ษิทราพาลุงพล
บุกยื่นร้องสภา

เปิด 4 ทีมทนายฝ่ายน้องชมพู่ ‘อัจฉริยะ’ รุดช่วยเหลือ 2 คนดูแลเรื่องคดีความอีก 2 ทำเรื่องการปกป้องสิทธิพ่อ-แม่ผู้เสียหาย ทนายความยันไม่หนักใจทำตามแนวทางตลอดจนพยานหลักฐานที่พนักงานสอบสวนรวบรวมมาจนนำไปสู่การออกหมายจับ ด้านทนายษิทราพาลุงพล-ป้าแต๋นไหว้รูปปั้นหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ กระทุ่มแบน เอาฤกษ์เอาชัย ก่อนจะพาไปยื่นร้อง‘สิระ’ประธานกมธ.การกฎหมายฯ ที่สภา อ้างผบ.ตร.กลั่นแกล้ง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 มิ.ย. นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมนางสาวิตรี วงศ์ศรีชา และ นายอนามัย วงศ์ศรีชา พ่อแม่น้องชมพู่ เปิดตัว 2 ทีมทนายช่วยคดีน้องชมพู่ ที่โรงแรมมุกดาวิว อ.เมือง จ.มุกดาหาร

นายอัจฉริยะกล่าวว่า เราทำงานนามชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมไม่ได้ทำในนามส่วนตัว คดีน้องชมพู่ได้แบ่งออกเป็น 2 คณะทำงาน มีทนายความจำนวน 4 ท่าน แบ่งออกเป็นอย่างนี้ คือ 2 ท่านแรกจะทำคดีของน้องชมพู่ ส่วนอีก 2 ท่าน จะทำคดีปกป้องสิทธิของแม่และพ่อน้องชมพู่ ในการที่จะดำเนินคดีเกี่ยวกับผู้ที่ว่ากล่าวให้ร้ายกับแม่น้องชมพู่และคนในครอบครัว วันนี้เปิดตัวทนายวินัย ชุมสวัสดิ์ เป็นคนแรกส่วนอีก 3 คนขอไว้ก่อนยังไม่ถึงเวลาพูด

นายวินัย ชุมสวัสดิ์ หนึ่งในทนายที่มาร่วมทีมคดีน้องชมพู่ กล่าวว่า เรื่องนี้ก็ไม่มีความหนักใจหรือกังวลแต่อย่างใด อยากจะขอชี้แจงที่ว่าเรื่องอัศวินขี่ม้าขาวนั้น อัศวินหรือฮีโร่ที่แท้จริงก็คือพนักงานสอบสวนเจ้าหน้าที่ตำรวจ เจ้าหน้าที่นิติเวช จนท.นิติวิทยาศาสตร์ และผู้เชี่ยวชาญต่างๆ ที่ให้ข้อเท็จจริงวิเคราะห์พยานสำคัญต่างๆ ภายใต้การอำนวยการของพล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. และพนักงานอัยการที่รับเรื่องจากพนักงานสอบสวนเพื่อส่งฟ้อง และศาลสถิตยุติธรรมที่จะให้ความเป็นธรรมกับคุณแม่น้องชมพู่ ทางเรานี้ก็จะเข้ามาช่วยดำเนินการให้คำปรึกษาด้านกฎหมายและให้กำลังใจช่วยเสริมอีกทาง

สู้นอกศาล – พ่อแม่น้องชมพู่เปิดตัวทีมทนายความช่วยต่อสู้คดีชั้นศาล ที่จ.มุกดาหาร ส่วนลุงพลพร้อมป้าแต๋นเดินทางเข้ากทม. ร้องเรียนนายสิระ เจนจาคะ ประธานกมธ.กฎหมายฯ ที่สภาผู้แทนฯ เมื่อวันที่ 9 มิ.ย.

ด้านแม่น้องชมพู่กล่าวว่า วันนี้ดีใจมากไม่รู้สึกกังวลใจเชื่อว่าตำรวจทำงานตามพยานหลักฐาน ไม่กังวลใจรู้สึกดีใจที่ท่านอัจฉริยะพร้อมทีมทนายที่มาช่วยเหลือออกมาปกป้องเรา ต้องขอขอบคุณที่มาช่วยเหลือโดยไม่ได้เสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด ดีใจต้องขอขอบคุณชาวบ้านทุกคนที่ยืนเคียงข้างและมาให้กำลังใจ มีคำหนึ่งที่พูดว่าในส่วนของสังคมมันผิดเพี้ยน ผู้ต้องหากลับกลายเป็นดาราคนดัง ผู้สูญเสียกลับถูกสังคมกล่าวหา ซึ่งมันก็เป็นไปแล้วก็ไม่รู้เป็นไงตอนนี้ร่างกายเรามีบาดแผลเต็มตัวไปแล้ว ก็คงต้องรักษากันไป

วันเดียวกัน นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ได้เดินทางด้วยรถตู้ส่วนบุคคลมาที่วัดท่ากระบือ ต.บางยาง อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร โดยมีนายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิต น้องชมพู่ และ คู่ชีวิตอย่างนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือ ป้าแต๋น อายุ 42 ปี เดินทางตามมาสมทบด้วยรถตู้โดยสารประจำทางที่เช่ามายังวัดท่ากระบือแห่งนี้ เพื่อมากราบสักการะรูปหล่อหลวงพ่อรุ่ง วัดท่ากระบือ ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของอำเภอกระทุ่มแบน

โดยทนายตั้มได้พาลุงพล กับ ป้าแต๋น กราบไหว้ปิดทองรูปหล่อองค์จำลองหลวงพ่อรุ่ง ที่ตั้งอยู่บริเวณด้านหน้าและใต้ฐานองค์หลวงพ่อรุ่งองค์ใหญ่ อีกทั้งยังให้ลุงพลกับป้าแต๋นโน้มศีรษะเข้าไปใต้ฝ่าเท้าองค์หลวงพ่อรุ่งจำลอง เพื่อปัดเป่าทุกข์ภัยตามความเชื่อ พร้อมกันนี้ยังได้มีการเคาะระฆังเสริมความเป็นสิริมงคลสร้างความสบายใจก่อนเดินทางเข้ากรุงเทพฯ อีกด้วย

ต่อมา ที่โถงกลางอาคารัฐสภา นายษิทราพร้อมด้วยนายไชย์พล ผู้ต้องหาในคดีการเสียชีวิตน้องชมพู่ และนางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนกับนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร

นายษิทรากล่าวว่า เรามายื่นเรื่องร้องเรียนวันนี้ เกิดจากเราไม่ได้รับความเป็นธรรม ในเรื่องการดำเนินคดีของนายไชย์พลจากตำรวจ จึงต้องมาร้องเรียนประธานกมธ. กฎหมายฯ เพื่อตรวจสอบพล.ต.อ.สุวัฒน์ ประเด็นที่ร้องเรียน คือ การออกหมายจับนายไชย์พล ยืนยันว่า ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี แต่เจ้าพนักงานไปทำคำร้องออกหมายจับ อ้างเหตุว่ามีพฤติการณ์หลบหนี ซึ่งไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง และมีการออกหมายจับ

หลังจากออกหมายจับเราได้ไปมอบตัว แต่ผบ.ตร. ซึ่งเป็นหัวหน้าเจ้าพนักงานสอบสวนทั่วประเทศ กลับไม่ยอมรับมอบตัว และทำบันทึกการจับกุม เพื่อให้นายไชย์พลได้รับความอับอาย ซึ่งมีผลต่อการคัดค้านการประตัวในชั้นศาล

ด้านนายไชย์พลกล่าวว่า ขอบคุณกมธ. กฎหมายฯ ที่ได้รับเรื่อง ตนอยากให้กมธ. กฎหมายฯทำงานรอบคอบตรงไปตรงมา เพื่อเป็นบรรทัดฐานให้ทุกคนได้รับความยุติธรรม ยืนยันว่าพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เชื่อว่าประชาชนคนไทยทุกคนต้องการความยุติธรรมและความเสมอภาค ส่วนที่ประชาชนมองว่าเราเป็นคนร้ายไปแล้วนั้น การดูสื่อ ต้องทำอย่างรอบคอบ ทั้งนี้ ตนได้อ่านคอมเมนต์ในโซเชี่ยลมีเดีย แต่เลือกที่จะอ่านผ่านๆ เพราะทุกคนสามารถแสดงความเห็นได้ แต่ขอให้ยืนอยู่บนความถูกต้อง

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน