โพสต์1เมย.วันโกหกโลก
อย่าแชร์ข้อมูลเท็จ-มั่ว

ตร.เตือน 1 เม.ย. ‘เอพริลฟูลส์เดย์’ ห้ามโพสต์-แชร์เรื่องโกหกทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน เสียหาย อับอาย ถือว่าผิดกฎหมายพ.ร.บ.คอมพ์ มีโทษติดคุก ปรับ 1 แสน ขอความร่วมมือโพสต์แต่เรื่องสร้างสรรค์ ไม่ละเมิดกฎหมาย หวั่นผู้ไม่หวังดีสบโอกาสปล่อยเฟกนิวส์ สร้างความสับสน โดยเฉพาะโรคโควิดที่ยังระบาด

เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รองผบก.ปอท. ในฐานะรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ฝากประชา สัมพันธ์ถึงพี่น้องประชาชนว่า “ในวันที่ 1 เม.ย.ของทุกปีเป็นวัน April Fool’s Day หรือ วันโกหก” เป็นธรรมเนียมของฝรั่งจะเล่นมุขตลกและเรื่องหลอกลวงต่อกัน พี่น้องประชาชนอาจนึกสนุกโพสต์หรือแชร์ข้อมูลที่เป็นเรื่องหลอกลวงแล้วออกมาเฉลยในวันต่อมาโดยไม่ถือโทษโกรธกัน แต่เนื่องจากในช่วงเวลานี้บ้านเมืองเรายังถือว่าอยู่ในช่วงเฝ้าระวังการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ประกอบกับพี่น้องประชาชนมีการเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์มากขึ้น จึงขอเตือนว่าอย่าโพสต์หรือแชร์เรื่องราวอะไรที่ไม่เป็นความจริงแล้วมาอ้างว่าเป็นการล้อเล่นในวันโกหกในลักษณะข่าวปลอม (Fake News) ที่ทำให้ผู้อื่นเสียหาย ได้รับความอับอาย โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการแพร่ระบาดโควิด-19 หรือในประเด็นอื่นที่ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก ซึ่งในเรื่องนี้มีกฎหมายควบคุมอยู่อย่างชัดเจน

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์กล่าวต่อว่า ขอความร่วมมือพี่น้องประชาชน หากจะร่วมสนุกด้วยการโกหกก็ขอให้เป็นไปอย่างสร้างสรรค์และไม่ละเมิดกฎหมาย ฝากเตือนให้ระมัดระวังในการโพสต์หรือแชร์ข่าวต่างๆ ในโซเชี่ยลมีเดียว่ามีโทษจำคุกและเสียค่าปรับ ตามความผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2560 มาตรา 14 (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิว เตอร์อันเป็นเท็จ

โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนมาตรา 14 (2) ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัยสาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือโครงสร้างพื้นฐานอันเป็นประโยชน์สาธารณะของประเทศ หรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน และมาตรา 14 (5) ผู้ใดเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ดังกล่าวข้างต้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

พ.ต.อ.ศิริวัฒน์กล่าวอีกว่า ช่วงนี้มีผู้ไม่หวังดีพยายามปล่อยข่าวปลอมในหลายประเด็นเพื่อหวังให้ประชาชนเกิดความสับสนและ ตื่นตระหนก จึงฝากพี่น้องประชาชนใช้วิจารณญาณให้มากๆ ก่อนที่จะเชื่อและแชร์ข้อมูลโดยเฉพาะในสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งจะได้มีการบังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำความผิดดังกล่าว ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติด้วย

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน