ชง‘ศบค.-บิ๊กตู่’ ใช้ยาแรง
ปรับ18จว.สีแดง-59จว.ส้ม
คุมร้านอาหารห้ามขายเหล้า
ไม่ล็อกดาวน์-ทำงานที่บ้าน
โควิดพุ่งวันเดียว 1,543 ราย โยงคลัสเตอร์ ผับทองหล่อ คอนเสิร์ต ปาร์ตี้ ยอดระลอกใหม่แตะ 9 พัน กรรมการโรคติดต่อชงศบค.ชุดใหญ่วันนี้ ปรับพื้นที่ควบคุมเหลือแค่ 2 สี 18 จังหวัดสีแดง ส่วน 59 จังหวัดสีส้ม จำกัดเวลาเปิด-ปิดร้านอาหาร ห้ามขายเหล้าเด็ดขาด จัดโต๊ะนั่งเว้นระยะห่าง ปิดผับ-บาร์-คาราโอเกะ-สถานบริการทั่วประเทศ สวนสนุกในห้างด้วย สธ.ขู่ฟันร.พ.เอกชนไม่ดูแลผู้ติดเชื้อ สสส.เผยโควิดทำตกงานแล้วกว่า 6 ล้านคน จี้ช่วยอาชีพเด็กจบใหม่กว่า 1.3 ล้าน ทบ.สั่งหน่วยทหารตั้งร.พ.สนามห้ามเปิดรับบริจาค กาญจน์ปิด 4 เส้นทางเดินป่าทุ่งใหญ่ฯ วัดเทพศิรินทร์วุ่นพระติดเชื้อ ก่อนบวชเที่ยวทองหล่อ
ป่วยพุ่งพรวด 1,543 คน
เมื่อวันที่ 15 เม.ย. เฟซบุ๊กศูนย์ข้อมูล COVID-19 เปิดเผยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ว่า วันนี้มีผู้ติดเชื้อใหม่ 1,543 ราย ในประเทศ 1,540 ราย แบ่งตามพื้นที่และปัจจัยเสี่ยง ดังนี้ 1.สถานบันเทิง ปาร์ตี้ คอนเสิร์ต และร้านอาหาร 555 ราย สะสมระลอกใหม่ 3,375 ราย ได้แก่ กทม. 175 ราย สะสม 1,182 ราย ปริมณฑล 55 ราย สะสม 356 ราย และจังหวัดอื่นๆ 325 ราย สะสม 1,837 ราย
2.ตลาด ชุมชน และขนส่ง 65 ราย สะสม 346 ราย ได้แก่ กทม. 17 ราย สะสม 120 ราย ปริมณฑล 9 ราย สะสม 43 ราย และจังหวัดอื่นๆ 39 ราย สะสม 183 ราย 3.ปัจจัยเสี่ยง อื่นๆ 920 ราย สะสม 4,742 ราย ได้แก่ กทม. 217 ราย สะสม 1,083 ราย ปริมณฑล 97 ราย สะสม 693 ราย และจังหวัดอื่นๆ 606 ราย สะสม 2,966 ราย
สรุปสะสม กทม.ติดเชื้อรายใหม่ 409 ราย สะสม 2,385 ราย ปริมณฑล ติดรายใหม่ 161 ราย สะสม 1,092 ราย และจังหวัดอื่นๆ ติดเชื้อใหม่ 970 ราย สะสม 4,986 ราย
ส่วนผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 3 ราย ได้แก่ เนเธอร์แลนด์ 1 ราย สวีเดน 1 ราย และอินเดีย 1 ราย
ระลอกใหม่ใกล้แตะ 9 พัน
นพ.เฉวตสรร นามวาท รักษาราชการ ผอ.กองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน กรมควบคุมโรค (คร.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงว่า ประเทศไทยขยับขึ้นอันดับ 111 ของโลก ผู้ติดเชื้อใหม่ 1,543 ราย จากระบบเฝ้าระวัง 1,161 ราย คัดกรองเชิงรุกในชุมชน 379 ราย เดินทางมาจาก ต่างประเทศ 3 ราย รักษาหายเพิ่ม 61 ราย ไม่เสียชีวิตเพิ่ม ยอดติดเชื้อสะสม 37,453 ราย หายป่วยแล้ว 28,383 ราย กำลังรักษา 8,973 ราย เสียชีวิตสะสม 97 ราย หากนับเฉพาะระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.2564 มีผู้ติดเชื้อสะสม 8,590 ราย อาการหนักต้องใส่ท่อช่วยหายใจ 11 ราย หายป่วย 957 ราย เสียชีวิตสะสม 3 ราย ส่วนการฉีดวัคซีนโควิด ตั้งแต่วันที่ 28 ก.พ.-14 เม.ย.2564 ฉีดแล้ว 581,308 โดส แบ่งเป็นเข็มแรก 507,360 ราย และเข็มที่สอง 73,948 ราย
นพ.เฉวตสรรกล่าวต่อว่า ด้านทั่วโลกมี ผู้ติดเชื้อ 138.8 ล้านราย ติดเชื้อใหม่ 803,194 ราย เสียชีวิตสะสม 2.98 ล้านราย เพิ่มขึ้น 13,513 ราย อัตราเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 2.2 ส่วนอินเดียมีผู้ติดเชื้อรายใหม่สูงสุด 199,569 ราย สะสม 14 ล้านราย สหรัฐอเมริกาติดเชื้อใหม่ 7.8 หมื่นราย บราซิล 7.5 หมื่นราย ตุรกี 6.2 หมื่นราย ส่วนเสียชีวิตสูงสุด คือ บราซิล 3,462 ราย สูงกว่ายอดติดเชื้อใหม่ของประเทศไทย ส่วนมาเลเซียจากติดเชื้อลดลงมาเหลือพันต้นๆ แต่ตอนนี้ขยับกลับไป 1.8 พันราย แนวโน้มของระดับโลกช่วงกลางเดือนก.พ.มีทิศทางจำนวนเพิ่มสูงขึ้น
13 จว.โยงค่ายอาสาเชียงใหม่
นพ.เฉวตสรรกล่าวว่า จากการศึกษาข้อมูลผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 พบว่า ระลอกแรก ม.ค.-14 ธ.ค. 2563 มีผู้ป่วย 4,237 ราย เสียชีวิต 60 ราย หรือร้อยละ 1.42 ระลอกสองวันที่ 15 ธ.ค. 2563-31 มี.ค. 2564 มีผู้ป่วยทั้งหมด 24,626 ราย เสียชีวิต 34 ราย หรือร้อยละ 0.14 แปลว่ามีการรักษาหายร้อยละ 99.86 ประชาชนเข้าถึงระบบบริการอย่างดี จึงเบาใจได้ แม้จะเป็นโรคติดต่ออันตรายในภาวะฉุกเฉิน แต่มาตรฐานการดูแลรักษาหายเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนระลอกใหม่วันที่ 1 เม.ย.เป็นต้นมา จนถึงวันที่ 14 เม.ย. มีผู้ป่วย 7,074 ราย เสียชีวิต 3 ราย หรือร้อยละ 0.03
สำหรับภาพรวมวันที่ 1-15 เม.ย. มีรายงานผู้ติดเชื้อแล้ว 75 จังหวัด โดยมี 2 จังหวัดที่ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อ คือ ระนองและสตูล ส่วนสัปดาห์นี้วันที่ 11-15 เม.ย. สัปดาห์เดียวกระจาย 72 จังหวัด มีผู้ป่วยรายใหม่ 5,795 ราย สูงกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งมี 2,627 ราย การติดเชื้อในประเทศถือว่าเพิ่มสูงค่อน ข้างชัน แต่สะท้อนถึงมาตรการที่เราสื่อสารให้ประชาชนเข้ามารับบริการรับการตรวจ นำมาสู่การดูแลรักษา
ส่วนการติดเชื้อในประเทศวันนี้ 1,540 ราย กระจายถึง 62 จังหวัด มีความเชื่อมโยงเกี่ยวกับสถานบันเทิงทั้งใน กทม. และในจังหวัดอื่นๆ ด้วย โดยกลุ่มเสี่ยงที่ระบาดรอบนี้เป็นวัยทำงาน มีการเดินทางเคลื่อนที่รวดเร็ว โดย กทม.รายงาน 409 ราย เชียงใหม่ 278 ราย ชลบุรี 98 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 98 ราย
นพ.เฉวตสรรกล่าวว่า กรณีการติดเชื้อที่เชื่อมโยงกิจกรรมค่ายอาสาของนักศึกษา มหาวิทยาเชียงใหม่วันที่ 4-7 เม.ย. มีผู้เข้าร่วมกิจกรรม 77 คน การใช้ชีวิตร่วมกันในค่าย ทำให้การเคร่งครัดใส่หน้ากาก เว้นระยะห่าง อาจไม่สามารถทำได้ในบางช่วง ทำให้พบการระบาด จากการตรวจพบเชื้อ 34 ราย หรือ ร้อยละ 44.2 ไม่พบเชื้อ 41 ราย และรอผลตรวจ 2 ราย ในพื้นที่เกี่ยวข้องเป็นโรงเรียนที่ไปออกค่าย มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเป็นอาจารย์ 8 คน นักเรียน 52 คน และภารโรง 1 คน ทีมในพื้นที่ได้ติดตามอย่างเต็มที่ไม่ให้ตกหล่น ส่วนจังหวัดที่มีความเชื่อมโยงค่ายอาสามี 13 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ติดเชื้อ 21 ราย ตาก 2 ราย ชลบุรี ชุมพร เชียงราย นครปฐม พะเยา แพร่ ลำปาง ศรีสะเกษ สมุทรสาคร สุราษฎร์ธานี และหนองคาย จังหวัดละ 1 ราย
สัมมนานนท์แพร่ทั่ว 8 จว.
ส่วนกรณีการติดเชื้อเชื่อมโยงงานสัมมนา จ.นนทบุรี วันที่ 3-4 เม.ย. เจอผู้ป่วยรายแรกทำให้มีการสอบสวนย้อนไปพบว่า มีการติดเชื้อ 14 ราย เป็นชาย 8 ราย หญิง 6 ราย ไม่มีอาการ 8 ราย จำนวนจังหวัดที่เกี่ยวข้องมี 8 จังหวัด คือ พระนครศรีอยุธยา 3 ราย จันทบุรี 2 ราย ฉะเชิงเทรา 2 ราย ประจวบคีรีขันธ์ 2 ราย ปราจีนบุรี 2 ราย กำแพงเพชร 1 ราย ขอนแก่น 1 ราย และสุราษฎร์ธานี 1 ราย ความเสี่ยงสำคัญคือผู้ร่วมงาน 80 ราย มีการอบรมสัมมนาร่วมกัน บางคนถอดแมสก์บางจังหวะเวลา รับประทานอาหารร่วมกันแบบโต๊ะจีน ดังนั้น การมีกิจกรรมคนมากๆ จึงต้องระมัดระวัง
“สรุปสถานการณ์โควิดพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ส่วนใหญ่เป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดในครอบครัว และผู้สัมผัสใกล้ชิดอื่นๆ ซึ่ง เชื่อมโยงผู้ติดเชื้อในสถานที่รวมกลุ่มคนจำนวนมากจากหลายพื้นที่ ทั้งจากสถานบันเทิง งานเลี้ยงสังสรรค์ งานปาร์ตี้ งานอบรมสัมมนา หรือกิจกรรมออกค่ายของนักศึกษา เพื่อลดความเสี่ยงการระบาดของโรค มาตรการหลังสงกรานต์ควรมองไปที่การทำงานจากที่บ้าน ลดการสัมผัสจากการ เดินทางกลับมา การไปเจอกันในที่ทำงาน อาจมีความเสี่ยงกระจายเชื้อต่อกันได้ การติดเชื้อไม่มีอาการแต่แพร่ได้ ควรติดตามกำกับกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงให้ครบ 14 วัน และจุดสำคัญ เราไม่สามารถรู้ได้ว่าใครติดเชื้ออยู่ การป้องกันตนเองและครอบครัวอย่างดีที่สุดจึงเป็นมาตรการที่ดีที่สุด ลดการเดินทาง ลดกิจกรรมที่มีการรวมตัวชุมนุมกัน ก็จะผ่านเหตุการณ์ไปได้ด้วยดี” นพ.เฉวตสรรกล่าว
เมื่อถามว่าคนไข้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สธ.จะมีมาตรการเข้มอย่างไรเสนอ ศบค. จะล็อกดาวน์หรือไม่ นพ.เฉวตสรรกล่าวว่า สธ.มีการประชุมศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินฯ เอาผลสอบสวนโรคมาดู เมื่อเราเห็นจำนวนการติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้น จึงเสนอมาตรการโดยผู้เชี่ยวชาญและ ผู้บริหาร โดยมีการแบ่งลักษณะพื้นที่มีหนักเบาแตกต่างกัน มาตรการก็ต้องเหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ ซึ่งวันนี้จะมีการเสนอมาตรการเข้าคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ เพื่อพิจารณาและเสนอ ศบค.วันพรุ่งนี้
บางจว.เล็ง‘เคอร์ฟิว’
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการบังคับใช้พ.ร.บ.โรคติดต่อ และพ.ร.ก.ฉุกเฉินว่า คิดว่ายังสามารถควบคุมการแพร่ระบาดติดเชื้อ โควิด-19 ได้ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเป็นหลักพันคน เนื่องจากที่ผ่านมาเคยใช้มาแล้ว เพราะไม่ใช่แค่การประกาศใช้กฎหมายหรือบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียว แต่มีการออกข้อกำหนด สั่งห้ามเพิ่มเติมด้วย ซึ่งต้องรอผลการประชุม ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 16 เม.ย.นี้
นายวิษณุกล่าวว่า ส่วนการประกาศเคอร์ฟิวนั้น เห็นว่าบางจังหวัดมีความเป็นไปได้ที่จะประกาศเคอร์ฟิว ซึ่งส่วนตัวยังไม่กล้าที่จะเปิดเผย ต้องรอที่ประชุม ศบค.ก่อนว่าจะเสนอในประเด็นนี้หรือไม่ แต่มองว่ายังไม่เห็นความจำเป็นเท่าไร การใช้มาตรการยกระดับพื้นที่สีต่างๆ ยังเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในขณะนี้ แต่ยอมรับว่าฝ่ายหมอ และสาธารณสุข รายงานมายังรัฐบาลให้ใช้มาตรการที่เข้มแข็ง รุนแรง และเด็ดขาด แต่ทางฝ่ายเศรษฐกิจขอประเมินผลกระทบ โดยเฉพาะช่วงหลังสงกรานต์ 1-2 วันนี้ว่าจะมีความสัมพันธ์กับมาตรการที่จะบังคับใช้ใหม่อย่างไร และจะออกมาในแนวทางพบกันครึ่งทางคือ การใช้วิธีเพิ่มสีให้เข้มขึ้น โดยบางพื้นที่อาจจะต้องยกระดับจากพื้นที่สีส้ม เป็นพื้นที่สีแดง เป็นต้น
“ยอมรับมีความกังวลกับการระบาดครั้งนี้ เพราะจุดเริ่มต้นที่ทองหล่อ มีการเดินทางที่ขยายและกว้างไกลออกไป ไม่เหมือนที่ผ่านมา ที่เชื้อติดในพื้นที่ กับผู้ใช้แรงงาน ซึ่งไม่มีการเดินทางที่ขยายออกไป แต่เวลานี้เป็นเรื่องของคนมีเงิน ไฮโซ ทำให้มีไทม์ไลน์ในการ เดินทางในหลายพื้นที่ ฝากถึงประชาชนต้องอยู่บ้าน หยุดเชื้อเพื่อชาติอีกครั้ง ซึ่งหากทุกคนร่วมมือเช่นนี้ ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมาออกข้อกำหนดมาบังคับใช้ พร้อมขอประชาชนอย่ากังวล หรือไม่มั่นใจกับโรงพยาบาลสนาม เพราะถือเป็นการเตรียมการไว้รองรับในอนาคต ซึ่งหากจำเป็นก็ต้องใช้เพราะทั่วโลกก็ใช้กันแบบนี้” นายวิษณุกล่าว
ไม่ปิดผับพุ่ง 2 หมื่นคน/วัน
สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เผยแพร่ข้อความถึงความเชื่อมั่นวัคซีนป้องกันเชื้อโควิด-19 ของประเทศไทย ว่า รัฐบาลมีความเชื่อมั่นวัคซีนที่ไทยนำมาใช้อยู่ในปัจจุบันมีประสิทธิภาพและคุณภาพ อีกทั้งการบริหารจัดการเตียงมีปริมาณเพียงพอ ส่วนสถานการณ์โควิด-19 ในไทย ขณะนี้เชื่อมโยงกับสถานบันเทิงและนำไปสู่การแพร่กระจายของเชื้อโรคสู่เพื่อนฝูงและชุมชน จำเป็นต้องลดการเคลื่อนที่ของบุคคล ปิดสถานที่เสี่ยง งดกิจกรรมการรวมกลุ่ม โดยสาธารณสุขคาดการณ์ฉากทัศน์ในอีก 1 เดือนข้างหน้าว่าหากไม่มีมาตรการใดๆ จะมีผู้ป่วยติดเชื้อสูงสุดมากกว่า 20,000 คนต่อวัน กรณีมีมาตรการปิดสถานบันเทิงเสี่ยงในจังหวัด จะมีผู้ป่วยติดเชื้อเหลือเพียงประมาณ 2,996 คนต่อวัน และกรณีที่มีมาตรการปิดสถานบันเทิงเสี่ยงในจังหวัด เน้นปรับพฤติกรรมส่วนบุคคล ลดกิจกรรมการรวมตัวกัน เพิ่มมาตรการทำงานที่บ้าน เวิร์ก ฟรอม โฮม สามารถลดผู้ป่วยติดเชื้อจะลดลงมาประมาณ 391 คนต่อวัน ดังนั้นเพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดมากยิ่งขึ้น กระทรวงสาธารณสุขเน้นการตรวจคัดกรองโรค ควบคุม ติดตาม กำกับ การกักตัวผู้สัมผัสเสี่ยงสูงทุกคน และ ผู้ป่วยติดเชื้อจะต้องได้รับการรักษาใน โรงพยาบาลเท่านั้น ทั้งโรงพยาบาลรัฐ โรงพยาบาลเอกชน โรงพยาบาลสนาม และ Hospitel เพื่อป้องกันผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อนอาจเสียชีวิตได้และกำจัดความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อต่อคนในครอบครัวและในชุมชน
การบริหารจัดการเตียงผู้ป่วย ภาครัฐมีการบริหารจัดการเตียงเพียงพอในการรองรับผู้ติดเชื้อ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีการจัดเตียงรองรับทั้งจากสถานพยาบาลและโรงแรมแบบ Hospitel รวมกว่า 6 พันเตียง รวมทั้ง ร.พ.สังกัดกระทรวงกลาโหมมีการเตรียมร.พ.ภาคสนาม และกรมการแพทย์เตรียมเปิด Hospitel ซึ่งจะรองรับได้อีก 450 เตียง และร.พ.รามาธิบดีเตรียมเปิด Hospitels อีก 2 แห่ง อีก 100 เตียง สำหรับกรุงเทพมหานคร ได้มีการเพิ่มโรงพยาบาลสนาม ที่บางขุนเทียน 500 เตียง ที่บางบอน 200 เตียง และเตรียมเปิดที่บางกอกอารีนา จะรับได้อีก 1,000 เตียง
รพ.เอกชนต้องดูแลผู้ป่วย
นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) สธ. กล่าวว่า ได้รับแจ้งว่า มีคลินิกหลายแห่งที่ตรวจ ผู้ป่วยโควิด-19 แล้ว เมื่อมีผลเป็นบวกไม่ดำเนินการให้การดูแลผู้ป่วย ทำให้เป็นภาระผู้ป่วยไปหาเตียงเอง บางคนไม่ทราบเดินทางไปมา ทำให้ยากต่อการควบคุมโรค สบส.จึงออกประกาศกำหนดให้สถานพยาบาลทุกแห่ง ทั้ง ร.พ.เอกชน และคลินิก โดยเฉพาะคลินิกตรวจแล็บ ให้ดำเนินการดังนี้ 1.จะต้องมีระบบให้คำปรึกษาก่อนตรวจ เช่น คนไข้ต้องตรวจแล้วทำอย่างไร ดูแลตัวเองอย่างไร 2.คลินิกต้องได้รับการรับรองจากกรมวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ และ 3.เมื่อตรวจผลเป็นบวก จะต้องแจ้งหน่วยงานเกี่ยวข้องการควบคุมโรคและกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จัดหาเตียงผู้ป่วย โดยประสานและส่งต่อ หากไม่ดำเนินการตามนี้จะมีโทษ ทั้งนี้ เพื่อคุ้มครองประชาชน
ฟันรพ.-คลินิกไม่รักษา
นพ.ธเรศกล่าวต่อว่า สธ.ประกาศให้โรค โควิด-19 เป็นโรคฉุกเฉินตาม พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ศ.2541 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 ดังนั้น สถานพยาบาลทุกแห่งรวมถึงภาคเอกชนต้องให้การดูแลรักษาให้ผู้ป่วยปลอดภัยและ สบส.ออกประกาศให้สถานพยาบาลทุกแห่งทั้ง ร.พ.และคลินิกต้องดูแลตามแนวทางที่กำหนด เช่น มีกระบวนการแจ้งผล จัดหาเตียงให้ผู้ป่วย หากจำเป็นส่งต่อ คลินิกแล็บต้องจัดหาติดต่อประสานเรื่องเตียงให้ ไม่ให้ผู้ป่วยเดินทางไปเอง หากไม่ดำเนินการมีความผิดตามพ.ร.บ.สถานพยาบาล ทั้งโทษจำและปรับ และมีความผิดตามพ.ร.บ.โรคติดต่อ อย่างเร็วๆ นี้ ร.พ.แถวบางนาไม่ได้ดำเนินการก็กำลังดำเนินการลงโทษตามกฎหมาย และกำลังตรวจสอบและจะลงโทษอีก 2-3 แห่ง คลินิกแล็บที่ตรวจแล้วปล่อยให้บินไปพื้นที่ต่างๆ จะเรียกมาสอบ หากไม่ดำเนินการตามกฎหมายจะลงโทษอย่างหนัก
เมื่อถามถึงกรณีพบผู้ป่วยโควิด-19 แล้วไม่แจ้งเจ้าพนักงาน นพ.ธเรศกล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.โรคติดต่อ คนแจ้งคือเจ้าของบ้าน ในร.พ.คือผู้รับผิดชอบ ผู้ชันสูตร ผู้ประกอบกิจการ ต้องแจ้งใน 3 ชั่วโมง หากไม่แจ้งมีโทษปรับไม่เกิน 2 หมื่นบาท
ผุดเพิ่มรพ.สนาม-ฮอสพิเทล
นพ.ธเรศกล่าวถึงการเตรียมความพร้อม Hospitel เพื่อรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ว่า ใน กทม.และปริมณฑลมีการเตรียมเตียงจาก ร.พ.ทุกสังกัดทั้งของ สธ. กองทัพ ร.พ.ตำรวจ มหาวิทยาลัย และ ร.พ.เอกชน รวม 6,525 เตียง ใช้แล้ว 3,700 กว่าเตียง ส่วน Hospitel ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. โดยขึ้นทะเบียนได้แล้ว 23 แห่ง จำนวน 4,900 เตียง เป็นช่องทางเลือกสำคัญคู่กับเตียงของร.พ. และร.พ.สนาม พร้อมดูแลประชาชนในเขต กทม.และปริมณฑล ซึ่งตอนนี้มีผู้ป่วยตามข้อกำหนดเข้าไปเกือบ 2 พันเตียงแล้ว ส่วนต้องเตรียม Hospitel เพิ่มอีกเท่าไร เท่าที่พูดคุยกัน คาดว่าจะมีผู้ป่วยใหม่วันละ 400-500 ราย ก็จะเตรียม Hospitel ให้ได้ 5-7 พันเตียง โดย สบส.เตรียมอนุมัติทางออนไลน์ด้วย ผู้ประกอบการสมัครออนไลน์เข้ามาได้ ขณะที่เรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐบาลไม่ทำให้เกิดเป็นภาระกับผู้ป่วย หากมีประกันสุขภาพก็เลือกประกันสุขภาพส่วนบุคคลก่อน กรณีไม่มีจะมีกองทุนสุขภาพตามสิทธิต่างๆ รองรับ
คุมติดเชื้อไม่กักตัวที่บ้าน
เมื่อถามถึงตัวเลขผู้ติดเชื้อที่รอเตียงรักษาและปัญหาคู่สายต่างๆ ที่ไม่ค่อยว่าง นพ.ธเรศกล่าวว่า ตอนนี้มอบ 1669 เป็นศูนย์ประสานและขนส่ง มีระบบรถของศูนย์เอราวัณและภาคส่วนต่างๆ ตัวเลขเท่าที่คุย ตัวเลขจะลดลงเรื่อยๆ และจะเพิ่มร.พ.สนาม Hospitel เพิ่มขึ้น ซึ่งวันหยุดบุคลากรอาจมีการกลับไป พักผ่อน หลายแห่งจะทยอยเปิดบริการใน 1-2 วันนี้ สัปดาห์นี้คาดว่าจะเคลียร์ได้ทั้งหมด ตอนนี้เพิ่มช่องทางต่างๆ ขอให้ใจเย็นๆ
ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดสธ.กล่าวสั้นๆ ถึงสถานพยาบาลเพื่อรองรับ ผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้นหลักพันราย ว่า ยังไม่ถึงขั้นต้องออกคำสั่งให้ผู้ติดเชื้อเฝ้าสังเกตอาการ ตัวเองอยู่ที่บ้าน ตอนนี้สถานพยาบาลยังเพียงพอ ยืนยันว่านโยบายให้ผู้ติดเชื้อทุกรายต้องเข้ามารับการดูแลในสถานพยาบาลที่รัฐจัดให้
ตกงานแล้ว 6 ล้านคน
นางเข็มเพชร เลนะพันธ์ ผอ.สำนักสร้างสรรค์โอกาส สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กล่าวว่า สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 แต่ละระลอก สร้างผลกระทบโดยตรงกับวัยแรงงานอย่างรุนแรง เพราะเศรษฐกิจหยุดชะงัก กระทบต่อรายได้และความเป็นอยู่ของครัวเรือน ส่งผลต่อสุขภาวะของประชาชน จากการสำรวจผู้ที่ได้รับผลกระทบสูงสุดจากวิกฤตโควิด-19 โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ร่วมกับสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และองค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEFThailand) ปี 2563 พบว่า ประชาชนกลุ่มอายุ 15-24 ปี โดยเฉพาะนักศึกษาชั้นปีที่ 4 ที่กำลังจะเรียนจบ มีแนวโน้มที่จะว่างงาน เนื่องจากภาคเอกชนชะลอการจ้างงาน จึงทำให้ลดโอกาสในการพัฒนาศักยภาพหรือทักษะในการประกอบอาชีพจากการไม่ได้เข้าสู่ระบบการจ้างงานร้อยละ 14 หรือกว่า 1.3 ล้านคน และวัยทำงานที่เป็นคนว่างงานร้อยละ 17.9 หรือกว่า 6 ล้านคน
สสส.เปิดช่วยสร้างอาชีพ
นางเข็มเพชรกล่าวต่อว่า สสส. ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น จึงริเริ่มโครงการ “ฟื้นฟูคุณภาพชีวิตและส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากเพื่อการสร้างเสริมสุขภาวะ” โดยมีเป้าหมายสนับสนุนทุนให้ประชาชนที่สนใจ 100 โครงการ โครงการละ 50,000-100,000 บาท ภายใต้ประเด็นการทำงาน 3 ด้าน คือ 1.ส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพกลุ่มเป้าหมายให้มีความรอบรู้ด้านสุขภาพ และทักษะด้านการเงิน เพื่อเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิตวิถีใหม่ในสังคม 2.ส่งเสริมให้คนในชุมชนพัฒนาแหล่งอาหาร เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหาร และ 3.ส่งเสริมการรวมกลุ่มเพื่อสร้างอาชีพ-รายได้ ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มาปรับใช้ เกิดกิจกรรมสุขอนามัยในย่านชุมชน เช่น ตลาดสด ตลาดนัด ร้านอาหาร โดยมีพื้นที่เป้าหมายเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 6 จังหวัด เมื่อช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมา ได้แก่ กรุงเทพฯ สมุทรสาคร ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด และพื้นที่ควบคุมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 อีก 14 จังหวัด โดยมีระยะเวลาการดำเนินงานตั้งแต่วันนี้ถึงเดือนม.ค.2565 ซึ่งมีประชาชนสนใจเสนอโครงการแล้วกว่า 100 โครงการ ผู้ที่สนใจสอบถามและติดตามได้ที่เฟซบุ๊กแฟนเพจ “สร้างสรรค์โอกาส” www.facebook.com/Section6TH”
ทบ.สั่งห้ามรับบริจาค
จากกรณีที่มีข่าวร.พ.ทหาร 2 แห่ง ประกาศขอรับบริจาคเครื่องมืออุปกรณ์ เครื่องอุปโภคบริโภค หรือเงิน จนถูกวิจารณ์อย่างหนักว่ากองทัพไม่มีงบประมาณจนต้องมาขอบริจาค เพราะนำงบประมาณไปซื้ออาวุธหมด จนส่งผลต่อภาพลักษณ์กองทัพบกนั้น พล.ท.สันติพงศ์ ธรรมปิยะ รองเสธ.ทบ. ในฐานะผอ.ศบค.19 ทบ. และโฆษกกองทัพบก ได้มีวิทยุด่วนจากทบ. ถึงทุกหน่วยของทบ.และทุกกองทัพภาค ในฐานะผู้รับปฏิบัติ โดยระบุข้อความว่า ตามที่ทบ.ได้ให้การสนับสนุนส่วนราชการสนับสนุนสิ่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการรักษาพยาบาล อาทิ เตียงนอน ที่นอน โดยเฉพาะการจัดตั้งร.พ.สนาม และการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ติดเชื้อที่เข้ารับการรักษาพยาบาล ตามที่ได้รับการประสานจากหน่วยงานด้านสาธารณสุข พร้อมทั้งจัดตั้งโรงพยาบาลสนามกองทัพบกในพื้นที่ค่ายทหาร หรือสถานที่ที่เหมาะสม จึงขอประสานหน่วยให้บูรณาการร่วมกับส่วนราชการของจังหวัดในการสนับสนุน การแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเต็มขีดความสามารถ โดยห้ามประกาศรับบริจาคเงิน หรือสิ่งของโดยเด็ดขาด เว้นการรับบริจาคของมูลนิธิต่างๆ ของทบ.ที่จัดตั้งอย่างถูกกฎหมายไว้แล้ว
ตั้งเพิ่มร.พ.สนาม
พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. มีความห่วงใยต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในพื้นที่ต่างๆ ได้ติดตามและกำชับให้ทุกหน่วยทหารดำรงความช่วยเหลือส่วนราชการต่างๆ ให้การสนับสนุนสิ่งอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นต่อการรักษาพยาบาล อาทิ เตียงนอน ที่นอน โดยเฉพาะการจัดตั้ง ร.พ.สนามและการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ติดเชื้อที่เข้ารับการรักษาพยาบาลในพื้นที่ต่างๆ ตามที่ได้รับการประสานจากหน่วยงานด้านสาธารณสุข พร้อมกันนี้ได้สั่งการให้ ศบค. กองทัพบก และกรมแพทย์ทหารบก จัดตั้ง “โรงพยาบาลสนามกองทัพบก” ในพื้นที่ค่ายทหารหรือสถานที่ที่เหมาะสม เพื่อดูแลรองรับประชาชน กำลังพลและครอบครัวที่ติดเชื้อและมีอาการเล็กน้อย หรือไม่มีอาการ รวมทั้งผู้ที่ได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลมาและอาการทุเลาลงแล้ว เพื่อเป็นการลดภาระด้านการรักษาพยาบาลให้กับโรงพยาบาลสาธารณสุขในจังหวัดต่างๆ โดยล่าสุดโรงพยาบาลสนามกองทัพบกได้จัดตั้งแล้ว 2 แห่งคือ 1.โรงพยาบาลสนามกองทัพบก (ค่ายธนะรัชต์) จ.ประจวบคีรีขันธ์ และ ร.พ.สนามกองทัพบก (เกียกกาย) กรุงเทพฯ
กัก 39 ตร.มีนบุรี
ส่วนกรณีที่ สน.มีนบุรี ตรวจพบเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวนติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 นาย และมีหนังสือให้ข้าราชการตำรวจทุกนายกักตัว เพื่อรอรับการตรวจหาเชื้อ ต่อมาวันที่ 14 เม.ย. เจ้าหน้าที่สาธารณสุข 43 กรุงเทพมหานคร ได้มายัง สน.มีนบุรี เพื่อสอบสวนโรค ตรวจสอบประวัติเจ้าหน้าที่ตำรวจและครอบครัวที่มีความเสี่ยงสูงไว้ทั้งหมด รวมจำนวน 39 คน ซึ่งทั้ง 39 คนนี้ ทาง สน.ให้กักตัวอยู่ที่พักเพื่อรอผลการตรวจหาเชื้อในวันที่ 16 เม.ย. ซึ่งทางเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะได้มาตรวจหาเชื้อที่บริเวณสนามฟุตซอลด้านหลัง สน.ต่อไป
แบงก์ปรับเวลาบริการ
ด้านสมาคมธนาคารไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ รายงานว่า เพื่อความต่อเนื่องของการให้บริการสาขา และลดความเสี่ยงของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ สมาคมธนาคารไทย และธนาคารสมาชิกมีมาตรการป้องกัน สำหรับงานบริการสาขา ตามแนวทางของสธ. และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องดังนี้
1.ธนาคารอาจพิจารณาปิดสาขาบางแห่งชั่วคราวสำหรับพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่ระบาดตามประกาศของจังหวัดหรือรัฐบาล แต่ลูกค้ายังคงใช้บริการที่ตู้เอทีเอ็ม ATM หรือทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือออนไลน์ได้ตามปกติ โดยตรวจสอบรายชื่อสาขาที่ปิดการบริการทางเว็บไซต์ของแต่ละธนาคาร
2.ปรับเวลาปิดสาขาทั่วประเทศ เริ่มวันที่ 16 เม.ย. 2564 นี้ โดยสาขาในห้าง/สาขาที่เปิดให้บริการ 7 วัน ปิดไม่เกินเวลา 17.00 น. ส่วนสาขาภายนอกปิด ไม่เกินเวลา 15.30 น. 3.จำกัดช่องให้บริการ และจำกัดจำนวนลูกค้าในสาขา เพื่อเว้นระยะห่างที่เหมาะสม และ 4.กรณีสาขาใดมีพนักงานหรือลูกค้าติดเชื้อเข้าใช้บริการ ให้แต่ละธนาคารปิดเพื่อพ่นฆ่าเชื้อทันที และเปิดทำการเมื่อเสร็จสิ้น ส่วนพนักงานที่สัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วย ให้ตรวจเชื้อ/และกักตัวเองในที่พักทันที ในระยะเวลาตามมาตรฐานกระทรวงสาธารณสุข รวมทั้งจัดให้มีพนักงานปฏิบัติงานทดแทน ซึ่งเป็นพนักงานที่ไม่เกี่ยวข้องสัมผัสเชื้อ เข้าปฏิบัติหน้าที่แทน
สธ.ชง 18 จว.พื้นที่สีแดง
ที่สธ. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข แถลงข่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ภายหลังการประชุมนานกว่า 3 ชั่วโมง ถึงมาตรการที่เตรียมเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ วันพรุ่งนี้ หลังสถานการณ์โควิด-19 มียอดผู้ป่วยสูงขึ้นจนถึงหลักพันในช่วงเทศกาลสงกรานต์ว่า ที่ประชุมมีมติเสนอมาตรการเพิ่มพื้นที่จังหวัดควบคุมสูงสุดเป็นสีแดง 18 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสีส้ม 59 จังหวัด และยังจำกัดเวลาเปิด-ปิดร้านอาหาร
ปิดผับทั่วปท.
ส่วน ผับบาร์ สถานบริการ ให้ปิดหมด ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในกลุ่มของร้านอาหาร ให้ห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มสุราโดยเด็ดขาด และให้เว้นระยะห่างในการจัดโต๊ะเก้าอี้ ซึ่งถ้าเป็นไปได้แนะนำให้ซื้อกลับไปทานที่บ้านจะดีที่สุด
นอกจากนี้ขอความร่วมมือประชาชน งดกิจกรรมงานเลี้ยงสังสรรค์ และงดการเรียนการสอนในห้องเรียน สถานบันกวดวิชา และกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มมากกว่า 50 คน พร้อมขอประชาชนมีวินัยในตนเองสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยครั้ง รวมถึงงดการเดินทางไปในที่ที่มีผู้คนแออัด ขณะเดียวยังเสนอศบค.ให้ปิดสวนสนุกเครื่องเล่นต่างๆ รวมถึงสวนสนุกในห้างสรรพสินค้าด้วย ส่วนเวลาการเปิดปิดของร้านอาหารตามระดับสีให้พื้นที่สีแดง ต้องปิดร้านภายใน 21.00 น. ขณะที่พื้นที่สีส้ม 23.00 น.
ยังไม่ล็อกดาวน์
“มติของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติที่ประชุมวันนี้จะนำเสนอ ศบค.เพื่อบังคับใช้ไปจนถึงสิ้นเดือนเม.ย.นี้ และยืนยันยังไม่ใช่ล็อกดาวน์ เพียงแต่ต้องการควบคุม การเเพร่ระบาดหลังสงกรานต์นี้ ซึ่งจะมีปริมาณผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น หากควบคุมได้ถึงสิ้นเดือนนี้ เชื่อว่าสถานการณ์จะกลับมาดีขึ้นในเดือนหน้า ส่วนการเดินทางข้ามจังหวัดก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด แต่ละจังหวัดนั้นๆ” นายอนุทินกล่าว
นอกจากนี้นายอนุทินยังกล่าวถึงความคืบหน้าของการฉีดวัคซีนโควิด 19 ว่ากระจายวัคซีนไปแล้วขณะนี้ 1.1 ล้านโดส และจะเร่งฉีดต่อบุคคลากรทางการเเพทย์ และกลุ่ม อสม.ที่ใกล้ชิดกับผู้ป่วยก่อน ซึ่งมีผู้ได้รับไปแล้วเกือบ 6 แสนโดส โดยการลงทะเบียนมีทั้งระบบแอพพลิเคชั่นและระบบการวอล์กอินเข้ามา
ส่วนกรณีกระแสข่าวที่ต่างประเทศบางประเทศ สั่งยุติฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาแล้วนั้น ยืนยันว่าของประเทศไทยยังฉีดได้ เพราะจากการศึกษา และวิจัยปัญหาที่เกิดขึ้นในต่างประเทศพบว่าในไทยยังไม่เกิดปัญหาดังกล่าว เนื่องจากปัจจัยหลายอย่าง และมีคณะแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญที่คอยศึกษาเคสตัวอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ตลอด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พื้นที่สีแดงควบคุมสูงสุดมีทั้งหมด 18 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร เชียงใหม่ ชลบุรี สมุทรปราการ ประจวบคีรีขันธ์ สมุทรสาคร ปทุมธานี นครปฐม ภูเก็ต นครราชสีมา นนทบุรี สงขลา ตาก อุดรธานี สุพรรณบุรี สระแก้ว ระยอง และ ขอนแก่น
ตู่ถกศบค.เข้มมาตรการ
นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า วันที่ 16 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผอ.ศบค. จะประชุมผ่านระบบการประชุมทางไกล ที่ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล ในเวลา 13.30 น. โดยศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) ที่มีเลขาธิการ สมช. เป็น ผอ.ศปก.ศบค. จะเสนอมาตรการและการยกระดับการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงเดือนเม.ย.นี้ ส่วน ศปก.สธ.จะรายงานแผนการให้บริการวัคซีนโควิด-19 ภายหลังมีวัคซีนเข้ามาเพิ่ม 1 ล้านโดส และเตรียมให้ประชาชนลงทะเบียนเข้ารับวัคซีนผ่านแอพพลิเคชั่น “หมอพร้อม” รวมถึงการรายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ โรงพยาบาลสนาม เป็นต้น
ส่วนการขยายพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ครั้งที่ 11 นั้น ศบค.ได้เห็นควรการบังคับใช้ถึง 31 พ.ค.นี้ ซึ่งต้องรอว่า สมช.จะเสนอให้พิจารณาในช่วงนี้เลยหรือไม่
“นายกฯ ต้องการให้มีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น มาตรการเวิร์กฟรอมโฮม ทั้งหน่วยงานราชการ และภาคเอกชน อย่างน้อยถึงช่วงสิ้นเดือนเม.ย.นี้ โดยเฉพาะผู้ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาช่วงเทศกาลสงกรานต์หากต้องเวิร์กฟรอมโฮม ก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางกลับเข้ากรุงเทพฯ เพื่อลดการเคลื่อนย้าย นอกจากนี้ นายกฯจะติดตามรายงานความคืบหน้าของคณะกรรมการจัดหาวัคซีน ภาคเอกชน ที่มีการตั้งแต่ด้วย” นายอนุชากล่าว
5 ญี่ปุ่นเที่ยวโอเกะโคราช
ที่ห้องประชุมสำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬา จ.นครราชสีมา นายวิเชียร จันทรโณทัย ผวจ.นครราชสีมา เป็นประธานประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด โดยพบผู้ป่วยระลอกใหม่เพิ่มอีก 28 ราย อยู่อ.ปากช่อง 19 ราย, อ.เมือง 8 ราย และอ.เทพารักษ์ 1 ราย ซึ่งในจำนวนนี้เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงในกรุงเทพฯ และปริมณฑล 1 ราย ,สัมผัสผู้ป่วยโควิด 20 ราย และเดินทางไปพื้นที่เสี่ยงหรือที่แออัด 7 ราย
จากข้อมูลพบเป็นผู้ป่วยชาวญี่ปุ่นที่มาใช้บริการร้านคาราโอเกะในพื้นที่อ.เมือง จ.นครราชสีมา จำนวน 5 ราย ติดเชื้อมาจากการสัมผัสผู้ป่วยโควิด และทั้งหมดไม่แสดงอาการ ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมระลอกใหม่ เพิ่มเป็น 172 รายแล้ว พบในพื้นที่อำเภอเมืองนครราชสีมา มากสุด 87 ราย รองลงมาคือ อำเภอปากช่อง 52 ราย
ประจวบเปิด 3 ร.พ.สนาม
ส่วนที่จ.ระยอง นายชาญนะ เอี่ยมแสง ผวจ.ระยอง กล่าวว่า พบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีก 23 ราย ในพื้นที่ 5 อำเภอ ประกอบด้วย อ.ปลวกแดง อ.เมือง อ.บ้านค่าย อ.แกลง และ อ.บ้านฉาง โดยมีการกักตัวเฝ้าระวังทั้งหมด 464 คน จากการตรวจค้นหาเชิงรุกไปทั้งหมด 3,290 คน รวมยอดผู้ป่วยสะสม ตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. จนถึงปัจจุบัน ทั้งหมด 117 คน โดย ผู้ป่วยทั้งหมดยังเชื่อมโยงมาจากคลัสเตอร์สถานบันเทิงกทม.
ที่จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายพัลลภ สิงหเสนี ผวจ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีก 98 ราย ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อในการระบาดระลอกใหม่ตั้งแต่วันที่ 1-15 เม.ย. รวม 525 ราย ทำให้จังหวัดถูกปรับพื้นที่เป็นสีแดง มีไทม์ไลน์เชื่อมโยงมาจากสถานบันเทิง 7 แห่งใน อ.เมือง และอ.หัวหิน ขณะที่มีประชาชนกลุ่มเสี่ยงในจังหวัดตรวจหาเชื้อแล้วกว่า 6,000 ราย จากนั้นมีการสำรวจสถานที่ เพื่อจัดทำ โรงพยาบาลสนามรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้น โดยใช้สถานที่ 5 แห่งใน 3 อำเภอ ประกอบด้วยพื้นที่ อ.หัวหิน ที่โรงแรม 51 แฟชั่นหัวหิน โรงแรมหัวหิน กอล์ฟ วิลล่า มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์ วิทยาเขตวังไกลกังวล พื้นที่ อ.เมือง ที่โรงแรมประจวบสามอ่าว และพื้นที่ อ.ปราณบุรี ที่ศูนย์การทหารราบ ค่ายธนะรัชต์
กาญจน์ปิดเดินป่าทุ่งใหญ่
ขณะที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้โพสต์ประกาศลงในเฟซบุ๊ก “เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก” ลงนามในประกาศ โดยนายศุภฤกษ์ กลั่นประเสริฐ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก เรื่อง ปิดเส้นทางศึกษาธรรมชาติในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี จำนวน 4 เส้นทาง
ได้แก่ 1.เส้นทางหน่วยพิทักษ์ป่าทินวย- ทิคอง-ซ่งไท้ (มหาราช) 2.หน่วยพิทักษ์ป่า ทินวย-ห้วยคือ 3.หน่วยพิทักษ์ป่า สะเน่พ่อง- เกาะสะเดิ่ง และ4.หน่วยพิทักษ์ป่าตะเคียนทอง -น้ำตกสาละวะ ประจำปี พ.ศ.2564 ตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย.2564 เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้สืบเนื่องจาก สาธารณสุข อ.สังขละบุรี ได้รับข้อมูลว่ามีชายอายุ 58 ปี อาชีพขับรถแท็กซี่ยู่ที่จ.นนทบุรี ตรวจพบเชื้อโควิด-19 และมีประวัติพาครอบครัวกลับมาเยี่ยมญาติภายในหมู่บ้านบ้านกองม่องทะ เลขที่ 29 หมู่ 2 ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ที่ตั้งอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร (ด้านทิศตะวันตก) เมื่อวันที่ 6 เม.ย. โดยมีชาวบ้านกองม่องทะ ที่เป็นญาติและเพื่อนสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ จำนวน 6 ราย และสอบสวนโรคแล้ว
พระป่วย-เที่ยวผับก่อนบวช
นายอนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนัก นายกฯ กล่าวว่า จากกระแสข่าวผ่านสื่อ โซเชี่ยล มีพระลูกวัดและลูกศิษย์วัดเทพศิรินทร์ ติดโควิด-19 ได้สั่งการไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ตรวจสอบ แล้วพบว่า พระลูกวัดและลูกศิษย์วัดดังกล่าวเป็นพระบวชใหม่ และก่อนบวชมีพระบางรูปเดินทางไปเที่ยวสถานบันเทิงย่านทองหล่อมาก่อน จึงเกิดการระบาดภายในวัด จึงให้พศ.ประสานไปทุกวัด ให้พ่นยาฆ่าเชื้อในบริเวณวัด โดยเฉพาะพระอารามหลวง วัดท่องเที่ยว และสถานที่ภายในวัดที่มีประชาชนเข้าไปกราบไหว้สักการะอย่างเนืองแน่น และกำชับเข้มงวดให้พระบวชใหม่ทุกรูป ต้องมีผลตรวจเชื้อโควิด-19 ยืนยันก่อนจึงให้บวชได้ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในศาสนสถาน และเน้นย้ำให้พศ.ประสานไปยังพศ.จังหวัดทุกจังหวัด แจ้งเจ้าคณะจังหวัดให้เข้มงวดกวดขันเรื่องการใช้สถานที่วัดจัดงาน ให้ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันแพร่ระบาดและปฏิบัติตามมติมหาเถรสมาคมอย่างเคร่งครัด
