ทำพร้อม นอกคุก! ห่วงกวิ้น อาจช็อก

ผู้ต้องขังคดี 112 ที่ไม่ได้ประกันตัวร่วมยืนเรียกร้องสิทธิตัวเองภายในคุกเวลาหกโมงเย็นเช่นเดียวกับมวลชนนอกคุกที่ร่วมกันยืน 112 นาทีจนกว่าจะได้รับสิทธินั้น เฟซบุ๊กทนายอานนท์โพสต์แจ้งข่าว เผยจัสติน กังวลเป็นไข้ ไม่สบายมาหลายวันแล้ว ครั่นเนื้อครั่นตัว ได้แต่กินยาพารา ยาแก้แพ้ ยาฆ่าเชื้อ ตอนนี้จิตตก เนื่องจากกลัวโควิดเข้ามาในเรือนจำ ขณะที่อาการของรุ้งยังปกติ น้ำหนักลด ส่วนเพนกวินเสี่ยงช็อก ล้ม เพราะไม่มีแรง เนื่องจากอดอาหารนานนับเดือนแล้ว เมื่อวันที่ 20 เม.ย.

รายงานข่าวจากกรมราชทัณฑ์ แจ้งอาการกรณีผู้ต้องขังอดอาหาร ประกอบด้วย น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล หรือรุ้ง ซึ่งถูกคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลาง พยาบาลประจําสถานพยาบาล ภายในทัณฑสถาน ได้ตรวจสุขภาพ และให้คําปรึกษากับผู้ต้องขัง เมื่อวันที่ 19 เม.ย. เวลา 15.00 น.

พบว่า ผู้ต้องขังรู้สึกตัวดี ถาม-ตอบ รู้เรื่องและเข้าใจ ตอบตรงคําถาม มีปฏิสัมพันธ์ดี ช่วยเหลือตัวเองได้ ด้านสัญญาณชีพปกติ อุณหภูมิร่างกาย 36.6 องศาเซลเซียส (ปกติ ไม่มีไข้), ความดันโลหิต 112/78 mmHg (ความดันโลหิตตัวบนสูงเล็กน้อย ตัวล่างปกติ) ชีพจร 100 ครั้ง/นาที (ปกติ), อัตราการหายใจ 20 ครั้ง/นาที น้ำหนัก 104 กิโลกรัม (แรกรับ น้ำหนัก 112 กิโลกรัม) ไม่มีอาการเหนื่อยหรืออ่อนเพลีย ไม่ปวดศีรษะและไม่มีอาการเวียนหัว เจ้าตัวยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหารต่อเนื่อง ดื่มเพียงนม น้ำหวาน และเกลือแร่ สุขภาพร่างกายทั่วไปถือว่าปกติ

ส่วนนายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน ที่ถูกคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เมื่อเวลา 07.20 น. วันที่ 20 เม.ย. เจ้าหน้าที่พยาบาลประจำสถานพยาบาลเรือนจำ ได้เข้าตรวจสุขภาพ โดยทั่วไป รู้สึกตัวดี พูดคุยรู้เรื่อง มีอาการอ่อนเพลีย ริมฝีปากแห้ง ไม่มีอาการเวียนศีรษะ ไม่มีอาการวูบ ลุกนั่ง-ลุกเดินทำกิจวัตรประจำวันได้

ยังคงปฏิเสธการรับประทานอาหาร ขอดื่มแต่น้ำเกลือแร่ ให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ 5% D/N/2 1,000 ml. อัตราหยด 60 ml./hr. สัญญาณชีพโดยทั่วไปอยู่ในเกณฑ์ปกติ อุณหภูมิร่างกาย 36.2 องศาเซลเซียส อัตราเต้นของหัวใจ 56 ครั้งต่อนาที อัตราการหายใจ 20 ครั้งต่อนาที ความดันโลหิต 114/72 mmHg ปฏิเสธการเจาะวัดระดับน้ำตาลปลายนิ้ว น้ำหนัก 96.8 กิโลกรัม (น้ำหนัก แรกรับตัว 103 กิโลกรัม)

ทั้งนี้ มีสิ่งที่ต้องระวังเป็นพิเศษ คือ ภาวะช็อกจากน้ำตาลต่ำ จากการอดอาหาร และอุบัติเหตุพลัดตกหกล้มจากอาการอ่อนเพลีย ซึ่งได้กำชับเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังดูแลอย่าง ใกล้ชิดและช่วยเหลืออย่างทันท่วงที เพื่อป้องกันเหตุดังกล่าวแล้ว

ด้านเฟซบุ๊ก อานนท์ นำภา โพสต์ข้อความฝากจากเรือนจำ วันที่ 20 เม.ย.ความว่า “เมื่อกระบวนการยุติธรรมไม่ใช่กระบวนการยุติธรรม ผมกับพวกในเรือนจำขอยืนเฉยๆ ประท้วงร่วมกับพี่น้องที่อยู่ข้างนอกเป็นเวลา 12 นาที (ตามแต่สภาพที่อยู่จะเอื้ออำนวย) ทุกวันเวลา 18.00 น. ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนกว่าจะได้รับสิทธิประกันตัว เมื่อพี่น้องยืนหน้าศาลฎีกา เราจะยืนในห้องขังเป็นเพื่อนกัน สู้ไปด้วยกัน ป.ล. จัสตินยังแสดงความกังวลผ่านทนายความว่า เขามีอาการไข้ ไม่สบายมาหลายวันแล้ว

ตอนนี้ครั่นเนื้อครั่นตัว ได้แต่กินยาพารา ยาแก้แพ้ ยาฆ่าเชื้อ ตอนนี้จิตตก เนื่องจากโควิดเข้ามาในเรือนจำ เพราะความหละหลวมของราชทัณฑ์” ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายพริษฐ์ปฏิเสธกระบวนการในชั้นศาล เนื่องจากไม่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจึงไม่สามารถไปต่อสู้คดีได้อย่างเต็มที่จึงไม่ยอมรับว่า เรื่องนี้ตนไปก้าวล่วงไม่ได้ เป็นเรื่องของอำนาจศาล มีเหตุและผล เป็นไปตามกฎหมาย

“คงไม่ต้องห่วงเรื่องการอดข้าวประท้วงเพราะเป็นเรื่องที่ท่านตัดสินใจเอง แต่ผมก็เป็นห่วงเรื่องของสุขภาพ เพราะอย่างไรก็ตามท่านก็เป็นคนไทยที่ผมต้องดูแลเช่นกัน แต่ทั้งนี้ขอให้แยกแยะออกจากกันว่าอะไรผิดอะไรถูก เพราะฉะนั้นการอดข้าวจะมีผลต่อกระบวนการยุติธรรมก็คงไม่ใช่ เพราะเป็น กระบวนการของศาล กระบวนการยุติธรรม” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ยืน112นาที – กลุ่ม Unme of Anachy แกนหลักเครือข่ายหมู่บ้านทะลุฟ้า จัดกิจกรรม เชิงสัญลักษณ์ ‘หมู่บ้านทะลุฟ้ายืน หยุดขัง 112 นาที’ เรียกร้องให้ปล่อยเพื่อนเรา ที่เชิงสะพาน ชมัยมรุเชฐ ข้างทำเนียบรัฐบาล เมื่อ 20 เม.ย.

เวลา 13.30 น. ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล มวลชนหมู่บ้านทะลุฟ้า ได้นัดหมายทำกิจกรรม ยืนที่หน้าทำเนียบรัฐบาลเป็นระยะเวลา 112 นาที โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำแผงเหล็กมากั้นบริเวณประตู 4 ทำเนียบรัฐบาลยาวมาข้ามมาบนสะพานชมัยมรุเชฐ ทั้ง 2 ฝั่ง มีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนจำนวน 1 กองร้อยสลับกันยืนอยู่ด้านแนวรั้วเหล็ก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากยืนไปได้ประมาณ 15 นาที มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมที่เป็นผู้หญิงอายุประมาณ 40-50 ปี เป็นลม เพราะอากาศร้อนอบอ้าว แดดแรง ต้องหามออกมาปฐมพยาบาลบริเวณเต็นท์สนามที่เตรียมไว้ จากนั้น ทางกลุ่มได้อ่านแถลงการณ์ร่วมกันว่า เป็นระยะเวลากว่า 70 วันแล้ว ที่เพื่อนของพวกเราถูกผู้มีอำนาจใช้ความอยุติธรรมกักขังเสรีภาพในการแสดงออกทางความคิด เพียงแค่เพื่อนของเราออกมาเรียกร้องในสิ่งที่คิดและอยากให้เป็น ซึ่งสิ่งนี้นั้นเป็นสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนในระบอบประชาธิปไตยพึงมี

แต่กระนั้นแล้วกฎหมายบางกฎหมาย เช่น มาตรา 112 ก็ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการปิดปากคนที่เห็นต่าง และยังมีกฎหมายอีกหลายกฎหมายที่ได้ถูกใช้เป็นเครื่องมือในการลิดรอนสิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานของประชาชน แต่เราจะไม่ยอมคุกเข่าและก้มหัวให้กับความอยุติธรรม เราจึงจะขอออกมาเรียกร้องโดยการ “ยืน” เราจะยืนจนกว่าเพื่อนเราจะได้รับการปล่อยตัว

ด้านเว็บไซต์โครงการอินเทอร์เน็ตเพื่อกฎหมายประชาชนหรือไอลอว์ รายงานว่าเวลาประมาณ 11.00 น. ที่หน้าศาลอาญา ตำรวจและเจ้าหน้าที่ศาล พร้อมด้วยพระวินยาธิการ เขตบางเขน เข้าไปตรวจสอบการแสดงออกของพระมหาสมพร ฐานวโร ที่มาร่วมปักหลักเยี่ยมเยียนสมณะดาวดินตั้งแต่ช่วงเช้าของวันที่ 19 เม.ย.

โดยพระวินยาธิการแจ้งผ่านการอ่านเอกสารว่า เจ้าอาวาสวัดชัยมงคลวนาราม เจ้าคณะตำบลนิยมชัย เขต 3 อำเภอสระโบสถ์ จ.ลพบุรี จึงขอกราบเรียนท่าน เจ้าคณะจังหวัดลพบุรี ได้รับทราบว่า สมควรให้พระมหาสมพร ฐานวโร พ้นจากสังกัด วัดชัยมงคลวนาราม และไม่เกี่ยวข้องกับ วัดชัยมงคลวนารามอีกต่อไป

จากนั้นจึงพาตัวพระมหาสมพรขึ้นรถตู้ไปที่วัดเสมียนนารี เพื่อให้พระผู้ใหญ่พูดคุยถึงวัตถุประสงค์ของการไปที่หน้าศาลอาญา โดยมีสมณะดาวดินร่วมนั่งไปด้วย เมื่อไปถึงวัด พระมหาสมพรชี้แจงต่อพระผู้ใหญ่ว่า การไปที่หน้าศาลอาญา เป็นการไปเยี่ยมสมณะดาวดิน ด้านสมณะดาวดินชี้แจงว่า การที่นั่งหน้าศาลอาญาไม่ใช่การชุมนุม เป็นการนั่งเฉยๆ ต่อมาเวลา 11.40 น. การสอบถามเสร็จสิ้น สมณะดาวดินกลับไปที่หน้าศาลอาญา เหลือเพียงพระสมพรที่ยังพูดคุยอยู่ที่วัดเสมียนนารี ขณะที่มีเอกชัย หงส์กังวาน และประชาชนติดตามสังเกตการณ์อย่างใกล้ชิด

จากการสัมภาษณ์พระสมพรเล่าว่าเช้าวันเดียวกัน มีเจ้าหน้าที่มาขอดูหนังสือสุทธิประจำตัวพระ เสร็จแล้วก็กลับไป สักพักเลขานุการที่วัดที่สังกัดอยู่ก็โทรศัพท์มาบอกว่า ทางเจ้าคณะจังหวัดสั่งการลงมาทางเจ้าคณะอำเภอและ เจ้าคณะตำบล ให้ไล่ออกจากวัด ที่จะกลับไปนี้ก็กลับไปขนของออกจากวัด เมื่อเวลา 16.30 น. วันเดียวกัน บริเวณหอนาฬิกาใจกลางเมือง เขตเทศบาลเมืองบ้านโป่ง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี

นายอนุชิต เริงประดิษฐ์ แกนนำ พร้อมสมาชิกกลุ่มลูกบ้านโป่งไม่อินเผด็จการ รวมตัวกันริมรั้วหน้าสภ.บ้านโป่ง ถือแผ่นโปสเตอร์ภาพ และข้อความให้ปล่อยตัวกลุ่มผู้ถูกคุมขัง พร้อมแสดงสัญลักษณ์ด้วยการชู 3 นิ้ว และยืนเป็นเวลา 112 นาที อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้รายงานว่า ขณะที่กลุ่มลูกบ้านโป่งไม่อินเผด็จการกำลังจัดกิจกรรมอยู่นั้น บริเวณหน้าที่ทำการไปรษณีย์บ้านโป่ง ซึ่งเป็นพื้นที่ฝั่งตรงข้ามกับ สภ.บ้านโป่ง ก็ได้มีกลุ่ม “คนงามลูกพ่อหลวงปกป้องสถาบัน” นำโดย นางอาทิตยา แดนมะตาม ได้มีการนำเครื่องขยายเสียงมาเปิดเพลง “หนักแผ่นดิน” ท่ามกลางความสนใจของประชาชนโดยรอบ จนกระทั่งเวลา 18.48 น. หลังครบกำหนดเวลา 112 นาที ทั้ง 2 ฝ่ายต่างเก็บของและแยกย้ายกันกลับบ้านอย่างสงบ

ยืน หยุด ขัง – กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นำโดยนายพันศักดิ์ ศรีเทพ พร้อมมวลชนหลายสิบคนร่วมทำกิจกรรม “ยืน หยุด ขัง” ด้วยการยืนเป็นเวลา 112 นาที เรียกร้องให้ปล่อย ผู้ต้องขังจากกิจกรรมทางการเมือง ที่ริมถนนราชดำเนินใน สนามหลวง เมื่อวันที่ 20 เม.ย.

ที่หน้าศาลฎีกา ถ.ราชดำเนินใน กลุ่มพลเมืองโต้กลับ นำโดยนายพันศักดิ์ ศรีเทพ แกนนำ พร้อมมวลชน 20-30 คนร่วมทำกิจกรรมด้วยการยืนหน้าศาลฎีกาเป็นเวลา 112 นาที เพื่อปล่อยผู้ต้องขังจากกิจกรรมทางการเมือง กลุ่มจะทำกิจกรรมทุกวันตั้งแต่เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป จนกว่าผู้ต้องหาในคดีการเมืองทั้งหมดจะได้รับการประกันตัว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน