ตร.ตามจับเพิ่ม ตัวการ‘เบอร์2’ ก๊วนตุ๋นพันล้าน

ไม่ได้ประกัน ‘ประสิทธิ์ เจียวก๊ก’ เข้าเรือนจำ ศาลชี้คดีร้ายแรง ความเสียหายจำนวนมากหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน ขณะที่ตร. กองปราบฯ ตามจับได้แล้ว ‘กิตติศักดิ์’ รองประธานบริษัทในเครือประสิทธิ์ ผู้ต้องหาคนสำคัญเบอร์ 2 ในขบวนการตุ๋นพันล้าน ส่วนแม่ทัพภาค 2 สั่งพักราชการ ‘พ.ต.แพทย์หญิง’ จนกว่าคดีจะสิ้นสุด

นอนคุก – ตร.คุมตัวนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก ประธานโครงการคืนทุนแผ่นดิน หัวโจกฉ้อโกงพันล้าน ไปฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ หลังศาลไม่ให้ประกันตัว วันเดียวกันตามจับนายกิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์ หัวขบวนอันดับ 2 ได้ เมื่อ 18 พ.ค.

เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ที่ศาลอาญา พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำ ความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) ฝากขังนายประสิทธิ์ เจียวก๊ก อายุ 45 ปี ผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงประชาชน ผ่านระบบ วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ โดยคำร้องฝากขังระบุสรุปว่า นายอติชาติ เลาหะพิบูลกุล ผู้เสียหายกับพวกรวม 19 คน ได้รับเชิญไปงานเปิดตัวบริษัท วีเลิฟ ยัวแบ็ก (ไทยแลนด์) จำกัด เมื่อวันที่ 12 ธ.ค.2563 โดยมีผู้ต้องหากับพวกร่วมกันประกาศโฆษณาเชิญชวนให้ประชาชนมาร่วมลงทุนในธุรกิจซื้อขาย และเช่ากระเป๋า แบรนด์เนมผ่านบริษัทดังกล่าว โดยอ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูง เพียงแต่รอรับเงินปันผลภายในระยะเวลาที่กำหนดเท่านั้น โดยการทำธุรกิจปล่อยเช่ากระเป๋าแบรนด์เนมแก่ลูกค้าทั่วไป อ้างว่ามีฐานลูกค้ากว่า 100,000 ราย ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อตัดสินใจเข้าร่วมลงทุน โดยรายละเอียดในการลงทุนกับธุรกิจกระเป๋าแบรนด์เนม มีขั้นตอนดังนี้คือให้เข้าไปเลือกสินค้าจากเว็บไซต์ จะมีภาพกระเป๋าแบรนด์เนมหลายยี่ห้อ พร้อมราคาสินค้า จากนั้นสามารถเลือกสินค้าได้หลายชิ้นตามที่ต้องการลงทุน แล้วชำระเงินได้หลายช่องทาง เช่น จ่ายเป็นเงินสด ผ่านบัตรเครดิต หรือโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารต่างๆ หรือชำระเป็นทองคำ เมื่อชำระเงินเรียบร้อยแล้ว จะมีสัญญาลงลายมือชื่อ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดไฟล์พีดีเอฟได้จากเว็บไซต์ของร้าน และจะได้รับใบเสร็จรับเงิน หลังจากผ่านขั้นตอนการลงทุนเรียบร้อยแล้ว จะได้รับผลตอบแทนทุกวันที่ 30 ของเดือน แต่ปรากฏว่ามิได้มีการจ่ายเงินตอบแทนตามที่สัญญาตกลงกันไว้แก่ผู้เสียหาย จึงมีการทวงถามทั้งทางโทรศัพท์และไลน์ แต่เริ่มติดต่อได้ยากขึ้น จึงเชื่อว่าถูกหลอกลวง จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า บริษัทดังกล่าวไม่พบว่ามีการลงทะเบียนทางศุลกากรจริง และผู้เสียหายไม่ได้รับเงินตอบแทนแต่อย่างใด ทำให้เกิดความเสียหายทั้งสิ้น 21,583,846 บาท จึงแจ้งความร้องทุกข์ดังกล่าว ต่อมาศาลอาญาออกหมายจับนายประสิทธิ์ ผู้ต้องหา กระทั่งเมื่อวันที่ 17 พ.ค. นายประสิทธิ์เข้ามอบตัวกับตำรวจปอศ. ตามที่ถูกออกหมายจับ จึงแจ้งข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน และร่วมกันกู้ยืมเงินเป็นการฉ้อโกงประชาชน เหตุเกิดที่แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน และเขตห้วยขวาง กทม. ต่อเนื่องกัน ท้ายคำร้องฝากขังระบุด้วยว่า ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนได้สอบสวน และควบคุมตัวผู้ต้องหาจะครบ 48 ชั่วโมงแล้ว แต่ยัง ไม่เสร็จ จะต้องรอสอบปากคำพยานบุคคลอีก 30 ปาก และรอผลตรวจลายพิมพ์นิ้วมือและประวัติการต้องโทษ จึงขอฝากขังเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 18-29 พ.ค. และขอคัดค้านการปล่อยชั่วคราว เนื่องจากคดีมีอัตราโทษสูง หากให้ประกันตัวผู้ต้องหาน่าจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงพยานหลักฐานได้ อีกทั้งมีประชาชนตกเป็นผู้เสียหายจำนวนมาก และทางการสอบสวนพบว่าผู้ต้องหารายนี้เป็น ผู้บงการ รวมทั้งมีตำแหน่งเป็นผู้บริหาร และมีอำนาจจัดการในบริษัทต่างๆ ซึ่งเป็นนิติบุคคลที่ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ การปล่อยชั่วคราวอาจทำให้เสียหายต่อรูปคดี ศาลพิจารณาแล้วอนุญาตให้ฝากขังได้ ต่อมานายประกันของผู้ต้องหายื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวด้วยหลักทรัพย์เงินสด 400,000 บาท ศาลอาญาพิเคราะห์แล้วพฤติการณ์แห่งคดีร้ายแรง ความเสียหายมีจำนวนมาก ประกอบกับพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว กรณีมีเหตุอันควรเชื่อว่าหากอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาจะหลบหนี หรือไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ให้ยกคำร้อง จากนั้นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์และตำรวจคุมตัวนายประสิทธิ์ จากกองปราบปรามไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ขณะเดียวกันมีรายงานข่าวแจ้งว่า ตำรวจกองปราบฯ ติดตามจับกุมตัวนายกิตติศักดิ์ เย็นนานนทน์ รองประธานกรรมการบริหารบริษัทในเครือนายประสิทธิ์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญา รวมจับกุมผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงพันล้านได้ครบแล้ว 6 คน และ คุมตัวไปสอบสวนที่กองปราบฯ ส่วน พ.ต.พญ.อมราภรณ์ วิเศษสุข สังกัดกองบัญชาการช่วยรบที่ 2 ช่วยราชการโรงพยาบาลค่ายสุรนารี อีกหนึ่งผู้ต้องหาที่ถูก จับไปก่อนหน้านี้ ส่วนพล.ท.ธเนศ วงศ์ชะอุ่ม แม่ทัพภาคที่ 2 มีคำสั่งพักราชการแล้วจนกว่าคดีจะสิ้นสุด

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน