คู่ดึกกังหันสีส้ม-ยูเครน
‘สวิส-เวลส์’กินกันไม่ลง
ทำได้แค่เสมอกันไป 1-1
ชูอิตาลีประเดิมร้อนแรง
รุกไม่มีอุดถล่มตุรกี 3-0

ทีมสวิสได้แค่เสมอเวลส์ 1-1 แบ่งแต้มกันไป วันนี้มีถ่ายทอดสดอีก 3 คู่ เริ่มที่คู่เวลาสองทุ่มสิงโตคำรามอังกฤษเล่นที่เวมบลีย์วางตัวเคน-สเตอร์ลิงดวลกับทีมตาหมากรุก-โครเอเชีย ส่วนคู่ที่สอง ออสเตรียปะทะนอร์ท มาซิโดเนีย และคู่ดึก ‘กังหันสีส้ม’ เนเธอร์แลนด์อัดกับยูเครน เร้าใจคู่เปิดสนามยูโร 2020 ที่กรุงโรมเตะกันสนุก อิตาลีมามาดใหม่ใส่สไตล์บุก ถล่มเติร์กยุ่ย 3-0 โดยลูกแรกทีมตุรกีพลาดท่าทำเข้าประตูตัวเอง กุนซือมันชินียกนิ้วให้ลูกทีม ชี้การเคลื่อนบอลเร็วทำให้มีส่วนคว้าชัยซิว 3 แต้มแรก

ขึ้นนำ – บรีล เอ็มโบโล ศูนย์หน้าสวิตเซอร์แลนด์ ขึ้นโหม่งโขกบอลเต็มหัวเข้าตุงตาข่าย เป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ทีมชาติเวลส์ ศึกฟุตบอลยูโร 2020 กลุ่มเอ ที่บากู โอลิมปิก สเตเดียม ประเทศอาเซอร์ไบจาน ก่อนลงเอยเสมอ 1-1 เมื่อค่ำวันที่ 12 มิ.ย.

มังกรแดง เวลส์ ตายยาก ไล่แบ่งแต้ม สวิตเซอร์แลนด์ แดนนาฬิกา ไปอย่างฉิวเฉียด ด้วยสกอร์ 1-1 ในเกมลูกหนังทวีปยุโรป ศึก ยูโร 2020 ศึกฟุตบอล ชิงแชมป์แห่งชาติ ยุโรป ศึกยูโร 2020 คู่ที่สอง เป็นเกมฟาดแข้งในกลุ่ม เอ “มังกรแดง” เวลส์ พบ สวิสเซอร์แลนด์ นักเตะแดนนาฬิกา ที่สนาม กรุงบากู อาร์เซอร์ไบจาน เมื่อวันเสาร์ที่ 12 มิ.ย. เริ่มเวลาไทย 20.00 น.

เวลส์คุมทีมโดย โรเบิร์ต เพจ กุนซือรักษาการ มีจุดเด่นอยู่ที่แนวรุกที่นำโดย แกเร็ธ เบล และ แดเนียล เจมส์ ขณะที่ สวิตเซอร์แลนด์ มีผู้เล่นมากประสบการณ์ระดับยุโรป และเล่นอยู่ในลีกระดับท็อปอยู่เต็มทีม อาทิ เซอร์ดาน ชากิรี่ และ กรานิต ชาก้า

รายชื่อ 11 ผู้เล่นมีดังนี้

เวลส์

ทีมชาติเวลส์ของผู้จัดการทีม ไรอัน กิกส์ แต่มีปัญหาส่วนตัวติดคดีความทำร้ายแฟนเก่า ต้องวางมือชั่วคราวให้ ร็อบ เพจ รักษาการคุมทีมจัดทีมตามหมาก 4-3-3 ประจำตำแหน่งด้วย แดนนี่ วอร์ด (ประตู), แกเร็ธ เบล (กัปตันทีม),โจ มอร์เรลล์,โจ อัลเลน, อารอน แรมซีย์, เบน เดวีส, คอนเนอร์ โรเบิร์ตส์, คริส มีแฟม, คีฟเฟอร์ มัวร์, โจ โรดอน, และ แดเนียล เจมส์

สวิตเซอร์แลนด์

ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ของกุนซือชาว สวิส วลาดิมีร์ เพตโควิช ระบบ 3-4-1-2 วางขุมกำลังหลักพร้อมหน้า ทั้ง กรานิต ชากา กองกลางตัวรับกัปตันทีมจาก อาร์เซนอล, เซอร์ดาน ชากิรี ตัวรุกของ ลิเวอร์พูล และ เรโม ฟรอยเลอร์ มิดฟิลด์ของ อตาลันต้า

รายชื่อต่อไปนี้ มียานน์ ซามเมอร์ (ประตู),นิโก้ เอเวดี้ ,ฟาเบียร์ ชาร์,มานูเอล อาคานจี,เควิน เอ็มบาบู,กรานิต ชากา (กัปตันทีม),โรโม ฟรอยเลอร์,ริคาร์โด โรดริเกซ, แชร์ดาน ชากิรี,บรีล เอ็มโบโล และ ฮาริส เซเฟโรวิช

เริ่มเกม เวลส์ในชุดแดงทั้งชุด ขณะที่ สวิตเซอร์แลนด์ มาในชุดเก่งสีขาวทั้งชุด เป็นฝ่ายเขี่ยบอลก่อน ทว่ากลายเป็นมังกรแดงที่มีโอกาสรุกเข้าใส่ทั้งซ้ายขวา แต่ขุนพลแดนนาฬิกาก็ตั้งหลักสวนกลับมีจังหวะสูสีพอกัน นาที 16 รีส์ เดวิส กองหน้าเวลส์โดดโขกบอลผิดจังหวะถึงกับหว่างคิ้วแตกได้เลือดสังเวย ต้องปฐมพยาบาลก่อนกลับมาเล่นต่อ

เกมผ่านไปยี่สิบนาที สวิสมีจังหวะโยนบอลเข้าใส่หน้ากรอบเวลส์ได้มากขึ้น กรานิต ชากา ยิงไกลบ้างแต่บอลก็เรียดออกข้างเสาไป เซเฟโรวิช ตวัดยิงอีกครั้งบอลก็ออกข้างไปอีก นาที 29 ฟาเบียน ชาร์ เตะตัดเกม แดนนี เจมส์ จึงโดนใบเหลืองเป็นคนแรกของฝั่งสวิส แกเร็ธ เบล รับหน้าที่ฟรีคิกนอกกรอบโทษ แต่ลูกก็เลยออกเส้นหลังแบบเสียของ ช่วงท้ายครึ่งแรก เซเฟโรวิช มีโอกาสถึงสองครั้งแต่ก็ซัดบอลข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย

เริ่มต้นครึ่งหลัง คีฟเฟอร์ มัวร์ของเวลส์ ก็โดนใบเหลืองคนแรกบ้าง หลังกางแขนชักศอกใส่ ฟาเบียน ชาร์ จนแตกได้เลือดเหมือนตัวเองในช่วงครึ่งแรก จากนั้น บรีล เอ็มโบโล กระชากแหวกสองผู้เล่นแนวรับ เข้าไปยิงเผาขนแต่โดนปัดออก

ทว่าจังหวะเตะมุม สวิสก็ขึ้นนำจนได้จากลูกโขกของ เอ็มโบโล คนเดิม โดยกองหน้ากลัดบักจากบุนเดสลีกา เยอรมัน ส่งบอลเข้าประตูให้ สวิตเซอร์แลนด์ ขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 49 หลังเสียประตู มังกรแดงเริ่มโต้กลับบ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถจบสกอร์ได้ ถึงนาที 65 สวิสปรับแผน ส่ง แดนนิส ซาคาเรีย ลงมาแทน ชากิรี

จนถึงนาที 74 กองเชียร์มังกรแดงได้เฮกันบ้าง เมื่อ โจ มอร์เรลส์ เปิดให้ คีฟเฟอร์ มัวร์ เวลส์ พุ่งเข้าขวิดบอลแฉลบเปลี่ยนทางเข้าประตู กลายเป็นสกอร์ตีเสมอ 1-1

นาทีถัดมา เวลส์ปรับแผนเปลี่ยน เดวิด บรูกส์ ลงมาแทน แดเนียล เจมส์ นาที 84 แฟนบอลแดนนาฬิกาโดดโลดเต้นกันยกใหญ่ เมื่อ เอ็นโบโล โหม่งชงให้ มาริโอ กาฟราโนวิช ตัวสำรองที่เพิ่งลงมา และได้สัมผัสบอลจังหวะแรก ตวัดยิงตุงตาข่าย ทว่า เมื่อผู้ตัดสินเช็ก VAR กลายเป็นจังหวะลูกหน้าเพียงแค่ก้าวเดียว สวิสเซอร์แลนด์ จึงพลาดโอกาสขึ้นนำอีกครั้งไปอย่างน่าเสียดาย

นาที 89 สวิสได้เตะมุมอีกครั้ง เอ็นโบโล คนเดิมเบียดโหม่งบอลย้อย แต่ถูก แดนนี วอร์ด นายทวารมังกรแดง ปัดปลายมือออกไปนิดเดียว ท้ายเกมช่วงทดเจ็บ 5 นาที สวิสเกือบได้ประตูอีกครั้ง จากลูกยิงจากในกรอบของ มาริโอ กาฟราโนวิช แต่บอลถูกปัดออกหลัง แถมยังเป็นจังหวะล้ำหน้า จึงชวดโอกาสขึ้นนำไปฉิวเฉียดอีกครั้ง

จบเกม ทั้งสองทีมทำอะไรเพิ่มไม่ได้ เวลส์ ลงเอยด้วยการเสมอ สวิตเซอร์แลนด์ ไปอย่างสนุก 1-1 แบ่งแต้มจากเกมนัดแรกกันไปทีมละคะแนน

สำหรับการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 นัดเปิดสนาม เมื่อคืนวันที่ 11 มิ.ย. ที่สนาม โอลิมปิโก กรุงโรม อิตาลี เป็นการแข่งขันในกลุ่มเอ ทีมชาติอิตาลี ลงสนามพบทีมชาติตุรกีนั้น

เกมดังกล่าว โรแบร์โต มันชินี กุนซือทัพอัซซูรี่ ส่ง 11 ตัวจริง ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู จานลุยจิ ดอนนารุมมา แผงหลัง 4 คนใช้ เลโอนาร์โด สปินาซโซลา, จอร์โจ คิเอลลินี, เลโอนาร์โด โบนุชชี, อเลสซานโดร ฟลอเรนซี มิดฟิลด์ 3 คน ประกอบด้วย มานูเอล โลคาเตลลี, จอร์จินโญ, นิโคโล บาเรลลา ขณะที่ 3 ประสานแนวรุกส่ง ลอเรนโซ อินซินเญ, ชิโร อิมโมบิเล และ โดเมนิโก เบราร์ดี

ขณะที่ตุรกี ของ เซนอล กูเนส เกมนี้จะใช้ อูกูร์จาน ชาคีร์ เป็นผู้รักษาประตู กองหลังประกอบด้วย เมริห์ เดมิรัล, ชากลาร์ โซยุนจู, เซกี เชลิก, อูมุต เมราส ส่วน 3 ประสานในแดนกลาง โอคาย โยคุสลู, โอซาน ตูฟาน, ยูซุฟ ยาซิจี และแนวรุก 3 คน ส่ง เคนาน คารามาน, ฮาคาน ชัลฮาโนกลู และ บูรัก ยิลมาซ ลงล่าตาข่าย

เกมครึ่งแรก เป็นฝั่งอิตาลีที่เปิดหน้าบุกมากกว่า แต่ไม่ผ่านเกมรับตุรกีที่ลงไปขึงแน่น ก่อนที่อิตาลีจะมารัวในครึ่งหลัง นาที 52 นิโคโล บาเรลลา จ่ายทะลุให้ โดเมนิโก เบราร์ดี หลุดไปในกรอบเขตโทษด้านขวา ก่อนจะเปิดยัดไปกลางประตู บอลพุ่งไปโดน เมริห์ เดมิรัล สกัดไม่ดีเข้าประตูตัวเองให้ อิตาลี ออกนำ 1-0 และนาทีถัดมา อิตาลี ฉีกหนีเป็น 2-0 จากจังหวะที่ เลโอนาร์โด สปินาซโซลา ได้โอกาสพักอกแล้วซัดด้วยขวาในกรอบเขตโทษ จังหวะแรกไปติดเซฟ ผู้รักษาประตูตุรกี ก่อนจะมาเข้าทาง ชิโร อิมโมบิเล ซ้ำ จ่อๆ เข้าไปตุงตาข่าย

นาที 79 อิตาลี ปิดเกมจากความผิดพลาดของผู้รักษาประตูตุรกี ที่เตะเปิดเกมพลาด นิโคโล บาเรลลา ผ่านต่อไปให้อิมโมบิเล และจังหวะสุดท้ายไปถึงอินซินเญ ที่ยืนโล่งๆ อยู่เสาสอง วิ่งมาปั่นโค้งให้อิตาลี ปิดกล่อง เอาชนะตุรกี 3-0 ประเดิม 3 แต้มแรกในยูโร 2020 อย่างสวยงาม

โรแบร์โต มันชินี กุนซือ “อัซซูรี่” อิตาลี เปิดเผยหลังเกมยูโร 2020 นัดเปิดสนาม กลุ่มเอ ที่ไล่ถล่ม “ไก่งวง” ตุรกี อย่างขาดลอย โดยยกเครดิตและมอบชัยชนะให้กองเชียร์ ในชาติ

“เราเล่นกันได้ดี การเล่นนัดเปิดสนามไม่ใช่เรื่องง่าย แถมเรายังต้องเจอกับทีมที่แข็งแกร่งด้วย กองเชียร์คอยหนุนหลังเรา และการเคลื่อนบอลเร็วเป็นสิ่งสำคัญกับเราด้วย มันเป็นความสุขใจต่อพวกเราในทีม และ ต่อชาวอิตาเลียนทุกคน”

ขณะที่ เซนอล กูเนส นายใหญ่ตุรกี กล่าวว่า “เดิมทีเราคาดหวังว่าจะมีเกมที่ดี เราต้องเล่นกับเจ้าภาพในแมตช์เปิดสนาม พวกเขาเป็นคู่ต่อสู้ที่เหนือกว่าเรา เราพยายามควบคุมเกมนี้ แต่ไม่สามารถรับมือกับการกดดันของพวกเขาได้”

ด้าน เลโอนาร์โด โบนุชชี กองหลังทีมชาติอิตาลี เปิดเผยว่านี่คือภาพของทัพอัซซูรีที่จินตนาการไว้ หลังออกสตาร์ตเยี่ยมศึกยูโร 2020 ด้วยการชนะตุรกี 3-0

ถล่มเติร์ก – ชิโร อิมโมบิเล ศูนย์หน้าทีม อัซซูรี่ บรรจงหวดบอลผ่านเข้าตุงตาข่ายทีมชาติตุรกี ทำให้อิตาลีคว้าชัย 3-0 ประเดิม 3 แต้มแรก ศึกฟุตบอลยูโร 2020 นัดเปิดสนาม ที่สตาดิโอ โอลิมปิโก กรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.

จากผลสกอร์ดังข่าวทำให้ตอนนี้อิตาลีชนะ 9 แมตช์ติดต่อกันรวมทุกรายการ โดยยิงไป 28 ประตู และเสียเพียงแค่ลูกเดียว ซึ่งกองหลังจอมแกร่งให้สัมภาษณ์ว่า “เมื่อคุณเริ่มต้นการผจญภัยครั้งนี้ คุณต้องการความตึงเครียดนิดหน่อย ความมุ่งมั่นที่จะออกไปอยู่ตรงนั้น ผมจินตนาการเอาไว้ว่ามันจะเป็นแบบนี้ เพราะเส้นทางที่พาเรามาอยู่ตรงนี้”

“นี่เป็นก้าวแรกของการเดินทางอันแสนไกล ดังนั้นเราต้องมีสมาธิในสนาม เพราะมันจะเป็นเกมที่สูสีมากๆ คู่แข่งจะเริ่มรู้จักเราดีขึ้น แต่เรารู้ดีว่าเรามีดีอย่างไร เราพูดกันต้องห้องแต่ตัวว่าเราต้องทำหัวให้โล่งและทำใจให้เร่าร้อน เราต้องทุ่มสุดตัวและทุ่มสุดความสามารถ”

ด้านนายอนุชา นาคาศัย รมต.สำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าหลังการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020 คู่แรกเมื่อคืนวันที่ 11 มิ.ย.สร้างความสุขให้คนไทยเป็นอย่างมาก ต่างขอบคุณรัฐบาลที่ดำเนินการจัดหาช่องทางให้สามารถรับชมการแข่งขันฟุตบอล ยูโร 2020 ทำให้รู้สึกผ่อนคลายความกังวลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 มากขึ้น

นายอนุชากล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ขอให้ประชาชนติดตามชมการถ่ายทอดสดฟุตบอล ยูโร 2020 อีก 50 แมตช์ จนถึงวันที่ 11 ก.ค. ทางช่อง NBT2 HD อย่างมีความสุขอยู่กับครอบครัว ขออย่านัดรวมตัวกันมาดูการถ่ายทอดสดฟุตบอล เพื่อความปลอดภัยป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขอให้ทุกคนรักษาสุขภาพให้แข็งแรง ยังคงปฏิบัติตามมาตรการควบคุมป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

ความเคลื่อนไหวศึกฟุตบอลยูโร 2020 แมตช์วันที่ 13 มิ.ย. คู่แรกเวลา 20.00 น. ของไทย เป็นเกมในกลุ่มดีระหว่าง “สิงโตคำราม” อังกฤษ ปะทะกับ “ตาหมากรุก” โครเอเชีย เตะกันที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ

สำหรับคู่นี้เจอกันมาทั้งหมด 10 ครั้ง เป็นอังกฤษ ทำได้ดีกว่าเล็กน้อยด้วยการชนะ 5 นัด โครเอเชีย ชนะ 3 นัด และเสมอกันไป 2 นัด หนล่าสุดพบกันในเกมยูฟ่า เนชันส์ ลีก เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 เป็นอังกฤษชนะ 2-1

เมื่อเช็กฟอร์มการเล่น 5 เกมหลังสุด อังกฤษชนะซานมาริโน 5-0 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก – เหย้า), ชนะแอลเบเนีย 2-0 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก – เยือน), ชนะโปแลนด์ 2-1 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก – เหย้า), ชนะออสเตรีย 1-0 (กระชับมิตร – เหย้า), ชนะโรมาเนีย (กระชับมิตร – เหย้า)

ด้านโครเอเชีย แพ้สโลวีเนีย 0-1 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก – เยือน), ชนะไซปรัส 1-0 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก – เหย้า), ชนะมอลตา 3-0 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก – เหย้า), เสมออาร์เมเนีย 1-1 (กระชับมิตร – เหย้า), แพ้เบลเยียม 0-1 (กระชับมิตร – เยือน)

ความพร้อมเกมนี้ อังกฤษต้องเช็กความฟิตของ แฮร์รี แม็กไกวร์ และบูกาโย ซากกา ส่วนโครเอเชียไม่มีปัญหาในการจัดตัวผู้เล่น

คาดว่าอังกฤษจะวางหมาก 4-2-3-1 จอร์แดน พิกฟอร์ด : ไคล์ วอล์กเกอร์, จอห์น สโตนส์, คอเนอร์ โคดี, ลุก ชอว์ : จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เดแคลน ไรซ์ : เจดอน ซานโช, เมสัน เมาต์, ราฮีม สเตอร์ลิง : แฮร์รี เคน

ส่วนโครเอเชียคงใช้แผน 4-3-3 โดมินิก ลิวาโควิช : ซิเม เวอร์ซัลจ์โก, โดมากอย วิดา, ดูเย ซาเลตา-ชาร์, บอร์นา บาริซช : มาร์เซโล โบรโซวิช, ลูกา โมดริช, มาเตโอ โควาชิช : อิวาน เปริซิช, อันเต เรบิช และ บรูโน เพ็ตโควิช

ต่อด้วยคู่ที่สองเวลา 23.00 น. ของไทย เป็นเกมในกลุ่มซีระหว่าง ออสเตรีย ปะทะกับ นอร์ทมาซิโดเนีย เตะกันที่สนามอารีนา นาซิโอนาลา กรุงบูคาเรสต์ ประเทศโรมาเนีย

สำหรับคู่นี้เคยเจอกันมาทั้งหมดเพียง 2 ครั้ง ออสเตรียชนะทั้ง 2 ครั้ง ส่วนหนล่าสุดที่พบกันในรอบแบ่งกลุ่มของฟุตบอลยูโร 2020 เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2019 ออสเตรียชนะ 2-1

เช็กฟอร์มการเล่น 5 เกมหลังสุด ออสเตรียเสมอสกอตแลนด์ 2-2 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก – เยือน), ชนะหมู่เกาะแฟโร 3-1 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก – เหย้า), แพ้เดนมาร์ก 0-4 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก-เหย้า), แพ้อังกฤษ 0-1 (กระชับมิตร – เยือน), เสมอสโลวะเกีย 0-0 (กระชับมิตร – เหย้า)

ด้านนอร์ทมาซิโดเนีย แพ้โรมาเนีย 2-3 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก-เยือน), ชนะลิกเตนสไตน์ 5-0 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก-เหย้า), ชนะเยอรมนี 2-1 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก – เยือน), เสมอสโลวีเนีย 1-1 (กระชับมิตร-เหย้า), ชนะคาซัคสถาน 4-0 (กระชับมิตร-เหย้า)

ความพร้อมเกมนี้ทั้งคู่ต่างไม่มีปัญหาเรื่องขาดนักเตะแต่อย่างใด

คาดว่าออสเตรียจะวางหมาก 4-4-1-1 ดาเนียล บักมันน์ : สเตฟาน ไลเนอร์, อเล็กซานดาร์ ดราโกวิช, มาร์ติน ฮินเตเรกเกอร์, มาร์โก ฟรีเดิล : คริสตอฟ เบาม์การ์ตเนอร์, คอนราด ไลเมอร์, ซาเวอร์ ชลาเกอร์, ดาบิด อลาบา : มาร์เซล ซาบิตเซอร์ : ซาซา คาไลชิช

ด้านนอร์ทมาซิโดเนีย คงใช้แผน 5-3-2 สโตเล ดิมิตริเยฟสกี : โบบัน นิโคลอฟ, สเตฟาน สปิรอฟสกี, ดาร์โก เวลคอฟสกี, วิซาร์ มุสลิอู, เอซก์ยาน อลิออสกี : เอนิส บาร์ดี, อาริยาน อาเดมี, เอลิฟ เอลมาส : อิวาน ตริชคอฟสกี, โกรัน ปานเดฟ

ปิดท้ายด้วยคู่ดึกเวลา 02.00 น. ของไทย เป็นเกมในกลุ่มซี ระหว่าง “กังหันสีส้ม” เนเธอร์แลนด์ พบกับ ยูเครน เตะกันที่สนาม โยฮัน ครัฟฟ์ อารีนา กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์

สำหรับคู่นี้เคยเจอกันมาทั้งหมดเพียง 2 ครั้ง และเป็นเนเธอร์แลนด์ชนะได้ 1 ครั้งและเสมอ 1 ครั้ง หนล่าสุดที่พบกันเป็นเกมกระชับมิตรเมื่อเดือนสิงหาคม 2010 เจ๊ากัน 1-1

เช็กฟอร์มการเล่น 5 เกมหลังสุด เนเธอร์แลนด์แพ้ตุรกี 2-4 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก-เยือน), ชนะลัตเวีย 2-0 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก-เหย้า), ชนะยิบ รอลตาร์ 7-0 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก-เยือน), เสมอสกอตแลนด์ 2-2 (กระชับมิตร- สนามกลาง), ชนะจอร์เจีย 3-0 (กระชับมิตร- เหย้า)

ด้านยูเครนเสมอฟินแลนด์ 1-1 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก – เหย้า), เสมอคาซัคสถาน 1-1 (ฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก – เหย้า), เสมอบาห์เรน 1-1 (กระชับมิตร – เหย้า), ชนะไอร์แลนด์เหนือ 1-0 (กระชับมิตร – เหย้า), ชนะไซปรัส 4-0 (กระชับมิตร – เหย้า)

ความพร้อมเกมนี้ทั้งทั้งคู่ต่างไม่มีปัญหาเรื่องขาดนักเตะแต่อย่างใด

คาดว่าเนเธอร์แลนด์จะวางหมาก 5-3-2 มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก : เดนเซิล ดุมฟรายส์, มัตไธส์ เดอ ลิกต์, สเตฟาน เดอ ฟราย, ดาลีย์ บลินด์, โอเวน ไวน์ดัล : เฟรนกี เดอ ยอง, มาร์เทน เดอ รูน, จอร์จินโย ไวนัลดุม : เมมฟิส เดอปาย, วูต เวกฮอร์สต์

ส่วนยูเครนคงใช้แผน 4-3-3 จอร์จี บุชชาน : โอเล็กซานเดอร์ คาราวาเยฟ, อิลยา ซาบาร์นี, ไมโกลา มัตเวียนโก, วิตาลี ไมโกเลนโก : โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก, เซอร์กี ซีดอร์ชุก, รุสลัน มาลินอฟสกี : อังเดร ยาร์โมเลนโก, โรมัน ยาเรมชุก, โอเล็กซานเดอร์ ซุบคอฟ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน