อัยการสั่งไม่ฟ้อง 19 คดีรีสอร์ตรุกป่าม่อนแจ่ม เชียงใหม่ ระบุไม่มีเจตนารุกป่าสงวนฯ และคำสั่งคสช.ผ่อนผันให้ผู้ประกอบการโรงแรมที่ไม่ได้รับการอนุญาตสามารถยื่นขออนุญาตภายหลังได้ ขณะที่ผู้ว่าฯ ถกด่วนผบช.ภาค 5 และป่าไม้ ทำความเห็นแย้งส่งอัยการสูงสุดชี้ขาด ย้ำหลักฐานภาพถ่ายทางอากาศยืนยันชัดรุกป่า หลายรายซื้อขายเปลี่ยนมือจากชาวบ้านไปสู่นายทุนต่างชาติ ลงทุนทำกิจการโดยใช้นอมินี
เมื่อวันที่ 14 พ.ค. พล.ต.ต.บัณฑิต ตุงคะเศรณี รองผบช.ภาค 5 กล่าวถึงกรณีอัยการจังหวัดเชียงใหม่มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดี รีสอร์ตที่พักบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ริม (ม่อนแจ่มและพื้นที่ใกล้เคียง) ต.โป่งแยง และ ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ ว่าตำรวจภูธรภาค 5 ประชุมคณะทำงานด้านกฎหมาย และพนักงานสอบสวนที่ดูแลรับผิดชอบคดีแล้ว โดยเตรียมทำหนังสือความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของพนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ ส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาชี้ขาดต่อไป การทำความเห็นของทางตำรวจภาค 5 นั้น เป็นการแย้งความเห็นของพนักงานอัยการจังหวัดเชียงใหม่ในทุกกรณีของคดีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผวจ.เชียงใหม่ พร้อมด้วย พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผชบช.ภาค 5 ผอ.สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) ผอ.สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดเชียงใหม่ และพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดี ร่วมประชุมสรุปปัญหาและแนวทางแก้ปัญหา ภายหลังอัยการสั่งไม่ฟ้อง 19 คดีจากที่มีสำนวนอยู่ในชั้นพนักงานอัยการ 28 คดี
โดยพนักงานอัยการระบุในความเห็นสั่งไม่ฟ้องว่า เนื่องจากเห็นว่าผู้ประกอบการ รีสอร์ตขาดเจตนาบุกรุกป่าสงวนแห่งชาติ และมีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 6/2562 ซึ่งเกี่ยวข้องกับการผ่อนผันให้ผู้ที่ประกอบกิจการโรงแรมที่ไม่ได้รับการอนุญาตสามารถยื่นขออนุญาตภายหลังได้ โดย ผวจ.เชียงใหม่สั่งการให้สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 ประสานข้อมูลเอกสารพยานหลักฐานกับพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบอย่างใกล้ชิด เพื่อทำความเห็นแย้งคำสั่งไม่ฟ้องของอัยการให้อัยการสูงสุดชี้ขาด
ขณะเดียวกันสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 1 (เชียงใหม่) ยืนยันต่อที่ประชุม โดยนำภาพถ่ายทางอากาศปี 2545 เป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ มาเปรียบกับพื้นที่ที่มีการใช้ประโยชน์จริงในปัจจุบัน พบว่าบุกรุกพื้นที่ป่าอย่างชัดเจน และหลายรายซื้อขายเปลี่ยนมือที่ดินจากชาวบ้านไปสู่นายทุนต่างชาติ และเมื่อตรวจสอบในเชิงลึกพบว่าลงทุนทำกิจการโดยอาศัยนอมินี และขยายพื้นที่บุกรุกเพิ่มเติมจากพื้นที่เดิม
