แจ้งจนท.บุกเข้าช่วยกลางกรุง ทำสถิติสยอง-ดับเบิลนิวไฮ ป่วยถึง17,669-เสียชวต165 ไฟเซอร์มะกัน1.5ล.ถึงไทยวันนี้

สลด 2 พ่อเฒ่าตายคาบ้านพักย่านดินแดง ขณะที่แม่เฒ่าวัย 75 น้องสาวป่วยโควิดเฝ้าศพนาน 6 วัน เพื่อนบ้านได้กลิ่นเหม็น โทร.แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าไปช่วยเหลือ ขณะที่โควิดดับเบิลนิวไฮอีก ติดเชื้อรายวัน 17,669 ตายอีก 165 พบ 40 จังหวัดป่วยเกินร้อยต่อวัน เจออีก 10 คลัสเตอร์ใหม่ใน 7 จังหวัด รง.พลาสติกที่สามพรานป่วยรวดเดียว 621 ราย ส่วนสมุทรปราการเสียชีวิตวันเดียว 32 ราย ป่วยอีก 810 สมุทรสาครติดเชื้อ 1,175 อยุธยา 354 นครปฐมเจออีก 379 สหรัฐส่งไฟเซอร์ 1.5 ล้านโดสถึงไทยแล้ว “แทมมี่ ดั๊กเวิร์ธ’ ส.ว.มะกันเชื้อสายไทยระบุสหรัฐบริจาคให้ 2.5 ล้านโดส ส่วนอังกฤษบริจาค แอสตร้าฯ ให้ไทย 4.1 แสนโดส จะมาถึง 1-2 สัปดาห์ ขณะสวิสให้ชุดตรวจแอนติเจนอีก 1.1 ล้านชุด พร้อมเครื่องช่วยหายใจอีก 102 เครื่อง ‘บิ๊กตู่’ ปลื้มอังกฤษให้วัคซีน

นิวไฮอีกติดเชื้อ 17,669-ตาย 165

เมื่อวันที่ 29 ก.ค. ศูนย์บริหารสถานการณ์ หรือศบค. เปิดเผยข้อมูลสถานการณ์โรคโควิด-19 ประจำวันว่า ประเทศไทยมี ผู้ติดเชื้อรายใหม่ 17,669 ราย ยอดติดเชื้อสะสม 561,030 ราย รักษาหายเพิ่ม 9,798 ราย หายป่วยสะสม 370,492 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 165 ราย เสียชีวิตสะสม 4,562 ราย ยังรักษาอยู่ 185,976 ราย อยู่ในร.พ. 69,152 ราย ร.พ.สนามและอื่นๆ 116,824 ราย อาการหนัก 4,511 ราย ใส่เครื่องช่วยหายใจ 1,001 ราย มีการฉีดวัคซีนเพิ่มเมื่อวันที่ 27 ก.ค. 164,270 โดส รวมฉีดวัคซีนสะสม 16,591,329 โดส ทั้งนี้ผู้ติดเชื้อ 17,669 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 17,391 ราย โดยสัดส่วนมาจาก 67 จังหวัดรวมกันสูงสุด 8,658 ราย กทม.และปริมณฑล 7,875 ราย 4 จังหวัดภาคใต้ 858 ราย และเรือนจำ 261 ราย ส่วนผู้ติดเชื้อเดินทางมาจากต่างประเทศมี 17 ราย ได้แก่ รัสเซีย โคลัมเบีย ประเทศละ 1 ราย อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ประเทศละ 2 ราย มาเลเซีย 4 ราย เข้ามาตามช่องทางธรรมชาติทั้งหมด และเมียนมา 7 ราย เข้ามาตามช่องทางธรรมชาติ 6 ราย สำหรับผู้เสียชีวิต 165 ราย มาจาก กทม. 58 ราย สมุทรปราการ 32 ราย ปทุมธานี 17 ราย นนทบุรี 9 ราย สมุทรสาคร 6 ราย นครปฐม ปัตตานี จังหวัดละ 5 ราย นราธิวาส กาญจนบุรี ฉะเชิงเทรา จังหวัดละ 4 ราย นครสวรรค์ เพชรบุรี จังหวัดละ 3 ราย นครราชสีมา ร้อยเอ็ด ชลบุรี ระยอง จังหวัดละ 2 ราย สงขลา ระนอง บุรีรัมย์ อุบลราชธานี ตราด สมุทรสงคราม และอุทัยธานี จังหวัดละ 1 ราย เป็นชาย 94 ราย หญิง 71 ราย อายุ 22-99 ปี โรคประจำตัวยังเป็นความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคไต และโรคอ้วน ติดเชื้อจากคนในครอบครัว ผู้ใกล้ชิด นอนในร.พ.นานสุดก่อนเสียชีวิต 29 วัน เฉลี่ย 9 วัน พบการเสียชีวิตที่บ้าน 21 ราย จากสมุทรปราการ 12 ราย ปทุมธานี 7 ราย ร้อยเอ็ดและฉะเชิงเทรา จังหวัดละ 1 ราย

กทม.ป่วยพุ่งวันเดียวเกือบ 4 พัน

สำหรับจังหวัดที่ติดเชื้อเกิน 100 ราย พบสูงขึ้นรวมถึง 40 จังหวัด โดย 10 จังหวัดรายงานติดเชื้อสูงสุด ได้แก่ 1.กทม. 3,963 ราย สะสม 145,223 ราย 2.สมุทรสาคร 1,172 ราย สะสม 28,144 ราย 3.นครปฐม 984 ราย สะสม 11,670 ราย 4.ชลบุรี 982 ราย สะสม 23,504 ราย 5.สมุทรปราการ 810 ราย สะสม 36,315 ราย 6.นนทบุรี 633 ราย สะสม 22,794 ราย 7.ฉะเชิงเทรา 589 ราย สะสม 9,481 ราย 8.ระยอง 394 ราย สะสม 6,554 ราย 9.ปทุมธานี 313 ราย สะสม 18,823 ราย และ 10.อุดรธานี 303 ราย สะสม 3,382 ราย ส่วนอีก 30 จังหวัด ได้แก่นครสวรรค์ 147 ราย, พระนครศรีอยุธยา 221 ราย, ลพบุรี 124 ราย, สระบุรี 260 ราย, สุโขทัย 141 ราย, สุพรรณบุรี 156 ราย, อ่างทอง 113 ราย, ปราจีนบุรี 196 ราย, อุตรดิตถ์ 104 ราย, กาฬสินธุ์ 125 ราย, ขอนแก่น 157 ราย, ชัยภูมิ 172 ราย, นครพนม 111 ราย, นครราชสีมา 192 ราย, บุรีรัมย์ 240 ราย, มหาสารคาม 151 ราย, ยโสธร 107 ราย, ร้อยเอ็ด 205 ราย, ศรีสะเกษ 251 ราย, สกลนคร 102 ราย, สุรินทร์ 221 ราย, อุบลราชธานี 302 ราย, กาญจนบุรี 224 ราย, ตาก 157 ราย, เพชรบุรี 120 ราย, ราชบุรี 118 ราย, นราธิวาส 255 ราย, ปัตตานี 168 ราย, ยะลา 220 ราย และสงขลา 215 ราย

เจอ 10 คลัสเตอร์ใหม่ 7 จว.

คลัสเตอร์ใหม่วันนี้ ได้แก่ 1.สมุทรสาคร 4 คลัสเตอร์ ได้แก่บริษัทค้าส่งอาหารทะเล อ.เมือง ติดเชื้อ 23 ราย โรงงานเนื้อปลาบด อ.เมือง ติดเชื้อ 16 ราย บริษัทอาหารสัตว์ อ.เมือง ติดเชื้อ 11 ราย และโรงงานปลาป่น อ.เมือง ติดเชื้อ 14 ราย 2.นครปฐม โรงงานบรรจุภัณฑ์พลาสติก อ.สามพราน ติดเชื้อ 621 ราย 3.ชลบุรี บริษัทแผงวงจร อ.บ้านบึง ติดเชื้อ 12 ราย 4.ระยอง บริษัทเครื่องพิมพ์ อ.ปลวกแดง ติดเชื้อ 10 ราย 5.พระนครศรี อยุธยา บริษัทอุปกรณ์การแพทย์ อ.นครหลวง ติดเชื้อ 17 ราย 6.ปราจีนบุรี บริษัทเครื่องใช้ไฟฟ้า อ.กบินทร์บุรี ติดเชื้อ 29 ราย และ 7.เพชรบูรณ์ ชุมชนรอบโรงงาน อ.ศรีเทพ ติดเชื้อ 32 ราย








Advertisement

สหรัฐบริจาคไฟเซอร์ 2.5 ล.โดส

พ.ท.หญิง ลัดดา แทมมี ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐเชื้อสายไทย เปิดเผยว่า สหรัฐเตรียมส่งวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ให้ไทยทั้งสิ้น 2.5 ล้านโดส โดยจัดส่งชุดแรกให้ไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านโดส “เราตระหนักดีว่าโรคระบาดไม่จำกัดพรมแดน หากเกิดเหตุฉุกเฉินทางสาธารณสุขในภูมิภาคหนึ่งจะไม่มีภูมิภาคใดที่ปลอดภัย ดิฉันทราบถึงประกาศล่าสุดที่เราส่งวัคซีน โควิดไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านโดส ให้แก่ไทยซึ่งที่จริงแล้วจะมีทั้งสิ้น 2.5 ล้านโดส แต่การจัดส่งชุดแรกมีวัคซีน 1.5 ล้านโดส” วุฒิสมาชิกสหรัฐเชื้อสายไทยผู้นี้กล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยเปิดแถลงข่าวผ่านระบบออนไลน์ในวันศุกร์ที่ 30 ก.ค. เวลา 08.30-09.00 น. เกี่ยวกับการมาถึงของวัคซีนไฟเซอร์ที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพจำนวน 1.5 ล้านโดสที่บริจาคโดยสหรัฐ และมีกำหนดถึงประเทศไทยในวันศุกร์ที่ 30 ก.ค.นี้ การบริจาคครั้งนี้อยู่ภายใต้แผนการของประธานาธิบดีไบเดนที่จะแบ่งปันวัคซีน โควิด-19 จำนวน 80 ล้านโดสของสหรัฐให้กับนานาประเทศทั่วโลกเพื่อช่วยยุติโรคระบาดใหญ่นี้ ในแผนการบริจาคดังกล่าว สหรัฐจะมอบวัคซีนกว่า 23 ล้านโดสให้กับประเทศต่างๆ ในเอเชีย ซึ่งจะช่วยชีวิตผู้คนในประเทศไทยและภูมิภาคนี้

ชุดแรก 1.5 ล.โดสถึงไทยแล้ว

ด้านนพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวถึงกรณีความคืบหน้าวัคซีนไฟเซอร์ล็อตบริจาค 1.5 ล้านโดสว่า วัคซีนไฟเซอร์ที่สหรัฐอเมริกาบริจาคให้ไทย 1.5 ล้านโดส ขณะนี้เห็นรูปถ่ายมาจากอเมริกา โดยของอยู่บนเครื่องบินกำลังมาถึงไทย คาดว่าจะมาถึงเช้าประมาณ 04.00 น. วันที่ 30 ก.ค. สามารถไปตรวจสอบกันได้ โดยวัคซีนมาแล้วจะเก็บเข้าคลังวัคซีนที่กำหนดไว้ เพราะต้องเก็บในอุณหภูมิ -70 องศาเซลเซียส ซึ่งเตรียมการไว้แล้วเมื่อกระจายไปหน่วยฉีดจะนำไปเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ซึ่งจะอยู่ได้นาน 4 สัปดาห์ จึงต้องรีบเอาออกมาใช้ โดยการใช้วัคซีนไฟเซอร์จะแตกต่างจากวัคซีนที่เราเคยใช้อย่างแอสตร้าเซนเนก้า หรือซิโนแวคที่ดูดจากขวดวัคซีนมาฉีดได้เลย แต่ไฟเซอร์ต้องผสมน้ำเกลือให้ได้สัดส่วน เพราะเป็นวัคซีนเข้มข้น โดยดูดจากขวดใหญ่ไปฉีด ซึ่ง 1 ขวดฉีดได้ 6 คน “เรามีการเตรียมการเรื่องเก็บรักษา การผสมวัคซีน การนัดหมายการฉีด โดยจะอบรมบุคลากรในจุดฉีดที่เกี่ยวข้องที่เป็นร.พ.ทั่วประเทศอีกครั้งวันที่ 30 ก.ค.ในระบบออนไลน์ เมื่อวัคซีนมา อบรมเรียบร้อย จัดกลุ่มเป้าหมายในการฉีด โดยมีคณะกรรมการกำหนดส่งไปฉีดกลุ่มไหน หลักการเบื้องต้น ศบค.เห็นชอบเรียบร้อยแล้ว จะประกาศว่ากระจายไปจุดไหนอย่างไร ฉีดให้กลุ่มไหนบ้างในระยะต่อไป ส่วนข่าวคืบหน้าสหรัฐ ประสงค์บริจาควัคซีนเพิ่มเติม หากมีความคืบหน้าในการหารือ จะรอสหรัฐประกาศยืนยันอีกครั้ง คงแจ้งข่าวให้ทราบต่อไป” นายธานี แสงรัตน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศกล่าวถึงความคืบหน้าการจัดหาวัคซีนของสถานทูตไทยในสหรัฐว่า สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงวอชิงตันตรวจสอบกรณีวัคซีนของสหรัฐที่คงเหลืออยู่ในคลังเพื่อขอเจรจารับวัคซีนเพิ่มเติมได้นั้น สถานทูตได้ตรวจสอบกับทั้งกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ทำเนียบขาว ได้รับแจ้งว่าขณะนี้วัคซีนส่วนเกินที่อยู่ในคลังของมลรัฐต่างๆ ในสหรัฐยังไม่มีมาตรการส่งวัคซีนเพื่อบริจาคหรือขายต่อให้กับประเทศอื่น อย่างไรก็ตามสถานทูตไม่ได้ละความพยายาม กำลังประสานงานกับบุคคลต่างๆ เพื่อย้ำสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยและขอรับการสนับสนุนการส่งมอบวัคซีนที่หน่วยงานราชการไทยได้สั่งซื้อจากบริษัทต่างๆ โดยเร็ว รวมทั้งอยู่ระหว่างติดต่อกับทำเนียบขาว กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ และประสานกับมิตรประเทศที่ใกล้ชิดอื่นๆ ที่สถานทูตมีความเห็นไปในทางเดียวกัน และกระทรวงต่างประเทศขอบคุณชุมชนไทยทั่วสหรัฐที่สนับสนุนสถานทูตในการผลักดันการเข้าถึงวัคซีนที่สหรัฐไม่ได้ใช้ “เมื่อ 27 ก.ค. พ.ท.แทมมี่ ดักเวิร์ธ วุฒิสมาชิกสหรัฐได้กล่าวในงานสัมมนาหัวข้อโอกาสใหม่สำหรับพันธมิตรสหรัฐ-ไทยในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิก ซึ่งสถานทูตไทยในกรุงวอชิงตันได้จัดร่วมกับสถาบันตะวันออก-ตะวันตก สถาบันนานาชาติศึกษา มหาวิทยาลัยรังสิตเกี่ยวกับการบริจาควัคซีน 1.54 ล้านโดสว่า มีเป้าหมายที่จะบริจาควัคซีนต้านโควิด-19 รวมจำนวน 2.5 ล้านโดสให้ไทย โดยยังไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม ขณะนี้สถานทูตในกรุงวอชิงตันกำลังติดตามพัฒนาการในเรื่องดังกล่าวอย่างใกล้ชิด” นายธานียังกล่าวถึงการขนส่งวัคซีน ไฟเซอร์ที่สหรัฐมอบให้ไทยว่าวัคซีนจำนวน 1.54 ล้านโดสมีกำหนดเดินทางถึงไทยในช่วงเช้าวันที่ 30 ก.ค. นี้ หลังจากที่วัคซีนออกจากสหรัฐเมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา

อังกฤษบริจาคแอสตร้าฯให้ไทย

นายมาร์ก กูดดิ้ง เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เผยว่า อังกฤษจะเริ่มบริจาควัคซีน 9 ล้านโดส เพื่อช่วยรับมือ การระบาดของโควิด-19 ในประเทศต่างๆ โดยแบ่งบริจาคให้โครงการโคแวกซ์ และ อีกส่วนบริจาคโดยตรงให้แต่ละประเทศ รวมทั้งประเทศไทย ซึ่งวัคซีนที่บริจาคจะเริ่มส่งออกจากสหราชอาณาจักรภายในสัปดาห์นี้ โดยมีอินโดนีเซีย จาเมกา และเคนยา เป็นจุดหมายแรก โดยสหราชอาณาจักรให้คำมั่นไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะบริจาควัคซีนทั้งสิ้น 100 ล้านโดสให้ประเทศต่างๆ ภายในเดือนมิ.ย.ปี 2022 จำนวนนี้ 80 ล้านโดสจะมอบให้กับโครงการโคแวกซ์ นายโดมินิก ราบ รมว.การต่างประเทศและการพัฒนาของสหราชอาณาจักรประกาศว่าสัปดาห์นี้อังกฤษจะเริ่มส่งออกวัคซีน โควิด-19 จำนวน 9 ล้านโดส ให้ทั่วโลกเพื่อช่วยรับมือปัญหาการระบาดจำนวนนี้ 5 ล้านโดสจะบริจาคเข้าโครงการโคแวกซ์ เพื่อให้ทั่วโลกเข้าถึงวัคซีนได้อย่างเท่าเทียม โดย โคแวกซ์จะเร่งแจกจ่ายวัคซีนเหล่านี้ให้ประเทศรายได้ต่ำผ่านระบบการจัดสรรอย่างเป็นธรรม ซึ่งให้ความสำคัญกับการจัดหาวัคซีนแก่ผู้ที่มีความจำเป็นมากที่สุดก่อน ส่วนอีก 4 ล้านโดสจะบริจาคให้กับประเทศต่างๆ ที่มีความจำเป็นโดยตรง ประเทศไทยจะได้รับบริจาค 415,000 โดส อินโดนีเซีย 600,000 โดส จาเมกา 300,000 โดส และเคนยา 817,000 โดส โดยวัคซีนที่บริจาคนี้เป็นวัคซีนออกซฟอร์ด- แอสตร้าเซนเนก้า ผลิตโดย Oxford Biomedica และบรรจุในเมืองเร็กซ์แฮม ของเวลส์

‘บิ๊กตู่’ปลื้มอังกฤษให้วัคซีน

นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหมยินดีและขอบคุณรัฐบาลอังกฤษที่บริจาควัคซีนดังกล่าวให้ และให้คำมั่นว่ารัฐบาลไทยจะดำเนินการตามแผนกระจายวัคซีนเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับประชาชน บรรเทาสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรค และนำไปสู่การฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศโดยเร็วที่สุด โดยนายกฯระบุการมอบวัคซีนจาก สหราชอาณาจักรสะท้อนถึงความสัมพันธ์หุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่แน่นแฟ้นระหว่าง 2 ประเทศซึ่งเป็นมิตรประเทศที่มีความร่วมมือกันมายาวนานโดยเฉพาะในด้านสาธารณสุข “นายกฯสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการต่างประเทศ และกระทรวงสาธารณสุขเร่งประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสหราชอาณาจักร เพื่อให้การรับมอบวัคซีนเป็นไปอย่างเรียบร้อยและรวดเร็วที่สุด รวมทั้งให้เตรียมแนวทางพร้อมดำเนินการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 ทันทีเมื่อได้รับวัคซีน”

‘สวิส’ช่วย – รัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ส่งชุดตรวจแอนติเจนเทสต์ สำหรับหาเชื้อ โควิด-19 จำนวน 1.1 ล้านชุด และเครื่องช่วยหายใจอีกจำนวน 102 เครื่อง ช่วยเหลือประเทศไทย ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 29 ก.ค.

สวิสมอบชุดตรวจแอนติเจน

ด้านน.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ช่วงเช้าวันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข เป็นผู้แทนรัฐบาลไทย มอบอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งรัฐบาลประเทศ สวิตเซอร์แลนด์บริจาคแก่รัฐบาลไทย โดยมีนางเฮเลเนอ บุดลีเกอร์ อาร์ทิเอดา เอกอัครราชทูตสวิตเซอร์แลนด์ประจำประเทศไทย เป็นผู้แทนรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์ในการมอบ ทั้งนี้ เวชภัณฑ์ดังกล่าว ประกอบด้วยชุดตรวจ Antigen Test Kit จำนวน 1.1 ล้านชุด และเครื่องช่วยหายใจ (Ventilator) 102 เครื่อง โดยขนส่งมาในเที่ยวบินที่ LX180 สายการบินสวิสแอร์ ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 05.20 น. “นายอนุทินขอบคุณในไมตรีที่รัฐบาล สวิตเซอร์แลนด์มอบแก่ประเทศไทยเสมอมา โดยชุดตรวจ Rapid Antigen Test ที่ได้รับทั้งหมดจะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะใช้แจกจ่ายแก่ประชาชน และเป็นอุปกรณ์ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ในการดำเนินการตรวจเชิงรุกในพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ขณะที่เครื่องช่วยหายใจจะกระจายไปยังโรงพยาบาลที่ยังขาดแคลนอุปกรณ์ต่อไป” น.ส.ไตรศุลีกล่าว

สลด 2 พ่อเฒ่าดับคาบ้าน

เมื่อเวลา 18.00 น. ตำรวจสน.ดินแดง รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตภายในบ้านเลขที่ 183 ซ.ประชาสงเคราะห์ 6 ถ.ประชาสงเคราะห์ แขวงและเขตดินแดง กรุงเทพฯ จึงเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมเจ้าหน้าที่ร่วมกตัญญูชุดปฏิบัติการพิเศษโควิด-19 ที่เกิดเหตุเป็นบ้านพักอาศัยสูง 4 ชั้น มีประตูเหล็กปิดสนิท ภายในพบร่างนายธวัช สุนทีธรรม อายุ 70 ปี และนายหัสดิน สุนทีธรรม อายุ 80 ปี นอนเสียชีวิตมาแล้วหลายวัน ที่โต๊ะกินข้าวชั้นล่างของตัวบ้าน นอกจากนี้ยังพบ นางพัฒนา สุนทีธรรม อายุ 75 ปี มีอาการป่วยจากเชื้อโควิด-19 และยังเป็นผู้ที่เฝ้าศพพี่น้องที่เสียชีวิต ซึ่งทั้งหมดพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่เร่งช่วยเหลือประสานรถกู้ชีพนเรนทรให้มารับตัวไปรักษา จากการตรวจสอบพบว่าทั้ง 3 คนเป็นพี่น้องกันและพักอาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าว โดยญาติที่อยู่บ้านละแวกเดียวกัน ระบุว่าได้กลิ่นเหม็นโชยออกมาจากตัวบ้านตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. ก็ไม่ได้เอะใจอะไร แต่หลังจากนั้นกลิ่นแรงขึ้น จนวันนี้ตัดสินใจบอกเพื่อนบ้านให้ช่วยเหลือ เมื่อเพื่อนบ้านมาถึงพบว่าประตูเหล็กถูกปิดสองชั้น จึงค่อยๆ เปิดประตูเหล็กพับด้านใน ก็ได้กลิ่นเหม็นอย่างรุนแรง เมื่อมองเข้าไปเห็นคนนอนอยู่ ตะโกนเรียกก็ไม่มีเสียงตอบกลับ จึงปรึกษากับญาติที่มาขอความช่วยเหลือ และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ กระทั่งสามารถเปิดเข้าไปในบ้านได้ พบว่า มีป่วยเสียชีวิต 2 ราย อีก 1 รายอาการไม่มีแรง และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เจ้าหน้าที่จึงได้กันพื้นที่เนื่องจากมีความเสี่ยงสูง ก่อนจะนำร่างผู้เสียชีวิตไปยังนิติเวช ร.พ.ตำรวจ และนำตัวผู้ป่วยไปรักษาต่อไป

‘มหาชัย’ป่วยกระฉูด1,175

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่ม 1,175 ราย โดยยอดเกินพันติดต่อกัน 1 สัปดาห์แล้ว เป็นพบผู้ติดเชื้อจากค้นหาเชิงรุก 190 ราย และพบผู้ติดเชื้อที่มาจากการเข้ารับการตรวจในโรงพยาบาลอีก 982 ราย ในจำนวนนี้เป็นคนที่อยู่ในจังหวัดสมุทรสาคร 877 ราย และที่เหลือเป็นคนนอกจังหวัดอีก 105 ราย วันนี้พบผู้ติดเชื้อในกลุ่ม Bubble & Sealed อยู่ในเรือนจำจังหวัดสมุทรสาครอีก 3 คน ผู้ติดเชื้อสะสม 46,025 ราย รักษาหายกลับบ้านแล้ว 29,595 ราย อยู่ระหว่างการรักษา 16,315 ราย และผู้เสียชีวิตเพิ่ม 6 ราย ยอดเสียชีวิตสะสม 115 ราย ด้านพระเทพสาครมุนี เจ้าคณะจังหวัดสมุทรสาคร เจ้าอาวาสวัดเจษฎาราม (พระอารามหลวง) ต.มหาชัย อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เผยว่า วัดต่างๆ ในจ.สมุทรสาครต้องรับเผาศพผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ตามพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราช ตามนโยบายของคณะสงฆ์ ช่วยดูแลญาติโยมต้องเปิดให้เผาศพได้ทุกวัดฟรี

‘ปากน้ำ’ดับวันเดียว32-ป่วย 810

เพจเฟซบุ๊กประชาสัมพันธ์สมุทรปราการ รายงานว่าพบผู้ป่วยรายใหม่ 810 ราย ในพื้นที่ 661 ราย อ.เมือง 345 ราย อ.บางบ่อ 11 ราย อ.บางพลี 135 ราย อ.พระประแดง 122 ราย อ.พระสมุทรฯ 36 ราย อ.บางเสาธง 12 ราย รับมารักษาในจ.สมุทรปราการ 149 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 32 ราย เสียชีวิตสะสม 343 ด้านนายวันชัย คงเกษม ผวจ.สมุทรปราการ เดินทางไปตรวจความพร้อมศูนย์พักคอยผู้ป่วยโควิด-19 เพื่อส่งต่อในการรักษาเทศบาลตำบลบางเสาธง โดยใช้อาคารอเนกประสงค์ศูนย์สามวัย อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เป็นสถานที่พักสำหรับผู้ป่วยโควิดที่มีอาการไม่รุนแรง ก่อนส่งตัวเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาล เพื่อคัดแยกผู้ป่วยโควิดออกจากชุมชน โดยศูนย์พักคอยแห่งนี้สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 125 เตียง

สระแก้วติดเชื้ออีก 94

ส่วนจ.สระแก้ว พบผู้ป่วยยืนยันรายใหม่ 94 ราย มากที่สุดที่อ.อรัญประเทศ 27 ราย วันเดียวกัน ที่ว่าการอำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว นายเกียรติศักดิ์ จันทรา ผู้ว่าฯ สระแก้วเรียกประชุมหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อกำหนดแนวทางเร่งด่วน หลังพื้นที่อ.อรัญประเทศเกิดคลัสเตอร์ใหม่ พบชาวกัมพูชาในตลาดโรงเกลือ ติดเชื้อโควิด 327 ราย ล่าสุดใช้โกดังสินค้า 3 และ 4 บริเวณด้านหลังห้างสตาร์พลาซ่า เป็นโรงพยาบาลสนามกักตัว ขนาด 500 เตียง เรียกว่า โรงพยาบาลสนามสุขเจริญไกรศรี จะใช้เวลาจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ภายใน 1 ถึง 2 วันนี้ คาดว่าจะพร้อมรับตัวชาวกัมพูชาเข้าไปกักกันตัวไม่น่าเกินวันพรุ่งนี้ จะใช้กักตัวเฉพาะชาวกัมพูชาในเขตตลาดโรงเกลือเท่านั้น นายเกียรติศักดิ์กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ปิดกั้นพื้นที่ตลาดสดสายันต์และตลาดผักผลไม้โกลเด้นเกท มีชาวกัมพูชาต้องถูกกักกันพื้นที่อยู่ในตลาดกว่า 800 คน จากนั้นเร่งตรวจหาเชื้อ ก่อนจะมีผลยืนยันติดเชื้อเพิ่มกว่า 100 คน ขณะนี้คลัสเตอร์ตลาดโรงเกลือมีชาวกัมพูชาติดเชื้อแล้ว 327 คน ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่บล็อกทุกเส้นทางเข้าออกตลาดโรงเกลือทั้งหมด มี 4 จุดตรวจหลัก และอีก 15 จุดตรวจย่อย รวม 19 จุดตลอด 24 ชั่วโมง

นครปฐมติดโควิดพุ่ง 379

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครปฐมเผยว่า พบผู้ป่วยระลอกใหม่ 379 ราย เป็นคนไทย 370 ราย และอื่นๆ 9 ราย ยอดป่วยสะสม 12,611 ราย มีผู้เสียชีวิตอีก 5 ราย เสียชีวิตสะสม 140 ราย

ปราจีนบุรีติดโควิดเพิ่ม 196

สำนักงานสาธารณสุขปราจีนบุรี รายงานว่า พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 196 ราย สะสมรวม 3,060 ราย และเสียชีวิตอีก 1 ราย เป็นชายวัย 75 ปี ชาวอ.กบินทร์บุรี สำหรับคลัสเตอร์ใหม่ บริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า ต.หนองกี่ อ.กบินทร์บุรี พบติดเชื้อ 29 ราย ส่วนใหญ่เป็นพนักงานสายการผลิต แต่โรงงานยังเปิดทำการผลิต

กาญจน์ป่วยอีก 175-ดับ2

สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดกาญจนบุรี รายงานว่าพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 175 ราย ป่วยสะสม 3,720 ราย และเสียชีวิตอีก 2 ราย เสียชีวิตสะสมรวม 32 ราย ผู้สำหรับผู้เสียชีวิต เป็นชายอายุ 74 ปี ชาวต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร และชาย อายุ 55 ปี ชาว ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน ทั้งสองรายไม่มีโรคประจำ

อยุธยาตาย 8-ป่วยเพิ่ม 354

นพ.พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า จ.พระนครศรีอยุธยาพบผู้ป่วยติดเชื้อเพิ่ม 354 ราย มีผู้ป่วยสะสม 7,838 ราย มีผู้ป่วยรักษาตัวหายแล้ว 3,762 ราย ยังรักษาอยู่ 4,013 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่ม 8 ราย ที่อ.วังน้อย 3 ราย หญิงไทย อายุ 45 ปี มีโรคประจำตัวหอบหืด หญิงไทย อายุ 84 ปี เป็นผู้ป่วยจิตเวช หญิงไทย อายุ 39 ปี มีโรคประจำตัว โรคอ้วน โรคไวรัส ตับอักเสบบี ที่อ.พระนครศรีอยุธยา 1 ราย หญิงไทย อายุ 83 ปี มีโรคประจำตัว โรคความดันโลหิตสูง โรคโลหิตจาง โรคตับ อ.บางปะอิน 1 ราย หญิงไทย อายุ 86 ปี มีโรคประจำตัว ความดันโลหิตสูง อ.อุทัย 1 ราย ชายไทย อายุ 45 ปี มีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคอ้วน และอ.มหาราช 2 ราย หญิงไทยอายุ 94 ปี มีโรคประจำตัว ไขมันในเส้นเลือด โรคความดันโลหิสูง และหญิงไทย อายุ 72 ปี มีโรคประจำตัว เบาหมาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ

ชลบุรีนิวไฮป่วย 982-ตาย 8

สาธารณสุขจังหวัดชลบุรีรายงานว่า พบ ผู้ติดเชื้อเพิ่ม 982 ราย ยอดป่วยสะสม 23,506 ราย กำลังรักษาตัว 10,989 ราย หายป่วย 12,403 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 8 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสม 114 ราย โดยพบผู้ติดเชื้อกระจาย 10 อำเภอ มากสุดที่อ.บางละมุง 228 ราย อ.ศรีราชา 221 ราย อ.บ้านบึง 142 รายอ.เมืองชลบุรี 149 ราย อ.พานทอง 64 ราย อ.สัตหีบ 30 ราย อ.พนัสนิคม 57 ราย อ.บ่อทอง 11 ราย อ.เกาะจันทร์ 12 ราย อ.หนองใหญ่ 3 ราย ล่าสุดนายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าฯ ชลบุรี มีคำสั่งปิดสถานประกอบการเพิ่ม 1 แห่ง คือบริษัท หวั่นหลิน (ประเทศไทย) เป็นโรงงานผลิตชิ้นส่วนโลหะที่เป็นสแตนเลส ตั้งอยู่หมู่ 3 ต.บ้านบึง อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี ตั้งแต่วันที่ 29-31 ก.ค. 2564

กทม.เพิ่มร.พ.สนาม 7 จุด

ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกทม.แถลงว่า ปัจจุบันจัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ จำนวน 59 แห่ง อยู่ในพื้นที่ 50 เขต เปิดให้บริการแล้ว จำนวน 26 แห่ง รองรับผู้ป่วยได้ทั้งสิ้น 7,368 เตียง (ข้อมูล ณ วันที่ 28 ก.ค. 64 เวลา 20.20 น.) เพื่อเพิ่มศักยภาพในการรักษารองรับผู้ป่วยที่มีจำนวนเพิ่มขึ้น จึงปรับศูนย์พักคอยเป็นโรงพยาบาลสนาม 7 แห่ง ดังนี้ 1.ศูนย์สร้างสุขทุกวัยจตุจักร เขตจตุจักร 120 เตียง 2. อาคารวิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการเจ้าพระยา เขตราชเทวี 170 เตียง 3.วัดสุทธิวราราม เขตสาทร 106 เตียง 4.ร้านจงกั๋วเหยียน เขตลาดกระบัง 200 เตียง 5.ศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เขตมีนบุรี 200 เตียง 6.วัดศรีสุดาราม (อาคารศาลาวิจิตร รัตนศิริ วิไล) เขตบางกอกน้อย 90 เตียง และ 7.ศูนย์สร้างสุขทุกวัยบางแค (เรืองสอน) 150 เตียง รวม 1,036 เตียง สำนักงานเขตบางกอกน้อย และโรงพยาบาลราชพิพัฒน์ สำนักการแพทย์ ร่วมกับวัดศรีสุดารามวรวิหารกำหนดให้บริการฉีดวัคซีนเชิงรุกแก่พระ สัปเหร่อ และมัคนายก ตลอดจนบุคลากรอื่นๆ ของวัด ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลผู้ป่วยโควิด-19 เป็นสถานที่จัดตั้งศูนย์พักคอยเพื่อส่งต่อ ตลอดจนการจัดการฌาปนกิจศพ เริ่มดำเนินการวันที่ 30 ก.ค. 64 โดยนำร่องในพื้นที่กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ และกลุ่มเขตกรุงธนใต้ 15 เขต รวม 221 วัด ประกอบด้วย กลุ่มเขตกรุงธนเหนือ 8 เขต ได้แก่เขตคลองสาน 8 วัด เขตจอมทอง 17 วัด เขตตลิ่งชัน 29 วัด เขตทวีวัฒนา 4 วัด เขตธนบุรี 25 วัด เขตบางกอกน้อย 32 วัด เขตบางกอกใหญ่ 14 วัด เขตบางพลัด 23 วัด รวมจำนวน 152 วัด และกลุ่มเขตกรุงธนใต้ 7 เขต ประกอบด้วย เขตทุ่งครุ 4 วัด เขตบางขุนเทียน 16 วัด เขตบางบอน 3 วัด เขตบางแค 5 วัด เขตภาษีเจริญ 27 วัด เขตราษฎร์บูรณะ 7 วัด และเขตหนองแขม 7 วัด รวมจำนวน 69 วัด และจะขยายการฉีดวัคซีนให้แก่พระ สัปเหร่อ และมัคนายกในพื้นที่กลุ่มเขตอื่นๆ ต่อไป ขณะเดียวกันสำนักอนามัย ได้ออกข้อปฏิบัติในการจัดการศพผู้เสียชีวิตด้วยโรคโควิด สำหรับผู้ปฏิบัติงานฌาปนสถาน โดยจะดำเนินการให้ความรู้และคำแนะนำในการฌาปนกิจผู้ป่วยโควิด-19 อย่างถูกวิธี ให้กับพระและสัปเหร่อ ตลอดจนผู้มีหน้าที่จัดการพิธีศพ เพื่อความปลอดภัยแก่ผู้ปฏิบัติงาน และลดความเสี่ยงในการแพร่กระจายเชื้อโรคโควิด-19

กทม.เร่งฉีด 5 แสนโดสจบก.ค.นี้

พญ.ป่านฤดี มโนมัยพิบูลย์ ผอ.สำนักอนามัย กทม. กล่าวว่า การบริหารจัดการวัคซีนโควิด 19 ของกทม.นั้น คณะกรรมการโรคติดต่อ กทม.ตั้งคณะอนุกรรมการบริหารจัดการวัคซีน ซึ่งเราดำเนินการสอดคล้องกับนโยบายสธ. ตอนนี้คือเน้นฉีดกลุ่ม 608 คือ ผู้สูงอายุ 60 ปี 7 โรคเรื้อรัง และหญิงตั้งครรภ์ เราหากลยุทธ์มาบริการกลุ่มนี้เพื่อครอบคลุมเป้าหมายที่กำหนดสิ้นก.ค.กลุ่มนี้ให้ได้อย่างน้อย 70% พญ.ป่านฤดีกล่าวว่า คณะอนุกรรมการให้แผนการบริการวัคซีนกับทาง ร.พ.ทุกสังกัดที่ร่วมมือกับกทม.รวม 132 แห่ง อีกส่วนเพื่อให้บริการควบคุมโรคในจุดต่างๆ ที่มีการระบาด ที่ผ่านมาได้ดำเนินการในหลายชุมชน สนับสนุนวัคซีนจุดฉีด 25 แห่งที่ร่วมมือกับหอการค้าแห่งประเทศไทย และเร่งฉีดผู้สูงอายุให้มากที่สุด และหน่วยเชิงรุก CCRT ลงบริการในชุมชนจัดตั้ง ซึ่งตั้งเป้าไว้ 2,016 ชุมชนให้เสร็จในวันที่ 31 ก.ค.นี้

คิวยาว – ชาวแปดริ้วแห่เข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด คิวยาวเหยียดล้นทะลักไป ถึงสะพานลอยเชื่อม ต่ออาคาร โดยมหา วิทยาลัยราชภัฏ ฉะเชิง เทรา เปิดวอล์ก อินทั้งประชาชนทั่วไป, กลุ่มเปราะบาง และพระสงฆ์ เมื่อ 29 ก.ค.

แปดริ้วแห่ฉีดวัคซีน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 04.00 น. ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ จ.ฉะเชิงเทรา มีประชาชนจำนวนมากเดินทางมารอลงทะเบียนขอรับการฉีดวัคซีนป้องกันแบบวอล์กอิน ซึ่งจ.ฉะเชิงเทราเปิดให้ประชาชนที่พักอาศัยภายในเขตพื้นที่อ.เมืองฉะเชิงเทราที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีน มาขอรับการฉีดวัคซีนได้ 2,000 คน รวมถึงผู้ที่แพทย์นัดฉีดวัคซีนที่เคยลงทะเบียนไว้ก่อนหน้านี้ หรือผู้ที่มีนัดฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ขณะที่ประชาชนต่างอำเภอและประชาชนแฝงที่ทราบข่าวว่า มหาวิทยาลัยราชภัฏเปิดฉีดวัคซีนแบบวอล์กอินจึงแห่กันมาจำนวนมาก โดยไม่รู้ว่ามีเงื่อนไขต้องเป็นคนที่มีภูมิลำเนาในเขตพื้นที่อ.เมืองฉะเชิงเทราเท่านั้น ขณะเดียวกันมีประชาชนที่มีภูมิลำเนาในเขตอ.เมืองฉะเชิงเทรา แต่ไปทำงานในต่างอำเภอ และต่างจังหวัด พอทราบข่าวก็รีบเดินทางมาขอรับการฉีดวัคซีนครั้งนี้ด้วย เจ้าหน้าที่ต้องเปิดจุดพักคอยเพื่อรอลงทะเบียนตามจุดต่างๆ และบนอาคารเรียนกว่า 10 จุด โดยวัคซีนที่จะฉีดวันนี้ คือแอสตร้าเซนเนก้า และซิโนแวค ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเดียวกันตั้งแต่เช้า มีประชาชนที่ลงทะเบียนผ่านร.พ.พุทธโสธร และมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ทยอยเดินทางมาฉีดวัคซีน โดยมีทั้งประชาชนทั่วไป กลุ่มเปราะบาง และพระภิกษุ

กทม.เร่งเจรจาซื้อ‘โมเดอร์นา’

ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกทม. แถลงว่า สถาการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในกรุงเทพฯ ถือว่าค่อนข้างวิกฤตตั้งแต่ต้นเดือนก.ค. โดยช่วง 1-2 วันนี้ ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นวันละ 3,000 กว่ารายกทม.พยายามกดตัวเลขผู้ติดเชื้อให้ได้มากที่สุด โดยมาตรการล็อกดาวน์ยังถือว่ามีความจำเป็น ส่วนการฉีดวัคซีนกลุ่มเสี่ยง ไล่ตามลำดับคือบุคลากรทางการแพทย์ มูลนิธิ พระ และสัปเหร่อ ซึ่งบางส่วนได้ฉีดแล้ว กทม.พยายามประชาสัมพันธ์ และวันที่ 30 ก.ค. ทางกทม. จะเข้าไปประชาสัมพันธ์ เพื่อเข้าไปฉีดวัคซีนให้ได้ 221 วัด และเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ถัดไป ซึ่งไม่ใช่แค่สัปเหร่อ แต่เป็นทุกคนที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการเผาศพ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมในศาสนาอื่นๆ ด้วย นอกจากนี้ยังพยายามประชาสัมพันธ์ไปยังวัดต่างๆ กรณีการเผาศพผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งขณะนี้วัดส่วนใหญ่ค่อนข้างเข้าใจ และพร้อมที่จะดำเนินการเผาศพ ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่กทม. จะจัดซื้อวัคซีนเอง ร.ต.อ.พงศกรกล่าวว่า สธ.แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ วัคซีนที่รัฐจัดหา และวัคซีนทางเลือก กทม.มีความพร้อมและจัดซื้อวัคซีนทางเลือกแล้วบางส่วน อย่างซิโนฟาร์ม ใช้ในการฉีดในกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง และอยู่ระหว่างการพูดคุยเรื่องการจัดซื้อโมเดอร์นาในลำดับถัดไป ส่วนการกระจายวัคซีนคงไม่มีการปรับแผน โดยกทม.ทำตามนโยบายมาตลอด เร่งฉีดกลุ่มผู้สูงอายุและ 7 กลุ่มโรค และผู้ที่มีความเสี่ยง และมีเป้าหมายฉีดให้ครอบคลุมร้อยละ 70 ซึ่งศักยภาพของศูนย์ฉีดได้ 7-8 หมื่นต่อวัน หากได้วัคซีนเพิ่มเราก็มีศักยภาพที่จะฉีดเพิ่มได้ ส่วนกลุ่มที่ไปรอฉีดสถานีกลางบางซื่อจำนวนมาก

สธ.วอนลดออกนอกบ้าน

นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า การล็อกดาวน์ครั้งนี้ไม่เหมือนการล็อกดาวน์ เพราะรถยังเยอะมาก อาจต้องลดการออกจากบ้าน ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ซึ่งระบบควบคุมโรคเราพยายามช่วยกันอยู่ ถ้าแยกผู้ติดเชื้อออกมาได้เร็วที่สุด ไม่ว่าจะผ่านการแยกกักที่บ้าน การแยกกักที่ชุมชน ฮอสปิเทล หรือ ร.พ. การแพร่เชื้อจะลดลง ขณะนี้บุคลากรหน้างานยินดีทำงานอย่างเต็มที่ แต่ตอนนี้เจอหลายสภาวะคือผู้ป่วยล้นเตียง ตอนนี้ร.พ.ใหญ่ๆไอซียูล้น มี 10 เตียง เข้า 12 เตียง การฉีดวัคซีนจะลดการเสียชีวิตได้ดีที่สุด จึงเชิญชวนมาฉีดวัคซีนให้มีความครอบคลุม อัตราการเสียชีวิตจะน้อยลง นพ.สมศักดิ์กล่าวต่อว่า ส่วนสถานการณ์เตียงนั้น ถ้าผู้ป่วยใน กทม.เกินพันก็แย่แล้ว วันนี้ยอดทั่วประเทศ 1.7 หมื่นคน เป็นกทม. 4-5 พันคน เรียนตรงๆ เตียงไม่พอทั้งสีเหลือง สีแดงตอนนี้เต็มหมด จะมีสีเขียวที่ว่างตามฮอสปิเทล เพราะเราทำ Home Isolation ซึ่งก็มีปัญหาเรื่องซัพพลายยา โดยหลายฝ่ายกำลังช่วยกันอยู่ ซึ่งเตียงในกทม.หากมีผู้ป่วย 3-4 พันก็เกินรองรับมาแล้ว 3 เท่า ตอนนี้เพิ่มเกินลิมิตเป็น 5 เท่า เห็นแผนที่สีแดงที่คนกดขอความช่วยเหลือ ต้องขออภัยจริงๆ หน้างานไม่ไหวจริงๆ นำเข้าไปก็ไม่รู้จะให้ไปนอนที่ไหน ฉุกเฉิน (ER) หลายร.พ.บางครั้งต้องปิดชั่วคราว เพราะไม่มีที่แม้กระทั่งการตั้งเตียง

ศูนย์บางซื่อ – ประชาชนรอฉีดวัคซีนโควิด ที่สถานีกลางบางซื่อ กทม. โดย เจ้าหน้าที่จัดระเบียบใหม่ให้เข้าคิวรอด้านนอกอาคาร แต่จำนวนคนที่เดินทางมามีจำนวนมากทำให้เกิดการแออัด เมื่อ 29 ก.ค.

ขอโทษศูนย์กลางบางซื่อแออัด

นพ.สมศักดิ์กล่าวถึงการจัดบริการศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อว่า ศูนย์นี้เป็นความร่วมมือ โดยกระทรวงคมนาคมให้ใช้สถานที่ กระทรวงสาธารณสุข ไปจัดบริการเรื่องฉีดวัคซีน ต้องกราบขออภัยประชาชน 2 เรื่อง คือ 1.การปรากฏภาพความแออัดที่ทำให้ประชาชนไม่สบายใจในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซึ่งมาจากการเปิดออนไซต์ ให้ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้มีน้ำหนักมากเกิน 100 ก.ก. และหญิงตั้งครรภ์วอล์กอินเข้ามารับการฉีดวัคซีน เลยจัดเวลาไม่ได้ แต่วันนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว และ 2.การเปิดลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ 4 ราย เพื่อรับการฉีดวัคซีนเมื่อเช้าวันนี้ตอน 09.00 น. แต่มีการเปลี่ยนแปลงนโยบาย จำนวนการมาเติมวัคซีน จึงพูดคุยภายในและต้องเลื่อนการเปิดลงทะเบียนเป็นเวลา 11.00 น. จึงต้องขออภัยในความไม่สะดวก นพ.สมศักดิ์กล่าวอีกว่า กทม.มีหน่วยบริการฉีดวัคซีนทั้งรัฐ เอกชน หรือในห้างสรรพสินค้า เป็นต้น แต่ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อเป็นการฉีดแบบเก็บตกให้แก่ 1.ผู้ที่มีภูมิลำเนาในกทม. 2.ผู้ที่ทำงานในกทม.ที่มีภูมิลำเนาอยู่ต่างจังหวัด 3.ผู้สูงอายุในกทม.และปริมณฑลมีภูมิลำเนาชัดเจน 4. ผู้ไร้บ้าน และ5.เมื่อฉีดวัคซีนครอบคลุมคนไทยก็จะมีการฉีดให้ชาวต่างชาติ ซึ่งเปิดไปเมื่อ 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเน้นชาวต่างชาติที่มีอายุเกิน 60 ปีที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทยอย่างถูกกฎหมาย นี่เป็นนโยบายที่พยายามเก็บตกในพื้นที่กทม.และปริมณฑลในกลุ่มผู้สูงอายุ ส่วนแนวทางลดความแออัดเราเปิดประตูศูนย์ให้เร็วขึ้น จาก 09.00 น. คนที่ลงทะเบียนมาแล้วปัจจุบันไม่ต้องวัดความดัน ยกเว้นคนไม่สบายใจหรือมีปัญหาความดันโลหิตก็วัดได้ ปรับระบบการเข้าแถวให้ไปในทิศทางเดียวกัน ให้หางแถวซ้อนกัน ย้ายที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ เน้นการยืนบนสติ๊กเกอร์ 2,400 จุด เมื่อถามถึงการลงทะเบียนผ่านระบบเครือข่ายมือถือ 4 ค่ายล่ม กรอกข้อมูลไม่ได้ นพ.สมศักดิ์กล่าวว่า ต้องขออภัยช่วงแรกที่วางแผน 09.00 น. เมื่อมีนโยบายเรื่องการสนับสนุนวัคซีนเปลี่ยนไป ซึ่งเราเน้นกลุ่มสูงอายุและ 7 โรค ส่วนอายุ 18-60 ปี อาจไม่ได้เป็นจุดเน้น มีโควตาให้ไม่มาก เลยปรับเปลี่ยนเล็กน้อย 4 ค่ายมือถือต้องปรับระบบภายใน จึงต้องหารือกันและเปิด 11.00 น. ส่วนระบบล่มไม่ทราบ เพราะโอเปอเรเตอร์ดำเนินการ

ยะลาวอล์กอิน – ชาวยะลาแห่เข้ารับการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ป้องกันเชื้อโควิด ที่อาคารศรีนิบงภายในศูนย์เยาวชนเทศบาลนคร อ.เมือง จ.ยะลา ตามที่ร.พ.ยะลาเปิดให้วอล์กอินเป็นวันแรก เมื่อวันที่ 29 ก.ค.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน