โชว์ยิงไกลกว่าครึ่งสนาม
คืนนี้บิ๊กแมตช์ไก่-อินทรี
‘โด้-โปรตุเกส’บู๊ฮังการี
กังหันหรู-เฉือนยูเครน
ออสเตรียชนะน้องใหม่

‘เช็ก’ประเดิมนัดแรกเยี่ยม ชนะ ‘สกอตแลนด์’ 2-0 ‘ปาตริก ชิก’ ฟอร์มแจ่มเหมาคนเดียว โชว์ยิงไกลกว่า 50 หลา ข้ามหัวนายทวารวิสกี้ที่ดันเกมขึ้นสูง ขณะที่ผลคู่ดึก 13 มิ.ย. ‘ออสเตรีย’ ชนะ 3-1 รับน้องใหม่ ‘นอร์ทมาซิโดเนีย’ ส่วน ‘ฮอลแลนด์-กังหันส้ม’ ฟอร์มหรูเฉือน ‘ยูเครน’ 3-2 คืนนี้พลาดไม่ได้บิ๊กแมตช์สะท้านยูโร ‘ตราไก่-ฝรั่งเศส’ เจอศึกหนัก ‘อินทรีเหล็ก-เยอรมัน’ อีกคู่ ‘โรนัลโด’ นำทัพโปรตุเกสบู๊ฮังการี

‘สกอตแลนด์’เปิดบ้านบู๊‘เช็ก’

การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือยูโร 2020 เมื่อ 14 มิ.ย. เวลา 20.00 น. ที่สนามแฮมป์เดน ปาร์ก ประเทศสกอตแลนด์ เป็นการเตะในกลุ่มดี นัดแรก ทีมชาติสกอตแลนด์ ดินแดนวิสกี้ พบกับ สาธารณรัฐเช็ก โดย 11 ตัวจริงสกอตแลนด์ประกอบด้วย เดวิด มาร์แชลล์, แกรนต์ แฮนลีย์, เลียม คูเปอร์, แจ๊ก เฮนดรี, สตีเฟน โอดอนเนลล์, สจวร์ต อาร์มสตรอง, จอห์น แม็กกินน์, สกอตต์ แม็กโทมิเนย์, แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน, ลินดอน ไดก์ส และ ไรอัน คริสตี เป็น 11 คนแรก

สำหรับผู้เล่น 11 ตัวจริงของเช็ก ประกอบด้วย โตมัส วาชลิก, ยาน โบริล, โตมัส กาลาส, อองเดร เชลุสต์กา, วลาดิมีร์ ชูฟาล, อเล็กซ์ กราล, โตมัส ซูเชก, ยาคุบ ยังก์โต, วลาดิมีร์ ดาริดา, ลูกัส มาโซปุสต์ และ ปาตริก ชิก

ผลัดกันรุกรับ-เช็กออกนำ 1-0

เริ่มเกมทั้งสองทีมพยายามเล่นเกมรัดกุมไม่ผลีผลามเปิดหน้าบุกเข้าใส่กันมากนัก กระทั่งนาที 16 เช็กมีโอกาสลุ้นก่อนจาก ปาตริก ชิก ยิงบนเส้นเขตโทษบอลพุ่งเข้ากรอบ แต่เดวิด มาร์แชลล์ ผู้รักษาประตูสกอตแลนด์ทิ้งตัวปัดออกหลังได้ทัน นาที 18 สกอตแลนด์ตอบโต้บ้าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เปิดให้ลินดอน ไดก์ส โฉบเข้ายิงบอลหลุดเสาแรกออกหลัง

นาที 32 สกอตแลนด์ได้จังหวะลุ้นประตูอย่างจะแจ้งจากแอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน เติมขึ้นมายิงเต็มข้อจากจากนอกกรอบเขตโทษ บอลจะเสียบใต้คานอยู่แล้ว แต่โตมัส วาชลิก ผู้รักษาประตูเช็กปัดทิ้งได้หวุดหวิด

ท้ายครึ่งแรกนาที 42 เช็กได้ลูกเตะมุม กองหลังสกอตแลนด์โหม่งสกัดไม่ดี บอลเข้าทางวลาดิมีร์ ชูฟาล เปิดจากกราบด้านขวาเข้ากลางให้ปาตริก ชิก ขึ้นโหม่งเช็ดเปลี่ยนทางเสียบเสาสอง เช็กขึ้นนำก่อน 1-0 ในครึ่ง เวลาแรก

กลับมาไม่ทัน – เดวิด มาร์แชลล์ ประตูทีมสกอตแลนด์วิ่งตามคว้าลูกบอลที่ลอยสู่ก้นตาข่าย หลังออกไปไกลหน้าเขตโทษแล้ววิ่งกลับมาไม่ทันโดน ปาตริก ชิก ศูนย์หน้าทีมเช็กยิงไกลระยะ 54 หลา โดยเหมาคนเดียว 2 ประตู ศึกฟุตบอลยูโร 2020 นัดแรก กลุ่มดี ที่เมืองกลาสโกว์ เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.

ยิงไกลครึ่งสนาม-เช็กชนะ 2 ตุง

ครึ่งหลังเช็กได้โอกาสยิงเน้นๆ ถึง 2 ครั้งติดต่อกันแต่ไม่ผ่านมือผู้รักษาประตู ขณะที่สกอตแลนด์ตอบโต้จากการยิงนอกกรอบเขตโทษของลินดอน ไดก์ส บอลหล่นโดนคานออกหลัง

นาที 52 เช็กฉวยโอกาสโต้กลับเร็วจาก ปาตริก ชิก เหลือบเห็นเดวิด มาร์แชลล์ ผู้รักษาประตูสกอตแลนด์ออกมานอกกรอบเขตโทษไกล จึงตัดสินใจยิงตั้งแต่ครึ่งสนามระยะร่วม 54 หลา ส่งบอลพุ่งเสียบใต้ตาข่ายอย่างสวยงาม เช็กหนีห่างเป็น 2-0

เกมดำเนินมาถึงนาที 61 สกอตแลนด์ได้ตอบโต้บ้าง สจวร์ต อาร์มสตรอง กระชากบอลเข้าหากรอบเขตโทษตัดสินใจยิงไกลจากนอกกรอบ บอลแฉลบกองหลังเช็กเปลี่ยนทางแต่บอลตกหลังประตูพลาดตีเสมอ ถัดมานาที 66 ลินดอน ไดก์สได้ยิงโล่งๆ ในกรอบเขตโทษยังติดเซฟผู้รักษาประตูเช็ก หมดเวลาเช็กประเดิมสวยชนะ 2-0 คว้า 3 คะแนน

‘ออสเตรีย’อัดน้องใหม่ 3-1

สำหรับผลการแข่งขันของคู่ดึกเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่สนามอารีนา เนชั่นแนล กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี เป็นการแข่งขันในกลุ่มซี นัดแรก ทีมชาติออสเตรียพบกับนอร์ทมาซิโดเนีย เริ่มเกมออสเตรียชื่อชั้นดีกว่าเป็นฝ่ายเปิดหน้าบุกเข้าใส่ทันที ขณะที่นอร์ทมาซิโดเนียเน้นเกมรับลึกรอโอกาสโต้กลับเร็ว เข้าสู่นาที 18 ออสเตรียได้โอกาสบุก มาร์เซล ซาบิตเซอร์ วางบอลจากแดนกลางไปหน้าประตูให้สเตฟาน ไลเนอร์ โฉบเข้าไปแปบอลในกรอบเขตโทษตุงตาข่าย ออสเตรียขึ้นนำก่อน 1-0

ต่อมานาที 28 กองหลังออสเตรียสกัดบอลไม่ดีเข้าทางโกรัน ปานเดฟ กองกลางจอมเก๋ายิงให้นอร์ทมาซิโดเนีย ไล่ตีเสมอ 1-1 พร้อมกับทำสถิติเป็นนักเตะอายุมากสุดอันดับสองที่ยิงได้ในยูโรรอบสุดท้าย

ครึ่งหลังนาที 78 ออสเตรียได้โอกาสลุ้นจากการเปิดจากด้านข้างของดาวิด อลาบา เข้ากลางประตูให้มิชาเอล เกรกอริตช์ โฉบเข้าไปแปบอลตุงตาข่ายให้ออสเตรียนำอีกครั้ง 2-1 และเข้าสู่นาที 87 ออสเตรียได้ลุ้นอีกครั้ง คอนราด ไลเมอร์ตอกส้นให้มาร์โค อาร์เนาโตวิช หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงให้ออสเตรียชนะนอร์ท มาซิโดเนีย 3-1 เก็บ 3 คะแนนแรกได้สำเร็จ

‘ฮอลแลนด์’รับศึก‘ยูเครน’

คู่ต่อมาที่สนามโยฮัน ครัฟฟ์ อารีนา กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นการแข่งขันในกลุ่มซีเช่นกัน “อัศวินสีส้ม” ทีมชาติเนเธอร์แลนด์ พบกับยูเครน เปิดเกมเนเธอร์แลนด์เจ้าถิ่นบุกอย่างต่อเนื่อง และมีโอกาสยิงหลายครั้งแต่ยังไม่ผ่านแนวรับของยูเครน จบครึ่งแรกยังเสมอกัน 0-0

ครึ่งหลังเนเธอร์แลนด์ยังครองบอลได้มากกว่าแต่ยังหาจังหวะจบสกอร์ได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก กระทั่งนาที 52 เดนเซิล ดุมฟรายส์ เปิดจากริมเส้นด้านขวา ผู้รักษาประตูยูเครนล้มตัวปัดบอลไม่ดีเข้าทางจอร์จินโย ไวนัลดุม ตามซ้ำส่งบอลตุงตาข่ายให้ทัพกังหันสีส้ม ขึ้นนำ 1-0

เฉือนยูเครน – จอร์จินโย ไวนัลดุม กัปตันทีมชาติเนเธอร์ แลนด์ สับไกเต็มแรง ส่งบอลเข้าตุงตาข่ายนำร่อง และพาทีมเฉือนชนะยูเครน 3-2 ศึกฟุตบอลยูโร 2020 รอบแรก ที่โยฮัน ครัฟฟ์ อารีนา เมื่อคืนวันที่ 13 มิ.ย.

แลกกันมันส์-กังหันเฉือน 3-2

เกมเข้าสู่นาที 59 เดนเซิล ดุมฟรายส์ ตะลุยเข้ากรอบเขตโทษ กองหลังยูเครนสกัดไม่ดีบอลเข้าทางวูต เวกฮอร์สต์ ยิงเน้นๆ บอลเข้าประตู เนเธอร์แลนด์ทิ้งห่าง 2-0 แต่แล้วนาที 75 ยูเครนได้โอกาสลุ้นบ้าง อังเดร ยาร์โมเลนโก รับบอลจากเพื่อนก่อนปั่นด้วยซ้าย บอลพุ่งโค้งเสียบสามเหลี่ยมให้ยูเครนไล่มาเป็น 1-2

นาที 79 ยูเครนได้ลูกฟรีคิกจากนอกกรอบเขตโทษ รุสลัน มาลินอฟสกีเปิดเข้ากลางประตูให้โรมัน ยาเรมชุก โฉบโหม่งเปลี่ยนทางเข้าเสาสอง ยูเครนตามตีเสมอ 2-2

หลังจากเสียประตูเนเธอร์แลนด์ตั้งเกมบุกอีกครั้ง นาที 85 นาธาน อาเก ตัวสำรองเปิดจากด้านซ้ายไปหน้าประตูให้เดนเซิล ดุมฟรายส์ โฉบเข้าโหม่งเสียบโคนเสา พาพลพรรคกังหันสีส้มนำอีกครั้ง 3-2 ก่อนเฉือนชนะไปด้วยสกอร์นี้ คว้า 3 คะแนนแบบหวุดหวิด

‘ไวนัลดุม’โล่ง-ชนะยูเครน

หลังจบเกม จอร์จินโย ไวนัลดุม มิดฟิลด์กัปตันทีมเนเธอร์แลนด์ที่ยิงประตูแรกของเกมกล่าวว่า “โล่งใจ โดยรวมแล้วพวกเราเล่นได้ดี แต่ปล่อยโอกาสให้พวกเขา 2 ครั้งในช่วงเวลา 10 นาที กลายเป็น 2 ประตู เราจำเป็นต้องเรียนรู้ว่าต้องปิดเกมให้ได้ดีกว่านี้ เราปล่อยให้พวกเขากลับมาสู่เกม นั่นคือสิ่งที่เราต้องไปปรับปรุงกันต่อ”

ด้านอังเดร เชฟเชนโก กุนซือยูเครน กล่าวว่า “เป็นเกมที่น่าสนใจและรวดเร็วมาก ทั้งสองทีมต่างมีโอกาสเยอะทั้งคู่ ขอบคุณลูกทีมที่แสดงให้เห็น โดยเฉพาะการโดนนำไปก่อน 0-2 ทั้งที่อาจจะแพ้เกมนี้ไปตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว เราเจอพลังในการเปลี่ยนและเล่น เกมรุก เราปรับรูปแบบและทำให้สมดุลขึ้น นักเตะทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมแล้ว”

กุนซืออังกฤษมั่นใจเข้ารอบ

ส่วนคู่ก่อนหน้านี้เป็นการเตะในกลุ่มดี ที่สนามเวมบลีย์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ “สิงโตคำราม” อังกฤษ เฉือนชนะ “ตาหมากรุก” โครเอเชีย 1-0 โดยอังกฤษได้ประตูโทนจากราฮีม สเตอร์ลิง เก็บ 3 คะแนนแรกศึกยูโร

หลังจบเกม แกเร็ธ เซาธ์เกต ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษกล่าวว่า “พอใจกับฟอร์มการเล่นสุดๆ แน่นอนว่านี่เป็นชัยชนะสำคัญ การคว้าชัยชนะในแมตช์แรกช่วยคลายความตึง เครียดได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเข้ารอบแล้ว เพิ่งเป็นเป้าหมายแรกของเรา ฟอร์มการเล่นของเราดีมาก มีโอกาสที่ดี นักเตะเล่นร่วมกันได้เร็ว เล่นกับบอลได้ดี ทำให้โครเอเชียมีโอกาสที่ชัดเจนแค่ไม่กี่ครั้งตลอดทั้งเกม เรามีก้าวแรกที่ดีในวันนี้และเป็นก้าวสำคัญที่จะผ่านเข้ารอบต่อไป”

ด้าน ซลัตโก ดาลิช กุนซือทีมชาติโครเอเชียกล่าวว่า “เราทำเกมรุกได้ไม่ดีนัก แต่เราเล่นกับทีมอย่างอังกฤษซึ่งเป็นทีมที่ดี เราอยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาเกือบทั้งเกม นี่คือสิ่งที่กระตุ้นสำหรับตน และเราจะทำให้ดีกว่านี้ในเกมต่อไป”

‘โด้’นำทัพโปรตุเกสบู๊ฮังการี

สำหรับโปรแกรมการแข่งขันประจำวันที่ 15 มิ.ย. มีเตะ 2 ตู่ โดยคู่แรกเวลา 23.00 น. ตามเวลาประเทศไทย เป็นการเตะในกลุ่มเอฟ “แม็กยาร์” ฮังการี ปะทะแชมป์เก่า “ฝอยทอง” โปรตุเกส ที่สนามปุสกัส อารีนา กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี คู่นี้เคยเจอกันมาทั้งหมด 13 ครั้ง โปรตุเกสเหนือกว่า ไม่เคยแพ้เลย ชนะ 9 ครั้ง เสมอกัน 4 ครั้ง

โดยคาดว่าฮังการีจะใช้ระบบการเล่น 3-5-2 ปีเตอร์ กูลาชี ผู้รักษาประตู, อัตติลา ฟิโอลา, วิลลี ออร์บาน, อัตติลา ซาไล, แกร์โก ลอฟเรนชิช, ลาสโล ไคลน์ไฮส์แลร์, อดัม นากี, อันดราส ชาแฟร์, ฟิลิป โฮเลนแดร์, โรลันด์ ซัลไล และ อดัม ซาไล

ส่วนโปรตุเกสใช้ระบบการเล่น 4-3-3 รุย ปาตริซิโอ ผู้รักษาประตู, เนลสัน เซเมโด, เปเป, รูเบน ดิอาส, ราฟาเอล เกร์เรยโร, บรูโน แฟร์นานเดส, ดานิโล เปเรยรา, วิลเลียม คาร์วัลโญ, แบร์นาร์โด ซิลวา, คริสเตียโน โรนัลโด และ ดิโอโก โชตา

บิ๊กแมตช์‘ฝรั่งเศส-เยอรมนี’

อีกคู่แข่งขันเวลา 02.00 น. กลุ่มเอฟ เช่นกัน บิ๊กแมตช์ “ตราไก่” ฝรั่งเศส แชมป์โลก ดวลแข้งกับ “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี ที่สนามอารีนา มิวนิก เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี โดยคู่นี้เคยเจอกันมาทั้งหมด 31 ครั้ง ฝรั่งเศสชนะ 14 ครั้ง เสมอกัน 7 ครั้ง เยอรมนีชนะ 10 ครั้ง

สำหรับความพร้อมเกมนี้ ฝรั่งเศสต้อง เช็กความฟิตคาริม เบนเซมา และอองตวน กรีซมันน์ สองกองหน้าตัวเก่ง ส่วนเยอรมนีไม่มีโยนาส ฮอฟมันน์ ที่บาดเจ็บ และต้องลุ้นความฟิตเลออน โกเรตซ์กา โดยคาดว่าฝรั่งเศสจะใช้ระบบการเล่น 4-3-1-2 อูโก โยริส ผู้รักษาประตู, แบงฌาแมง ปาวาร์, ราฟาเอล วาราน, เปรสเนล คิมเปมเบ, ลูกัส แอร์กน็องเดซ, ปอล ป๊อกบา, เอ็นโกโล ก็องเต, อาดริยอง ราบิโอต์, อองตวน กรีซมันน์, คาริม เบนเซมา และ คีลิยาน เอ็มบัปเป

ส่วนเยอรมนีคาดใช้ระบบ 3-4-3 มานูเอล นอยเออร์ ผู้รักษาประตู, มัตธิอัส กินเทอร์, มัตส์ ฮุมเมิลส์, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, โยซัว คิมมิช, อิลคาย กุนโดกัน, โทนี โครส, โรบิน โกเซนส์, ไค ฮาเวิร์ตซ์, โธมัส มุลเลอร์ และแซร์ช กนาบรี

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน