ฝน-น้ำป่าทะลัก
ปิดทางเข้า-ออก
ตำรวจ-ทหาร-อุทยานสนธิกำลังช่วยเหลือพระภิกษุติดในถ้ำพระไทรงาม จ.พิษณุโลก หลังเข้าไปปักกลดนั่งสมาธิ แล้วฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวันจนน้ำท่วมปิดทางเข้า-ออก คล้ายกรณี ‘ทีมหมูป่า’ ในถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน จ.เชียงราย ส่งทีมประดาน้ำเข้าไปแต่น้ำไหลแรง และระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ จนต้องถอนตัวออกมา พร้อมประสานทีมกู้ภัยที่เชี่ยวชาญมาร่วมวางแผนช่วยเหลือ เผยภายในถ้ำเข้าไปสักพักจะเจอช่วงแคบแบบคอห่านกว้างแค่ 1.2 เมตร แต่สูงถึง 4 เมตร ที่ถูกน้ำท่วมเต็มไม่สามารถเข้า-ออกได้
เมื่อวันที่ 6 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีพระภิกษุไปธุดงค์ภายในถ้ำพระไทรงาม บริเวณสำนักสงฆ์ อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก ตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา ปรากฏว่าปริมาณฝนที่ตกอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 4-6 เม.ย. ส่งผลให้บริเวณปากถ้ำและภายในถ้ำเต็มไปด้วยน้ำท่วมขังสูง พระภิกษุสงฆ์ที่อยู่ภายในนั้นไม่สามารถออกมาได้ โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถานพิษณุโลกได้เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมได้สอบถามชาวบ้านต่างยืนยันว่า เมื่อวันที่ 4 เม.ย. ที่ผ่านมา มีพระภิกษุ 1 รูป อายุประมาณ 45-50 ปี ทราบชื่อพระอาจารย์มนัส เข้าไปที่ถ้ำพระไทรงาม ปฏิบัติสมาธิภายในถ้ำ ทุกวันจะมีชาวบ้านเข้าไปใส่บาตรและถวายอาหารเป็นประจำ แต่ล่าสุดเกิดน้ำท่วมถ้ำไม่สามารถเข้าไปได้ทำ ให้พระรูปดังกล่าวติดอยู่ในถ้ำด้วย จึงแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือ
ต่อมาพ.ต.อ.ชนะชัย แสงศิริ ผกก.สภ.เนินมะปราง พ.ต.ท.เกริกธนากรณ์ สิงห์สถิตย์ รอง ผกก.ป.สภ.เนินมะปราง พ.ต.ท.พงศ์พิสิษฐ์ ปัญญา สวป.สภ.เนินมะปรางประสานไปยัง ปภ.พิษณุโลก เจ้าหน้าที่จากอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง สล.6 ถ้ำเดือนถ้ำดาว ร่วมกับทีมกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน พิษณุโลก นำกำลังกว่า 30 นาย รุดไปตรวจสอบเพื่อหาทางช่วยเหลือ พบด้านในน้ำท่วมปิดช่วงคอห่านของถ้ำกว้างประมาณ 1.2 เมตร จนไม่สามารถเข้า-ออก
ส่วนลักษณะถ้ำพระไทรงาม จากระยะของปากถ้ำเดินเข้าไปประมาณ 400 เมตร จะเจอลักษณะคล้ายคอห่านหรือท้องช้างที่เป็นแอ่งกระทะสูงประมาณ 4 เมตร มีหินงอกหินย้อยเหมือนถ้ำทั่วไป ซึ่งตอนนี้น้ำท่วมปิดเต็มทั้งหมด ซึ่งเป็นน้ำฝนจากบนภูเขาที่ไหลมาจากหลังถ้ำเอ่อล้นเข้ามา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง สล.6 ถ้ำเดือนถ้ำดาว และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เนินมะปราง หน่วยกู้ชีพ กู้ภัย ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ประชุมหารือบริเวณหน้าปากถ้ำ
เบื้องต้นจัดส่งนักประดาน้ำจำนวน 4 นาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง 2 นาย ทำภารกิจดำน้ำเพื่อวัดระดับน้ำภายในถ้ำแล้ว โดยรายงานเบื้องต้นขณะนี้ในพื้นที่ฝนหยุดตกแล้ว แต่ยังคงมีน้ำไหลลงมาจากเทือกเขาเป็นลักษณะน้ำป่าไหลเข้าพื้นที่อยู่ โดยรอทีมงานชุดที่ 1 ที่เข้าไปสำรวจออกมาเพื่อแจ้งความสูงของระดับน้ำ เพื่อเตรียมประชุมหารือกำหนดทิศทางและแนวทางการช่วยเหลือ เพื่อนำตัวพระอาจารย์มนัสออกมาจากถ้ำต่อไป
เมื่อเวลา 17.30 น. นายปารเมษ แสงสว่าง นายอำเภอเนินมะปราง ลงพื้นที่ประชุมร่วมกับเจ้าหน้าที่หาทางช่วยเหลือพระมนัส ก่อนยุติการค้นหาเนื่องจากระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นเล็กน้อยและค่อนข้างมีสภาพอากาศที่เย็น และน้ำไหลแรง โดยจะเริ่มต้นค้นหาใหม่ในวันที่ 7 เม.ย. ซึ่งนายปารเมษกล่าวว่า อุปสรรคข้างในคือความมืดแล้วก็น้ำไหลแรง ขณะนี้กำลังรอนักประดาน้ำชุดแรกที่เข้าไปเพื่อออกมาสรุปสถานการณ์ ก่อนส่งเรื่องต่อให้เจ้าหน้าที่ผู้ชำนาญการอีกครั้ง และร้องขอผู้เชี่ยวชาญด้านการกู้ชีพกู้ภัยเกี่ยวกับถ้ำ เป็นชุดดำน้ำ 2 ถังซึ่งจะเชี่ยวชาญมากกว่ากู้ชีพในพื้นที่
นายวิทยา ม่วงสุข เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประสาทบุญสถาน เปิดเผยว่าภายในถ้ำมีน้ำไหลเชี่ยวตลอดเวลา นักประดาน้ำยังมุดลงไปไม่ได้ ขณะนี้ยังทำอะไรไม่ได้นอกจากสำรวจพื้นที่รอบๆ ถ้ำ และจะประสานหน่วยงานต่างๆ เข้ามาช่วยเหลือในพื้นที่ ล่าสุดให้เจ้าหน้าที่ถอนกำลังก่อนเนื่องจากระดับน้ำในถ้ำเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีฝนตกลงมา ต้องวางแผนกันใหม่โดยให้เจ้าหน้าที่ที่ชำนาญการค้นหาคนสูญหายภายในถ้ำ
ต่อมาพล.ท.อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาคที่ 3 สั่งการให้พล.ต.ทวีศักดิ์ วงศ์ทวีทรัพย์ ผู้บัญชาการกองพลพัฒนาที่ 3 ลงพื้นที่เพื่อวางแผนหาทางช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งเบื้องต้นทาง ผบ.พล.พัฒนา 3 นำยุทโธปกรณ์เข้าไปช่วยเหลือมีรถยนต์บรรทุกขนาดเบาติดเครื่องสูบน้ำขนาด 4 นิ้วในตัว รถยนต์บรรทุกขนาดเบาบรรทุกเครื่องสูบน้ำท่วมขัง 2 คันรถไฟฟ้าส่องสว่างจำนวน 1 คัน รถยนต์บรรทุกขนาดเบาและเครื่องอัดถังออกซิเจน 1 คัน (สำหรับเติมออกซิเจนให้กับทีมดำน้ำของกู้ภัย) เตรียมลงพื้นที่สนับสนุนการค้นหาและร่วมวางแผนต่อไป