ชี้ตู่ทำชาติวิกฤต
ต้องขอโทษปชช.

เพื่อไทยอัด ‘บิ๊กตู่’ แก้โควิดล้มเหลว ทำชาติวิกฤต ชี้ทำผิดต้องกล้าขอโทษ แล้วลาออก กระทุ้งพรรคร่วมรัฐบาล ‘ภูมิใจไทย-ปชป.’ เลิกเป็นนั่งร้าน กรรมาธิการมั่นใจ พิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณฯ ทันกรอบเวลา 105 วัน ‘ชวน’ ระบุตอนนี้อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องอายุรัฐบาล ให้ทุกฝ่ายช่วยแก้วิกฤตโควิดก่อน รองโฆษกกองทัพบกแจงใช้เครื่องบิน C295 รับส่งผู้ป่วยโควิด-19 กลับภูมิลำเนา ไม่เกี่ยวกลบกระแสโจมตีซื้อยุทโธปกรณ์

ทบ.โต้ภารกิจC295-ลดถูกโจมตี

เมื่อวันที่ 23 ก.ค. พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก (ทบ.) ให้สัมภาษณ์ชี้แจงกรณีใช้เครื่องบินลำเลียง 295 หรือ C295 มาใช้ในภารกิจรับส่งผู้ป่วยโควิด-19 กลับภูมิลำเนา เพื่อลดกระแสช่วงที่กองทัพโดนโจมตี รวมถึงประเด็นการจัดซื้อเครื่องบินลำเลียง CASA หรือไม่ว่า แล้วแต่คนจะมอง แต่ยืนยันว่ากองทัพบกไม่ได้มองว่าเป็นการลดกระแส เพราะพิจารณาจากตรรกะที่ผ่านมา การใช้ยานพาหนะของทบ. โดยเฉพาะการจัดตั้งศูนย์เคลื่อนย้าย เราใช้ยานพาหนะพวกนี้มาตลอด ไม่ใช่เฉพาะใช้แค่ C295 แต่เล็งใช้ยุทโธปกรณ์อื่นด้วย เพื่อเสริมขีดความสามารถในการช่วยเหลือประชาชน

ส่วนจะเริ่มดำเนินการเมื่อไหร่นั้น พ.อ.หญิงศิริจันทร์กล่าวว่า ขณะนี้เตรียมสแตนด์บายไว้ 1 ลำ ส่วนการนำคนขึ้นเครื่อง ต้องรับการส่งเคสมาจากสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ก่อน เพราะต้องได้รับการอนุญาตจากแพทย์ต้นทาง และต้องมีระบบสาธารณสุขปลายทางรองรับด้วย

โดยระยะทางอยากส่งให้ไกลที่สุด เนื่องจากในพื้นที่ใกล้ๆ มีรถดำเนินการอยู่แล้ว ผบ.ทบ. จึงอยากย่นระยะการเดินทางระยะไกล โดยไกลสุดจะอยู่ที่ชั่วโมงบิน 2-2 ชั่วโมงครึ่ง เหนือ ใต้ อีสาน ไปได้หมด อาจมีข้อจำกัด คือ จังหวัดที่ไปจะต้องมีสนามบินให้ลง หรือลงจังหวัดใกล้เคียงได้ ก็ต้องมีรถมารองรับ

‘ชวน’ชี้อย่าเพิ่งคิดถึงอายุรบ.

ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา และประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลกำลังเจอศึกรอบด้านทั้งโรค โควิด-19 ระบาด และกระแสโจมตีว่า เราต้องช่วยกันดูแลประชาชน ลดภาระแพทย์ พยาบาล และดูแลสุขภาพของตัวเอง เช่น การสวมหน้ากากอนามัย ก็จะช่วยให้การติดเชื้อลดลง ถ้าทุกจังหวัดทำได้ จะมีส่วนทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงได้ แต่ละฝ่ายต้องดูแลปัญหาที่ตนเองรับผิดชอบให้สมบูรณ์ที่สุด และให้กำลังใจฝ่ายแพทย์ พยาบาล และแนวหน้า

ตนได้แนะนำนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีว่า ต้องให้ความสำคัญกับท้องถิ่น เราเคยขอให้ อสม.ช่วยเหลือ คนเหล่านี้พึ่งพาได้ ตอนนี้ยิ่งจำเป็นให้เขาคอยเป็นหูเป็นตา อย่าให้มีการเปิดบ่อน ถ้ามีเปิด ผู้ปกครองในพื้นที่นั้นก็ต้องดูแลรับผิดชอบ ลำพังรัฐบาลหรือ เจ้าหน้าที่รัฐฝ่ายเดียวจะลำบาก ต้องอาศัย รูปแบบการปกครองของเราให้เป็นประโยชน์

เมื่อถามว่าปัญหาการบริหารการแพร่ระบาดโควิด จะกระทบต่ออายุรัฐบาลหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า อย่าเพิ่งประเมินเหตุการณ์ช่วงเวลาหนึ่ง อย่าเพิ่งคิดเรื่องอายุรัฐบาล แต่ขอให้คิดดีกว่าว่า เราจะมีส่วนช่วยให้ความเสียหายของประชาชนลดได้อย่างไรบ้าง เช่น คนป่วยคนไข้ที่เสียชีวิตอย่างน่าอนาถ เห็นหรือไม่ต่างประเทศเขาเอาคนที่ยังไม่ตายใส่ถุงพลาสติกแล้วนำไปกอง ซึ่งน่าตกใจมาก บ้านเราไม่ถึงขนาดนั้น แต่มีเรื่องว่าป่วยแล้วไม่ได้รับการรักษาแบบทันทีทันใด ซึ่งน่าเห็นใจมาก

พท.จี้‘บิ๊กตู่’ขอโทษปชช.-ลาออก

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ชมผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ที่ออกมาขอโทษประชาชนเรื่องการจัดหาวัคซีนไม่เพียงพอต่อสถานการณ์ รวมทั้งการเข้าร่วมกับโคแวกซ์ในปี 2565 ว่า ประชาชนรอฟังคำขอโทษอย่างจริงใจจากปากพล.อ.ประยุทธ์ สารภาพบาปต่อการตัดสินใจผิดพลาดล้มเหลวของรัฐบาลที่ไม่เข้าร่วมโคแวกซ์ตั้งแต่ต้น จนเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ นำประเทศและประชาชนไปสู่จุดวิกฤต

พล.อ.ประยุทธ์พูดกลางสภาว่าการไม่เข้าร่วมโคแวกซ์ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ซึ่งอาจเป็นการให้ข้อมูลเท็จของรัฐบาลต่อสภาและประชาชน พอจะกลับลำ ปิดบัง กลบเกลื่อน ทำได้ยากเพราะมีบันทึกและสืบค้นได้หมด ประชาชนไม่เชื่อว่าสถาบันวัคซีนแห่งชาติ จะตัดสินใจโดยลำพังต่อการเข้าร่วมหรือไม่เข้าร่วมโคแวกซ์ และตั้งคำถามว่าเหตุใดรัฐบาลจึงโยนบาปข้าราชการ แอบหลังผอ.สถาบันวัคซีนแห่งชาติ ไม่กล้าออกมาขอโทษประชาชนด้วยตัวเอง

“พล.อ.ประยุทธ์รวบอำนาจจากกฎหมายควบคุมสถานการณ์โรคระบาด 31 ฉบับมาไว้แต่เพียงผู้เดียว แต่แก้ไขสถานการณ์ล้มเหลว ผิดพลาด ไร้ประสิทธิภาพ แม้จะประกาศ ล็อกดาวน์เข้มข้น ท่องคาถาประชาชนการ์ดอย่าตก แต่รัฐบาลผิดพลาดย่อยยับ อำนาจต้องมาพร้อมความรับผิดชอบ จะรับชอบอย่างเดียว ไม่รับผิดไม่ได้ ชายชาติทหาร ทำผิดต้องกล้าลุกขึ้นมาขอโทษ แล้วลาออกไป เปิดโอกาสให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน” นายอนุสรณ์กล่าว

กดดันพรรคร่วมถอนตัว

ด้านนายวิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท.) แสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่ฟังเสียงประชาชน ที่ขอให้ช่วยกันหยุดวิกฤตประเทศด้วยการถอนตัวจากรัฐบาลว่า ทั้ง 2 พรรคยังคงเลือกเกาะเก้าอี้ เกาะอำนาจและผลประโยชน์ ไม่ยอมถอยจากการเป็นนั่งร้านให้กับพล.อ.ประยุทธ์ โดยไม่สนใจเสียงเรียกร้องของประชาชน

ถึงเวลานี้พรรคร่วมรัฐบาลต้องสำเหนียก ว่าจะปล่อยให้ประเทศเป็นแบบนี้ไปถึงเมื่อไร ไม่ต้องรอให้ถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากเป็นนักการเมืองที่มาจากประชาชน ต้องทำงานเพื่อประชาชน อย่ามัวแต่ห่วงอำนาจ นักการเมืองที่ดีต้องห่วงประชาชนมากกว่าผลประโยชน์ พล.อ.ประยุทธ์ ควรฟังเสียงของประชาชน ทุกกลุ่ม ไม่ฟังแต่เสียงคนข้างตัว หรือเสียงประชาชนเข้าไม่ถึงหูของพล.อ.ประยุทธ์

“คนเป็นผู้นำประเทศ แต่ไม่สนใจความทุกข์ร้อนของประชาชน ไม่รับผิดชอบต่อผลการกระทำของตนเองจากการบริหารสถาน การณ์แบบโง่ๆ ที่ผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า คำพูดของพล.อ.ประยุทธ์หมดความน่าเชื่อถือแล้ว จะเชื่อถือคนแบบนี้ได้อย่างไร ควรเลิกโกหกประชาชนได้แล้ว การบริหารประเทศต้องบริหารด้วยความจริงใจ ไม่ใช่บริหารด้วยคำโกหกไปวันๆ แบบที่รัฐบาลทำอยู่ทุกวันนี้” นายวิสารกล่าว

เพื่อชาติซัดบริหารงานห่วย

นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเพื่อชาติ (พช.) เปิดเผยว่า การระบาดของโควิด-19 ชัดเจนว่ารัฐบาลใช้แต่อำนาจ แต่ทำงานไม่เป็น แก้ปัญหาไม่ได้ เพราะแม้แต่พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่กล้ามาทำงานในทำเนียบรัฐบาลแล้ว ประชาชนจะมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลได้อย่างไร

การที่ลิ่วล้อของพล.อ.ประยุทธ์ออกมาฟ้องร้องประชาชนศิลปิน ดารา ที่ออกมาวิจารณ์การทำงานของรัฐบาล เพราะต้องการใช้กฎหมายปิดปากประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่ให้ออกมาพูด แม้รัฐบาลจะบริหารงานได้ห่วยแค่ไหน ไร้ความรับผิดชอบจนมีผู้ติดเชื้อนอนตายข้างถนน รัฐบาลกลับไม่รับผิดชอบชีวิตประชาชน หากเป็นแบบนี้ไม่ต้องมีรัฐบาลก็ได้

“พล.อ.ประยุทธ์เก่งแต่ใช้อำนาจกับประชาชน แต่ไม่รับผิดชอบความเดือดร้อนและความตายประชาชน ควรออกไปได้แล้ว อย่าอยู่เพื่อสร้างความหายนะให้กับประเทศอีกเลย” นายสงครามกล่าว

กมธ.งบมั่นใจพิจารณาทันเวลา

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2565 แถลงว่า ขณะนี้กมธ.งบพิจารณาแล้วทั้งสิ้น 20 กระทรวง 29 กองทุน คิดเป็นร้อยละ 95.1 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะวันนี้ พิจารณางบในส่วนของกทม. ซึ่งกมธ.มีการสอบถามถึงมาตรการล็อกดาวน์ และการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินกิจการต่างๆ ในกทม. โดยเฉพาะแต่ละเขตในกทม. ที่ไม่สามารถแก้ปัญหาได้

นอกจากนี้ กมธ. ได้แนะนำว่า ขอให้เร่งรัดตั้งศูนย์เฉพาะกิจของกทม.รายเขต เพื่อติดต่อประสานงานเกี่ยวกับผู้ป่วยโควิด-19 เพราะประชาชนในพื้นที่กทม.นับ 10 ล้านคนยังงงว่าเมื่อติดเชื้อจะแจ้งไปที่ไหน ซึ่งการประชุมวันนี้ค่อนข้างดุเดือดพอสมควรในเรื่องการดำเนินงานของกทม. โดยพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ชี้แจงว่าได้เร่งช่วยเหลือประชาชนในทุกด้านแล้ว ทั้งนี้ กมธ.งบ จะงดประชุมตั้งแต่วันที่ 24-28 ก.ค. และจะประชุมอีกครั้งวันที่ 29 ก.ค.เป็นต้นไป ซึ่งจะสรุปรายงานของคณะอนุกมธ.ทั้งหมด เชื่อว่าจะพิจารณาได้ทันตามกำหนดกรอบเวลา 105 วัน

 

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน