พท.ชำแหละทร.
‘จีทูจี’เรือดำน้ำ

เพื่อไทยย้ำยื่นซักฟอกเดือนส.ค. ปลุกประชาชนส่งข้อมูลทุจริตหวังล้มบิ๊กตู่-รัฐบาล‘ยุทธพงศ์’ งัดหลักฐานกองทัพเรือทำจีทูจีเรือดำน้ำเก๊ ขู่ 27 ก.ค.ชี้แจงกมธ.ไม่ได้ ตัดงบเหี้ยน ก้าวไกลระบุเสียความรู้สึก ก.ต่างประเทศชงซื้อเครื่องอุ่นจาน ตู้แช่ไวน์ แฉข้องใจพฤติกรรมกมธ.ไม่ชอบมาพากล ทั้งเรียกเข้าห้องเย็น-ขู่เชือด-ของข้าใครอย่าแตะ-ขอทอนคืน ‘บิ๊กช้าง’ เร่งถกโผทหารรอบแรกก่อนชง ‘บิ๊กตู่’ เคาะสัปดาห์หน้า

‘บิ๊กตู่’ชวนเว้นอบายมุข-ลดเสี่ยงโควิด

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจําสํานักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เชิญชวนประชาชนงดเหล้า เลิกบุหรี่ ละเว้นอบายมุขในช่วงเข้าพรรษา 2564 เพื่อดูแลสุขภาพตัวเอง ทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจให้เข้มแข็งในช่วงที่สถานการณ์โควิด-19 กำลังระบาดรุนแรงทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ซึ่งการละเว้นอบายมุขทุกประเภท แล้วหันมาดูแลตัวเอง จะทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรง ทั้งร่างกายและจิตใจ มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคภัยไข้เจ็บ นอกจากนี้ ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

“นายกฯ มีความห่วงใยประชาชนในเรื่องดังกล่าว จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มการรณรงค์ให้ประชาชนตระหนักถึงพิษภัยของเหล้า บุหรี่ และสิ่งอบายมุขทั้งปวง พร้อมสร้างแรงจูงใจในการออกกำลังกาย แม้ในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ภาครัฐจะขอให้งดเดินทางออกนอกบ้าน แต่ก็สามารถออกกำลังกายภายในบ้านหรือที่พัก รัฐบาลต้องการให้ประชาชนมีสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจที่ แข็งแรง สิ่งสำคัญคือการงดเหล้า เลิกบุหรี่และอบายมุข ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้อีกทางหนึ่ง โดยการลด ละ เลิกอบายมุข ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากในสถานการณ์เช่นนี้” น.ส.ไตรศุลีกล่าว

เพื่อไทยโหมศึกซักฟอก

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 ของรัฐบาลว่า พล.อ.ประยุทธ์หมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไป เพราะความล้มเหลวผิดพลาดในทางนโยบาย ทำให้พี่น้องประชาชนยากลำบากอย่างแสนสาหัส พรรคเพื่อไทยไม่อาจปล่อยให้รัฐบาล อยู่ต่อ และสร้างความยากลำบากให้คนไทยมากไปกว่านี้ได้อีก จึงมีมติที่จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในช่วงเดือนส.ค.นี้ เชื่อว่าจะเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่พี่น้องประชาชนให้ความสนใจสูงที่สุด คาดหวังอย่างยิ่งว่าจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ให้พวกเขารอดพ้นจากภัยพิบัติและเคราะห์กรรมครั้งนี้ ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะตัวนายกฯ และรัฐบาล

พรรคเพื่อไทยมุ่งมั่นที่จะใช้การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เป็นก้าวแรกในการนำพาพี่น้องประชาชนไปสู่ทางออกจากวิกฤต ใช้กลไกสภาในการสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองตามกติกาประชาธิปไตย จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกับพรรคเพื่อไทยโดยร่วมกันส่งข้อมูล ความผิดพลาดบกพร่องล้มเหลว รวมไปถึงพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชั่นประพฤติมิชอบของรัฐบาลนี้ มายังศูนย์โควิด-19 พรรคเพื่อไทย เพื่อรวบรวมใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เบอร์โทรศัพท์ 06-1234-4500 อีเมล์ [email protected]

ชำแหละงบ – นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงชี้พิรุธสัญญาการจัดซื้อเรือดำน้ำแบบจีทูจี พร้อมกับให้กองทัพเรือชี้แจงโครงการจัดหาอากาศยานไร้คนขับประจำฐานบินชายฝั่ง 3 ตัว งบฯ 4,100 ล้านบาท ที่พรรคเพื่อไทย เมื่อวันที่ 25 ก.ค.

เปิดหลักฐานจีทูจีเรือดำน้ำเก๊

ที่พรรคเพื่อไทย นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร หรือโจ้ ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย โฆษกคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 แถลงว่า ในการประชุม กมธ.งบเมื่อวันที่ 22 ก.ค. อนุกมธ.ครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน พิจารณากองทัพบก (ทบ.) จากที่มียอดของบ 15,337 ล้านบาท ตัดไป 1,100 ล้านบาท กองทัพอากาศ (ทอ.) 11,540 ล้านบาท ถูกตัด 510 ล้านบาท ขณะที่กองทัพเรือ (ทร.) ของบ 7,490 ล้านบาท แต่ถูกอนุกมธ.แขวนงบไว้ เพราะมีข้อสงสัยในความไม่โปร่งใสของสัญญาจัดซื้อจีทูจีระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีนว่าจริงหรือเก๊ ซึ่งตนขอใช้คำว่า จีทูจีเก๊ จะฟ้องก็ฟ้องมาเลยเพราะน่าสงสัย

ทร.ทำหนังสือถึงจีนขอซื้อเรือ 2 ลำ คือเรือยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ หรือเรือแอลพีดี มูลค่า 6,200 ล้านบาท เป็นเรือที่ไม่มีระบบอาวุธปืน เป็นเรือเปล่าๆ และเรือดำน้ำลำที่ 1 มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท เมื่อกมธ. งบชุดใหญ่ร้องขอให้ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. ส่งสัญญาการจัดซื้อมาให้ดู เพราะมีค่างวดของเรือดำน้ำที่ต้องจ่ายในปีงบประมาณ 2565 จำนวน 1,145 ล้านบาท ขณะที่ค่างวดเรือแอลพีดี 1,674 ล้านบาท แต่ ทร.ไม่ยอมเอามาให้ จึงมีมติแขวนงบ แล้วให้มาชี้แจงในวันที่ 27 ก.ค. หากอ้างว่าสัญญาจัดซื้อเรือดังกล่าวเป็นความลับ กมธ.จะตัดงบทิ้งให้หมด

ทั้งนี้ รัฐบาลจีนมอบให้ บริษัท China Shipbuilding and Offshore International Company (CSOC) เป็นตัวแทนมาลงนาม ขณะที่รัฐบาลไทยมี พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีตผบ.ทร.เป็นตัวแทนลงนาม เวลาจ่ายเงินทร.โอนเงินผ่านบัญชีของบริษัท CSOC

เล็งตัดซื้อโดรน 3 ลำของทร.

นายยุทธพงศ์กล่าวว่า โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ มูลค่าทั้งหมดประมาณ 44,222 ล้านบาท มีทั้งหมด 9 โครงการ เป็นงบผูกพัน นอกจากจะจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 1 จัดซื้อเรือแอลพีดี โครงการจัดหาเรือดำน้ำใหม่อีก 2 ลำ ซึ่งยังไม่ได้ลงนามในสัญญา ยังมีโครงการก่อสร้างท่าจอดเรือดำน้ำและอาคารสนับสนุนบริเวณท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ ระยะที่ 1 มูลค่า 900 ล้านบาท ซึ่งตนขอแฉว่าเป็น จีทูจีเก๊ เพราะตนได้ประกาศของ ทร.ลงวันที่ 23 เม.ย.2564 ลงนามโดย พล.ร.ต.พิชัย ล้อชู สกุล เจ้ากรมช่างโยธาทหารเรือ เป็นประกาศผู้ชนะโครงการก่อสร้างดังกล่าว ใช้วิธีเฉพาะเจาะจง บริษัทที่ได้รับคัดเลือกคือ บริษัท CSOC เสนอราคาประมาณ 857 ล้านบาท

เมื่อดูรายละเอียด ทำแค่งานขุดลอก บำรุงรักษาร่องน้ำและงานเขื่อนกันคลื่น มูลค่า 833 กว่าล้านบาท ค่าใช้จ่ายพิเศษ 24 ล้านบาท ถามว่าแค่งานขุดลอกกับทำเขื่อนต้องให้รัฐบาลจีนมาทำให้เลยหรือ และคิดว่าบริษัท CSOC ไม่ใช่รัฐบาลจีน ถ้าวันที่ 27 ก.ค.นี้ ทร.ไม่นำสัญญามาให้ดู แสดงว่าท่านไม่ตรงไปตรงมาแล้ว มีปัญหาเรื่องจีทูจีแน่นอน

นอกจากนี้ ทร.ยังมีโครงการใหม่ในปี 2565 เป็นโครงการจัดหาอากาศยานไร้คนขับประจำฐานบินชายฝั่ง 3 ตัว งบ 4,100 ล้านบาท ซึ่งทร.มีเอกสารเปรียบเทียบราคาทั้งของอิสราเอลและจีน แต่บริษัทของอิสราเอลต้องตกไปเพราะเสนอขายเพียง 2 ตัว ขณะที่จีนเสนอมา 3 ตัว รุ่นวิง ลอง 2 ยูเอวี ตรงกับเอกสารของ ทร.ลำละ 1,400 ล้านบาท ซึ่งทร.ยังไม่ได้มาชี้แจง ถามว่าโดรนราคาขนาดนี้จะซื้อมาทำไม ตนอยู่ในอนุกมธ.ครุภัณฑ์ฯ หากทร.ไม่สามารถชี้แจงความจำเป็นในการซื้อโดรนได้ ก็ต้องขอปรับลดงบในส่วนนี้

ก้าวไกลอึ้ง-กต.ชงซื้อตู้แช่ไวน์

ที่ทำการพรรคก้าวไกล อาคารอนาคตใหม่ นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล แถลงว่า ในฐานะกมธ.งบประมาณ ในสัดส่วนของพรรคก้าวไกล วันนี้กมธ.ชุดใหญ่ได้พิจารณาครบทุกกระทรวงแล้ว พบว่าการจัดสรรงบของรัฐบาลที่ให้กับหน่วยงานราชการต่างๆ มีความล้มเหลว และไม่สอดคล้องสถานการณ์ในปัจจุบันที่ประชาชนต้องเผชิญกับวิกฤต เช่น กระทรวงการต่างประเทศ(กต.) ที่ของบจัดซื้อรถให้ท่านทูตคันละ 3-4 ล้านบาท จำนวน 14 คัน ขอซื้อผ้าม่าน เครื่องอุ่นจาน งบปรับปรุงสนามเทนนิส กระทรวงวัฒนธรรม ของบกิจกรรมท้องถิ่นของชายแดนภาคใต้ แต่กลับนำมาจัดงานแฟชั่นวีกในกรุงเทพฯ

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการใช้อำนาจทางการเมืองเข้าไปแทรกแซงการทำงานของราชการเพื่อเอื้อผลประโยชน์ให้กับฐานเสียงของพรรคพวกของตนเอง เช่น ในห้องประชุมที่มีการถามถึงการจัดสรรวัคซีนว่าทำไมมีบางจังหวัดที่ได้รับในสัดส่วนที่สูงทั้งที่ไม่ใช่พื้นที่สีแดง ไม่ใช่จังหวัดเป้าหมายหลักในการท่องเที่ยว

ขอเรียกร้องให้มีการเปิดเผยให้โปร่งใสในขั้นตอนการพิจารณาที่เพิ่มมากขึ้นคือ 1.มีการจัดเอกสารฝ่ายเอ็กซ์เซล 2.เอกสารที่หน่วยงานมอบให้กมธ. และอนุกมธ.ใช้ในการพิจารณาต้องส่งล่วงหน้าและสามารถอัพโหลดเป็นไฟล์ดิจิตอลได้ และ3.การ ประ ชุมกมธ. อนุกมธ. ต้องถ่ายทอดสด ช่องทางใดช่องทางหนึ่งและบันทึกเก็บไว้ได้ เรามองว่ามีบางโครงการที่ควรถูกตัดงบ เช่น โครงการให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับ เมียนมา โครงการสนับสนุนกิจกรรมหลวง ของกระทรวงมหาดไทย

โอนงบผิดหลักการ-ซ้ำซ้อน

ด้านนายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การพิจารณาในชั้นอนุกมธ.จะเห็นได้ว่าหน่วยงานราชการยังจัดทำงบแบบปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เราเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาด รวมทั้งยังมีปัญหาเรื่องการโอนงบไปใช้อย่างผิดหลักการของฝ่ายความมั่นคง เช่น กองทัพที่โอนงบการซื้อยุทโธปกรณ์ไปจ่ายค่าสาธารณูปโภค และกรมฝนหลวงที่ได้งบซื้อเครื่องเดินอากาศมาแล้ว แต่โอนไปจ่ายค่ารับรองการประชุม สาธารณูปโภค และตกแต่งอาคารสถานที่แทน

ขณะที่หน่วยงานราชการยังมีการจัดตั้งหน่วยงานที่ซ้ำซ้อน เช่น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ที่ทำหน้าที่ทั้งเฝ้าระวังโควิด จัดการปัญหายาเสพติด จัดการแรงงานข้ามชาติ จัดการราคาพืชผลที่ตกต่ำ ซึ่งทำทุกภารกิจซ้ำซ้อนกับหน่วยงานอื่นแล้วยังมาของบเพื่อทำบิ๊กดาต้าอีก และปัญหาที่เจอคือการมียุทธศาสตร์ชาติทำให้มีงบประมาณที่สูงผิดปกติ เพราะระบุให้หน่วยงานต่างๆ ทำนั้นซ้ำซ้อนกัน

การขอซื้อบางอย่างเห็นแล้วก็เสียความรู้สึก เช่น ซื้อเครื่องอุ่นจาน เครื่องคั้นผลไม้แบบแยกกาก ตู้แช่ไวน์ ส่วนกรมประชาสัมพันธ์จะ จัดทำแอพพลิเคชั่นแอนตี้เฟกนิวส์ ในงบ 50 ล้านบาท ซึ่งซ้ำซ้อนกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม อีกทั้งสำนักงานเลขาธิการทำเนียบรัฐบาลจะปรับปรุงระบบรักษาความปลอดภัยของทำเนียบ ใช้งบกว่า 50 ล้านบาท แต่สุดท้ายอนุกมธ.ก็เลือกตัดงบแบบล่ำซำคือให้หน่วยงานเป็นคนเลือกตัดเอง ปัญหาที่พบตนมองว่าเกิดจากความบกพร่องของกลไกการตรวจสอบถ่วงดุลที่ใช้อยู่ในปัจจุบันนี้

เปิด 4 ข้อข้องใจ

นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า มี 4 ข้อข้องใจในการพิจารณางบคือ 1.เข้าห้องเย็น คือการเจรจานอกรอบ แบบลับๆ ของหน่วยงานที่จะเข้าพบกมธ. ซึ่งการเจรจาแบบนี้ห้ามยาก 2.การขู่เชือดหนัก กรณีนี้มีบ้างแต่ไม่มาก เช่น กมธ.บางท่านขู่จะตัดงบ 20% หรือ 50% พอข้าราชการเจอแบบนี้ก็กลัว มีโอกาสให้เรียกเข้าพบเพื่อขอเคลียร์ ซึ่งทางพรรคมองว่าการขู่หนักแบบนี้มันเกินงามไป

3.ของข้าใครอย่าแตะ ถือเป็นความสุดโต่ง ซึ่งงบต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะมีบางกรมบางหน่วยงานที่มีองครักษ์มาปกป้องแตะไม่ได้เลย และ4.ขอทอนคืน คือพรรคเราเหนื่อยใจมาก เพราะพยายามตัดลดไขมันแล้ว และหน่วยงานเองก็ยอมตัดลดแล้ว แต่มีกมธ.บางท่านที่อยากเอาใจหน่วยงานเสนอให้ไม่ต้องปรับลด แล้วใช้เสียงข้างมากดันผ่าน การตัดได้แล้วทอนคืนไปมันถูกต้องแล้วหรือไม่

‘บิ๊กช้าง’ถกโผทหารรอบแรก

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงาน ความคืบหน้าการจัดบัญชีรายชื่อโยกย้ายนายทหารประจำปี 2564 ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้มอบหมายให้ ‘บิ๊กช้าง’ พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม หารือกับ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) และผู้บัญชาการเหล่าทัพ เพื่อพิจารณาส่งบุคคลไปดำรงตำแหน่งข้ามหน่วย ระหว่างสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการกองทัพไทย และเหล่าทัพ โดยเป็นการหารือทางระบบออนไลน์

ในการประชุมได้หารือกรณีที่จะส่ง พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ เสนาธิการทหารบก มาเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ทำให้ตำแหน่งรองปลัดกระทรวงกลาโหม ต้องเป็นคนในสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม

ในส่วนของกองบัญชาการกองทัพไทย ต้องรอให้ พล.อ.ประยุทธ์ เคาะชื่อคนที่จะมานั่งเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคง (สมช.) แทน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่เกษียณอายุราชการ ก.ย.นี้

ส่วนกองบัญชาการกองทัพไทย มีชื่อพล.อ.สุพจน์ มาลานิยม (ตท.22) เสธ.ทหาร และพล.อ.ณตฐพล บุญงาม (ตท.21) ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ชัชชัย ภัทรนาวิก (ตท.21) ที่ปรึกษา สมช. แคนดิเดตในตำแหน่งดังกล่าวด้วย

กระแสกดดัน‘บิ๊กอุ้ย-บิ๊กแอร์บูล’แรง

นอกจากนั้น พล.อ.ชัยชาญยังได้หารือถึงผู้มาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) โดย ‘บิ๊กอุ้ย’ พล.ร.อ.ชาติชาย ศรีวรขาน ผบ.ทร. กำลังได้รับแรงกดดันทั้งภายในและภายนอก โดยคนกองทัพเรือต้องการให้เลือก 2 แคนดิเดต ระหว่าง พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ เสนาธิการทหารเรือ (ตท.21) และ พล.ร.อ.สุทธินันท์ สมานรักษ์ ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ (ตท.22)

โดยคัดค้านคนนอกอย่าง พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย รองปลัดกระทรวงกลาโหมอาวุโสสูงสุด (ตท.20) เนื่องจากมีการส่งออกนอกกองทัพเรือไป 2 ปีแล้ว และยังเป็นการขวางคนในที่จะเติบโตขึ้นมา ขณะเดียวกัน พล.ร.อ.ชาติชาย ต้องรับแรงกดดันจากภายนอก เพราะทั้ง พล.อ.ณัฐ พล.ร.อ.สมประสงค์ และ พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ เสนาธิการทหารบก ที่จะถูกโยกมานั่งเป็นปลัดกระทรวงกลาโหม ต่างเป็นเพื่อนร่วมรุ่น (ตท.20)

ส่วนตำแหน่งผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) คนใหม่ ได้สอบถามนอกรอบไปยัง พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผบ.ทอ. ว่าจะเลือกเพื่อน คือพล.อ.อ.สฤษฎ์พงศ์ วัฒนวรางกูร ผบ.คปอ. และพล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ประธานที่ปรึกษาทอ. หรือ เลือกน้อง คือ พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา เสธ.ทอ. (ตท.23) แต่ พล.อ.อ.แอร์บูล ยังไม่ให้คำตอบ คาดว่าจะได้ข้อสรุปทั้งหมดในสัปดาห์หน้า

จี้แก้สิทธิมนุษยชน‘บางกลอย’

จากกรณีรัฐบาลไทยนำเสนอพื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจานเพื่อรับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกทางธรรมชาติ ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก สมัยสามัญ ครั้งที่ 44 ระหว่างวันที่ 16-31 ก.ค. 2564 ที่ประเทศจีน โดยการพิจารณาจะเกิดขึ้นในวันที่ 26 ก.ค.

เมื่อวันที่ 25 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภาคีเซฟบางกลอยออกแถลงการณ์ภาคี #SAVEบางกลอยเรื่อง มรดกโลก (ต้อง) ไม่ใช่มรดกเลือด รัฐไทยต้องแก้ปัญหา“สิทธิมนุษยชน” ก่อนขึ้นทะเบียนมรดกโลกกลุ่มป่าแก่งกระจาน โดยมีเนื้อความสำคัญว่า ภาคี #SAVEบางกลอย ในฐานะภาคีเครือข่ายภาคประชาชนในฐานะที่ทำงานร่วมกับชาวบ้านบางกลอยได้ติดตามความคืบหน้าในกรณีการขอขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลกยืนยันว่า ข้อมูลที่รัฐบาลไทยได้นำเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลกนั้นไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่

“ชาวบ้านประสบปัญหาด้านสุขภาวะและปัญหาปากท้องอย่างหนัก เกิดจากการบังคับใช้กฎหมายและการประกาศพื้นที่ป่าทับซ้อนพื้นที่ชุมชนดั้งเดิม มีการกีดกันไม่ให้ชาวบ้านเข้าถึงการใช้ประโยชน์จากฐานทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ดั้งเดิมของบรรพบุรุษ และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เห็นชัดเจนว่ากลุ่มชาติพันธุ์ที่บ้านบางกลอยถูกทิ้งไว้ข้างหลังเสมอ ทั้งยังมีสมาชิกในชุมชนถูกจับ ถูกตั้งข้อหาบุกรุกในที่ตั้งดั้งเดิมของตัวเอง มีภาพความรุนแรงลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต่อชาวปกาเกอะญอในกลุ่มป่าแก่งกระจาน มีการต่อสู้ที่ต้องแลกด้วยชีวิตของ บิลลี่-พอละจี รักจงเจริญ และทนายป๊อด-ทัศน์กมล โฮบอ้อม”

ภาคี #SAVEบางกลอย ไม่ได้มีเจตนาที่จะคัดค้านการขึ้นทะเบียนมรดกกลุ่มป่าแก่งกระจาน เพียงแต่เรามีความกังวลว่า การพิจารณาครั้งนี้จะเป็นการปฏิเสธสิทธิการอยู่อาศัยบนผืนดินบรรพบุรุษของชาวกะเหรี่ยงบางกลอยและชุมชนอื่น จึงขอส่งเสียงไปยังคณะกรรมการมรดกโลก และ UNESCO ว่า ต้องเลื่อนการพิจารณาขึ้นทะเบียนกลุ่มป่าแก่งกระจานไป ต้องหยุดมรดกโลกที่ได้มาด้วยเลือด และคืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ต่อกลุ่มชาติพันธุ์ นี่คือถ้อยแถลงจากชาวบ้าน และจากพวกเราในนามประชาชนคนไทยผู้รักความเป็นธรรมและเพื่อนร่วมโลก คนต้องเท่ากัน ชาติพันธุ์ก็คือคน

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน