‘เจ้าเฟี้ยว’ก็ไม่ได้ลุ้น! เหลือ‘แต้ว’ความหวัง

ส่งแรงใจเชียร์ทีมไทยโอลิมปิกเกมส์วันนี้ ‘กัปตัน’ นักแม่นปืนหนุ่มไทยวัย 17 ลุ้นเข้ารอบชิงชนะเลิศยิงปืนสั้น ลงสนามช่วงเช้า ส่วนตอนบ่ายเชียร์ มิ้น- อาริย์ณัฏฐา นัท-กรธวัช และ บอมบ์-วีรภัฏ 3 นักกีฬาขี่ม้าไทย ขณะที่ เจ้าเฟี้ยว-จุฑามาศ นักมวยหญิงร่ำไห้พ่ายเต็งหนึ่งของรายการจากตุรกีตกรอบ 8 คนสุดท้าย ลั่นคู่แข่ง อย่ารีบเลิกอีก 4 ปีขอล้างตา ‘เจ้าสด’ ฉัตร์ชัยเดชา ก็ปิดฉากทีมชาติแพ้สูสีนักชกคิวบาเจ้าของแชมป์โลก 3 สมัย เมื่อวันที่ 1 ส.ค. มวยสากลสมัครเล่น ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก ที่เวทีเรียวโกกุ โกกูกิคัง กรุงโตเกียว 2020 ประเทศญี่ปุ่น เป็นการแข่งขันรอบ 8 คนสุดท้าย “เจ้าสด” ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี ความหวังทีมกำปั้นไทยขึ้นสังเวียนพบอัลวาเรซ ลาซาโร นักชกคิวบา รุ่น 57 ก.ก.ชาย ฉัตร์ชัยเดชา จอมเก๋าวัย 36 ปี จาก อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว สูง 166 ซ.ม. ทำศึกโอลิมปิกเกมส์เป็นสมัยที่ 3 ผลงานสุดสวยในทัวร์นาเมนต์นี้ ชนะปีเตอร์ แม็กเกรล (อังกฤษ) รอบ 32 คน, ชนะเมียโก คูเอลโญ (อาร์เจนตินา) รอบ 16 คน ก่อนเข้ามาพบลาซาโร นักชกคิวบา อันตรายในไฟต์นี้ ด้านลาซาโร อัลวาเรซ อายุ 30 ปี นักชกคิวบา อดีตแชมป์เวิลด์ แชมเปี้ยนชิพ 3 สมัย, เหรียญทองแดง โอลิมปิก 2 สมัย ชนะมา 175 (น็อก 13) แพ้ 30 ครั้ง สูง 172 ซ.ม. ได้บายรอบแรก จากนั้นชนะอาร์เอสซี ดานิยัล ซาห์บักห์ จากอิหร่าน ยกแรก ก่อนเข้ามาพบกับนักชกไทยในไฟต์นี้ ฉัตร์ชัยเดชาขึ้นเวทีทางมุมน้ำเงิน ส่วน อัลวาเรซทางมุมแดง ทั้งคู่เป็นมวยถนัดซ้าย (เซาธ์ปอว์) ชิงจังหวะสองด้วยกันทั้งคู่ แต่นักชก คิวบาได้เปรียบส่วนสูง และช่วงชกกว่า เห็นได้ชัด ทั้งคู่นั้นเคยลงนวมพบกันมา หลายครั้ง จึงรู้เชิงกันเป็นอย่างดี เริ่มยกแรก สดกระแทกแย็บขวาทักทายก่อน ขณะที่ อัลวาเรซปักหลักกลางเวทีรอจังหวะสอง ผ่านไปครึ่งทางฉัตร์ชัยเดชาแย็บซ้ายเข้าหน้าจังๆ ได้หนึ่งทีเรียกเสียงเชียร์ฝ่ายไทยดังลั่นเวที และเป็นนักชกไทยที่ยิงหมัดหนึ่งสองก่อนถอยฉากออกข้าง บีบให้อัลวาเรซต้องเร่งเดิน แต่ทำอะไรนักมวยไทยไม่ถนัด ปลายยกเป็นนักชกคิวบาเร่งจี้มากขึ้น ทว่าหมดยกแรก คะแนนกลับให้อัลวาเรซนำอยู่ 3-0 เสียง ยกสอง อัลวาเรซยิงหมัดทักทายก่อน แต่สดโต้ด้วยซ้ายตรง ก่อนบวกกันคนละหมัด นักชกคิวบาเริ่มขยับล่อหลอกทิ้งการ์ดแล้วยิงหนึ่งสองเดินเข้าใส่ ฉัตร์ชัยเดชากอดหมัดก่อนทิ้งซ้ายตรง ต่างฝ่ายแลกหมัดกันคนละทีอย่างสนุกสูสี แต่จังหวะก่อนจากเป็นหมัดของมวยคิวบา ผ่านไปกลางยกสอง คิวบา เริ่มหันมาวนหมุนไปรอบๆ เวทีบ้าง และเป็นฉัตร์ชัยเดชาที่ดักจังหวะสองทิ้งซ้ายตรง แต่โดนกัน คนละหมัด ปลายยกเป็นนักชกคิวบาทิ้งซ้ายเต็มหน้าได้อีกหมัด คะแนนจากผู้ตัดสินให้ทั้งคู่ยังสูสี ผลัดกันนำข้างละ 2 เสียง และเสมอ 1 เสียง ถือว่าคู่คี่สูสีที่สุด ยกสุดท้ายต้องชิงดำ คิวบาเร่งเดินสาวหมัดหนึ่งสอง นักชกไทยรอบวกทิ้งซ้ายเช่นกัน ต่างฝ่ายผลัดกันแลกออกหมัดสูสีคู่คี่ กลางยกฉัตร์ชัยเดชาทิ้งซ้ายเต็มหน้าได้จะแจ้ง ก่อนล้วงลำตัวใส่อัลวาเรซ แต่โดนสวนหมัดหนึ่งสองด้วยเช่นกัน ช่วงท้ายยกสถานการณ์ยิ่งกดดันทั้งคู่ ฉัตร์ชัยเดชาเร่งยิงหมัดแย็บขวาต่อยซ้าย อัลวาเรซเร่งเดินเข้าใส่ ต่างฝ่ายแลกหมัดกันแบบหายใจรดต้นคอ ปลายยกฉัตร์ชัยเดชายิงหมัดซ้ายก่อนจบได้เต็มหน้าอีกหมัด ทว่าครบกำหนด 3 ยก ผู้ตัดสินกลับให้ฉัตร์ชัย เดชาแพ้คะแนนไปแบบไม่เอกฉันท์ 2-3 เสียง ทำให้นักชกไทยพลาดได้เหรียญทองแดงไปอย่างน่าเสียดาย

พ่ายสูสี – ฉัตร์ชัยเดชา บุตรดี (น้ำเงิน) นักชกทีมชาติไทย เดินลุยแลกหมัดกับ ลาซาโร อัลบาเรซ จากคิวบา ก่อนครบ 3 ยก พ่ายไปหวุดหวิด 2-3 เสียง ตกรอบ 8 คนสุดท้าย มวยสากลโอลิมปิกเกมส์ โตเกียว 2020 เมื่อวันที่ 1 ส.ค.

ฉัตร์ชัยเดชา วัย 36 ปี เปิดเผยด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า พอหมดยกแรกยังเชื่อว่าผมมีโอกาส และพยายามเต็มที่ คิดตลอดเกม แต่ประสบการณ์ มวยสูสีชั่วโมงบินพอๆ กันคือ 3 โอลิมปิกเกมส์ ใครเดินก็มีโอกาสเสียทรงมวยจะเสียคะแนนได้ ในยก 3 ฮึดเต็มที่สุดๆ แล้วจริงๆ ยอมรับว่านี่คือไฟต์สุดท้ายในสีเสื้อทีมชาติ แม้จะเจ็บปวดที่ต้องอำลาแบบนี้ แต่ก็ต้องขอบคุณทุกกำลังใจ โดยเฉพาะครอบครัว “ผมไม่เสียใจ ที่ต้องชกไฟต์สุดท้ายในนาม ทีมชาติ เพราะผมได้สู้อย่างสุดความสามารถ ขอบคุณครอบครัว ภรรยา และลูกๆ ที่ให้กำลังใจ เคียงข้างกันเสมอ ผมคงพอแล้วในการเล่นทีมชาติ ไม่เคยเสียดาย และภูมิใจทุกไฟต์ที่ทำให้คนไทยมีความสุข ได้เชียร์ผม ขอบคุณทุกกำลังใจ ไม่ว่าผมแพ้หรือชนะ” เจ้าสด-ฉัตร์ชัยเดชากล่าว ขณะที่รุ่น 51 กิโลกรัมหญิง “เจ้าเฟี้ยว” จุฑามาศ จิตรพงศ์ มวยถนัดขวา อายุ 23 ปี ที่ชนะไอริช แม็กโน มวยฟิลิปปินส์ ขาดลอย 5-0 ในรอบที่ผ่านมา ขึ้นเวทีพบกับคากิโรกลู บูเซนาซ จากตุรกี เต็งหนึ่งของรายการ โดย “เจ้าเฟี้ยว” เคยแพ้มาแล้ว เริ่มยกแรก จุฑามาศเป็นฝ่ายเดินต่อยทำคะแนนได้อย่างยอดเยี่ยม ชกเข้าเป้าชัดๆ อย่างแม่นยำ เข้าสู่ยกที่สอง ยังคงเดินต่อยทำคะแนนต่อเนื่อง ขณะที่สาวตุรกีรอดักจังหวะสองได้ดี ยกสุดท้ายจุฑามาศที่คะแนนตามหลัง เร่งเครื่องเดินชกทำคะแนน ขณะที่บูเซนาซโชว์เก๋าเดินรอดักจังหวะสองได้ดี ครบ 3 ยก ปรากฏว่าจุฑามาศพ่ายไป 0-5 คะแนน (27-30, 28-29, 27-30, 27-30 และ 27-30) หยุดเส้นทางโอลิมปิกครั้งนี้ไว้เพียงรอบ 8 คนสุดท้าย ภายหลังการชก “เฟี้ยว” จุฑามาศ นักชกจาก พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช เผยว่า พยายาม เต็มที่แล้ว แต่น่าเสียดายที่ทำได้เพียงแค่นี้ โดยยกแรกสามารถขึ้นนำจะทำให้ต่อยฟรีกว่านี้ แต่เมื่อยกแรกมีแต้มตามต้องเปลี่ยนเกม และต้องเสี่ยงไปเข้าทางคู่แข่งหมด เพราะคู่ชกไม่เดิน อยู่แล้ว ไฟต์นี้ตื่นเต้น อารมณ์เหมือนขึ้นชกไฟต์แรก พยายามนิ่งแล้ว ส่วนโอลิมปิกเกมส์หนหน้าที่ปารีส 2024 หากมีโอกาสได้ไปอีกครั้ง จะกลับมาทำให้ดีกว่าเดิม ใครที่แพ้ไว้จะกลับมา แก้ให้ชนะให้ได้ คู่ชกทุกคนอย่าเพิ่งเลิก เดี๋ยวต้อง เจอกันอีกจะกลับไปซ้อม ตั้งใจซ้อมให้ดีขึ้น เสียใจที่ทำได้ไม่ดีเท่าที่ทางบ้านหวัง “หนูแค่อยากพิสูจน์ว่าถึงเราไม่ได้คัดติด ได้มาแค่ตามอันดับ เพราะแข่งคัดเลือกไม่ได้ในวิกฤตโควิด แต่อยากพิสูจน์ให้โค้ชภูมิใจ เราไม่มีพรสวรรค์ เราทำได้ มีแค่ความขยัน อยากให้ทางบ้านชื่นใจว่ามีลูกหลานเก่ง มีน้องเก่ง ขอโทษที่ทำได้แค่นี้ ถ้ามีโอกาสอีกจะทำให้ดีขึ้น จากคนที่ไม่มีชื่อเสียงก็เป็นคนรู้จัก” เฟี้ยว-จุฑามาศ เผยทั้งน้ำตา จากความพ่ายแพ้ครั้งนี้ ทำให้ทีมกำปั้นไทย เหลือความหวังสุดท้ายที่ “เจ้าแต้ว” สุดาพร สีสอนดี นักชกหญิงที่จะขึ้นชกในรอบ 8 คนสุดท้ายรุ่นไลต์เวต น้ำหนักตัวไม่เกิน 60 ก.ก. กับ ดูบอยส์ แคโรไลน์ จากสหราชอาณาจักร ในวันที่ 3 ส.ค. ขณะที่กำหนดการแข่งขันในวันที่ 2 ส.ค. เข้าสู่การชิงเหรียญเป็นวันที่ 10 ของการแข่งขัน มีการชิงทั้งหมด 22 เหรียญทอง จากกรีฑา 5 เหรียญทอง ยิมนาสติก มวยปล้ำ กีฬาละ 3 เหรียญทอง แบดมินตัน ขี่ม้า เรือใบ ยิงปืน ยกน้ำหนัก กีฬาละ 2 เหรียญทอง และจักรยาน 1 เหรียญทอง สำหรับทัพนักกีฬาไทย รอลุ้น “กัปตัน” อิสรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร์ แม่นปืนหนุ่มไทย วัย 17 ปี ยิงปืนสั้นยิงเร็ว 25 เมตร รอบคัดเลือก วันที่ 2 เริ่มเวลาไทย 06.30 น. ถ้าผลงานดี มีโอกาสเข้ารอบชิงชนะเลิศ วันเดียวกัน เวลา 12.30 น. ส่วนขี่ม้า อีเวนติ้ง “มิ้น” อาริย์ณัฏฐา ชวตานนท์ “นัท” กรธวัช สำราญ และ “บอมบ์” วีรภัฏ ปิฏกานนท์ ส่งท้ายประเภทกระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง เวลา 15.00 น. ทั้งนี้ การแข่งขันขี่ม้า ประเภทอีเวนติ้ง วันที่ 3 ประเภทครอสคันทรี ต้องรอเช็กสุขภาพของม้าอีกครั้ง หลังทั้งสามแข่งไม่จบในประเภทครอสคันทรี ไฮไลต์กีฬาในโตเกียวเกมส์ยังมี ฟุตบอลหญิง รอบรองชนะเลิศ คู่แรก สหรัฐอเมริกา พบ แคนาดา เวลา 15.00 น. และอีกคู่ ออสเตรเลีย เจอ สวีเดน เวลา 18.00 น.

ติดตามข่าวสด

ข่าวเด่นประจำวัน