ปชป.บู๊พปชร.-ไล่ตรีนุช
พท.บี้ถอนงบเรือดำน้ำ

สภาผวา จ่องดประชุม 1 สัปดาห์ หลังส.ส.ณัฐชาติดเชื้อป่วยโควิด ‘ชวน’ ถกวิป3 ฝ่ายวันนี้ ส.ส.ก้าวไกลกลุ่มเสี่ยง รอลุ้นผลตรวจ ‘วิโรจน์’ แนะต้องช่วยกันคิดวิธีให้งานสภาเดินหน้าต่อได้ ด้านหมอวาโย วอนพรรคร่วมรัฐบาลสละเรือ ชี้ปรับครม.ไม่ช่วยอะไร มั่นใจซักฟอกรอบนี้ไม่จบเหมือนเดิม ปชป.เปิดศึกพปชร. ซัด ‘ตรีนุช’ ไม่ช่วยเหลือ น.ร.-ผู้ปกครอง บี้ไขก๊อกรมว.ศึกษาฯ เพื่อไทยจวก ‘บิ๊กตู่’ หยุดสร้างคะแนนนิยม จี้สั่งถอนงบซื้อเรือดำน้ำ 2.25 หมื่นล้าน นำเงินมาซื้อวัคซีนคุณภาพดีให้ประชาชน เสรีรวมไทยผุดแคมเปญแจ้งจับนายกฯ-ครม. ผิดม.157 ฐานไม่ดูแล ทำคนตาย-ติดเชื้ออื้อ

ณัฐชาติดโควิด-ก้าวไกลลุ้นตรวจ

เมื่อวันที่ 11 ก.ค. นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. และโฆษกพรรคก้าวไกล เปิดเผยว่า ผลตรวจ RT-PCR ออกมาแล้วว่าตนติดเชื้อโควิด-19 และอยู่ระหว่างเข้าสู่กระบวนการรักษาต่อไป

ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า วันนี้ ส.ส.พรรคก้าวไกล เช่น นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก ได้ทยอยเข้ารับการตรวจ RT-PCR ที่พรรคก้าวไกล ย่านหัวหมาก โดยเฉพาะส.ส.ที่พบเจอนายณัฐชา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งรัฐสภาได้ขีดเส้นไว้ในช่วงวันที่ 7-9 ก.ค. ส่วนตนแถลงข่าวร่วมกับนายณัฐชา เมื่อวันที่ 4 ก.ค. ถือว่าอยู่นอกวง ก็เข้ารับการตรวจเช่นกัน โดยผลตรวจจะออกมาในช่วงเย็นวันที่ 12 ก.ค.นี้ ยืนยันว่าอะไรที่เป็นข้อเท็จจริง พรรคก้าวไกลพร้อมสำแดงทั้งหมด

เมื่อถามถึงช่วงนี้สภาควรงดประชุมหรือไม่ นายวิโรจน์กล่าวว่า เวลานี้มีเรื่องสำคัญคือเรื่องร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 ดังนั้น โจทย์แรกคือ ต้องคิดว่าจะไม่ยุติการประชุมและการทำงานในสภาก่อน และหาทุกวิถีทางเพื่อให้งานเดินไปได้ ไม่เช่นนั้นหน่วยงานราชการต่างๆ จะเดินไปไม่ได้ ยกเว้นว่าคิดจนหัวแตกแล้วว่าเอาไม่อยู่ จึงต้องหยุด แต่ไม่ใช่ไม่สู้แล้ว ตนพูดแทนส.ส.ทุกคน ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ซึ่งจากที่ได้พูดคุยทุกคนเห็นถึงความสำคัญของการทำงานในสภาและร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ เรื่องหยุดมันง่าย แต่งานราชการจะไปต่ออย่างไร ทุกพรรคเห็นแก่ประโยชน์บ้านเมืองอยากให้งานเดินไปให้ได้ก่อน แต่ไม่ใช่ดึงดันหรือดื้อดึงหากจำเป็นต้องหยุดการประชุมจริง

ชี้ปรับครม.ไม่ช่วยอะไร

นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงนพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เสนอล็อกดาวน์ทั้งประเทศ 1 เดือน และต้องปรับครม.เปลี่ยนแนวทางแก้วิกฤตโควิด-19 ว่า ตนเห็นด้วยที่นพ.ธีระ ชงล็อกดาวน์ 1 เดือน แต่ต้องจบจริงๆ และเยียวยาอย่างเหมาะสมควบคู่ไปด้วย รัฐต้องไม่มัดตราสัง มัดมือมัดเท้าประชาชนไม่ให้ออกไปทำงานเป็นเดือน แต่ไม่มีมาตรการเยียวยา วันนี้ไม่ใช่เดือนชนเดือนเเล้ว แต่ประชาชนส่วนใหญ่หาเงินวันชนวัน ถ้าไม่เยียวยา จะเป็นการตอกฝาโลงประชาชน และในฐานะกมธ.งบประมาณปี 2565 บอกได้เลยว่า ประเทศเรามีเงินอยู่ แต่ใช้เงินไม่เหมาะสม อภิปรายวาระที่ 2-3 ตนจะเเฉให้หมด ว่าเอาเงินไปใช้ได้เหมาะสมหรือไม่ในภาวะวิกฤต

นพ.วาโยกล่าวต่อว่า การเมืองไทยเราไม่ได้ต้องการคนดี แต่ต้องการระบบที่ดี ป้องกันคนชั่วไม่ให้มาโกงได้ ต้องมีระบบที่ดีที่ถึงเเม้นักการเมืองจะเลว เมื่อเข้ามาก็โกงไม่ได้ ซึ่งการปรับครม.ไม่พอ ถ้าหัวยังอยู่ ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ด้วยความเคารพ ตัวปัญหาหลักคือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ซึ่งตนไม่ได้โทษนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุขซะทีเดียว เขาไม่ได้อยู่ในศบค.ด้วยซ้ำ ปัญหาคือหัว ต้องเอาพล.อ.ประยุทธ์ออก

จี้พรรคร่วมรัฐบาลสละเรือ

เมื่อถามว่าพรรคก้าวไกล จะเอาหัวที่ว่าออกอย่างไร ในเมื่อรอบก่อนอภิปรายจัดหนักในสภา สุดท้ายก็จบที่โหวตไว้วางใจนายกฯ อยู่ต่อ นพ.วาโยกล่าวว่า ตนคิดว่ารอบนี้ไม่เหมือนเดิม อย่าดูเเคลน อย่าด้อยค่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะฝ่ายค้านออกมาแฉกันโป้งๆ ตั้งแต่มันคือแป้งแล้ว หรือแหกรังไอโอ รวมถึงนักกินกางเกงในทหาร เรารู้ว่าโหวตไปก็เเพ้ จุดหมายคือส่งเสียงให้เจ้าของประเทศตัวจริงอย่างประชาชนให้ได้ยิน ตัดสินว่ารัฐบาลจะอยู่หรือไป ฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลตาสว่างเสียที ตนยังงงว่าทำไมจึงยัง ไม่ออกมา

“ขอยกคำพูดนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ที่ว่าอภิปรายอย่างราชสีห์ โหวตอย่างหนู สิ่งที่ต้องเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาลเห็นคือ เชื้อต่างๆ ความสกปรกโสโครก มันกำลังเเผ่รกราก คุณยืนอยู่ข้างๆ อย่าเอาตัวไปเปื้อนอีกเลย สละเรือมาอยู่ข้างประชาชนได้เเล้ว ถ้ายังอยู่นานมากกว่านี้ คุณจะต้องมีส่วนรับผิดชอบในการตายของประชาชน เวลานี้ประชาชนยังให้โอกาส ยังกลับตัวทันเเละรีบถอยออกมา” นพ.วาโย กล่าว

สภาจ่องดประชุมสัปดาห์นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนายณัฐชา แจ้งว่าติดเชื้อโควิด-19 และแจ้งไทม์ไลน์ย้อนหลัง พบว่าเข้าร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎร และกรรมาธิการ(กมธ.) คณะต่างๆ นั้น ทางสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้ส่งข้อความถึงส.ส. แจ้งให้กักตนเอง เป็นเวลา 14 วัน หากเป็นผู้สัมผัสเสี่ยงสูง ซึ่งเข้าใกล้นายณัฐชา ระยะน้อยกว่า 1.5 เมตร ในวันที่นายณัฐชาเข้าปฏิบัติหน้าที่ส.ส.ในสภา นอกจากนั้นยังกำชับข้าราชการของสำนักงานเลขาธิการสภา ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ในกมธ.ที่นายณัฐชาเข้าร่วมประชุม ตั้งแต่วันที่ 5-10 ก.ค. ต้องกักตัวด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า นายชวน หลีกภัย ประธานสภา ได้เรียกประชุมคณะกรรมการประสานงาน (วิป) 3 ฝ่าย คือ ฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล และวิปวุฒิสภา ในวันที่ 12 ก.ค. เวลา 10.30 น. เพื่อหารือถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด รวมถึงประเมินความเสี่ยงต่อการเปิดประชุมสภา เพราะนายณัฐชา ได้เข้าร่วมประชุมสภาในห้องประชุมพระสุริยันด้วย และคาดว่าจะมีส.ส.ที่เข้าข่ายเป็นผู้เสี่ยงสัมผัสหลายราย โดยเฉพาะส.ส.พรรคฝ่ายค้าน เบื้องต้นคาดว่าจะมีข้อเสนอให้งดประชุมในสัปดาห์นี้ เพื่อลดความกังวลของฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงข้าราชการที่กังวลว่าจะเป็นผู้เสี่ยงสัมผัสและติดเชื้อได้ แต่ขึ้นอยู่กับความเห็นของที่ประชุมวิป 3 ฝ่ายว่าจะเห็นเป็นอย่างไร

ภท.แนะส.ส.ตรวจหาเชื้อซ้ำ

นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายทะเบียนพรรคภูมิใจไทย(ภท.)โพสต์ เฟซบุ๊ก ระบุว่า ตามที่มีข่าวส.ส. ตรวจพบว่าติดโควิดทั้งที่ฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็มถือเป็นเรื่องใหญ่และสำคัญ เกี่ยวพันกับผู้เกี่ยวข้องมาก ทั้งส.ส. ผู้ใกล้ชิดทั้งในห้องประชุมใหญ่ และห้องประชุมกมธ. รวมถึงประชาชนที่ไปพบปะเกี่ยวข้องด้วย เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของสาธารณะของบุคคลสาธารณะที่เป็นส.ส. การที่ไปตรวจกับแล็บเอกชนและกักตัวอยู่กับบ้าน คงไม่เพียงพอ และคงจะดีกว่าหากไปตรวจหาเชื้ออีกครั้งกับโรงพยาบาลหรือหน่วยงานภาครัฐ เป็นการตรวจซ้ำเพื่อความสบายใจของผู้ที่เกี่ยวข้อง เป็นการยืนยันความชัดเจนในฐานะผู้แทนราษฎรต่อสังคม จึงเรียกร้องด้วยความห่วงใย

เพื่อไทยแฉมีใบสั่งกมธ.งบ

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) แถลงถึงการประกาศล็อกดาวน์กรุงเทพฯ และปริมณฑลว่า ไม่มีอะไรใหม่ มีใหม่เพียงเรื่องที่ พล.อ.ประยุทธ์ ประกาศไม่รับเงินเดือน 3 เดือน เป็นเงิน 3 แสนกว่าบาท ซึ่งเห็นว่าเงินเพียงเท่านี้ไม่พอเพียงช่วยเหลือประชาชน หากเทียบกับส.ส. พวกเราทำมากกว่า เสียสละมากกว่านายกฯ และช่วยเหลือประชาชนมานานแล้ว แต่นายกฯ เพิ่งคิดได้ใช่หรือไม่

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า เห็นว่าหากพล.อ.ประยุทธ์ต้องการจะช่วยเหลือประชาชนจริง ควรทำหนังสือขอถอนเรื่องการจัดซื้อเรือดำน้ำในร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 จำนวน 2 ลำ มูลค่า 22,500 ล้านบาทออกมา และนำเงินในส่วนนี้ไปจัดซื้อวัคซีนดีๆ ให้กับประชาชนได้คนละ 2.3 โดส เพราะวัคซีนที่รัฐบาลจัดหาให้กับประชาชน มีข้อกังขา ล่าสุด ส.ส.ก้าวไกล และบุคลากรทางการแพทย์ฉีดครบ 2 เข็มแล้วยังติดเชื้อโควิด-19 ทั้งนี้ ตนมีข้อมูลว่าทราบมีใบสั่งจากรัฐบาลว่าคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณปี 2565 ซีกรัฐบาล จะต้องผลักดันงบจัดซื้อเรือดำน้ำปีนี้ให้ผ่านให้ได้

จี้เปิดสัญญา – นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงจี้ให้เปิดเผยสัญญาซื้อวัคซีนซิโนแวค ทั้งที่มีปัญหามีข้อสงสัยเรื่องคุณภาพ แต่รัฐบาลยังสั่งซื้อตลอด ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 11 ก.ค.

จี้‘บิ๊กตู่’สั่งถอนงบซื้อเรือดำน้ำ

“ถ้าท่านจะบอกว่าไม่เป็นความจริง ขอให้ถอนเรื่องการจัดซื้อออกไป โดยไม่ต้องให้กมธ.ซีกฝ่ายค้านไปค้าน แล้วเอาเงินไปช่วยชีวิตคนดีกว่า ถ้าท่านเป็นลูกผู้ชายให้ถอนเรือดำน้ำออกไป หัวใจนายกฯ ทำด้วยอะไร วันนี้ไม่มีเงินช่วยประชาชน แต่มีเงินซื้อเรือดำน้ำ บริหารประเทศแบบนี้ คนถึงออกมาไล่ ผมเรียกร้องพล.อ.ประยุทธ์ ท่านเป็นชายชาติทหาร เป็นนายกฯ เป็นรมว.กลาโหม ท่านทำหนังสือไปขอถอนเรื่องเรือดำน้ำจีน 2 ลำ เพื่อเห็นแก่ความอดอยาก เดือดร้อนของคนจน คนทั่วประเทศ ถ้าท่านเป็นายกฯ ถ้าท่านมีประชาชนในหัวใจ ขอให้ถอนเรือดำน้ำออกไป” นายยุทธพงศ์กล่าว

รองหัวหน้าพท. กล่าวด้วยว่า ขณะที่ประชาชนยังไม่มั่นใจ เพราะมีคนที่ได้รับวัคซีนไปแล้วติดเชื้อ แต่รัฐบาลยังอนุมัติงบจัดซื้อวัคซีนซิโนแวค 10.9 ล้านโดส จำนวน 6,100 ล้านบาท ซึ่งตนในฐานะกมธ.งบประมาณ จะสอบถามเรื่องนี้จากกระทรวงสาธารณสุขในวันที่ 13 ก.ค. และจะขอดูสัญญา ซึ่งที่ผ่านไม่ยอมเปิดเผย ก็ไม่ทราบว่ามีความลับอะไร

ข้องใจเงินกู้หายไปไหน

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า เรียกร้องให้รัฐบาล เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการที่รัฐบาลใช้ยาแรงปิดห้าง ปิดร้านอาหาร ปิดแคมป์คนงาน ทำให้ไม่มีรายได้ ซึ่งคนที่ต้องรับผิดชอบคือผอ.ศบค. คือ พล.อ.ประยุทธ์ ควรต้องเยียวยา อย่างน้อยคนละ 5,000 บาทเหมือนปีที่แล้ว ขณะเดียวกันยังมีปัญหาผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ทำให้เตียงไม่พอเพียงรองรับผู้ป่วย จนต้องขอรับบริจาคจากประชาชน จึงอยากถามว่ารัฐบาลเอาเงินกู้ 2 ครั้งไปทำอะไรหมด ทั้งเงินกู้ 1 ล้านล้านบาท กับเงินกู้ 5 แสนล้านบาท วันนี้การบริหารงานของรัฐบาลล้มเหลวสิ้นเชิง เหมือนปล่อยให้คนต่างจังหวัดสู้กันตามยถากรรม เงินกู้ด้านสาธารณสุข 4.5 หมื่นล้านบาท ทำไมถึงไม่เอาไปซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อรองรับผู้ป่วยให้เพียงพอ

ด้านนายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพท. กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญ รัฐบาลมีหน้าที่บริการสาธารณสุขให้แก่ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เหตุใดรัฐบาลจึงไม่สนับสนุนเงินให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ อย่างทันท่วงที ปล่อยให้โรงพยาบาลดิ้นรนแก้ปัญหากันเอง ทั้งที่รัฐบาลออกพ.ร.ก.กู้เงิน 5 แสนล้านบาทไว้ โดยจะใช้แก้ปัญหาโควิด-19 วงเงิน 30,000 ล้านบาท เงินกู้ในส่วนนี้ถูกใช้ไปแล้วแค่ไหนอย่างไร

จวกรัฐบาลหวังคะแนนนิยม

นายชนินทร์กล่าวอีกว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อม เพิ่มศักยภาพระบบสาธารณสุข และการป้องกันโรคให้แก่ประชาชนมากพอ สังเกตได้จากการออกกฎหมายพิเศษกู้เงินเพื่อรับมือกับโควิด 2 ครั้งรวม 1.5 ล้านล้านบาท แบ่งไว้ใช้กับการแพทย์และสาธารณสุขเพียง 75,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นเพียงร้อยละ 5 ของเงินกู้ทั้งหมด ที่เหลือส่วนใหญ่ใช้เพื่อเยียวยา แต่ยังล่าช้า ไม่เพียงพอ ไม่ทันการณ์ แก้ไขปัญหาประชาชนไม่ตรงจุด เป็นไปเพื่อสร้างความนิยมให้กับตัวเอง ไม่สามารถชดเชยหรือช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบหนักได้เลย จิตใจพล.อ.ประยุทธ์ทำด้วยอะไร ถึงหวังสร้างคะแนนนิยมบนความลำบากของประชาชน เงินกู้ที่ได้มาควรเร่งใช้เสริมศักยภาพระบบสาธารณสุขเพื่อควบคุมโรคให้ได้ เพื่อลดความเดือดร้อนให้กับประชาชนโดยเร็วที่สุด

เสรีรวมไทยซัดถลุงเงินกู้

พรรคเสรีรวมไทย (สร.) นำโดย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรค ออกแถลงการณ์ระบุว่า จากสถานการณ์โควิด-19 แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ประชาชนล้มป่วยเจ็บตายเป็นจำนวนมาก โดยรัฐบาลไม่สามารถดูแลประชาชนให้ปลอดภัยได้ ประชาชนต้องพึ่งตนเอง ซึ่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 47 วรรคสาม บัญญัติว่า “บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”

ที่ผ่านมารัฐบาลได้กู้เงินจำนวนมหาศาลจาก ต่างประเทศหลายครั้ง แต่กลับนำเงินกู้ ดังกล่าวไปถลุงแจกจ่ายแก่ประชาชนในรูปแบบต่างๆ โดยมิได้ก่อให้เกิดประโยชน์ แต่มุ่งหวังเพียงผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเองและพวกพ้อง เพื่อกลับมามีอำนาจอีกเท่านั้น อีกทั้งยังนำเงินกู้ดังกล่าวไปซื้อรถถัง เรือดำน้ำ เครื่องบิน อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น หวังจะได้รับเงินทอนเท่านั้น เมื่อเกิดเหตุโรคระบาดโควิด-19 จึงไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ เพื่อป้องกันและรักษาให้ประชาชนได้รับความปลอดภัยได้

ผุดแคมเปญแจ้งจับ‘ตู่-ครม.’

การที่รัฐบาลละเว้นไม่ปฏิบัติตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ทำให้ประชาชนทั้งประเทศช่วยเหลือตนเองและครอบครัว ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ได้รับความเสียหายจากมาตรการต่างๆ ที่รัฐกำหนดอย่างมาก พรรคเสรีรวมไทยเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อเรียกร้อง และรักษาสิทธิที่มีอยู่ตามรัฐธรรมนูญ ด้วยการขับไล่รัฐบาลนี้ออกไปตามกระบวนการของกฎหมาย

จึงขอให้ประชาชนนำใบเสร็จรับเงินที่ซื้อหน้ากากอนามัย ใบเสร็จรับเงินที่ไปตรวจรักษา ใบเสร็จรับเงินที่ไปซื้อวัคซีนฉีด เพื่อป้องกันโควิด-19 หลักฐานต่างๆ ที่ท่านได้รับความเสียหายจากมาตรการของรัฐ ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจใกล้บ้าน ให้ดำเนินคดี กับ พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐมนตรีทุกคน ที่กระทำการละเมิดรัฐธรรมนูญ โดยละเว้น ไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 47 และมาตรา 55 ทำให้ท่านได้รับความเสียหาย

ซึ่งเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ซึ่งพนักงานสอบสวนจะต้องรวบรวมหลักฐาน ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ทำการไต่สวน ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 234(1) โดยด่วนต่อไป

‘อู๊ดด้า’แจงเงื่อนไขใช้เงินเดือนรมต.

ที่ จ.ศรีสะเกษ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ให้สัมภาษณ์หลังการเปิดโครงการรถโมบายพาณิชย์ลดราคา ช่วยประชาชน ถึงการที่รัฐมนตรีของปชป.สละเงินเดือน 3 เดือน นำไปช่วยเหลือประชาชนว่า ตนและรัฐมนตรีของปชป.ประกาศไปแล้วว่าจะไม่รับเงินเดือน 3 เดือน

ซึ่งเงินก้อนนี้ เมื่อไม่รับก็จะตกกลับไปเป็นงบประมาณแผ่นดิน ดังนั้น เงินส่วนนี้จะนำไปใช้อะไร ก็อยู่ที่เงื่อนไขโครงการปกติ เพียงแต่งบประมาณแผ่นดินที่เป็นหมวดรายจ่ายเรื่องเงินเดือนของรัฐมนตรี จะไม่ถูกนำเบิกออกมาใช้ และนำไปใช้ด้านอื่นได้ต่อไป

ปชป.ไล่‘ตรีนุช’ไขก๊อกรมว.ศธ.

นายอิสระ เสรีวัฒนวุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ปชป. กล่าวถึง น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ แถลงให้โรงเรียนปรับแผนการสอน ลดการบ้าน ลดภาระนักเรียนว่า เรื่องแบบนี้ไม่ต้องให้คนระดับรัฐมนตรีมาสั่งการ ครูเเทบทั้งประเทศเขาก็คิดเป็น จัดลำดับความสำคัญได้ ไม่มีใครอยากสร้างความเครียดให้เด็กเกินจำเป็น

แต่ปัญหาวันนี้ที่ต้องแก้ไขคือผู้ปกครองเรียกร้องการสั่งลดหย่อนค่าเทอมในยุคโควิด-19 อย่างเป็นรูปธรรม แต่ถามว่ารมว.ศึกษาธิการอยู่ที่ไหน จะทำหูทวนลมก้มหน้าก้มตาขอความร่วมมือโรงเรียนเอกชน โดยไม่ยอมสั่งชัดๆ ให้คืนหรือลดค่าเทอม ตามมาตรา 33 และมาตรา 34 ของ พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชน ตามอำนาจที่มี

รมว.ศึกษาธิการอมพะนำอะไรอยู่ถึงไม่สั่ง จะรอให้เด็กถูกเตะออกจากโรงเรียนเพราะค้างค่าเทอม บางโรงเรียนกดดันผู้ปกครองไม่ออกผลการเรียนให้ แถมขู่ว่าถ้าไม่จ่ายค่าเทอมก็ไม่ออกเกรดให้ นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง ไม่ใช่โลกคู่ขนานที่ท่านอยู่ ไม่เอาอีกเเล้วสำหรับการมาชี้เเจงสภาแล้วตอบเเบบขอไปที ถึงเวลาจัดลำดับความสำคัญให้ถูกได้เเล้ว

“เหมือนท่านยังดื้อดึง ถ้ามีอำนาจแล้ว ไม่อยากใช้ก็ลาออกเลย ผู้ปกครองเขาไม่ได้อยากได้เงินเดือน 3 เดือนของรัฐมนตรี ที่จะสละในช่วงโควิด เขาอยากให้ใช้อำนาจที่มี สั่งคืนหรือลดค่าเทอมให้ชัดเจนโดยด่วน” นายอิสระกล่าว

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน