แต่อ่อนเพลีย-เพราะอดอาหาร
นักสันติวิธียก-หาญสู้อยุติธรรม
ราษมัม-แม่ๆราษฎรยืน112นาที
ขอสิทธิประกันตัวแกนนำม็อบ

โต้ข่าวลือ ‘เพนกวิน’ ถูกรัดคอตายแล้ว เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครยันยังอยู่ดีปกติ เพียงอ่อนเพลียเล็กน้อยเฝ้าระวังภาวะช็อกจากน้ำตาลต่ำเนื่องจากอดอาหารอยู่ ด้านแม่รุดพบเจ้าหน้าที่สอบถามด้วยตัวเอง สบายใจเมื่อเห็นภาพลูกชายยังอยู่กับเพื่อนๆ ผู้ต้องขัง ‘ดร.เพิ่มศักดิ์’ ที่ปรึกษาสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดลชื่นชมต่อสู้อำนาจรัฐอย่างองอาจ เชื่อจะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงทางปชต.ซึ่งต้องการผู้นำที่กล้าหาญ ด้านกสม.สรุปเหตุชุมนุมทั้งปี 63 พบกระทบกระทั่งแต่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรง ติงการฉีดน้ำสารเคมีสลายชุมนุมแยกปทุมวัน เป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ ชี้ดีอีเอสไล่ปิดบัญชีโซเชี่ยลอาจกระทบสิทธิการแสดงความเห็น-เข้าถึงข้อมูล

เมื่อวันที่ 11 เม.ย. เพจเฟซบุ๊กเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้ออกคำชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลในสื่อสังคมออนไลน์โพสต์ข้อความระบุว่า นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน เสียชีวิตระหว่างถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ สภาพศพมีร่องรอยถูกรัดคอ และโพสต์สตอรี่ระบุว่า มีเจ้าหน้าที่ปลุกนายพริษฐ์เวลากลางดึก ใช้กำลังทุบตีทำร้ายร่างกาย บังคับให้รับประทานอาหาร และไม่ให้ปฏิบัติตัวเป็นจุดสนใจจากสังคม โดยมีบุคคลสวมชุดจิตอาสาอยู่ร่วมในเหตุการณ์ดังกล่าว

เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ขอเรียนว่า ข่าวดังกล่าวไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด เรือนจำได้จัดเจ้าหน้าที่เวรพยาบาล ดูแลผู้ต้องขังภายในเรือนจำ ตลอด 24 ชั่วโมง โดยในวันที่ 10 เม.ย. เจ้าหน้าที่พยาบาลได้ตรวจอาการ ข.ช.พริษฐ์ หรือเพนกวิน ชิวารักษ์ อายุ 22 ปี คดีหมิ่นประมาทหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ สภาพทั่วไป รู้สึกตัวดี มีอาการอ่อนเพลียเล็กน้อย ไม่มีอาการวูบ ริมฝีปากแห้งเล็กน้อย ผื่นคันที่หน้าอกและที่หลังทุเลาขึ้น นอกจากนี้ ยังสามารถลุกเดิน ลุกนั่งทำกิจวัตรประจำวันได้ ยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหาร ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำชนิด 5%D/N/2 ขนาด 1,000 ml rate 80 ml/hr ตามแผนการรักษาของแพทย์ สัญญาณชีพโดยทั่วไปปกติ อุณหภูมิร่างกาย 36.1 องศาเซลเซียส อัตราเต้นของหัวใจ 52 ครั้งต่อนาที อัตราการหายใจ 18 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 104/63 mmHg น้ำหนัก 98.5 กิโลกรัม ปัญหาที่ต้องเฝ้าระวัง ภาวะช็อกจากภาวะน้ำตาลต่ำ จากการอดอาหาร ซึ่งได้กำชับให้เจ้าหน้าเวรพยาบาลหมั่นเข้าไปตรวจดูอาการตลอดเวลา

เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ขอเรียนว่าการดำเนินการของเรือนจำพิเศษกรุงเทพ มหานคร เป็นไปตามระเบียบและแนวทางปฏิบัติตามหนังสือสั่งการกรมราชทัณฑ์ โดยเคร่งครัด

ยืนหยุดขัง – นางสุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ แม่ของเพนกวิน และ กลุ่มแม่ๆ คณะราษฎรที่ถูกขังคุก ร่วมกิจกรรม ‘ยืน หยุด ขัง 112 นาที’ กับกลุ่มพลเมืองโต้กลับ บริเวณหน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน กรุงเทพฯ เป็นวันที่ 20 เมื่อวันที่ 11 เม.ย.

ด้านนางสุรีรัตน์ ชิวารักษ์ แม่ของเพนกวิน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวออนไลน์ เดอะ รีพอร์ตเตอร์ส ถึงกระแสข่าวการเสียชีวิตของลูกชายว่าได้เดินทางมาที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เพื่อสอบถามความเป็นจริงจากเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็เมตตานำรูปภาพของเพนกวินที่มีเหล่าบรรดาแกนนำคนอื่นๆ คอยดูแลอยู่ มาให้ดูทำให้แม่รู้สึกสบายใจมากยิ่งขึ้น เนื่องจากขณะนี้อยู่ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทางเรือนจำพิเศษจึงมีมาตรการไม่ให้แม่เข้าไปไปเยี่ยมลูก

นางสุรีรัตน์ฝากบอกมวลชนที่เกิดความ ไม่สบายใจเกี่ยวกับกระแสข่าวนี้ว่า ขอให้ ทุกคนสบายใจได้ เพราะได้เดินทางมาพิสูจน์ความจริงแล้ว และขอขอบคุณที่แสดงความห่วงใย ที่ผ่านมาเพียงแต่เรื่องการอดอาหารของเพนกวิน ก็สร้างความกังวลให้แก่แม่และทุกคนมากพอแล้ว ยิ่งมีกระแสข่าวมาอย่างนี้จึงเข้าใจความรู้สึกของทุกคน และขอให้ทุกคนได้สบายใจ เพราะระหว่างนี้แม่จะเฝ้าติดตามความเป็นไปของลูกอย่างใกล้ชิดและไม่นิ่งนอนใจ จนกว่าทนายความจะสามารถเข้าเยี่ยมเพนกวินได้อีกครั้งในวันศุกร์หน้า

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยบันทึกจากห้องพิจารณาคดี 704 ศาลอาญาเมื่อวันที่ 8 เม.ย.ว่า มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ในห้องพิจารณาถึง 20 คน และตำรวจศาล 14 คน ยังไม่รวมบุรุษพยาบาลที่ดูแลเพนกวินอีก 2 คน โดยในห้องมีจำเลยที่เป็นผู้ต้องขังเพียง 9 คน เท่านั้น โดยช่วงเช้ามีนักการทูตจากประเทศสเปนและ ลักเซมเบิร์ก พร้อมล่ามอีก 1 คน รวมทั้งตำรวจในและนอกเครื่องแบบ 2 นาย ได้รับอนุญาตให้เข้าฟังการพิจารณาคดี

แม้ญาติผู้ต้องขังทั้งหมดไม่สามารถเข้าห้องพิจารณาได้เลย แต่ลูกสาวของอานนท์ได้เดินตามทนายที่เธอคุ้นเคยเข้าไปโดยที่ไม่มีใครขัดขวาง เธอไปนั่งวาดรูประบายสีอยู่ใต้โต๊ะทนายความอย่างเงียบๆ เมื่ออานนท์ถูกนำตัวเข้ามาในห้องพิจารณา เธอจึงคลานออกจากใต้โต๊ะทนายความและวิ่งมากอดขาของเขา จากนั้นกางมือออกขอให้อานนท์อุ้ม

อานนท์ได้อุ้มลูกสาวขึ้นมาและเอามานั่ง บนตัก ทั้งคู่กอดหอมกันจนพอใจ ขณะที่บรรยากาศโดยรวมของห้องพิจารณาเต็มไปด้วยความตึงเครียด แต่แอร์ที่เย็นทำให้ลูกสาวที่นั่งอยู่กับอานนท์ตลอดกระบวนการพิจารณาคดี หลับไปบนตักของเขาในบางจังหวะ

วันเดียวกัน ดร.เพิ่มศักดิ์ มกราภิรมย์ ที่ปรึกษาสถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์เฟซบุ๊กให้กำลังใจ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ เพนกวิน ระบุว่า ถึงเพนกวินและเพื่อนนักสู้ผู้รักบ้านเมืองรักประชาธิปไตยที่เคารพรักทุกท่านครับ ไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ทั้งผู้พิพากษา โจทก์ และจำเลย แต่จะอยู่อย่างมีคุณค่าได้อย่างไรเมื่อกระบวนการยุติธรรมไม่เป็นธรรม การต่อสู้จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่เคารพในสิทธิเสรีภาพและ รักความเป็นธรรม แต่การต่อสู้ไม่อาจสำเร็จ ถ้าปราศจากนักสู้ฝ่ายนำผู้กล้าหาญและอุดมการณ์ประชาธิปไตย อีกทั้งช่วงจังหวะเวลาและโอกาสที่เหมาะสม

การอยู่ยืนยันอุดมการณ์การต่อสู้เพื่อความถูกต้องของกระบวนการประชาธิปไตยในบ้านเมือง จึงเป็นสิ่งจำเป็นและมีคุณค่ายิ่ง แม้บางช่วงเวลาจะถูกพรากอิสรภาพอยู่ในที่คุมขังและถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมก็ตาม ห้วงเวลาสำคัญอย่างนี้ความอดทนอย่างมีสติเป็นสิ่งจำเป็น ดังที่ท่านมหาตมะคานธีและ ท่านเนลสัน แมนเดลา ทำได้สำเร็จมาแล้ว กระบวนการยุติธรรมทั้งระบบกำลังอ่อนแอถูกครอบงำไม่เป็นตัวของตัวเองและกำลังทำลายตัวเองลงอย่างรวดเร็ว ไม่นานเกินรอแล้ว

จึงสมควรรอ สมควรรักษาชีวิตและสุขภาพไว้ให้ดี เพราะการต่อสู้กับผู้ครองอำนาจรัฐที่ลุแก่อำนาจเยี่ยงนี้ เป็นความ กล้าหาญที่มีคุณค่า และเชื่อว่าจะนำมาสู่ การเปลี่ยนแปลงสังคมการเมืองระบอบประชาธิปไตยที่พึงปรารถนา แม้อาจต้องใช้เวลาสู้กันยาวนาน แต่ก็เชื่อมั่นในความมุ่งมั่นผลักดันต่อสู้ตามแนวสันติวิธีของคนหนุ่มสาว ที่เปี่ยมด้วยพลังและความหวังในรุ่นนี้

ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ฐานะโฆษกบช.น. เปิดเผยว่า เรื่องแรกเป็นการชุมนุมทางการเมือง 5 กลุ่ม เมื่อวันที่ 10 เม.ย.ที่กระจายตัวชุมนุมในพื้นที่วัดชนะสงคราม แยกคอกวัว อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดย พ.ต.อ.สนอง แสงมณี ผกก.สน.ชนะสงคราม เตรียมข้อมูลเพื่อประชุมสืบสวนสอบสวน ว่ามีความผิดตามกฎหมายใดบ้าง ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ปิยะได้ย้ำว่า กรุงเทพมหานคร มีการประกาศพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ห้ามไม่ให้ชุมนุม จัดกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของ เชื้อโรค

ผู้สื่อข่าวรายงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้เผยแพร่รายงานผลการประเมินสถานการณ์ด้านสิทธิ มนุษยชนของประเทศไทย ปี 2563 โดย ในการประเมินสถานการณ์สิทธิมนุษยชน ในสถานการณ์เฉพาะ เกี่ยวกับสถานการณ์การชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน

รายงานระบุตอนหนึ่งว่า สำหรับสถานการณ์ การชุมนุมเรียกร้องทางการเมืองจากการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์การชุมนุมของ กสม. ส่วนใหญ่พบว่าไม่มีเหตุการณ์รุนแรงแม้จะมีการกระทบกระทั่งกันอยู่บ้างระหว่างผู้ชุมนุมกับเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยในบางกรณี แต่ทั้งสองฝ่ายพยายามใช้ความอดทนอดกลั้นเพื่อไม่ให้มีความรุนแรงเกิดขึ้น อย่างไรก็ดีมีการชุมนุมสองกรณีที่บริเวณแยกปทุมวันและหน้ารัฐสภาที่รัฐใช้มาตรการยุติการชุมนุมโดยการฉีดน้ำแรงดันสูง ซึ่งมีการผสมสารเคมีเข้าใส่ผู้ชุมนุม โดยเฉพาะการชุมนุมเมื่อวันที่ 16 ต.ค.ที่แยกปทุมวัน ซึ่ง กสม.เห็นว่ายังไม่ปรากฏลักษณะที่แสดงให้เห็นถึงการใช้ความรุนแรงจนถึงขั้นต้องใช้มาตรการสลายการชุมนุม การฉีดน้ำผสมสารเคมีจึงเป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุ

อย่างไรก็ดีในภาพรวมรัฐยังคงทำหน้าที่ดูแลการใช้เสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบของประชาชนโดยไม่ได้แทรกแซงการใช้เสรีภาพดังกล่าวแม้ในบางกรณีผู้จัดการชุมนุมไม่ได้แจ้งการชุมนุม ตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ.2558 แต่การชุมนุมยังคงดำเนินต่อไปได้ ทั้งนี้ในส่วนของการกระทำผิดระหว่างการชุมนุม เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้ชุมนุมและออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งหลังจากสอบปากคำผู้ชุมนุมจะได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างดำเนินคดี ซึ่งสอดคล้องกับพันธกรณีของไทยตามกติกา ICCPR

แต่พบปัญหาอุปสรรคการจำกัดการแสดงความคิดเห็น และการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยพบว่าเดือน ก.ค.-ธ.ค.63 กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมได้บูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานและยื่นคำขอให้ศาลมีคำสั่งระงับการทำให้แพร่หลายหรือลบข้อมูลคอมพิวเตอร์เป็นจำนวน 50 คำสั่งศาล 1,145 URLs ทั้งนี้ การ กระทำดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นหรือการ เข้าถึงข้อมูลของประชาชนที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ

นอกจากนั้น การใช้คำพูดที่สร้างความเกลียดชัง ท่ามกลางสถานการณ์ที่มีความแตกต่างทางความคิดเห็น การใช้วาจาสร้างความเกลียดชังต่อฝ่ายที่มีความเห็นตรงข้ามปรากฏให้เห็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรวมถึงภาพวาดการ์ตูนล้อเลียน ภาพถ่าย คลิปวิดีโอ ทั้งนี้อาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรง และอาจลุกลามบานปลายได้ โดยเฉพาะในสื่อออนไลน์มีผู้นำเนื้อหาที่มีระดับความรุนแรงและลักษณะการสื่อสารความเกลียดชังไปเผยแพร่ในวงกว้าง อาจทำลายวัฒนธรรมแห่งการเคารพซึ่งกันและกัน คุกคามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ นำไปสู่การทำลายบรรยากาศแห่งการใช้เสรีภาพในการแสดงออกของบุคคล รวมทั้งกรณีการชุมนุมเพื่อแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ผ่านมาหลายครั้ง ผู้ชุมนุมนัดรวมตัวที่สถานีรถไฟฟ้าส่งผลให้ปิดสถานีรถไฟฟ้าชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยของประชาชนทุกคน และพบว่ามีการทำลายทรัพย์สินเสียหาย

ราษมัม – กลุ่มราษมัม ทั้งแม่เพนกวิน แม่ไมค์-ภาณุพงศ์ แม่ทนายอานนท์ แม่แอมมี่ พี่สาวรุ้ง-ปนัสยา และลูกสาวสมยศ ร่วมกิจกรรม ‘ยืน หยุด ขัง 112 นาที’ กับกลุ่มพลเมืองโต้กลับ บริเวณหน้าศาลฎีกา ถ.ราช ดำเนินใน เมื่อ 11 เม.ย.

เมื่อเวลา 17.30 น. วันเดียวกัน ที่หน้าศาลฎีกา ถนนราชดำเนินใน กทม. กลุ่มราษฎรกว่า 30 คน ได้มาทำกิจกรรม “ยืน หยุด ขัง 112 นาที กับคณะราษมัมไปร่วมยืนหยัดเคียงข้างครอบครัวของนักสู้ ไปร่วมยืนยันว่าศาลต้องปล่อยเพื่อนเรา”

สำหรับคณะราษมัม นำโดย แม่สุ-สุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ แม่ของเพนกวิน แม่ของรุ้ง แม่ของแอมมี่ แม่ของทนายอานนท์ แม่ของไมค์ และเทียน-ประกายดาว พฤกษาเกษมสุข ลูกสาวของสมยศ จะไปร่วมกิจกรรมนี้ด้วย

สำหรับกิจกรรม ยืน หยุด ขัง 112 นาที หน้าศาลฎีกา สนามราษฎร์ โดย @พลเมืองโต้กลับ Resistant Citizen จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาแล้ว 19 วัน โดยวันนี้ 11 เมษายน 2564 เวลา 17.30 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ดาราสาวอินทิรา เจริญปุระ หรือทราย เจริญปุระ ได้เดินทางมาให้กำลังใจกับแม่ของทั้ง 4 คน ซึ่งระหว่างทำกิจกรรมนั้น ฝนได้ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่กลุ่มผู้ชุมนุมได้แจกจ่ายเสื้อกันฝน และเริ่มเพื่อทำกิจกรรมดังกล่าวต่อ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน