเช่นกัน สำหรับการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช.นั้น ในตอนนี้ยังไม่มีแนวคิดเคลื่อนไหวมวลชนขนาดใหญ่ เพราะยังไม่มีข้อสรุปในที่ประชุมที่ว่างเว้นมานาน 3 ปี ซึ่งต้องให้มีการประชุมสรุปกันเสียก่อน” นายณัฐวุฒิกล่าว

นายณัฐวุฒิกล่าวอีกว่า ตนเคยเจอกับเพนกวินในเรือนจำ เคยมีโอกาสทักทายพูดคุยกันบ้าง ตนเคยถามเพนกวินว่า เขารู้จักตนได้อย่างไร เพนกวินตอบว่า เขาเห็นตนในทีวีมาตั้งแต่อายุ 11 ขวบ จนมาถึงวันนี้พวกเขากลายเป็นแกนนำต่อสู้ฝ่ายประชาธิปไตยแทนแล้ว ซึ่งก็ไม่แน่ว่า อีก 10 ปีข้างหน้าอาจจะมีลูกชายของตนออกไปต่อสู้เรียกร้องแทนพวกตนต่อไป ดังนั้นคนรุ่นเราจึงควรออกมารับผิดชอบความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทั้งหมด บ้านเมืองมันยังมีทางออกหากร่วมมือกันแก้ไข สุดท้ายนี้ตนขอส่งความปรารถนาดีไปยังคนหนุ่มสาว นักต่อสู้ในเวลานี้ว่า ตนยังคงอยู่ตรงนี้ เข้าใจ เห็นใจ และเป็นกำลังใจให้ ไม่ทอดทิ้งกัน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน