อีก3คู่วันนี้วิสกี้ซดเช็ก
กระทิงดุหักด่านสวีเดน
‘อีริกเซน’พ้นอันตราย
เบลเยียมเจ๋งต้อนหมี

‘อังกฤษ’ประเดิม นัดแรก ฟุตบอลยูโร 2020 ส่งทีมพลังหนุ่มสยบ ‘ตาหมากรุก’ โครเอเชีย เฉียดฉิว 1-0 ประตู จาก‘ราฮีม สเตอร์ลิง’ ในช่วงต้นครึ่งหลัง ส่วน คิวแข่งอีก 3 คู่วันนี้ ‘สกอตแลนด์-เช็ก’ ต่อด้วย‘โปแลนด์’ปะทะ ‘สโลวัก’ และ ‘กระทิงดุ-สเปน’ รอขวิด ‘ไวกิ้ง-สวีเดน’ ด้าน ‘คริสเตียน อีริกเซน’ จอมทัพโคนม-เดนมาร์ก ที่วูบคาสนามระหว่างแข่งกับฟินแลนด์ อาการปลอดภัยแล้วเพื่อนนักกีฬาและแฟนบอล ร่วมส่งกำลังใจ ส่วนผลการแข่งขันฟินแลนด์หักปากกาเซียนชนะฉิว 1-0 โดยมีโอกาสยิงเพียงครั้งเดียวตลอดเกม ‘เบลเยียม’ สมราคาทีมอันดับ 1 ของโลก สอนเชิง ‘หมีขาว’ รัสเซีย 3-0 ประตู ด้าน ‘บิ๊กตู่’ เข้มสั่งปราบพนันบอล และพนันออนไลน์

คู่แรกสกอตแลนด์-เช็ก

ศึกฟุตบอลยูโร 2020 วันที่ 14 มิ.ย. คู่แรก เวลา 20.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เป็นเกมในกลุ่มดี ‘วิสกี้’ สกอตแลนด์ พบกับ สาธาราณรัฐเช็ก แข่งขันกันที่สนาม แฮมเดน ปาร์ก เมืองกลาสโก ประเทศสกอตแลนด์ คู่นี้เคยเจอกันทั้งหมด 9 ครั้ง ผลัดกันชนะทีมละ 4 ครั้ง และเสมอกันอีก 1 ครั้ง

หนล่าสุดเจอกันในฟุตบอลยูฟ่า เนชันส์ ลีก เมื่อเดือน ต.ค. ปี 2020 โดยเป็นฝั่งสกอตแลนด์ ที่เฉือนชนะไปได้ 1-0 ด้านฟอร์มการเล่น 5 นัดหลังสุด สกอตแลนด์ เสมอ 3 นัด ชนะ 2 นัด ยังไม่แพ้ใคร ส่วนฝั่งเช็ก ผลงานค่อนข้างแกว่ง ชนะ 2 เสมอ 1 และแพ้ 2 ความพร้อมก่อนเกมนัดนี้ ทั้งสองทีมไม่มีปัญหาเรื่องขุมกำลัง

ขุมกำลังพร้อมทั้งสองทีม

เกมนี้สกอตแลนด์ของ สตีฟ คลาร์ก น่าจะยังใช้แผนประจำที่เน้นกองหลังตัวกลาง 3 คน ในระบบ 5-3-2 เคร็ก กอร์ดอน : แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, คีแรน เทียร์นีย์, แจ๊ก เฮนดรี, เลียม คูเปอร์, แกรนต์ แฮนลีย์, สตีเฟน โอดอนเนลล์ : สกอตต์ แม็กโทมิเนย์, จอห์น แม็กกินน์, คัลลัม แม็กเกรเกอร์ : ลินดอน ไดก์ส, เช อดัมส์

ด้านเช็ก ภายใต้การทำทีมของ ยาโรสลาฟ ซิลฮาวี จะใช้แผน 4-5-1 โตมัส วาชลิก : ยาน โบริล, โตมัส กาลาส, อองเดร เชลุสต์กา, วลาดิมีร์ ชูฟาล : โตมัส ซูเชก, อเล็กซ์ กราล, ลูกัส มาโซปุสต์, วลาดิมีร์ ดาริดา, ยาคุบ ยังก์โต : ปาตริก ชิก

โปแลนด์ปะทะสโลวัก

คู่ที่สองแข่งเวลา 23.00 น. เป็นเกมของกลุ่มอี ฟาดแข้งกันที่สนามเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก สเตเดียม เมืองเซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย โปแลนด์ ลงสนามพบกับ สโลวะเกีย สำหรับคู่นี้เคยดวลแข้งกันมาแล้วทั้งหมด 8 ครั้ง สถิติเป็นฝั่ง สโลวะเกีย ที่ดูดีกว่าเล็กน้อย ชนะ 4 ครั้ง โปแลนด์ ชนะ 3 ครั้ง และเสมอกัน 1 ครั้ง ครั้งล่าสุดที่เจอกัน ต้องย้อนไปที่เกม กระชับมิตร เมื่อปี 2013 ซึ่งฝั่ง สโลวะเกีย เอาชนะไปได้ 2-0

ผลงาน 5 นัดหลังสุด โปแลนด์ ค่อนข้างฝืด เก็บชัยชนะได้แค่แมตช์เดียว ที่เหลือเป็นการเสมอ 3 นัด และแพ้ 1 นัด ฝั่งสโลวะเกีย ผลงาน ไม่ค่อยดีเช่นกัน ชนะ 1 นัด และเสมอถึง 4 นัด

‘เลวานดอฟสกี’นำทัพ

ความพร้อมเกมนี้โปแลนด์น่าจะนำทัพมาโดยยอดดาวยิงอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี ที่กระหน่ำประตูให้สโมสรอย่างบาเยิร์น มิวนิก ในบุนเดสลีกา เยอรมนี ไปถึง 41 ประตู ในฤดูกาลนี้ ส่วนฝั่ง สโลวะเกีย จะมีจอมทัพอย่าง มาเร็ก ฮัมซิก ส่วนแนวรับมีปราการหลังดีกรีแชมป์ เซเรีย อา อิตาลี อย่าง มิลาน สคริเนียร์

เกมนี้โปแลนด์น่าจะวางหมาก 3-4-3 วอยเช็ก เชสนี : คามิล กลิก, มิคาล เฮลิก, คามิล เพียตคอฟสกี : พิโอเตอร์ ซีลินสกี, เกอร์เซกอร์ซ ครีโคเวียก, ยาคุบ โมเดอร์, เพอร์เซมีสลาฟ ฟรานคอฟสกี : แคชเพอร์ คอซลอฟสกี, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี, คาโรล สวิเดอร์สกี

ด้านสโลวะเกีย จะมาในรูปแบบ 4-5-1 มาร์ติน ดูบราฟกา : ปีเตอร์ เปคาริก, ลูโบมีร์ ซัตกา, มิลาน สคริเนียร์, ดาวิด ฮานช์โก : วลาดิมีร์ ไวส์, ยูไร คุชกา, มาเร็ก ฮัมซิก, โตมัส ซุสลอฟ, ลูคัส ฮาราสลิน : โรเบิร์ต โบเซนิก

‘กระทิง’รอขวิด‘ไวกิ้ง’

ปิดท้ายด้วยคู่ดึกเวลา 02.00 น. คู่บิ๊กแมตช์ของกลุ่ม อี “กระทิงดุ” สเปน ต้องมาดวลกับ “ไวกิ้ง” สวีเดน แข่งขันที่สนาม ลา คาร์ตูฆา สเตเดียม เมืองเซบียา ประเทศสเปน

สำหรับคู่นี้เจอกันมาแล้วถึง 15 ครั้ง เป็นฝั่ง สเปน เอาชนะไปได้ 7 ครั้ง เสมอกัน 5 ครั้ง และสวีเดนเป็นฝั่งชนะได้ 3 ครั้ง โดยครั้งสุดท้ายที่พบกันเป็นเกมรอบคัดเลือกเมื่อปี 2019 ซึ่งทั้งสองทีมเสมอกันไป 1-1

ผลงาน 5 นัดหลังสุด สเปน ยังไม่แพ้ใคร โดยแบ่งเป็นชนะ 3 นัด และเสมออีก 2 นัด ขณะที่ สวีเดน ผลงานสุดหรู 5 เกมหลังสุด ชนะรวด แถมเสียไปแค่ประตูเดียว

เปิดความพร้อม-ป่วนทั้งคู่

ความพร้อมของคู่นี้ ฝั่งสเปนของกุนซือ หลุยส์ เอ็นริเก ยังคงเจอปัญหาอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการตรวจพบนักเตะติดโควิด-19 เพียงไม่กี่วันของทัวร์นาเมนต์ ทำให้พวกเขาจะไม่สามารถใช้งาน เซร์คิโอ บุสเกสต์ กองกลาง ตัวเก๋าได้

ขณะที่สวีเดนชุดนี้ไม่มีกองหน้าตัวเก๋าอย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่หลุดโผไปเพราะอาการ บาดเจ็บ แต่ยังมีการผสมผสานของแข้งเก๋าและเหล่าดาวรุ่งหลายคนที่มองข้ามไม่ได้

คาดว่าเกมนัดนี้สเปนจะจัดแผนการเล่น มาในระบบ 4-3-3 ดาบิด เด เคอา: เซซาร์ อัซปิลิกูเอตา, เปา ตอร์เรส, อายเมอริก ลาปอร์กต์, จอร์ดี อัลบา : ฟาเบียน รุยซ์, ติอาโก อัลคันตารา, เฟร์รัน ตอร์เรส : เคราร์ด โมเรโน, อัลบาโร โมราตา, ปาโบล ซาราเบีย

สวีเดน จะเล่นในแผนถนัดอย่าง 4-4-2 โรบิน โอลเซน : ปิแอร์ เบงต์สสัน, วิกตอร์ ลินเดเลิฟ, มาร์คุส ดาเนียลสัน, มิคาเอล ลุสติก : เอมิล ฟอร์สเบิร์ก, เซบาสเตียน ลาร์สสัน, อัลบิน เอกดัล เดยัน, คูลูเซฟสกี : อเล็ก ซานเดอร์ อิซัก, มาร์คุส เบิร์ก

ฟินแลนด์เฉือนเดนมาร์ก

การแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. คู่ดึก กลุ่มบี เวลา 23.00 น. ที่สนามปาร์เกน สเตเดียม กรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก “โคนม” เดนมาร์ก อดีตแชมป์ยุโรปเมื่อปี 1992 ลงสนาม นัดแรก พบกับ “นกเค้าอินทรี” ฟินแลนด์ น้องใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเล่นรอบสุดท้ายครั้งแรก ผลการแข่งขันฟินแลนด์ได้โอกาสยิงเพียงครั้งเดียวในนาทีที่ 60 จากจังหวะโหม่งของโยเอล โปห์ยานปาโล เป็นประตูประวัติศาสตร์ประตูแรกของฟินแลนด์ ในการแข่งขันฟุตบอลยูโรด้วย ชนะไป 1-0

ส่วนผลอีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน เบลเยียมเอาชนะรัสเซีย 3-0 โดยเบลเยียมได้โรเมลู ลูกากู เบิ้ล 2 ประตู ในนาทีที่ 10 และนาทีที่ 88 และอีกประตูจากโธมาส์ มูนิเยร์ ในนาทีที่ 34

สรุปตารางคะแนนกลุ่มบี อันดับ 1 เบลเยียม มี 3 คะแนน อันดับ 2 ฟินแลนด์ มี 3 คะแนนเท่ากันแต่ประตูได้เสียเป็นรอง อันดับ 3 และอันดับ 4 เป็นเดนมาร์ก และรัสเซีย ยังไม่มีคะแนน

พ้นอันตราย – คริสเตียน อีริกเซน กองกลางทีมชาติเดนมาร์ก ถูกจนท.นำออกจากสนามส่งร.พ. หลังหมดสติระหว่างแข่งกับฟินแลนด์ ศึกฟุตบอลยูโร 2020 ที่สนามปาร์เกน สเตเดียม ประเทศเดนมาร์ก ล่าสุดอาการพ้นขีดอันตรายแล้ว (ภาพ-เอพี)

‘อีริกเซน’วูบคาสนาม

สำหรับคู่เดนมาร์ก-ฟินแลนด์ ระหว่างแข่งขันถึงนาทีที่ 42 เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อคริสเตียน อีริกเซน กองกลางเดนมาร์กจู่ๆ ก็หมดสติลงไปนอนกับพื้น ต้องระดมทีมแพทย์ สนามเข้าไปช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนถึงขั้น ปั๊มหัวใจ ผู้ตัดสินจึงสั่งยุติการแข่งขันชั่วคราวและนำตัวอีริกเซนส่งโรงพยาบาล ขณะที่ แฟนบอลในสนามของทั้งสองทีมพากันตะโกน ชื่อคริสเตียน อีริกเซน เพื่อให้กำลังใจ

สมาคมฟุตบอลเดนมาร์กประกาศยืนยันหลังอีริกเซนถึงโรงพยาบาลและพ้นขีดอันตราย แล้ว โดยบางรายงานข่าวยังระบุว่า อีริกเซนได้วิดีโอคอลกลับมาหาเพื่อนร่วมทีมเพื่อยืนยันว่าปลอดภัยแล้ว พร้อมกับขอร้องให้เพื่อนร่วมทีมกลับไปแข่งขันต่อ

‘อีริกเซน’คว้าดาวเด่น

หลังจบเกมสหพันธ์ฟุตบอลยุโรป (ยูฟ่า) เลือกให้คริสเตียน อีริกเซน กองกลางทีมชาติเดนมาร์กคว้ารางวัลดาวเด่นประจำประแมตช์ในเกมที่เดนมาร์กพ่ายฟินแลนด์ 0-1 ล่าสุดยืนยันแล้วว่าดาวเตะวัย 29 ปีได้สติและพ้นขีดอันตราย นอกจากนั้นยังมีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าตัวเป็นคนร้องขอให้เพื่อนร่วมทีม “โคนม” ลงแข่งขันกับฟินแลนด์ต่อให้จบเกม

หลังเกมยูฟ่าเลือกให้อีริกเซนคว้ารางวัลสตาร์ ออฟ เดอะ แมตช์ หรือดาวเด่นประจำแมตช์ในเกมนี้ไปครอง โดย อเล็กซานเดอร์ เซเฟริน ประธานยูฟ่ากล่าวถึงอีริกเซนว่า “ฟุตบอลเป็นเกมที่สวยงาม และคริสเตียน ก็เล่นได้อย่างสวยงาม”

‘โรนัลโด’ให้กำลังใจ

ฟาบริซิโอ โรมาโน นักข่าวชื่อดังชาวอิตาลี โพสต์ผ่านทวิตเตอร์ว่า จุยเซปเป มารอตตา ประธานสโมสรอินเตอร์ มิลาน ติดต่อกับทีมแพทย์ของเดนมาร์กแล้ว ตอนนี้อาการของ อีริกเซนมีทิศทางที่ดีขึ้นขณะที่มาร์ติน สกูตส์ เอเยนต์ส่วนตัวของอีริกเซนยืนยันว่าดาวเตะจากอินเตอร์ มิลาน พ้นขีดอันตรายแล้ว และสามารถสนทนาตอบโต้กับทีมแพทย์ได้

ด้านคริสเตียโน โรนัลโด โพสต์ให้กำลังใจ เพื่อนร่วมอาชีพพร้อมโพสต์ภาพที่เจ้าตัว ดวลแข้งกับอีริกเซนผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจว่าพวกเราขอเป็นกำลังใจและสวดภาวนาให้กับคริสเตียน อีริกเซน และครอบครัวของเขา โลกของฟุตบอลขอยืนอยู่ข้างเขาและหวังว่าจะได้รับข่าวดี ผมกำลังเฝ้ารอที่จะได้เห็นคุณกลับมาในสนามอีกในเร็วๆ คริส เข้มแข็งไว้

รัวยิง – โรเมลู ลูกากู กองหน้าทีมชาติเบลเยียม ในจังหวะยิงประตูรัสเซีย ศึกฟุตบอลยูโร 2020 กลุ่มบี นัดแรก ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก สเตเดียม ประเทศรัสเซีย จบเกมเบลเยียมเล่นสมราคาเต็งแชมป์ ชนะขาดลอย 3-0 (ภาพ-รอยเตอร์)

‘ลูกากู’ดีใจจนร่ำไห้

โรเมลู ลูกากู กองหน้าทีมชาติเบลเยียม วิ่งไปที่หน้ากล้องถ่ายทอดสด ก่อนตะโกนว่า “คริส, คริส ผมรักคุณ” เพื่อส่งกำลังใจให้กับเพื่อนร่วมทีมอินเตอร์ มิลาน ให้หายกลับเป็นปกติโดยไว หลังยิงประตูออกนำให้ทีมระหว่าง เกมเบลเยียม พบ รัสเซีย

หลังการแข่งขัน ลูกากูให้สัมภาษณ์ว่าร่ำไห้ หนักหลังทราบข่าวของอีริกเซน เนื่องจากเป็นห่วงเพื่อนรักรายนี้ “ผมร้องไห้หนักมากเพราะว่าผมกลัว คุณใช้ชีวิตในช่วงเวลาที่แข็งแกร่งร่วมกัน และผมใช้เวลากับเขามากกว่าอยู่กับครอบครัวเสียอีก ผมหวังว่าเขาจะกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง และผมขออุทิศผลงานในเกมนี้ทั้งหมดของผมให้เขา และผมขอส่งกำลังใจไปกับคริสเตียน, แฟนสาว, ลูกๆ ทั้ง 2 คน และครอบครัวของเขา”

อีริกเซนส่อยุติอาชีพ

นายแพทย์สกอตต์ เมอร์เรย์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านโรคหัวใจขององค์กรสาธารณสุขแห่งชาติ (เอ็นเอชเอส) ระบุว่ามีสิทธิ์สูงที่อีริกเซนจะไม่สามารถกลับมาค้าแข้งในระดับสโมสรได้แล้ว หากพบว่าสาเหตุที่หมดสติเกิดจากการที่หัวใจของเขาหยุดเต้นกะทันหัน เนื่องจากอิตาลี มีกฎหมายห้ามนักเตะที่มีปัญหาด้านหัวใจ ลงสนาม

“มันอาจจะเป็นจุดสิ้นสุดในอาชีพค้าแข้งสำหรับเขา อิตาลีจะสั่งห้ามที่พบว่ามีความผิดปกติเกี่ยวกับหัวใจ พวกเขาทำอย่างนั้นมาเป็นเวลานานเกิน 20 ปีแล้ว และพวกเขาลดอัตราการเสียชีวิตจากภาวะหัวใจหยุดเต้นในกีฬาจากเกิน 3% ลงเหลือต่ำกว่า 1% อีริกเซน มาจากสโมสรในอิตาลี ดังนั้น เขาต้องผ่านการทดสอบอาการทั้งหมดอย่างละเอียด ก่อนเริ่มกลับมาลงสนามอีกครั้ง”

แนะวิธีปฐมพยาบาล

นพ.อี๊ด ลอประยูร ที่ปรึกษาคลินิกเวชศาสตร์ ทางการกีฬา การกีฬาแห่งประเทศไทย โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ของอีริกเซน แนะนำการปฐมพยาบาลในสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยสังเขปว่า นักกีฬาไม่มีการปะทะอย่างรุนแรง กับใคร ขณะกำลังวิ่งอยู่แล้วล้มหน้าคว่ำ ลงทันที ลักษณะแบบนี้ให้นึกถึงหัวใจหยุดเต้น แบบเฉียบพลันไว้ก่อนได้เลย หรืออาจเป็น Heat Stroke, โรคชัก, โซเดียมในเลือดต่ำ, กลูโคสในเลือดต่ำ ฯลฯ แต่โรคพวกนี้ไม่สำคัญ รีบด่วนเท่าการที่หัวใจหยุดเต้นซึ่งจะเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว

กรรมการผู้ตัดสินในสนามท่านนี้มีความรู้ความสามารถเป็นอย่างดี กวักมือเรียก ทีมแพทย์ทันทีแม้จะยังเข้าไม่ถึงตัวนักกีฬา แสดงว่าต้องทราบลักษณะแบบนี้ว่าอันตรายเพียงใด แต่ถึงแม้กรรมการไม่เรียกถ้าทีมแพทย์ เห็นสามารถวิ่งเข้าไปได้เลยไม่ต้องรอ

เพื่อนนักกีฬาเข้าถึงตัวนักกีฬาและเข้าไปพยายามช่วยเหลือ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง (ยกเว้นจะเคยได้รับการอบรมหรือมีความเชี่ยวชาญจริง) เพราะการไปขยับเขยื้อน เช่น อ้าปากพลิกตัวแบบผิดๆ อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้บาดเจ็บเพิ่มเติมจนถึงเป็นอัมพาตหรือเสียชีวิต สิ่งแรกที่ไปถึงควรทำคือการทำให้ศีรษะไม่ขยับโดยการใช้มือสองข้างจับที่ด้านข้างศีรษะนักกีฬาไว้ให้อยู่นิ่งๆ สิ่งที่ต้องทำก่อนการปั๊มคือการเรียกหาคนมาช่วยเพิ่มเติมหรือให้คนตามรถพยาบาลฉุกเฉิน ฯลฯ

‘บิ๊กตู่’จี้ปราบพนันบอล

น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจํา สํานักนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นห่วงสถานการณ์การเล่นการพนันในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร 2020 รอบสุดท้าย จึงกำชับสำนักงานตำรวจ แห่งชาติ (สตช.) ฝ่ายปกครอง กระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องเข้มงวดในการตรวจสอบ ป้องกันการพนันฟุตบอล ทั้งการลักลอบเปิดโต๊ะพนันในพื้นที่ต่างๆ และการพนันออนไลน์ ซึ่งมีอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน โดยขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ หากพบการ กระทำความผิดให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ไม่มีละเว้น

“นายกรัฐมนตรีส่งความสุขให้ประชาชนได้รับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลยูโร 2020 รอบสุดท้าย ผ่านช่อง NBT 2 HD โดยเห็นว่า จะช่วยลดความเครียดจากสถานการณ์การแพร่ ระบาดของโรคโควิด-19 จึงขอให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเล่นการพนัน ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย ที่สำคัญยังเสี่ยงต่อการสูญเสียทรัพย์สินจากการ เล่นการพนันด้วย นอกจากนี้ ยังขอให้ประชาชน ช่วยกันเป็นหูเป็นตา พบการลักลอบเปิดโต๊ะพนัน รวมถึงแหล่งพนันออนไลน์ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินคดี” น.ส.ไตรศุลีกล่าว

อังกฤษเปิดศึกหมากรุก

การแข่งขันฟุตบอล ยูโร 2020 วันที่ 13 มิ.ย. กลุ่มดี คู่แรกเวลา 20.00 น. ที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ‘สิงโตคำราม’ อังกฤษ พบกับ ‘ตาหมากรุก’ โครเอเชีย คู่นี้เจอกันมาทั้งหมด 10 ครั้ง เป็นอังกฤษ ทำได้ดีกว่าเล็กน้อยด้วยการชนะ 5 นัด โครเอเชีย ชนะ 3 นัด และเสมอกันไป 2 นัด หนล่าสุดพบกันในเกมยูฟ่า เนชันส์ ลีก เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2018 เป็นอังกฤษชนะ 2-1

สิงโตหนุ่มลงเต็มทีม

ทีมชาติอังกฤษลงผู้เล่น 11 ตัวจริง ประกอบ ด้วย จอร์แดน พิกฟอร์ด : ไคล์ วอล์กเกอร์, จอห์น สโตนส์, ไทโรน มิงส์, คีแรน ทริปเปียร์-ดีแคลน ไรซ์, คัลวิน ฟิลลิปส์- ราฮีม สเตอร์ลิง, เมสัน เมาต์, ฟิล โฟเดน-แฮร์รี เคน โดยผู้เล่นส่วนใหญ่เป็นดาวรุ่งที่โชว์ฟอร์มได้ดีในฟุตบอลลีก

ขณะที่ โครเอเชีย ลงผู้เล่น 11 คนแรก ประกอบด้วย : โดมินิก ลิวาโควิช-ซิเม เวอร์ซัลจ์โก, โดมากอย วิดา, ดูเย ชาเลตา-ชาร์, ยอสโก กวาร์ดิโอล-มาร์เซโล โบรโซวิช-อันเดร ครามาริช, มาเตโอ โควาซิช, ลูกา โมดริช, อิวาน เปริซิช-อันเต้ เรบิช

ครึ่งแรกทำอะไรกันไม่ได้

เปิดฉากเริ่มเกมเพียง นาทีที่ 5 อังกฤษ เกือบได้ประตูออกนำจากจังหวะ ราฮีม สเตอร์ลิง จ่ายเข้ากลางบอลไปถึง ฟิล โฟเดน ได้โอกาสยิง บอลพุ่งไปชนเสาไกลกระดอนออกมาอย่างน่าเสียดาย ถัดมา 4 นาที คัลวิน ฟิลลิปส์ ได้ส่องแถวสอง บอลพุ่งตรงกรอบ แต่ยังไม่ผ่านมือนายด่านโครเอเชีย

30 นาทีผ่าน อังกฤษ ยังคงโหมบุก ขณะที่ โครเอเชีย รอโอกาสสวนกลับอย่างใจเย็น เกมดำเนินต่อไป จนช่วงท้ายครึ่งแรก ก่อนหมด เวลา 4 นาที อังกฤษมาได้ฟรีคิกหน้าเขตโทษ ระยะได้ลุ้น ทว่า คีแรน ทริปเปียร์ ยิงไปติดกำแพงแบบไม่ได้ลุ้น ก่อนจะจบครึ่งแรกไปด้วย ผลเสมอ 0-0

‘สเตอร์ลิง’ซัดขึ้นนำ

ครึ่งหลังเกมเป็นไปอย่างสูสี นาทีที่ 54 ลูกา โมดริช ได้ลองส่องไกล นอกกรอบเขตโทษ บอลพุ่งตรงกรอบ แต่ยังไม่ผ่านมือ โดมินิก ลิวาโควิช นายด่านโครเอเชีย

นาทีที่ 57 อังกฤษ ได้บุกขึ้นมาตรงกลาง คัลวิน ฟิลลิปส์ แทงบอลทะลุช่องให้ ราฮีม สเตอร์ลิง หลุดเข้าเขตโทษ ก่อนยิงเน้นๆ บอลแฉลบแนวรับโครเอเชีย เปลี่ยนทางเข้าประตู ให้ สิงโตคำราม ออกนำ 1-0 ถัดมา 4 นาที อังกฤษ เกือบได้ประตูหนีห่างในจังหวะ เมสัน เมาต์ พาบอลไปสุดเส้นหลัง ก่อนจ่ายตัดเข้ากลาง แฮร์รี เคน ได้ยิง แต่โดนไม่เต็ม บอลออกหลังไปแบบน่าเสียดาย

ประตูชัย – ราฮีม สเตอร์ลิง (ชุดขาว) แนวรุกทีมชาติอังกฤษ ยิงประตูชัยให้ทัพสิงโตคำรามเฉือนชนะโครเอเชีย 1-0 ศึกฟุตบอลยูโร 2020 กลุ่มดี นัดแรก ที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อ 13 มิ.ย. (ภาพ-รอยเตอร์)

‘สิงโต’จบเกมชนะ 1-0

จากนั้นนาทีที่ 65 โครเอเชีย ได้ลุ้นบ้าง ในจังหวะ มาเตโอ โควาซิช ได้ซ้ำดาบสองในเขตโทษ แต่ยังไม่เป็นประตู ถัดมานาทีเดียว อังกฤษได้ลุ้นอีกครั้งจากฟรีคิกกลางประตู เมสัน เมาต์ ปั่นบอลโค้งข้ามคานออกหลังไปแบบได้ลุ้น

นาทีที่ 70 ทั้งสองทีมเริ่มขยับเปลี่ยนตัว ผู้เล่น อังกฤษ ส่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงสนามมาแทน ฟิล โฟเดน ขณะที่ โครเอเชีย เปลี่ยน 2 คน ส่ง นิโคลา วลาซิช ลงมาแทน มาร์เซโล โบรโซวิช และ โยชซิป ยูราโนวิช แทน อันเดร ครามาริช จากนั้นนาทีที่ 78 โครเอเชีย เสริมหน้า ด้วยการส่ง บรูโน เพตโควิช ลงมาแทน อันเต้ เรบิช

เข้าสู่ 10 นาทีสุดท้าย อังกฤษ ถอดแฮร์รี เคน ส่ง จูด เบลลิงแฮม ดาวรุ่ง 17 ปีลงสนามมาแทน และเริ่มลงไปตั้งรับ ขณะที่ โครเอเชีย ที่ต้องการประตูพยายามเปิดเกมบุกหวังทวงประตูคืน แต่ไม่เป็นผล จบเกม อังกฤษ เอาชนะ โครเอเชีย 1-0 เก็บ 3 คะแนนสำคัญ

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน