‘เราจะทำตามสัญญา’ ไม่จริง ฟ้อง-แจ้งจับได้ไหม ดารายังแห่คอลเอาต์แสดงจุดยืน เรียกร้องรัฐบาลจัดหาวัคซีนคุณภาพฉีดให้ประชาชน ด้านครป.ออกแถลงการณ์จี้นายกฯ ยุบ ‘คตส.ชุดนายอภิวัฒน์ ขันทอง’ โดยทันที ชี้สิ้นเปลืองงบฯ ละเมิดสิทธิมนุษยชน ใช้กฎหมายคุกคามเพื่อปิดปากคนเห็นต่าง ขณะที่ ‘แรมโบ้’ โต้วุ่นไม่ได้ส่งสนธิญาแจ้งจับดารา-นักร้องคอลเอาต์ ป้องคตส.ทำตามหน้าที่ ‘ไผ่ ดาวดิน’ นัดอีก วันนี้แยกราชประสงค์หล่อเทียนไล่ประยุทธ์ เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดารา-คนในวงการบันเทิงยังออกมาคอลเอาต์ เรียกร้องรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง หลังนาย อภิวัฒน์ ขันทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ไปแจ้งความดำเนินคดีกับมิลลิ นักร้องแร็พเปอร์สาว รวมถึงนางงาม และ ผู้กำกับภาพยนตร์ กรณีวิจารณ์การทำงานของรัฐบาลและ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ล่าสุด พระเอกหนุ่ม “เกรท” วรินทร ปัญหกาญจน์ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่กำลังวิกฤตอยู่ในตอนนี้ รวมถึงขอให้มีการนำเข้าวัคซีนเอ็มอาร์เอ็นเอเข้ามาฉีดให้กับประชาชนว่า “สงสารคนที่ขาดความรู้หรือขาดโอกาสที่จะได้รับรู้ข่าวสารที่เป็นข้อเท็จจริงที่ถูกต้องถูกบิดเบือนไป และกลายเป็นการสร้างความเกลียดชังก่นด่าด้อยค่ากัน มันหดหู่ครับ #ประเทศเจอวิกฤต แทนที่จะร่วมมือร่วมใจกันพูดดีคิดดีและทำดีอย่างสร้างสรรค์ #ถ้าหวังดีต่อประเทศชาติจริง ทำไมนักแสดงเหล่านี้ไม่เคยออกมาเรียกร้องให้คนไทยหยุดแพร่เชื้อ หยุดละเมิดกฎหมายบ้าง” ด้าน ซี-ศิวัฒน์ โชติชัยชรินทร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ถามสุดจี๊ด “ผมฟ้องคุณบ้างได้มั้ย…? เพลงที่คุณบอกว่า “เราจะทำตามสัญญา” กราบเรียนถาม…ว่าแบบนี้ก็เป็นเท็จมั้ย? ขณะที่นักแสดงและคุณแม่ลูกหนึ่ง “อ๋อม สกาวใจ” ออกมาฟาดต่อ ด้วยการโพสต์ผ่าน อินสตาแกรม “พวกท่านเคยสงสัยในตัวเองไหมว่า ทำไมพวกท่านจึงต้องกลัว การที่ นักแสดงออกมาคอลเอาต์มากกว่า มั่นใจในข้อมูลต่างๆ ที่ท่านนำเสนอในทุกวัน หรือ จริงแล้วท่านไม่ได้กลัวการคอลเอาต์หรอก ท่านอาจกลัวเงาสะท้อนภาพตัวเองในกระจก รึเปล่าคะ’ ด้าน มาช่า วัฒนพานิช นักร้องชื่อดัง ได้โพสต์ภาพและแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ผ่านทางอินสตาแกรมส่วนตัวว่า “ประเทศเราเป็นประชาธิปไตย การออกสิทธิ์ออกเสียง มันไม่เห็นต้องเป็นเรื่องขนาดนี้เลย” “เจอโควิดก็เหนื่อยและแน่นใจกันจะแย่อยู่แล้ว เวลาตอนนี้มีค่ามากทุกวินาที ตั้งสติ ใจเย็นๆ ให้กำลังใจทุกๆ คนค่ะ ความรัก ความเข้าใจกัน ควรนำออกมาใช้ด่วนที่สุด นะคะ ขอบคุณค่ะ” สำหรับโพสต์ดังกล่าว มีแฟนๆ เข้าไปกดไลก์และคอมเมนต์กันอย่างมากมาย ที่รัฐสภา นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ให้สัมภาษณ์ถึงการดำเนินคดีกับศิลปินดาราที่ออกมาคอลเอาต์ วิจารณ์รัฐบาลปมวัคซีนว่า ต้องดูแต่ละกรณี เราปกครองด้วยกฎหมาย ถ้าไม่ทำผิดกฎหมายก็ไม่ต้องกังวล ถ้าใช้สิทธิภายใต้รัฐธรรมนูญก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าเกินกว่าขอบเขตกฎหมาย ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เราจะใช้ตามอำเภอใจไม่ได้ ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ขณะรัฐบาลสามารถใช้กฎหมายภายใต้ขอบเขต ไม่มีสิทธิใช้ กฎหมายเกินขอบเขตเช่นกัน ถ้าสมมติเขาไม่ผิดแล้วไปกล่าวหาเขา ถือว่าคนกล่าวหาก็ผิด “ดังนั้น หากใช้สิทธิโดยชอบก็ทำได้ อย่ากังวล แต่ถ้าล่วงเกินจนกระทบสิทธิของผู้อื่น ผู้อื่นก็มีสิทธิ หากไปแจ้งความคนที่ไม่ได้ทำผิด ผู้ไปแจ้งความถือว่าแจ้งความเท็จ ต่างฝ่ายต่างมีกฎหมายคุ้มครองและกฎหมายป้องกันอีกฝ่ายหนึ่งตลอดเวลา” นายชวนกล่าว ด้านนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงนายสนธิญา สวัสดี ที่ปรึกษากมธ.กฎหมาย ยื่นเรื่องตรวจสอบดาราที่ออกมาคอลเอาต์ โดยอ้างเป็นที่ปรึกษากมธ.กฎหมายว่า นายสนธิญาเป็นที่ปรึกษากมธ.กฎหมาย แต่ไม่ทราบว่าเป็นโควตาของใคร ที่ปรึกษากมธ.มีเป็นร้อยคน ตนไม่เคยรู้จักนายสนธิญามาก่อน โดยปกติแล้วส.ส.ที่เป็นกมธ.จะเป็นผู้เสนอชื่อคนที่มีความรู้ความสามารถมาช่วยงานในกมธ. ซึ่งตนไม่แน่ใจว่าใครเป็นผู้เสนอชื่อนายสนธิญา แต่รู้สึกว่าจะไม่ใช่โควตาของพปชร. ซึ่งที่ปรึกษากมธ.สามารถเสนอได้ไม่จำกัด แต่จะไม่มีบัตรแสดงตนของสภาและไม่มีค่าตอบแทน ไม่มีเบี้ยเลี้ยงหรือเบี้ยประชุม เป็นการอาสามาช่วยงาน ซึ่งการจะแต่งตั้งที่ปรึกษาประธานกมธ.จะต้องผ่านมติของกมธ. ไม่ใช่ว่าตนจะแต่งตั้งใครก็ได้ อย่างวันนี้ที่ปรึกษากมธ.ทำเรื่องไม่ดี ตนยังปลดไม่ได้ ต้องขอมติที่ประชุมกมธ.ก่อน ส่วนที่อ้างว่านายสนธิญาเป็นที่ปรึกษากมธ.จะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายสิระกล่าวว่า ก่อนหน้านี้กมธ.กฎหมาย มีการพูดคุยกันว่าจะทบทวนตำแหน่งทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคนที่ไม่เคยมาช่วยงานเลย และคนที่เอาตำแหน่งไปแสวงหาผลประโยชน์ก่อให้เกิดความเสียหาย เมื่อถามว่าตั้งแต่นายสนธิญาได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษากมธ.ได้มาทำหน้าที่แล้วหรือยัง นายสิระกล่าวว่า เวลามีการประชุมกมธ.นายสนธิญาก็มา วันเดียวกัน นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีใช้ให้นายสนธิญาไปยื่นหนังสือถึงผบช.น.ให้ตรวจสอบกลุ่มศิลปินที่ออกมาคอลเอาต์ว่าไม่ใช่เรื่องจริง นายสนธิญาไม่ใช่ลูกน้อง แต่เป็นที่ปรึกษากมธ.กฎหมาย และสิ่งที่นายสนธิญาไปทำเป็นเรื่องส่วนตัว เพราะเห็นว่าคนดังมาโพสต์หรือกล่าวด้อยค่าวัคซีน หรือพูดในทางที่จะเสียหายในภาษาที่ไม่สุภาพ จึงอยากให้ผบช.น.ตักเตือน นายเสกสกลกล่าวต่อว่า ส่วนนายอภิวัฒน์ ขันทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และประธานคณะกรรมการตรวจสอบการ กระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ไปแจ้งความดำเนินคดีกับมิลลิ นักร้อง แร็พเปอร์สาวที่สน.นางเลิ้งว่า เป็นการทำหน้าที่ของนายอภิวัฒน์ในฐานะผู้ช่วยรมต.และประธานคตส.เท่านั้น ซึ่งตามคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ 32/2563 ให้อำนาจประธานคตส.ดำเนินการได้เองทันที หากเห็นว่ามีการ กระทำที่จะกระทบ ทำรัฐเสียหาย จึงไม่เกี่ยวกับนายกฯ สั่งการให้ทำ ด้านคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชา ธิปไตย (ครป.) ออกแถลงการณ์เรื่องแรงงานในอุตสาหกรรมบันเทิงต้องมีเสรีภาพในการมีส่วนร่วมทางการเมือง มีเนื้อหาว่า สืบเนื่องจากการบริหารราชการแผ่นดินที่ล้มเหลวทั้งด้านเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิดระบาด จนเกิดวิกฤตศรัทธาของประชาชนต่อรัฐบาล นำไปสู่การแสดงออกของประชาชนหลากหลายสาขาอาชีพเพื่อต่อต้านรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ อย่างกว้างขวาง รวมถึงคนในแวดวงบันเทิงไม่ว่าจะเป็นศิลปิน ดารา นักร้อง นักแสดง นายแบบ นางแบบ พิธีกร พรีเซ็นเตอร์ แบรนด์แอมบาสซาเดอร์ หรือพริตตี้ ที่ออกมาแสดงจุดยืนไม่ยอมรับผลงานของรัฐบาลในเวลานี้จำนวนมาก จนกระทั่งมีการแสดงท่าทีข่มขู่คุกคามเสรีภาพของคนในแวดวงบันเทิงผ่านกลไกการคุกคามทางกฎหมาย โดยบุคคลในรัฐบาล รวมถึงความเห็นของรมว.ดีอีเอส ครป.เห็นว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการคุกคามเสรีภาพทางการเมืองและสิทธิพลเมืองของประชาชน ซึ่งสามารถแสดงความเห็นทางการเมืองอย่างเสรี หรือการชุมนุมทางการเมืองได้ตามกฎหมายและตามสิทธิขั้นพื้นฐานตามรัฐธรรมนูญ การคุกคามดังกล่าวนอกจากขัดกับสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานแล้ว ยังขัดต่อกติการะหว่างประเทศ ว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง (ICCPR.) อันเป็นกฎหมายระหว่างประเทศที่ราชอาณาจักรไทยเป็นภาคีอยู่ ครป.จึงมีข้อเรียกร้องให้รัฐบาลไทยจะต้องไม่ปฏิเสธความรับผิดชอบต่อการคุกคามเสรีภาพของบุคคลในวงการบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการดำเนินการโดยผู้ใดก็ตาม โดยให้ออกนโยบายที่ชัดเจนในการกำกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมทั้งหมดไม่ให้กลายเป็นเครื่องมือในการใช้คุกคามผู้เห็นต่างทางการเมือง เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ทั้งบุคคลในวงการบันเทิงและบุคคลทุกภาคส่วนในสังคม เนื่องจากการใช้กระบวนการทางกฎหมายปิดปากประชาชนที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลนั้นเป็นภารกิจที่ไม่ เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ เป็นภาระให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งสมควรเอาเวลาอันมีค่าไปช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากการจัดการที่บกพร่องของรัฐบาลมากกว่า นอกจากนี้ รัฐบาลไทยต้องยกเลิกคำสั่งแต่งตั้งคตส.โดยทันที เพราะสิ้นเปลืองงบประมาณ และละเมิดสิทธิมนุษยชน โดยการคุกคามโดยใช้มาตรการทางกฎหมายอย่างเป็นระบบเพื่อฟ้องร้องปิดปากประชาชนที่เห็นต่าง และรัฐบาลไทยต้องร่วมมือกับภาคธุรกิจอุตสาหกรรมบันเทิง ในการปกป้องคุ้มครองและรับรองสิทธิแรงงานของบุคคลในวงการบันเทิง เพื่อไม่ให้มีการไล่ศิลปินออกจากต้นสังกัดหรือยกเลิกสัญญาจ้าง ปฏิเสธการว่าจ้างงาน หรือเอาเรื่องการจ้างงานมาเป็นข้อข่มขู่ต่อรองต่อบุคคลในวงการบันเทิงที่แสดงความเห็นทางการเมืองในการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานที่ล้มเหลวของรัฐบาล ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต. ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. กล่าวถึงกรณีการดำเนินคดีกับ ดารา-นักแสดง และ ผู้มีชื่อเสียง กรณีการออกมาแสดงความคิดเห็นทางการเมืองว่า การแสดงความคิดเห็นต่างๆ นั้นสามารถทำได้เพราะเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชนคนไทย แต่การแสดงความคิดเห็นต้องอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย ส่วนกรณีนายอภิวัฒน์แจ้งความเอาผิดกับดารา นักร้อง และผู้มีชื่อเสียง ประมาณ 3 คนในท้องที่ สน.นางเลิ้งนั้นมีหนึ่งราย คือ น.ส.ดนุภา คณาธีรกุล หรือ มิลลิ แร็พเปอร์สาว ซึ่งได้เข้าพบตำรวจเปรียบเทียบปรับเรียบร้อยแล้ว ส่วนอีก 2 คน คือ นายยุทธเลิศ สิปปภาค หรือ ต้อม ยุทธเลิศ ผู้กำกับภาพยนตร์ ขอเลื่อนเข้าพบพนักงานสอบสวน และน.ส.พัชรพร จันทรประดิษฐ์ หรือน้ำ มิสแกรนด์ไทยแลนด์ ปี 2020 ขอเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง ในวันที่ 5 ส.ค. พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อว่า สำหรับกรณีนายสนธิญา ยื่นหนังสื่อถึง บช.น.ให้ตรวจสอบการคอลเอาต์ของดารา-นักร้อง และผู้มีชื่อเสียง เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบว่าบุคคลที่มีรายชื่อปรากฏได้กระทำตามที่ถูกกล่าวหา หากเป็นการกระทำโดยสุจริตก็ไม่ผิดกฎหมาย ซึ่งต้องไม่ก่อให้เกิดความมั่นคงต่อรัฐ และความวุ่นวายในบ้านเมือง และไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่นก็ไม่จำเป็นต้อง ตรวจสอบ ขณะนี้มีบุคคลที่มีชื่อเสียงที่ต้องรอตรวจสอบมากกว่า 25 คน มีทั้งเข้าข่ายความผิด และไม่เข้าข่ายความผิด ซึ่งต้องใช้เวลาเป็นอย่างมากในการรวบรวมพยานหลักฐาน ที่ประตู 3 ทำเนียบรัฐบาล ตัวแทนกลุ่ม ลิเบอร์ตา นำโดย นายธัญญศิษฐ์ อิงคยุทธวิทยา และนายสัณหณัฐ ศรัทธาพร เดินทางมาอ่านแถลงการณ์ถึงรัฐบาล และยื่นหนังสือผ่านตู้ไปรษณีย์ถึงนายกรัฐมนตรี พร้อมอ่านแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลฟังคำสั่งของประชาชนปฏิบัติ 5 ข้อ คือ ลดค่าเทอมและค่าบำรุงการศึกษาให้แก่นักศึกษาตั้งแต่ระดับประถมจนถึงมหาวิทยาลัย ทุกสถาบันการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนรัฐหรือเอกชน 50 เปอร์เซ็นต์อย่างน้อย 3 ปี จัดหาวัคซีนให้แก่ประชาชนโดยถ้วนหน้าในทุกยี่ห้อโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย กรณีเกิดผลข้างเคียงพิการหรือเสียชีวิตและต้องจ่ายเงินค่าเยียวยาชดเชยให้แก่ญาติผู้เสียชีวิต เยียวยาผู้ได้รับผลกระทบขั้นต่ำอย่างน้อย 80 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ปกติ พักชำระหนี้ทั้งต้นทั้งดอกในทุกอาชีพอย่างน้อย 3 ปี และเพิ่มเงินเดือนบุคลากรทางการแพทย์และบรรจุพนักงานสัญญาจ้างซึ่งปฏิบัติงานระหว่างการป้องกันและการรักษาผู้ติดเชื้อโควิดให้เป็นพนักงานประจำและบรรจุเป็นข้าราชการ ช่วงเย็นวันเดียวกัน ที่บริเวณเกาะกลาง 5 แยกลาดพร้าว กทม. กลุ่มมวลชนหมู่บ้านทะลุฟ้า นำโดย นายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน จัดกิจกรรม “หล่อเทียน ทำบุญประเทศ ขับไล่เสนียดจัญไร ออกไป ไอ้สัส” เป็นวันที่สาม โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.พหลโยธินได้นำกำลังมาดูแลพื้นที่การชุมนุมโดยรอบ และได้อ่านประกาศเตือนข้อกำหนดห้ามจัดกิจกรรมตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน และพยายามเจรจากับกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้ รุกล้ำเข้าไปบนผิวการจราจรจนมีปากเสียงกัน นิดหน่อย ก่อนจะแยกย้ายกันไป ส่วนบนเวที นายจตุภัทร์เป็นผู้ดำเนินการจัดการปราศรัย มีผู้ร่วมชุมนุมกว่า 100 คน เนื่องจากได้มีฝนโปรยปรายลงมาตลอดเวลา บริเวณโดยรอบผู้ชุมนุมได้นำป้ายผ้าเขียนข้อความต่างๆ ที่มีข้อความเกี่ยวกับวัคซีน และการไล่นายกฯ การปราศรัยมีการสลับสับเปลี่ยนกันขึ้นพูดถึงการบริหารการจัดการจัดหาวัคซีน และการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล และเชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมต่อสู้ขับไล่รัฐบาลเพื่อให้ได้รัฐบาลที่ดีกว่านี้ ต้องการรัฐสวัสดิการที่ดีกว่านี้ เพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่เคยเห็นหัวประชาชน เจ็ดปีที่ผ่านมากับรัฐบาลประยุทธ์ที่ไม่เคยฟังเสียงประชาชนเลย จึงเชิญชวนให้ช่วยกันออกมาส่งเสียงกันขับไล่รัฐบาล เหตุการณ์ทั่วไปเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และยุติลงในเวลา 19.00 น.พร้อมกับนัดทำกิจกรรมในวันที่ 24 ก.ค.ที่แยกราชประสงค์

หล่อเทียนไล่ – กลุ่มมวลชนหมู่บ้านทะลุฟ้า นำโดย ‘ไผ่ ดาวดิน’ จัดกิจกรรม หล่อเทียนขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บริเวณเกาะกลาง 5 แยกลาดพร้าว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 23 ก.ค.

คาร์ม็อบ – กลุ่มแนวร่วมเยาวชนโคราชมูฟเม้นท์ และคนโคราชรักประชาธิปไตย จัดคาร์ม็อบขับไล่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เคลื่อนขบวนรถยนต์และจักรยานยนต์ไปตามเส้นทางในอ.เมือง จ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 23 ก.ค.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน